 |
ที่ประเทศลาวมีหลายเผ่าพันธุ์และต่างวัฒนธรรมกันมาก
โดยทั่วๆ ไปแล้วก็จะมีค่าสินสอด แต่ก็มีบางกรณีที่ฝ่ายชายไม่มีเงินและฝ่ายหญิงรักและเห็นใจฝ่ายชาย ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงตกลงใจกันว่าจะเป็นของกันและกัน และเมื่อได้เสียกันแล้ว และญาติผู้ใหญ่ทราบเรื่องก็ทำอะไรไม่ได้ ไหนๆ ลูกสาวก็เสียตัวไปแล้ว ก็จะตกเป็นที่นินทา และในเมื่อฝ่ายชายไม่มีเงินทองจริง ญาติฝ่ายหญิงก็จำต้องให้ทั้งสองแต่งงานกัน ค่าสินสอดก็ไม่มีแต่จะมีค่า "เสียผี" คือการหลับนอนด้วยกันโดยยังไม่แต่งงานกันนั้นบางเผ่าถือว่าผิดผีอย่างแรง จึงต้องมีการขอขมาผีบรรพบุรุษ นี่พูดตามประเพณีสมัยก่อนนะ(อ้างอิงจากหนังสือ "ลูกอีสาน" ของคำพูน บุญทวี)
ประเพณีทางลาวจะเริ่มต้นที่พิธีโอม หรือพิธีโอมสาวก่อน พิธีโอมสาวก็คือการที่ฝ่ายชายส่งญาติผู้ใหญ่ไปทาบทามญาติฝ่ายหญิงก่อน เมื่อตกลงกันแล้วก็นัดหมายเจอกันที่จะมาโอม เมื่อวันโอมมาถึง ฝายชายและญาติ (เรียกว่าฝ่ายเจ้าโคตร)จะจัดขันหมาก 4 ขันกับเงินสามบาท มาให้ญาติฝ่ายหญิง ญาติฝ่ายหญิงรับขันหมากมาเคี้ยวและถ้าหากหยิบเงินสองบาทในขันไป ก็แสดงว่าญาติฝ่ายหญิงตกลงที่จะยกลูกสาวให้ จากนั้นก็จะกำหนดวัน "ดอง" และ "ค่ากินดอง" คือวันแต่งงานและค่าสินสอด แต่ถ้าหากคืนเงินสามบาทกลับคืน ก็แสดงว่าฝ่ายชายต้องกลับไปกินแห้ว
พ่อแม่ผมเสียตั้งแต่เด็ก ผมพยายามทำตามประเพณีตอนจะแต่งงานกับภรรยา จะให้ญาติผู้ใหญ่ไปสู่ขอญาติฝ่ายแฟนผมก็คงต้องเสียค่าเครื่องบินเหยียบราคาค่าสินสอดแน่ๆ อีกประการหนึ่งก็ไม่รู้ว่าจะใช้ภาษาอะไรพูดกัน ตกลงว่า ผมเป็นญาติผู้ใหญ่ให้ตัวผมเอง ขอวีซ่าได้ก็ตีตั๋วเครื่องบินบินข้ามขอบฟ้าไป "โอมสาว" กับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงคนเดียว บอกพ่อแม่ฝ่ายหญิงคือแฟนผมว่าผมรักลูกสาวท่านทั้งสอง และหมายมั่นว่าจะแต่งงานและครองเรือนกัน ไม่รู้ว่าพ่อแม่จะอนุญาตไหม ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเจอไม้นี้ถึงกับอึ้ง จะห้ามรึก็ใช่ทีจะส่งเสริมรึก็คงหวั่นว่าเจ้าหมอนี่จะเลี้ยงลูกสาวเราไหวหรือ พ่อของฝ่ายหญิงก็เลยหันไปพูดกับลูกสาวต่อหน้าผมว่า " I think you are going marry someone who has bright future" ผมนั่งฟังถึงกับลมออกหู! โดนตีวัวกระทบคราดเข้าอย่างจัง เลยสวนกลับนิ่มๆ ว่า " Bright future? if that's what you need, I am afraid I don't have it. However I would like to let you both know that I love your daughter and will always love her. Perhaps, that's the only bright future I can offer for now.
พูดตรงๆ ก็คือ ผมบินไปขอลูกสาวเขาโดยใช้ความรักเป็นค่าสินสอด พยายามทำตามประเพณีผมทั้งๆ ที่ไม่มีค่าสินสอดที่จับต้องหรือใช้จ่ายได้ ปัจจุบันนี้เราแต่งงานกันมาสิบแปดปีกว่าๆ แล้ว "ค่าสินสอด" คือความรักที่ผมใช้เป็นหลักประกันกับพ่อแม่ภรรยาผมในวันนั้นยังคงอยู่และไม่สูญหายไปไหน
สินสอดทองหมั้นอันมหึมาของคู่บ่าวสาวบางคู่ บางทีมันก็ไม่ได้การันตีความยั่งยืนของความรักอะไรได้เลย เมื่อสองสามปีก่อนเห็นข่าวหมั้นของคุณเปรมกับทา ทา ยัง ที่หอบเงินทองของหมั้นมาเป็นกระบุงจริงๆ สูงระดับร้อยกว่าล้าน เป็นข่าวฮือฮาทุบสถิติราคาสินสอดทองหมั้นที่เคยมีมาในประเทศไทย ท้ายที่สุดก็ไปไม่รอด ล้มเลิกพิธีหมั้น จากนั้นทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายก็ด่ากันผ่านสื่ออย่างสาดเสียเทเสีย
ปัจจุบันนี้เห็นราคาสินสอดทองหมั้นแล้ว รู้สึกแทบกระอักเลือด......จะรักจะหลงสาวเจ้าแค่ไหน มาราคาสินสอดฯ แล้วมันก็หวั่นไหวบ้างล่ะน่า อย่าว่าแต่ขาอ่อนเลย เอาแค่ปลายเล็บเท้าไอ้หนุ่มบ้านนอกคอกนาอย่างผมหรือใครๆ มีสิทธิ์ได้เห็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ชาตินี้
สมัยก่อนจริงๆ นะ เท่าที่เคยอ่านมา เวลาไอ้หนุ่มปิ๊งสาวคนไหนอยากจะเอามาเป็น มอสระเอีย ก็ไปดักรอทางที่เธอจะมาแล้วใช้ท่อนไม้เคาะหัวเธอให้สลบหรือสลึมสลือ จากกนั้นก็ลากไปล้วงไปจับที่ถ้ำแห่งไหนก็แล้วแต่สะดวก เจอ "สินสอด" เคาะหัวด้วยไม้จากฝ่ายชายอย่างนี้ สาวเจ้าหรือญาติฝ่ายหญิงคงขยาดที่จะเรียกสินสอดแน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
จากคุณ |
:
วัชรานนท์
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ต.ค. 53 07:03:55
|
|
|
|
 |