ความคิดเห็นที่ 1 รักจริงไม่ต้องขอ รักหลอกๆขอเยอะๆไม่ช่าย ก็อธิบายไปตามตรงสิครับแค่เป็นพิธี ยังไงพ่อแม่คุณก็คืนให้หมดไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : Osk119N.i.t@japan - [ 16 ต.ค. 51 22:00:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แฟนเราอ่านเจอในเน็ตว่าคนไทยแต่งงาน ค่าสินสอดห้าหมื่น  ตามนั้น ฮุฮุ จากคุณ : meaw_1985 - [ 16 ต.ค. 51 22:42:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุยตรงๆค่ะ ตอนดิฉันก็คุยตรงๆ เพราะในทันที่ที่ตัดสินใจว่าจะมีอนาคตกับผู้ชายคนนี้ก็ เริ่มบอกตรงๆเกี่ยวขั้นตอนการแต่งงานของบ้านเรา คบกันราวสี่ปีครึ่ง แฟนก็ เริ่มรู้อย่างคร่าวๆตั้งแต่ปีที่สองแล้วว่าหากจะแต่งงานที่ไทย จะต้องทำอย่าง ไร เวลาที่เหลือคืออดออม.... สำคัญสุด คือ ตัวคุณเองมีทัศนคติยังไงกับประเพณี "สินสอดทองหมั้น" หาก คุณคิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย ขายลูกสาวกิน แฟนคุณก็จะคิดไม่ต่างจากคุณ หากคุณคิดว่าเป็นสิ่งที่สมควร แฟนคุณก็จะยอมรับ เข้าใจ และปฏิบัติตาม ประเพณีนี้อย่างเคารพ ตัวคุณจะเป็นกระจกสะท้อนวัฒนธรรม และประเพณีไทยได้ดีที่สุดในทุกๆ เรื่องสำหรับแฟนของคุณค่ะ คบหาดูใจกันมาถึงขั้นจะแต่งงาน ก็ย่อมเรียนรู้ นิสัยใจคอกันในระดับหนึ่ง หากจำนวนเงินไม่เท่าไรถึงกับจะทำให้ฝ่ายชาย มองคุณในแง่ลบ เทียบกับทั้งชีวิตที่คุณต้องเสียสละมาอยู่ต่างบ้านต่าง เมือง... คุณพ่อคุณแม่ฝ่ายชายจะมีทัศนคติกับเรื่องนี้อย่างไร ขึ้นอยู่กับทัศนคติและ วิธีการของลูกชายท่านจะอธิบายค่ะ (ลูกชายคิดบวก ท่านก็คิดบวก / ลูก ชายคิดลบ ท่านก็คิดลบ) จากคุณ : fudge-a-mania - [ 17 ต.ค. 51 05:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ทางบ้านเราไม่ได้พูดอะไรเลยอ่ะค่ะ **ขอให้เค้าเอาไปแต่งด้วยก็บุญแล้วฮ่าๆๆ** แต่สามีเป็นคนไปคุยกะพ่อแม่ว่าคนไทยมีค่าสินสอดด้วยใช่ไหม คนไทยปกติเรียกค่าสินสอดเท่าไหร่ พ่อแม่จะเรียกเท่าไหร่ แต่พ่อแม่เราไม่เรียกอะไรอ่ะค่ะบอกว่าขอให้รักจริงก็พอแล้ว แต่สามีก็ให้นะคะ พอสมน้ำสมเนื้อและไม่มากไม่น้อยเกินไป ปกติแล้วคนญี่ปุ่นเค้าจะมีข้อกำหนดว่าต้องกี่เท่าของเงินเดือนอ่ะค่ะสามีบอกมา แต่ทั้งนี้แล้วก็แล้วแต่ว่าจะให้มากน้อยตามกำลังของแต่ละคนอ่ะค่ะ คนรวยก็ให้มากเกินข้อที่เค้ากำหนด คนจนก็ให้น้อยกว่านั้น คนธรรมดาก็ให้ตามกี่เท่าของเงินเดือนที่เค้าถือ ก็ว่ากันไปอ่ะค่ะรู้สึกจะ5เท่าอ่ะค่ะถ้าจำไม่ผิด พ่อแม่สามีก็ไม่ว่าอะไรค่ะ สินสอดสามีก็ให้พ่อแม่หมด**เค้าให้เองอ่ะค่ะไม่ได้เอากลับมาด้วย** เพราะเค้าถือว่าเอาเรามาอยู่ที่นี่ไกลบ้านไกลเมืองไกลพ่อแม่ ป.ล ผู้ชายแต่ละคนคิดไม่เหมือนกันนะคะค่อยๆคุยกันไปค่ะ ป.ลอีก ไอ้ที่บอกว่าสินสอดกี่เท่าของเงินเดือนบางคนก็ไม่ได้ยึดตามนั้นน่ะค่ะ แล้วแต่คนอีกค่ะ เรื่องเงินเรื่องทองแม้จะรักกันแต่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ค่อยๆคุยไม่ให้ผิดใจกันนะคะ เห็นมาหลายรายแล้วที่ผิดใจกันเรื่องเงินทองสินสอดทองหมั้น เพราะบางบ้านเรียกมากไปทั้งๆที่บ้านผู้หญิงเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้ร่ำรวย เลยโดนทางฝ่ายชายคิดว่าหวังมาปอกลอกอ่ะค่ะ อันนี้เรายกตัวอย่างนะคะไม่ได้ว่า จขกท อย่าเข้าใจผิดนะคะ เข้ามาแก้คำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 51 06:42:51 แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 51 06:38:25 จากคุณ : แม่บ้านณ.