........... เล่าเรื่องเมืองจีน (ภาคจบ)............

    สวัสดีกันอีกรอบค่ะ.......


    หลังจากได้ลูกยุจากหลายๆท่าน ว่าเอาอีก เขียนอีก คนบ้ายุอย่างดิฉันก็มีหรือจะรีรอ เเต่ก็มานั่งเปิดๆไดอารี่ที่เขียนไว้ทุกวัน ว่าจะเล่าเรื่องอะไรดีหว่า เพราะว่าเขียนไปเกือบหมดเเล้ว บางอย่างก็ล่อเเหลม เเละหลอกล่อให้โดนด่ามากถ้าเขียนไป เเต่เอาเถอะจะเล่าเเบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นก็เเล้วกัน เเต่ก่อนอื่น ไปทานยาเเก้เมากันมาก่อนนะคะ เมารถหรือว่าเมาเรืออะไรก็ใช้ได้ทั้งนั้น เพราะว่าอ่านไปเเล้วอาจมึนๆ กับการเขียนเรื่องวกไปวนมาของดิชั้น เหมือนว่าเเต่ก่อนตอนเป็นเด็กไม่เคยเรียนการเขียนบรรยายโวหารมาว่าเป็นอย่างไร (เเน๊....เล่นศัพท์สูงด้วยนะเเก) อ่านๆไปเถอะค่ะ อย่าคิดอะไรมากก็เเล้วกัน........


