เรื่องนี้ผมเคยบ่นกับเพื่อนหลายครั้ง ส่วนตัวคิดว่าเป็นปัญหารากฐานสำคัญ
เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่แต่ไม่ทั้งหมด สิ่งที่ต่างกันที่สุดคือสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่ยุโรปถ้าคุณมาทางสายอาชีพคุณก็สามารถมีอาชีพและรายได้ที่ดี แต่ที่เมืองไทยส่วนมากคงต้องเรียกว่าหาเช้ากินค่ำ นอกจากนี้ประชากรในประเทศเหล่านี้ไม่ต้องกังวลถึงอนาคตมากนักเพราะแก่ตัว ก็มีสวัสดิการรัฐดูแล
สิ่งที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดอีกอย่างก็คือค่าแรงขั้นต่ำ และค่าแรงของ unskilled labor ที่นี่จึงเต็มไปด้วย automated systems ที่ยุโรปถ้าคุณเป็นช่างรถ ช่างไฟ หรือผู้เชี่ยวชาญทางวิชาชีพ บางทีคุณสามารถหาเงินได้มากกว่าคนจบปริญญาด้วยซ้ำ
ปัญหาบ้านเราผมว่าเริ่มจาก คุณภาพของการศึกษาสายวิชาชีพ ที่ถือว่าคุณภาพต่ำมาก ทำให้ผู้จ้างก็ไม่อยากจ้างเพราะจ้างมาแล้วทำงานไม่ได้ พอไม่มีคนจ้างหรือจ้างด้วยค่าแรงที่ต่ำมาก ก็ไม่มีคนเรียน
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือหลายๆ สถาบันพยายามเสนอ ปริญญา ให้กับการศึกษาที่ควรจะเป็นแค่ระดับวิชาชีพ ดังนั้นจึงเกิดการแบ่งแยกเกรดของสถาบัน ออกเป็นหลายๆ กลุ่ม ซึ่งกลุ่มส่วนใหญ่ถึงจะถือปริญญาตรี แต่จริงๆ แล้วความรู้แค่ระดับ ปวส เท่านั้น
ตรงนี้ผมว่าสำคัญ เพราะหัวตัวโตลีบผมว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ถ้าหัวเก่งจริง บ้านเรายังมีแรงงานระดับวิชาชีพอยู่อีกเยอะ หรือถ้าขาดแคลนจริงๆ เราก็ยังมีเพื่อนบ้านที่ยินดีเข้ามาทำงานใช้แรงงานที่บ้านเรา (ในลักษณะเดียวกับที่คนบ้านเราไปทำงานที่ตะวันออกกลางหรือประเทศอื่นๆ) ที่สำคัญจริงๆ คือคนที่ควรจะเป็นหัว จริงๆ มันเป็นแค่ตัวเท่านั้นเอง
อาจจะเขียนงงๆ หน่อยนะครับพอดีง่วงนอน ถ้ามีเวลาจะกลับมาจัดระเบียบความคิดให้อ่านง่ายๆ อีกที