โตเกียว - [ 17 ต.ค. 51 06:34:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ลุงสาหร่ายมีเพื่อนคนไทยมาก่อน เพื่อนคนไทยเคยสอนเขาไว้ว่า ผู้หญิงไทยชอบทอง เขาจึงซื้อทองเก็บเอาไว้จากร้านอาหารไทย สมัยก่อนทองบาทละหมื่นห้าพันเยน(เป็นทองไทยหลุดจำนำ) ตอนตกลงที่จะแต่งงานกัน เราเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากบอกเขาว่าขอแหวนเพชรหนึ่งวงและจัดเลี้ยงเพื่อนให้ด้วย เขาก็ทำตาม มีการหมั้นกันก่อนวันกินเลี้ยง มีการใส่แหวนให้กันแล้วเขาก็เอาทองที่ซื้อเก็บเอาไว้มาให้อีก เรื่องนี้ต้องคุยให้เขาได้รู้เรื่องเกี่ยวกับประเพณีแต่งงานของไทยว่า ทางเรามีธรรมเนียมปฎิบัติอย่างไร พ่อแม่เลี้ยงเรามาไม่ได้เอาไว้ขาย แต่การที่ต้องมีสินสอดทองหมั้น ก็เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจถึงอนาคต ว่าผู้ชายที่จะมาเลี้ยงดูลูกสาวต่อไปจากพ่อแม่ มีความสามารถที่จะดูแลลูกสาวให้ได้รับความสุขสบายตามฐานะได้ ไม่ใช่พาไปอดๆอยากๆ เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ สำคัญว่าฝ่ายชายให้เกียรติฝ่ายหญิงมากน้อยแค่ไหน การให้เงินสินสอดทองหมั้นแก่ฝ่ายหญิง เป็นการทำตามธรรมเนียมเท่านั้น ส่วนมากพ่อแม่ก็จะคืนเงินนั้นให้ไปเป็นเงินตั้งตัว ประเพณีไทยมีความสวยงามหลายอย่าง ถ้าใครมีโอกาสได้หมั้นได้แต่งแบบไทยแท้ๆคงประทับใจไปชั่วชีวิต แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับความรักที่มั่นคงของบุคคลสองคนที่จะมาเป็นทองแผ่นเดียวกัน ร่วมใช้ชีวิตด้วยกัน สินสอดทองหมั้นเป็นร้อยล้าน ยังไม่ทันได้แต่งกัน เลิกกันเสียก่อนแล้วแบบทาทา ก็น่าเสียดายมาก จัดงานใหญ่โตเอิกเกริกอย่างนั้น บทจะเลิกขึ้นมา ไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น น่าเสียดายมาก ดังนั้น เรื่องสินสอดทองหมั้นยังไม่สำคัญเท่าความมั่นคงของจิตใจของหญิงและชาย สัญญาใจมั่นคงกว่าโปรดให้ความสำคัญ จากคุณ : พนอจัน - [ 17 ต.ค. 51 07:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ของเราคุณสามีเธออ่านจากเน็ตเหมือนกันคะ ว่าแต่งตามประเพณีไทยมีสินสอด และของมีค่าอะไรบ้าง เราว่าคนญี่ปุ่นที่จะแต่งงานกับคนไทยเขาน่าจะมีข้อมูลบ้างหรือเปล่า ดังนั้นในกรณีเราเราบอกไปตรงๆ คะ วันที่เขาขอแต่งงานก็เขาก็จะเกริ่นมา เราก็บอกไปอย่างที่เราเข้าใจคะ แต่คนตัดสินใจว่าจะให้เท่าไหร่ ยังไงคือคุณสามีคะ ทั้งหมดนี้คุณสามีคุยกับเราก่อน เพราะเธอกลัวว่าจะไม่พอประมาณนั้น โชคดีว่าพ่อแม่เราไม่ได้เรียกร้องอะไร แค่ขอให้สมฐานะและสถานะภาพประมาณนั้นคะ แต่งที่ไทย ประเพณีไทย คุณสามีทำเหมือนคุณ แม่บ้านณ.โตเกียว คะ แหวนหมั้นประมาณสามเท่าของเงินเดือนของเธอ แหวนแต่งงานอีกวงเป็นทองธรรมดาๆ อันนี้ต่างคนต่างซื้อให้กันและกันคะ ส่วนสินสอดเธอให้เงินเก็บทั้งหมดที่มีตั้งแต่เธอโตมาคะ ก็ประมาณนี้ คือเรื่องสินสอดรวมทั้งประเพณีไทยและญี่ปุ่นคะ แต่ค่าใช่จ่ายฝ่ายพ่อแม่เราก็จะเป็นคนออกทั้งหมดคะ รวมถึงที่เกิดจากพ่อแม่คุณสามีให้คะที่ไปร่วมงานคะ จากคุณ : thangthai_ladypink - [ 17 ต.