    วันเเรกๆที่เรามาถึง การออกไปเดินเล่นด้วยกันตอนเย็นในเมือง wuxi ยังไม่มีโอกาสได้ทำเท่าไหร่ เพราะว่าเรามาถึงเย็นวันจันทร์ พอเช้าวันอังคารคุณสามีก็ต้องเริ่มงานทันทีเเบบนันสต๊อปเช้ายันค่ำ
    ดิฉันก็ใช้โอกาสทองที่สามีไม่อยู่ ไปเดินสำรวจร้านรวงต่างๆ เอาไว้ช้อปปิ้งค่ะ เสื้อผ้าที่นี่ถูกมากกกกกกกกกก เเถมคุณภาพดีด้วยนะคะ เเต่ต้องเลือกๆหน่อย เพราะว่าบางดีไซน์ก็เอามาใส่ที่ยุโรปไม่ได้ ดิชั้นได้โค้ทมาตัวนึง หนาใช้ได้เลย ในราคาเพียง 398 หยวนเท่านั้น (หนึ่งยูโร = 9 หยวน) ถูกมากค่ะ ดูดีมีสไตล์ด้วยนะ ถ้ามาซื้อในอิตาลีคงได้เเขนข้างเดียวเท่านั้นเเหละค่ะ ดังนั้นทุกวันเมื่อสามีกลับจากที่ทำงาน ดิฉันจะมีของอวดเเทบทุกวัน ทำให้สามีอยากออกไปดูโลกภายนอกมั่ง ว่านอกจากหน้าเมีย กับหน้าเพื่อนร่วมงานที่เห็นกันจนจะอ้วกเเล้วนั้น หน้าอาหมวยสวยๆที่นี่ชวนฝันได้ขนาดไหน ดังนั้น....เย็นวันอาทิตย์วันหนึ่ง ที่ไม่ต้องไปทำงาน เเละไม่ต้องไปเเย่งกันกินกับพวกอาเฮียทั้งหลายด้วย (เพราะว่าทีมโปรเเกรมเมอร์ทั้งหมด มาจากเซี่ยงไฮ้ค่ะ เสาร์อาทิตย์เฮียก็กลับไปหาซ้อที่บ้านกัน) เราสองคนก็มีอิสระในการกินมาก เที่ยวเดินเสาะหาร้านอาหารที่มีเมนูพร้อมภาพประกอบ เพื่อที่จะได้ชี้กันสะดวกๆ (wuxi เป็นเมืองเล็กค่ะ นักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะ เมนูเค้าก็เป็นภาษาจีนหมด เเต่บางร้านมีภาพประกอบ เเทนที่จะเป็นภาษาอังกฤษควบภาษาจีน) หลังจากอิ่มหมีพีมันดีเเล้ว เราก็ชี้ชวนกันชมนก เอ้ย..ไม่ใช่ค่ะ ชวนว่าเดินกลับโรงเเรมดีกว่า เพราะว่าเดินได้ใกล้ๆจะได้เดินย่อยอาหารด้วย ขณะที่เดินผ่านศูนย์การค้าเเห่งหนึ่ง ก็เห็นเด็กกลุ่มนึง วิ่งตรงมาที่สามีดิฉัน พร้อมเเก้วพลาสติก เปล่าค่ะ…ไม่ได้วิ่งมาสาดน้ำ เเต่วิ่งมาขอเงิน มากันเจ็ดเเปดคนได้ คนนึงดึงเเขน คนนึงดึงขา ดึงเสื้อ พร้อมกับร้องว่า “มังนี่ๆ”มะรุมมะตุ้มอย่างน่าตกใจ ดิชั้นเห็นดังนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยวิ่งหนีไปเเอบอยู่ข้างๆเสา เเล้วโผล่ลูกกะตาออกมาข้างนึง เเอบดูว่าพี่โน่ของดิชั้นจะรอดชีวิตออกมาได้ยังไง ก็เห็นคุณสามีผู้น่าสงสารดึงเเขน ดึงขาเด็กออกพัลวัน เเล้วก็วิ่งหนี ปากก็ร้องเรียก “ดาร์ลิ่งๆ” ดิชั้นเลยวิ่งตามไป จนวิ่งๆเดินมาถึงโรงเเรม ดิชั้นก็หัวเราะก๊ากออกมา เพราะว่าเพิ่งเห็นว่า เสื้อโปโลที่สามีใส่ ตอนนี้โดนดึงจนย้วยยานเหมือนกระโปรงไปเเล้ว เธอบอกว่าเธอตกใจมาก ทำไมกรูกันมาอย่างนั้น ถ้ามาขอดีๆเธอก็จะให้ ดิชั้นเลยบอกว่าอย่าเชียวนา ถ้าเธอให้คนนึง อีกเป็นสิบก็จะมารุมขอเธอ คุณปั๋วเลยถามว่า งั้นทำไงล่ะ ถ้าวันหลังเจออย่างนี้อีก ดิชั้นก็ตอบว่า “ไม่รู้โว้ย” ไม่รู้จริงๆค่ะ ว่าจะทำยังไง เพราะว่าดิชั้นออกมาเดินเล่นคนเดียว ไม่เคยเห็นเจอเเบบนี้ ก็มาเเจ้งใจเอาเมื่อเพื่อนๆสามีบอกว่า ที่เมืองนี้ไม่ค่อยมีฝรั่ง เเล้วคนที่นี่ชอบคิดว่าฝรั่งเงินเยอะ ไปที่ไหนใครก็ต้อนรับ เด็กก็ชอบวิ่งมาขอเงิน จะหยุดเด็กพวกนี้ด้วยการตะคอก เเล้ววันนึงก็ได้เห็นวิธีการตะคอกเด็ก จากชายชาวจีนที่เเต่งกายภูมิฐานเเลดูไฮโซเชียวเเหละ เมื่อเด็กวิ่งกรูเข้ามา เเกก็จะหยุดยืน จ้องพวกเด็กๆเเล้วก็ตะคอก “ฮึ่ยยยย” ดังๆ พวกเด็กๆชะงักกึกเลยค่ะ เเล้วก็เดินจ๋อยกลับไปเลย เห็นเเล้วบอกได้คำเดียวว่าสงสารพวกเค้า เด็กพวกนี้ก็คงไม่อยากมาวิ่งขอตังค์เเบบนี้หรอกนะปลาทองว่า เพราะว่าบางรายเห็นมีเเม่ มาคอยรุนหลังให้วิ่งเข้าขอเงินด้วย เค้าคงทำด้วยความจำเป็น เเละก็คงรู้สึกเเย่อยู่อยู่ไม่น้อยกับความต่ำต้อยของตัวเอง เพราะว่าหน้าห้างที่พวกเค้าวิ่งขอเงินน่ะ มันมีร้านฟาสฟู้ดดังๆติดกระจกอยู่เรียงรายหลายร้าน ลูกผู้ดีมีเงินอายุรุ่นราวคราวเดี๋ยวกับพวกหนูๆทั้งหลาย ก็นั่งหั่นพิซซ่า โซ้ยสปาเก็ตตี้กันอย่างมีความสุข ความเเตกต่างสุดขั้ว มีเพียงเเค่กระจกกั้นเท่านั้นเอง เห็นเเล้วพูดไม่ออกค่ะ เลยกลับไปบอกสามีว่า ที่เพื่อนร่วมงานเธอบอกมาน่ะ ฉันไม่เห็นด้วยเลย วันนี้ฉันเห็นคนตะโกนใส่เด็กเเล้วฉันเศร้าว่ะ เล่าให้สามีฟัง ค้าก็บอกว่านั่นน่ะซิ ฟังเเล้วรู้สึกใจร้ายกับเด็กไปหน่อยนะ…..



