Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
" จากพี่เลี้ยงเด็กในอเมริกา มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กบนเรือสำราญได้อย่างไร " [1]  

สวัสดีค่ะ ชาวพันทิป

เริ่มด้วยจุดประสงค์กันก่อนเลยดีกว่าว่า ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ ที่ทำโครงการออแพรหมดสัญญาแล้ว หรือกำลังทำอยู่ หรือเพื่อนที่สนใจและยังรองานกันอยู่ให้เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์แล้วกันนะคะ

ผู้เขียนเองเคยทำโครงการออแพรมาก่อนค่ะ และก็ได้รับประสบการณ์มากมาย และความรู้จากโครงการนี้ จริงๆ แล้วผู้เขียนตั้งใจเมื่อจบจากโครงการออแพรแล้ว ก็ใฝ่ฝันมากที่จะเป็นแอร์โฮสเตส แต่ความฝันก็พังลงไปเพราะความสูงไม่พอ และสวยไม่เข้าขั้น ความสามารถที่จะทำงานมั่นใจว่าทำได้ เกินร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีเสมอไปใช่ไหมค่ะ

ได้เจอเพื่อนให้ข้อมมูลเกี่ยวกับงานบนเรือสำราญตั้งแต่ยังไม่กลับเมืองไทย เพราะเตรียมไว้เป็นแผนสองถ้าตกเหวจาก แอร์ฯ ก็จะไปทำงานบนเรือแทนเป็นแผนสำรอง ก็ตามล่าหาข้อมูลจนได้เบอร์โทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลว่าคุณสมบัติที่เรามีสามารถทำอะไรได้บ้าง พี่ที่บริษัทหางานของเรือสำราญนั้นก็แนะนำว่า เคยเป็นออแพรมาลองสมัครเป็น ตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กบนเรือดีไหม เราก็ดีใจมากแต่เขาบอกว่าต้องมีประสบการณ์ทางด้านงานโรงแรมด้วย ตอนนั้นก็เลยรอไม่ไหวเลยที่จะกลับมาไทย  พอมาถึงก็โชคดีที่ลูกพี่ลูกน้องเป็นผู้จัดการฝ่ายแม่บ้านอยู่โรงแรมแห่งหนึ่งก็เลยเตรียมตัวไปทำงานกับพี่เขาและก็ สมัครแอร์ฯไปดด้วย บอกตัวเองไว้ว่า ถ้าสามเดือนยังไม่ได้ก็จะยอมแพ้ และไปทำงานโรงแรมเพื่องานเรือแล้ว ในเวลาเดียวกันเราก็ส่งเรซูเม่ไปให้ทางบริษัทจัดหางานของเรือรำนี้ และก็โดนเรียกสัมภาษณ์ในอาทิตย์ต่อมา

ตื่นเต้นมาก และไม่รู้อะไรเกี่ยวกับงานตำแหน่งนี้บนเรือสำราญเลย เข้าเวปไซด์ก็แล้ว ก็ยังนึกภาพไม่ออกว่า เราต้องทำอะไรจนกระทั่งวันแรกที่เหยียบเข้าเรือรำใหญ่ ชื่อดังของอเมริกา จริง ๆ แล้วเรื่อรำแรกที่ผู้เขียนได้เข้าไปทำงานเป็นเรื่อที่ลำเล็กที่สุดใน 22 เรือที่มีอยู่แล้ว แต่ก็ยังดูใหญ่โตสำหรับเราอยู่ดี  เรามาเข้าเรื่องของการสมัครดีกว่านะคะ เพราะจากที่ได้ยินกันมาว่า สัญญาแรกจะรอกันนานมาก แต่นั่นก็แล้วแต่ตำแหน่งที่คุณจะไปทำงาน ถ้าทางเรือต้องการตำแหน่งไหนมาก เขาก็จะเรียกเราก่อน

ใครที่อยากทำตำแหน่งนี้ก็ต้องเคยทำงานด้านการบริการอย่างน้อย 1  ปี หรือมีประสบการณ์เป็นอาจารย์สอนภาษาหรือสอนในโรงเรียนนานาชาติ หรือสุดท้ายคือ เป็นออแพร์ มาก่อนไม่ต่ำกว่า  1ปี คือเป็นออแพร์ต้องมีประสบการณ์ด้านงานบริการด้วย พี่ที่บริษัทขัดหางานแนะนำว่าให้ไปสมัครทำงานโรงแรมในระหว่างที่รอเรียกตัวจากทางเรือ