ค. 51 07:34:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นนะคะ ตอนนี้ก็เริ่มหาข้อมูลทางเนตที่อธิบายเป็นภาษาอังกฤษไว้บ้างแล้วค่ะ เผื่อว่าถ้าคุยอย่างเดียวแล้วอาจจะอธิบายได้ไม่ดีเท่าที่ควร จริงๆแล้วเรากับแฟนก็ดูใจกันมาเกือบ 3 ปีแล้วค่ะ ทางบ้านที่ไทยเองก็ไม่ได้หวังเงินทองอะไร แต่คุณแม่ท่านก็อยากให้ทำตามประเพณีเท่านั้นเองค่ะ เรากับแฟนคุยกันว่าอยากจัดงาน 2 ที่ แต่คงเป็นงานเล็กๆนะคะ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัว เป็นว่าที่สมาชิกใหม่กับพี่ๆทุกคนด้วยนะคะ หลังแต่งงานแล้ว เราคงย้ายไปอยู่กับว่าที่สามี แถวๆโยโกฮามาค่ะ แล้วก็ฝากถามคุณป้าพนอจัน แล้วก็พี่ๆที่แต่งงานที่ศาลเจ้าหน่อยนะคะ ว่าต้องจองสถานที่กันนานแค่ไหน เห็นแฟนบอกว่าบางที่ ต้องจองกันเป็นปีเลย พี่ๆ เพื่อนๆในห้องนี้พอมีที่แนะนำมั๊ยคะ แถวโตเกียว หรือคานากาว่าก็ได้ค่ะ สิ้นปีเราจะไปญี่ปุ่นเพื่อไป survey สถานที่น่ะคะ อยากเก็บข้อมูลเผื่อไว้ก่อนนะคะ ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : hanako - [ 17 ต.ค. 51 09:34:53 A:125.24.213.142 X: TicketID:159371 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราแต่งที่ศาลเจ้า... แม่คุณสามีจองให้ตั้งแต่เดือนหนึ่ง คิวว่างเดือนสิบคะ... แต่ที่อิบารากิคะ ข้างสวนไคราคุเอ็น จำชื่อศาลเจ้าไม่ได้ แต่อยู่ในสวนไคราคุเอ็นคะ ทั่วๆ ไปก็ดีคะ มีห้องรับรองให้ทั้งแขก และบ่าวสาว และจัดเตรียมทุกอย่างให้คะ ก็ต้องจองคู่กับโรงแรม ให้วันเดียวกัน ประมาณนี้ แต่โรงแรมไม่มีแปญหาคะ เพราะมีหลายห้องให้เลือก ก็มักจะง่ายกว่าคะ ควรใช้บริการรถรับส่งของโรงแรมด้วยเพื่อไปศาลเจ้าตอนเช้า และจากศาลเจ้าให้รับมาที่โรงแรมโดยตรง แขกจะเดินทางสะดวกคะ ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ขอให้มีความสุขมากมายคะ จากคุณ : thangthai_ladypink - [ 17 ต.ค. 51 09:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ค่อย ๆคุยกันไปนะค่ะ เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก พูดไปสื่อสารผิดอาจจะไม่เข้าใจกันไป เราเองก็อยากทำตามประเพณี คบกันมาตั้งสามปีแล้วคิดว่าคงคุยกันได้ไม่ยากนะค่ะ ของเราแต่งตามประเพณีมีสินสอดแฟนเองก็ศึกษาพอสมควรก็โอเคไม่มีปัญหา ทางแฟนเป็นคนจัดการเองทั้งหมด ถ้าย้อยกลับไปรู้สึกไม่อยากแต่งแบบนั้นเลยสิ้นเปลือง อยากแค่ใส่ชุดชุดไทยสวมแหวนหมั้น รดน้ำสังฆ์ สิดสอดเป็นไปได้อยากคืนแฟน ตอนนั้นเรายังเด็กส่วนมากผู้ใหญ่เป็นคนจัดารเองหมด ถ้าเป็นแต่งตอนนี้เราคงจัดการเองหมด การแต่งงานเป็นเรื่องที่น่ายินดีจะได้มีเรื่องและภาพประทับใจไว้ดูสู่ลูกสู่หลานค่ะ แต่สำคัญกว่าสิ่งใดนั้นคือความรักที่จริงใจและซื่อสัตย์ทีมีต่อกันมากกว่าค่ะ ที่จะเป็นสิ่งการันตีว่าเราจะอยู่กันไปจนแก่เฒ่า จากคุณ : หนูริวจัง - [ 17 ต.ค. 51 10:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณ คุณmeaw_1985 , คุณ fudge-a-mania ,คุณ แม่บ้านณ.โตเกียว , คุณพนอจัน คุณ thangthai_ladypink, คุณหนูริวจัง มากเลยนะคะ ที่ให้ข้อมูล และข้อคิดดีๆ อยากบอกว่าเป็นแฟน blog ของทุกคนมาได้ระยะนึงแล้ว และก็คงจะติดตามอ่านต่อไปเรื่อยๆนะคะ ยอมรับว่าเหมือนเป็นอีกห้องเรียนนึงให้กับตัวเอง ที่จะเรียนรู้และเตรียมพร้อมกับการใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนค่ะ แต่ยังอยากที่จะได้ความรู้และข้อคิดดีๆจากพี่ๆ เพื่อนๆในห้องนี้นะคะ จากคุณ : hanako - [ 17 ต.