    นอกจากเรื่องที่เล่าไปเเล้ว มีอีกอย่าง ที่ไม่เข้าใจมากๆเลย คือความไม่ค่อยจะให้เกียรติของคุณผู้ชายที่มีต่อคุณผู้หญิง เเล้วคุณซิ้ม คุณซ้อทั้งหลาย ก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาทวงสิทธิสตรีด้วยนะ ปล่อยให้เค้ากระทำย่ำยีความรู้สึกกันเหลือเกิน เห็นหลายทีเเล้ว ครั้งเเรกเลยที่ร้านอาหาร เห็นผู้ชายคนนึงกำลังกระหน่ำด่า พนักงานต้อนรับร้านอาหารอย่างเอาเป็นเอาตาย กะอีเเค่มีคนมาจอดรถขวางรถ(เบ๊นซ์)เเก ทำให้เเกเอารถออกจากซองไม่ได้ เเค่รอนิดรอหน่อย ก็เดือดดาลเหมือนเจ้าเข้าเเล้ว

    อาเเปะ : òç@§ù?%£§^?/&òàùè+£!”& (ไม่เข้าใจหรอกค่ะ เเต่เห็นอาการคนด่าเเล้ว พอเดาได้ว่าอีตานี่กำลังของขึ้นสุดๆเลย)

    พนักงานสาว : £$%:;称éP*^? ตอบเสียงเเผ่วๆพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

    อาเเปะ : £$ç°§*éòàù+’ì£$çò£$ç°é?^(òà+èù ดังกว่าเดิม เเล้วกวาดเอาเเจกันบนโต๊ะที่พนักงานต้อนรับนั่งอยู่ลงไปตกเเตกหมด พร้อมกับคว่ำโต๊ะตามอีกรอบ ???????????