เราก็ไปสมัครก็ทำไปเรื่อย ระหว่างที่รองาน งานโรงแรมก็สนุกและมีอะไรให้รู้และเห็นอีกมากมายไม่รู้จบ หลังจากที่สัมภาษณ์ผ่านรอบแรกแล้ว ตื่นเต้นมากเพราะว่าพี่เขาถามคำถามได้กวนมากและลองใจเราเยอะแยะไปหมด อบ่างเช่น คิดว่าจะทำได้หรอ เคยเลี้ยงเด็กมาไม่กี่คน แต่บนเรืออ่ะ เป็นร้อยนะ น้องจะรับมือยังไง ก็ตอบ ๆ เขาไปและก็ผ่านมาได้ แต่ก็ต้องรอให้ทางฝ่ายบุคคล ของเรือมาที่เมืองไทยเพื่อสัมภาษณ์และจ้างงานในรอบสุดท้าย ตอนนั้นถือวง่าจังหวะดีมากของผู้เขียน เพราะว่าหลังจากสัมภาษณ์กับทางบริษัทไปอาทิตย์กว่า ฝ่ายบุคคลของเรือก็มา เพราะเขามาแค่ปีละสองครั้งเท่านั้น ฉะนั้นเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสดีดีไปก็ต้องเชคกับทางพี่ ๆ ที่บริษัทฯ ว่าตอนนี้มีข่าวคราวอะไรบ้าง แต่โดยปกติแล้วถ้าทางฝ่ายบุคคลของเรือมาพี่ ๆ เขาก็จะโทรเตือนให้เราเตรียมตัวอย่างน้อย หนึ่งอาทิตย์เพื่อลางานหรือ จัดสรรเวลาก็ว่ากันไป

โดยความรู้สึกส่วนตัวแล้ว งานบนเรือสำราญไม่ได้เลวร้ายเลย แถมยังตื่นเต้นและมีอะไรน่าสนใจ อยู่ตลอดเวลา รายได้ก็สมควรกลับการจากบ้านขากเมืองมาทำงานให้เขา โดยจากตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กแล้วถือว่าการเป็นอยู่ที่ดี เพราะเราเป็นสตาฟของเรือไม่ใช่ลูกเรือ แต่นี่เป็นสิ่งที่ไม่ชอบเลยเพราะเหมือนเป็นการแบ่งชนชั้นกันยังไงก็ไม่รู้ จริง ๆ ทำอยู่ในเรือเดียวกัน บริษัทเดียวกัน หน้าจะได้สิทธิที่เท่าเทียมกัน

ตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็ก ถือว่าเป็นสตาฟค่ะ ห้องนอนมีเตียงสองชั้น ต้องมีเพื่อนร่วมห้อง เป็นชาติไหนก็ว่ากันไป ตำแหน่งนี้ยังไม่ค่อยมีคนไทนมาทำมากเท่าไร เจอแค่สามสี่คน ที่เยอะก็จะพวกสาวยุโรป ทางเอเชียเราก็แค่ ผินทั้งหลายกับไทยเราเท่านั้นเอง มีคนทำความสะอาดและ เอายูนิฟอร์มไปซักรีดให้ ไปguest area ได้ บาร์หรือไปนั่งทานอาหารในห้องอาหารของเรือร่วมกับแขกได้ บริษัทออกค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับให้ทำนองนี้ แต่ลูกเรือจะไม่สามารถทำได้ ( ไม่ดีเลยเนอะ ) เรืองแบ่งชนชั้นบนเรือนี่มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะเลย แต่เอาไว้ทีหลังก่อนนะคะ

กลับมาที่การรับสมัครต่อ หลังจากเข้ารอบแรกแล้วก็มาถึงรอบสุดท้ายที่จะได้เห็นใบรับรองว่าเขารับเราแล้วก็เอาซะหัวใจไปอยู่ตาตุ่ม การสัมภาษณ์ยาวนานมาก ประมาณ 4 นาทีได้ (เหอะ ๆ ) คือแบบว่าหัวใจยังไม่ทันหยุดเต้น จากการตื่นเต้นเลย อ่าวได้งานแล้วหรอ ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ เพราะเขาดูที่ภาษา การสื่อสารและประการ์ที่มี มีพี่อีกคนตอนนี้สนิทกันมาก สมัครเป็นพี่เลี้ยงเด็กเหมือนกัน เคยเป็นออแพร์มาเหมือนกัน แต่ทางเรือให้เป็นฝ่านประสานงานซะอย่างนั้น แต่เขาก็ตาถึงดี เพราะเหมาะกับพี่เขามากเลย แต่น้องอีกคนเคนเป็นออแพร์มาเหมือนกัน ตามผุ้เขียนมาสมัครแต่เขามีประการณ์แค่หนึ่งปี และไม่มีประสยการณ์ทำงานด้านไหนเลย เขาก็จับไปลงกิฟชอปขายของดิวตี้ฟรี บนเรือ

ตอนนั้นก็ใจจดใจจ่อ ว่าเมื่อไหร่งานจะมาคือ หลังจากเขารับเราแล้วก็จะเป็นช่วงเวลาของการเรียกตัวค่ะ ต้องบอกไว้ก่อนว่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรือเข้าทำงานครั้งแรกสูงเพราะเราต้องออกเองทั้งหมด ก็คือทยอยจ่ายสามครั้งให้ทางบริษัทฯ จัดการให้เรา แต่ตั้งแต่บอกไว้ข้างต้นว่า พี่เลี้ยงเด็กเป็นสตาฟ ฉะนั้นพอหมดสัญญาแรกกลับบ้านบริษัทออกค่าตั๋วให้ค่ะและสัญญาต่อ ๆ ไปเช่นกัน ( สบายไป ฮี่ๆ )

จากคุณ : กำแพงดอกไม้
เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 52 01:30:19




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com