ค. 51 14:06:24 A:125.24.213.142 X: TicketID:159371 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จขกท น่ารักจังค่ะ ดูเป็นคนถ่อมตัวมากๆ  พี่ๆน้องๆห้องนี้ใจดีกันทุกท่านค่ะ ยินดีล่วงหน้านะคะสำหรับงานมงคลที่กำลังจะเกิด ส่วนเรื่องสินสอดทองหมั้นที่กังวล คิดว่าคงสบายใจขึ้นมาบ้างแล้วจากกระทู้นี้ จริงๆ แล้วเราเข้าใจว่าทางวาที่เจ้าบ่าวคงพอจะมีความรู้เรื่องประเพณีนี้มาบ้าง (บางทีว่าที่เจ้าสาวอาจกังวลใจไปเอง)  เพราะถึงขั้นจะร่วมหอใช้ชีวิตด้วยกันแล้วนี่ คิดว่าเค้าคงจะแอบศึกษาธรรมเนียมมาบ้างแล้วกระมังคะ สำหรับตัวเรา ตอนที่จะแต่งและคิดถึงเรื่องสินสอดเราก็อารมณ์กังวลใจแบบ จขกท เลยค่ะ  แต่บังเอิญว่าเราโชคดีหน่อยตรงที่เรากับสามีเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันมาหลายปี เคยตระเวนไปงานแต่งของเพื่อนๆในกลุ่มก็หลายครั้ง ทำให้เค้าพอจะเข้าใจบ้าง  พอถึงงานตัวเองก็คุยกันเฉพาะเรื่องจำนวนเงิน และ ทองหมั้นให้เหมาะสมกับหน้าตาของพ่อแม่ฝ่ายหญิง และเหมาะสมกับฐานะของฝ่ายชาย แค่นั้นเองค่ะ  ยิ่งถ้าคบกันมานานแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็คงพอ จะทราบว่าฐานะหน้าตาของครอบครัวแต่ละฝ่ายเป็นยังงัย  สินสอดจำนวนเงินแค่ไหนถึงจะเรียกว่าไม่มากไม่น้อย แอบเห็นด้วยกับน้อง มณต ว่า การเรียกเงินสินสอดและทองหมั้นนั้นเป็นประเพณี (ตามฐานะครอบครัว)  หากเกินขอบเขตของประเพณี (เกินฐานะครอบครัว) จะกลายเป็นธุรกิจไปค่ะ อันนี้ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 51 15:51:05 จากคุณ : ตา (tukuta) - [ 17 ต.ค. 51 15:47:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านแล้วคิดถึงตัวเองตอนแต่งงาน พ่อแม่สามีมาไทยด้วย ท่านเอาตังค์ญี่ป่นมา วันนั้นเป็นวันหยุดราชการ ธนาคาร ไม่เปิดแลกเงิน  ก็เอาเงินญี่ปุ่นนั่นแหละเป็นสินสอด ตอนเอาเงินให้ พ่อแม่สามี ก็หน้า เหวอๆ งง เหมือนกันนะ  ดูท่าทาง ท่านคงไม่รู้ประเพณีเท่าไหร่ แต่สามีก็ดูผ่านหูผ่านตาทางเน็ต  ประมาณว่าให้พอเป็นพิธี  เล็กๆน้อยๆ งานแต่งเรา เสียค่ากินเลี้ยงไม่ถึงหมื่นบาท เพราะเป็นงานแต่งที่เร่งรีบมาก  แต่งเสร็จ วันรุ่งขึ้นก็ มาญี่ปุ่นเลย จะว่าไปว่าเสียใจไหมกับงานแต่งของเรา แบบที่ไม่ได้ดั่งใจ แบบลวกๆ ก็ว่าได้  หน้าตา นัดร้านแต่งหน้าไว้แล้ว  แต่ก็ไม่ได้ไปเลยได้แต่งเองมั่วๆ เฮ้อ วันแต่งงานของเรา ............................... แต่งก็ดีที่ไม่ได้เสียเงินอะไรมากมายกับงานแต่งงาน เพราะเมื่อมาญี่ปุ่นแล้ว เงิน ก็ต้องเพื่ออนาคต อาจจะซื้อบ้าน ซื้อรถหรือเก็บไว้เลี้ยงลูกนะค่ะ หวังว่าจะได้ดูรูปเจ้าของกระทู้ใส่ชุดแต่งงานสวยๆ ป็นเจ้าหญิงในวันนั้น เอามาให้ชมด้วยนะค่ะ จากคุณ : meaw_1985 - [ 17 ต.ค. 51 17:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ของเรา เอาเงินพ่อแม่เราล่ะค่ะ 5555 แม่เราบอกว่า เรื่องมาก แลกไปแลกมา (จำนวนเงินค่อนข้างสูง แม่คิดว่าแลกไปแลกมาแล้วเสียเรต - -") แม่เราเลยใช้เงินของที่บ้านเราจัดไปให้ผู้ชายเค้าถือเข้ามารับตัวเจ้าสาว ผู้หญิงให้ถือแหวนหมั้น หรือ เงิน ในกรณีนี้ เราให้แม่เจ้าบ่าวถือเข้ามา ส่วนลูกพี่ลูกน้องเรา(คนเค้ามาไม่ครบจำนวนเลยให้ญาติเราไป 55) ให้ถือเงิน ให้ผู้ชายถือทอง ก็คือพ่อเจ้าบ่าว เราต้องไปบอกก่อนวันงานกับบ้านแฟนเราหมดเลย เพราะเค้าไม่ทราบประเพณีนี้เลยค่ะ แหวนเพชร ต้องใส่กล่องสีครีมทอง หรือแดง(เพชรกี่กะรัตไม่ว่า งงม่ะบ้านเรา) ทอง 2 บาท ต้อง2บาทเท่านั้น เอาไว้ผ่านพ่ีสาวเพราะเราแต่งก่อน เราเป็นน้อง คนจีนเชื่อว่า ถ้าน้องแต่งก่อนพี่แล้วไม่เอาทองผ่าน พี่สาวจะไม่ได้แต่ง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้อง 2 บาท เพราะคนเตรียมงาน (จริงๆมืชื่อเรียกเป็นภาษาจีนแต่เราจำไม่ได้ 555) ระบุไว้ว่าต้องเท่านี้ และต้องเป็นสร้ายข้อมือ เค้าบอกว่า ถ้าเป็นสร้อยคอ มันดูไม่ค่อยดี สร้อยข้อมือ เป็นการแสดงออกที่ดีกว่า ส่วนของที่ใช้ในงาน ทางบ้านเราเป็นคนไปเลือกซื้อ เช่นขนมแต่งงาน เป็นห่อสีแดงๆ  2 ห่อ เพื่อนเจ้าบ่าวที่มา ถูกใจมากเพราะไม่เคยเห็น ขอกลับไปกินด้วย 555 ส้ม 24 ลูก จริงๆต้องใช้ส้มเช้ง แต่ตอนนั้นไม่มี คนจีนเชื่อว่า ส้มเช้งเป็นชื่อที่ดี และเป็นมงคล ที่ต้องใช้ 24 ลูก เพื่อให้ทั้งคู่ มีทั้ง 4 ทิศคุ้มครอง แต่เวลารับยกน้ำชา ญาติฝ่ายหญิงจะต้องวางซอง เพื่อรับขวัญหลายเขย นั่นล่ะเวลาเงินเวลาทอง 55555 แม่เราให้เราเก็บไว้หมดเลย ส่วนพ่อแม่เรารับขวัญลูกเขยด้วยทอง กับเงินใส่ซอง ซึ่งแม่เราเป็นคนคล้องให้แฟนเรา น้ำหนัก 2 บาทอีกเช่นกัน คนจัดงานบอกว่า เพื่อให้เราคล้องใจแฟนให้อยู่กันตลอดไป และอีกความหมายหนึ่งคือ เพื่อให้ ครอบครัวเราและครอบครัวแฟน ไม่ขาดจากกัน เหมือนเส้นสายสร้อยที่คล้องอยู่ เอ่อ พ่อยังทัดกิ่งทับทิมที่ผมเราด้วย เพื่อเป็นการบอกว่า ให้ลูกสาวไปเริ่มชีวิตใหม่ที่ดี แม่ยังต้องจัดชุดใหม่ใส่กระเป๋าใหม่ 2 ชุด ในนั้นมีกิ่งทับทิม กับซองเงินด้วย ให้เราหิ้วออกไปจากบ้านในวันที่แฟนมารับตัวน่ะค่ะ หลายคนเชื่อว่า การยกน้ำชา เป็นการแสดงให้เห็นว่าฝ่ายหญิงก็มีฐานะทีดีเหมือนกัน ไม่ใช่เป็นฝ่ายเรียกเงินจากฝ่ายชายเท่านั้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่า บ้านคนจีน จะไม่เรียกสินสอดเกินไปกว่าฐานะของตัวเอง เพราะถ้าเวลารับยกน้ำชาแล้วให้น้อยกว่าที่เรียกไป จะดูไม่ดีมากๆ เสมือนเป็นการดูถูกฝ่ายชายด้วยเช่นกัน จริงๆงานเราแบบจีนมากๆ กินเลี้ยงยังร้านอาหารจีนเลย ไม่ได้แต่งตัวสวยๆเหมือนงานคนอื่นเค้า ก็แอบเสียใจเล็กน้อย ภาพถ่ายก็ไม่ค่อยมี ยกเว้นแต่ พ่อแฟน อัดวีดีโอเอาไว้ เพราะเวลาจัดงานเราสั้นมาก เตรียมแค่ เดือนเดียวเอง ดีที่มีคนคอยบอก ไม่งั้นคงวุ่นเลย จากคุณ : Hergest - [ 17 ต.ค. 51 18:33:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อยากแต่งบ้างจัง แต่คงอีกนาน - -" จากคุณ : แพนด้าหน้าใส - [ 17 ต.ค. 51 19:27:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มาเก็บข้อมูลด้วยคนค่ะ จดๆๆๆ ปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่ว่า ให้ หรือ ไม่ให้ แต่ อยู่ที่ว่าควรให้เท่าไหร่ดี เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเหมาะสม เราว่าสินสอดก้อเป็นการบ่งบอกความเต็มใจต้อนรับเป็นสะใภ้ของพ่อแม่ฝ่ายสามีด้วยมั๊งคะ ถ้าเค้าเห็นว่าเรามีคุณค่า สมกับจะไปเป็นสะใำภ้บ้านเค้า ก้อน่าจะไม่ลังเลที่จะให้ ของเราถึงจะยังไม่ได้จะแต่งเร็วๆนี้ ก้อเกริ่นๆไว้บ้างแล้วค่ะ ว่าประเพณีไทยเป็นแบบนี้ ต้องมีค่าสินสอด ไม่ใช่พ่อแม่ขายลูกกิน หรือเห็นแก่ได้ จะไม่ให้ก้อได้ แต่คนจะมองว่า ฝ่ายหญิงไม่มีคุณค่า พ่อแม่ยกให้แต่งงานได้ง่ายๆ ประเด็นสำคัญคือพ่อแม่ยามแก่เฒ่าแล้วไม่มีเราอยู่ใกล้ๆเนี่ย จะทำยังไง เมืองไทยไม่ได้มีระบบเลี้ยงดูคนชราหรือปลดเกษียณจากรัฐดีเหมือนที่ญี่ปุ่น เวลาป่วยไข้ จ่ายเงินให้โรงพยาบาลกันทีหนักหนาสาหัส ประกันสุขภาพก้อทำให้คนชราไม่ค่อยได้ (30 บาทรักษาทุกโรคเนี่ย รอไปเถอะชาตินึง แล้วก้ออย่าได้หวังการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐาน) ตามประเพณีแล้วลูกคนไทย มีหน้าที่ดูแลพ่อแม่ไปจนตาย ยิ่งลูกผู้หญิง ถ้าแต่งงานไปไกลบ้าน ไปดูแลปรนนิบัติสามี ก้อถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่ลูก คิดง่ายๆว่า ถ้าตัวเราเองจะไม่แต่งงาน ด้วยน้ำพักน้ำแรงและสติปัญญา ก้อสามารถเลี้ยงพ่อแม่ให้สุขสบายตลอดไปได้ แต่ในเมื่อต้องย้ายมาอยู่กับเค้า หน้าที่ที่เราต้องมีต่อบุพการีต้องมาแชร์ให้เค้าและครอบครัวในวันข้างหน้า เค้าก้อควรต้องชดเชยให้พ่อแม่เรา เรากะว่าจะเรียกไปเป็นจำนวนเงินที่สามารถทำให้พ่อแม่ใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างไม่ขัดสน (ไม่เกี่ยวกับว่าเค้ามีอยู่แล้วเท่าไหร่ ถ้าเค้าไม่เอาไปใช้ เค้าก้อคงเก็บไว้ให้ สุดท้ายก้ออาจจะมาเป็นมรดกเราอีกอยู่ดี)คิดตรงที่ว่า ถ้ามีเราอยู่ด้วยกับพ่อแม่ เราเองจะให้เค้าได้เท่าไหร่ นับไปจนเราอายุ 60 เพราะถ้าเราไปแต่งกะเค้าแล้ว ต่อไปเราก้อช่วยกันกับเค้าทำมาหากิน ซื้อบ้าน ซื้อรถ สร้างครอบครัวตัวเอง คงไม่ได้มาซัพพอร์ทที่บ้านมากมายเหมือนทุกวันนี้ กรณีนี้เราคิดในแบบคู่ที่ สามีไม่ได้เลี้ยงครอบครัวคนเดียว ภรรยาก้อเลี้ยงด้วยเท่าๆกัน เลยคิดเอาว่าคำนวณเงินสินสอดคิดแบบนี้น่าจะสมเหตุสมผล เพราะถ้าไม่ให้ตามนี้ ก้อต้องให้สามีเป็นฝ่ายเลี้ยงเราและครอบครัว ส่วนเงินที่เราหามาได้ เราจะส่งไปให้พ่อแม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก้อคงดูความเหมาะสม ถ้าเค้าไม่มี พ่อแม่เค้าก้อจะไม่ช่วย แล้วถึงกับต้องไปกู้มาก้อไม่เอาแน่ค่ะ ก้อคงต้องใช้วิธีอย่างที่บอกตะกี๊ คือ ให้เค้าเลี้ยงเรา แล้วเราส่งเงินให้ที่บ้านตลอดไปแทน แต่ถ้าคุณ จขกท จะแต่งไปเป็นแม่บ้านแล้วคุณสามีเลี้ยงดูครอบครัวคนเดียว เราว่าวิธีนับเป็นกี่เท่าของเงินเดือนสามีแบบคุณแม่บ้านโตเกียวว่าก้อดีนะคะ จากคุณ : enjoymiracle - [ 18 ต.ค. 51 03:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ของเราเป็นคุณอาแต่งงานกับผู้หญิงญี่ปุ่นอ่ะค่ะ ทางญี่ปุ่นเค้าก็ต้องให้สินสอดนะคะ ที่ถามๆมาเฉลี่ยแล้วจะประมาณ 1 ล้านเยน แต่คือแบบประเพณีจีนเราจะให้แบบให้ดูพอเป็นพิธีอ่ะ ฝ่ายหญิงเค้าก็ไม่ได้เอาสินสอดกลับไปจริงๆๆหลอก จากคุณ : blissfully cherry blossoms - [ 18 ต.ค. 51 06:35:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ยินดีค่ะน้องเจ้าของกระทู้ มาเป็นสมาชิกชมรมแม่บ้านโยโกฮาม่าด้วยกัน วิธีปฏิบัติง่ายๆเรื่องสินสอดทองหมั้น 1. น้องเกริ่นกับแฟนก่อนเลยว่าทางไทยมีประเพณีนี้ แล้วดูท่าทีของแฟน * ผู้ชายญปบางคนไม่เห็นด้วยก็มีค่ะ (พี่เคยเจอมาแล้ว เพราะเค้ามีความคิด ความอ่านคล้ายฝรั่งมาก) โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่น้องคนนั้นไม่สนใจเรื่องนี้ เลยไม่ผิดใจกัน 2. ถามคุณพ่อคุณแม่ของน้องว่าฝ่ายชายควรจะจัดมาสักเท่าไร เพื่อสมหน้า ตาของฝ่ายสาว พี่อาจจะคิดแปลกจากคนอื่น...บางคนคิดว่า เรื่องหน้าตาไม่สำคัญเท่ากับ ความรักของบ่าวสาวที่มีต่อกัน ที่จะประคองคู่อยู่ด้วยกันไปตลอด แต่สำหรับ พี่ ทั้งสองอย่างต้องมาพร้อมๆกัน หากเราเริ่มต้นชีวิตอย่างถูกต้องตาม ประเพณี ระเบียบแบบแผน ทุกฝ่ายก็สบายใจ... เรื่องสินสอดพี่ไม่ขัดพ่อแม่ แต่ดูกำลังทรัพย์ของแฟนด้วย ถึงพ่อแม่จะเก็บ สินสอดขึ้น ท่านก็ไม่ได้ต้องการเงินของฝ่ายชายเพื่อตัวท่านเองหรอกค่ะ ท่านเก็บไว้ให้ลูกสาวท่าน หรือหลานของท่านในอนาคตมากกว่า พ่อพี่พูดมาคำนึงว่า..."หากลูกแต่งงานกับผู้ชายไทยด้วยกัน เกิดทะเลาะ เบาะแว้งกันขึ้นมา ถึงขั้นจะเลิกรากัน ยังไงพ่อแม่ของสองฝ่ายก็ยังปรึกษา หารือช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ เพราะอยู่ใกล้กัน พูดจาภาษาเดียวกัน ถูก หล่ออหลอมมาภายใต้ประเพณีและวัฒนธรรมเดียวกัน แต่นี่ลูกแต่งกับต่าง ชาติ ไปอยู่ไกลหูไกลตาพ่อแม่ ซึ่งพ่อกับแม่ตามไปดูแลไม่ได้ หากเกิด อะไรขึ้น ใครจะช่วยลูก" พี่มานั่งคิดดู จริงอย่างที่ท่านกล่าว...ยามรัก ไม่มีใครคิดถึงเรื่องเลิกรา ตอน ตัดสินใจแต่ง ทุกคนก็วาดฝันว่าต้องมีชีวิตคู่ที่สวยงามกันทั้งนั้น ดังว่าhappy ending แต่ในความเป็นจริง หลังแต่งงานชีวิตคู่ที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นเท่า นั้น.... พ่อบอกว่า "เงินสินสอด พ่อจะเก็บเอาไว้ให้ หากลูกอยากจะลงทุนกิจการ อะไรที่เมืองไทย จะได้เอาเงินก้อนนี้ใช้ได้ พ่อไม่ให้กลับคืนเพราะมันจะ กลายเป็นสินสมรส ซึ่งสามีจะเข้ามามีสิทธิ์ในเงินก้อนนี้ ข้อสำคัญที่สุด หากวันไหนสามีเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา ลูกจะได้กลับมาอยู่บ้านเรา โดยมีเงิน ก้อนนี้ตั้งตัว ไม่มาซบอกพ่อแม่มือเปล่า" แล้วพี่เชื่อจริงๆในสุภาษิตไทยที่ว่า "พ่อแม่อาบน้ำร้อนมาก่อน" เพราะสิ่งที่ พ่อแม่ดูลักษณะนิสัยของแฟนพี่ แล้ววิจารณ์ไว้...ไม่ผิดเลยสักข้อเดียว ส่วนที่ว่าจะเรียกเท่าไร น้องปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ดูนะคะ กรณีพี่ๆเรียกเอง ค่ะ เรียกเท่ากับเงินเก็บของตัวเองที่ได้จากการทำงาน 5 ปี คือ 2 ล้านบาท (แบ่งมาซื้อทองหมั้นส่วนนึง...ประเพณีไทยโบราณสินสอดเป็นค่าน้ำนมของ แม่ ส่วนทองหมั้นเป็นของเจ้าสาว ก็แล้วแต่ว่าพ่อแม่จะให้สินสอดกลับคืนมา หรือเปล่า) แล้วจะบอกว่าปัจจุบันนี้ เงินก้อนนี้พี่ได้จ่ายคืนแฟนไปแทบจะทุก บาททุกสตางค์แล้ว เพราะแฟนพี่เป็นอย่างที่พ่อแม่พี่ดูไว้คือ บริหารการเงิน ตัวเองไม่เป็น..มีเท่าไหร่ใช้หมด พี่ต้องเอาเงินออมจากการทำงานออกมา ช่วยแฟนจ่ายในหลายเรื่อง ทุกวันนี้เถียงพ่อแม่ไม่เคยขึ้นเลยเรื่องการใช้เงินของสามีตัวเอง แต่คิดอีกที ยังดีที่มีเงินสินสอดที่พ่อแม่เก็บไว้ให้เรา...คงจะช่วยส่งเสียให้ลูก(หลานของ ท่าน)เรียนจบมหาลัยได้ หากพี่กับแฟนตายไปก่อน ไม่มีใครรักเราเท่ากับพ่อแม่อีกแล้วค่ะในโลกนี้ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 18 ต.ค. 51 08:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อยากบอกว่าตื้นตันใจมากๆเลยค่ะ สำหรับความคิดเห็นของพี่ๆทุกคน รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากห้องนี้ ขอบคุณ คุณ ตา (tukuta) แอบไปดูรูปแต่งงานมาแล้วนะคะ สดใสน่ารักมาก ส่วนตัวเองยังไม่ได้ไปถ่ายรูปไว้เลยค่ะ ตอนนี้กำลังดูฤกษ์อยู่ค่ะ ขอบคุณ คุณเหมียว คิดว่าน่าจะเป็นรุ่นน้องเรานะคะ เพราะเราปีนี้ก็ 27 แล้ว เราเองก็แอบไปอ่าน blog ของคุณเหมียวเป็นประจำ ชอบค่ะ ดูแล้วเป็นคนตรงๆดี ว่าแต่คุณเหมียวจะมีน้องเมื่อไรคะ คงจะน่ารักมากนะคะ ขอบคุณ Hargest ค่ะ ของเรางานที่ไทย คงจะเป็นแบบลานนาค่ะ เพราะเราเป็นคนลำปางค่ะ แต่ดูแล้วพิธีแบบจีนนี่มีขั้นตอนเยอะจริงๆเลยนะคะ แล้วก็ต้องตามฤกษ์เป๊ะๆเลย แต่ยังไงก็แล้วแต่ ไม่ว่าพิธีแบบไหนก็ทำให้เจ้าบ่าว เจ้าสาวประทับใจไปทั้งชีวิตเลยนะคะ ขอบคุณ คุณแพนด้าหน้าใส แอบไปอ่าน blog บ่อยเหมือนกันค่ะ ขอเอาใจช่วยให้สมหวังในเร็ววันนี้นะคะ ขอบคุณ คุณ enjoymiracle ค่ะ สำหรับข้อมูลดีๆ ไอเดียดีๆ จะแอบเอาไปทำตามนะคะ คงไม่ว่ากันนะคะ แล้วก็ขอให้คุณ enjoymiracle มีข่าวดีเร็วๆนี้เหมือนกันนะคะ ยังไงก็อย่าลืมเอารูปงานแต่งมา post ให้พี่ๆเพื่อนๆห้องนี้ ได้ดูด้วยนะคะ ขอบคุณ คุณblissfully cherry blossoms ด้วยนะคะ ของเราเรื่องจำนวนก็ยังคิดไม่ตกค่ะ แต่เราอาจจะอิงตามที่พี่ๆในห้องนี้บอกไว้นะคะ ขอบคุณ คุณfudge-a-mania อยากบอกว่าคุณ fudge เป็นคนที่มีความคิดกว้างไกลในการใช้ชีวิต บางแง่มุมก็เป็นสิ่งที่ จขกท เองคิดไม่ถึงมาก่อน มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ขอนำไปเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตคู่ด้วยนะคะ และที่สำคัญคุณ fudge รู้เรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่นมากๆเลยค่ะ ทางครอบครัวคุณสามีน่าจะปลื้มใจมากๆเลยนะคะ จขกท แอบไปอ่าน blog เป็นประจำค่ะ จะว่าไปก็แอบไปอ่านเกือบครบทุกคนเลยนะคะที่เป็นสมาชิกในห้องนี้ ชอบมากๆเลยค่ะ ในอนาคตถ้าย้ายไปอยู่ที่โยโกฮาม่าแล้ว จะมีโอกาสได้ร่วม party กับกลุ่มพี่ๆบ้างมั๊ยคะ ขอฝากเนื้อฝากตัวล่วงหน้าด้วยนะคะ yoroshiku onegaishimasu.....ท้ายนี้ขอให้ คุณ fudge คลอดน้องง่ายๆ แข็งแรงสมบูรณ์ทั้งแม่และลูกนะคะ รอดูรูปน้องด้วยคนนะคะ จากคุณ : hanako - [ 18 ต.ค. 51 10:48:45 A:125.24.196.67 X: TicketID:159371 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อิอิ  เหมียว เพิ่งยี่สิบสามปี ปีนี้เอง น้อง ยังไม่อยากได้จ๊า  เหมียวใช้ชีวิตโสด  ยังไม่คุ้มเลย คิดว่าตัวเองยังไม่มีความสามารถที่จะดูแล ใครได้ ฮุฮุ มาเพิ่มต่องานแต่งเหมียวแต่งแบบบ้านๆ คนมางานส่วนมากก็มีแต่ ญาติที่บ้านนอกจ๊า  ฮุฮุ  เลยแต่งแบบไม่มีพิธีรีตองอะไร มากจ๊า แต่งแบบไทยๆ ( ไทยอิสาน ) จากคุณ : meaw_1985 - [ 18 ต.ค. 51 12:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ที่คุณฟัดจ์แนะนำมา ใช่ของตัวเองทุกอย่างเลยค่ะ  แต่งงานกับคนต่างชาติแล้วมาอยู่ต่างประเทศ ไกลหูไกลตาแม่มาก ตามมาดูแลไม่ได้  ห่วงมากค่ะ แล้วต่างถิ่นต่างภาษาแบบนี้ ถ้าเจอสามีดีก็โชคดีไป แต่ถ้าโชคร้าย แม่ก็จะเก็บเงินส่วนสินสอดนี่แหล่ะค่ะ ไว้เป็นทุน รอรับลูกสาวกลับบ้าน ตอนนี้แม่เราก็ไม่ได้ใช้เงินสินสอดเลยค่ะ  บันทึกไว้แล้วว่าเงินส่วนนี้ไว้ให้เรา  ไม่ต้องมาแบ่งกับพี่น้องกรณีแม่ไม่อยู่แล้ว มากหรือน้อย พิจารณาเองค่ะ รายได้สามี ทัศนคติสามีและครอบครัว  ความรู้สึกของแม่เรา   ของกรณีเรา แม่มาที่ญี่ปุ่น และคุยกับพ่อแม่สามีเรื่องนี้เลยค่ะ  อธิบายขั้นตอนทุกอย่างแบบไทย  เพราะถ้าแต่งแบบญี่ปุ่นเราก็ต้องตามเค้าทุกอย่างเหมือนกันค่ะ ของเราสามีใจดีค่ะ  แม่ว่าเท่าไหร่ก็เท่านั้น  เราเองก็ถือว่าเป็นค่าน้ำนมที่แม่เลี้ยงมาจนโต  เราก็ตอบแทนคุณสามีด้วยการรักดูแลและมีลูกที่น่ารักๆให้สองคนค่ะ จากคุณ : Mnki - [ 18 ต.ค. 51 17:02:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มาแอบตอบ (ด้วยคนนะ) เราเพิ่งแต่งเมื่อเดือนที่แล้วเอง สามีหาข้อมูลมาบ้างจึงพอทราบ ไม่มีปัญหาเรื่องการคุยเรื่องนี้ สามีเข้าใจและเราเองก็อธิบายให้อย่างดี คุณพ่อคุณแม่จึงเข้าใจ ของเราเงินที่ได้แม่ก็ให้เราเก็บไว้ที่ไทย เผื่อว่าโดนสามีทิ้ง จะได้มีตังค์ ฮ่าๆๆๆ แม่ว่างั้น  สามีก็เข้าใจ เพราะว่าเราต้องออกจากงานไปอยู่กับเค้า ที่ญี่ปุ่นไม่ได้จัดงานแต่งคะ แค่กินข้าวกันระหว่างครอบครัวเท่านั้น อบอุ่น ^O^ จากคุณ : คุณนายปลาดิบ - [ 18 ต.ค. 51 20:16:56 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แวะมาอ่าน เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : nanaspace - [ 19 ต.ค. 51 13:56:03 ]