    จ๊ากกกกกก......ดิชั้นเห็นเเล้วผีเเม่นาคจะเข้าสิง อยากยืดเเขนไปคว้ามะนาวมายัดปาก (สกปรกๆ) เเล้วคว้าคออาเเปะนั่นมาหักเป็นสองท่อนจริงๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่ะ มีลูกค้าในร้านออกมามุงดูด้วยนะคะ เเต่ไม่มีใครคิดจะห้ามเลย ูสามีดิชั้นก็หันไปบอกอาเฮียที่มาด้วยกันว่า ทำไมไม่เรียกผู้จัดการร้านออกมาเคลียร์ล่ะ ให้ผู้หญิงมารับหน้าคนบ้าอยู่คนเดียวได้ไง พวกอาเฮียก็ทำหน้าเลิ่กลั่กๆ หันซ้ายหันขวา เเล้วก็ตะโกน &ccedil;&deg;&sect;&ograve;&agrave;&egrave;+&pound;$%&&ograve;&agrave;&eacute;&ugrave; ซักพักก็มีอาเฮียอีกคน วิ่งหน้าเริ่ดออกมา ท่าทางคงเป็นผู้จัดการร้าน จัดการรับหน้าเเทนไป สาวน้อยผู้น่าสงสารก็วิ่งร้องไห้เข้าไปหลังร้าน เห็นเเล้วโก๊ดโกรธค่ะ ทำเหมือนผู้หญิงเป็นอะไรซักอย่าง น่าจับตอนให้หมดเลยพวกนี้ อีกครั้งก็ตอนไปเข้าคิวซื้อตั๋วขึ้น TV Tower ที่หน้าช่องขายตั๋ว จะมีช่องที่เปิดขายอยู่สี่ห้าช่อง เเถวข้างๆดิชั้นจะมีผู้หญิงยืนรอซื้อตั๋วต่อจากผู้ชายสามคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า พอถึงคิวเธอ ก็ดันมีไอ้เบื๊อกโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้คนนึง เสือกเเขนพรวดพร้อมเงิน ปาดหน้าเธอเข้าไปในช่องขายตั๋วอย่างไร้มารยาทเเละรสนิยมอย่างเเรง เธอก็มอง เเต่ก็่ไม่ว่าอะไร ดิชั้นละงุนงง สงสัย เป็นอย่างยิ่ง ว่าเธอยอมได้ยังไง ยืนรอก็ตั้งนาน เเดดก็ร้อน ปล่อยให้คนเเบบนี้ถือสิทธิ์ทรามๆทำเเบบนี้ได้อย่างไร ดิชั้นหันไปมองสามีทำนองว่า เฮ้ยๆเราจะยืนมองอย่างนี้น่ะหรือ สามีก็ทำหน้าเเบบไม่รู้จะทำยังไงดี ดิชั้นเลยยืนจ้องหน้าอีตานั่น เเบบเอาเป็นเอาตาย เเต่พี่เเกก็ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยเเฮะ เดินถือตั๋วออกไปอย่างไม่มีใครทำอะไรได้.......ที่นี้มาถึงตอนยืนเข้าคิวรอขึ้นลิฟท์ไปยอด tower เค้าก็ทำที่กั้นเเบบเป็นเหล็กกั้นเเค่เอว เเบบเขาวงกตวกไปวกมา ยืนรอมาได้ชั่วโมงกว่า เเถวก็ไม่ค่อยขยับเลย เพราะว่าลิฟท์มีเเค่สามตัว เเต่คนรอขึ้นเป็นเเสน มันก็เลยช้า นังปลาทองเริ่มหงุดหงิด ปวดขา หิวข้าว หิวน้ำ ร้อน สาระพัดที่จะเป็นตอนนั้น พอดีเเถวขยับไปตรงมุมพอดีใกล้กับเจ้าหน้าที่ ที่ยืนอยู่ สามีก็เลยขออนุญาตว่า ขอออกเเถวไปซื้อน้ำให้ภรรยาสุดสวยหน่อยได้ไหม มันกำลังจะตายเพราะหิวน้ำอยู่เเล้ว เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไปเลยคุณฝรั่ง (คนที่นี่ให้เกียรติเเละนอบน้อมกับพวกฝรั่งดั้งขอมากค่ะ) ระหว่างที่ดิชั้นยืนรอสามีด้วยความงุ่นง่านอยู่ สายตาอันฉับไวปานเหยี่ยวของดิชั้น ก็เหลือบไปเห็นอาเฮียหน้าตาดีคนนึง กำลังมุดราวเหล็กตัดเเถวเข้ามาสองสามเเถวเเล้ว ไม่มีใครว่าอะไรเลย ทุกคนทำหน้าเหมือนไม่เป็นไร..... มาเเล้วๆใกล้เข้ามาเเล้วค่ะ พอเฮียมาเกือบถึงเเถวอิชั้น เธอก็เงยหน้ามามองดิชั้นหน่อยนึง เเล้วก็เตรียมมุดปาดหน้าดิชั้นไปเเถวถัดไป คิดหรือว่าจะได้ไปง่ายๆ ความหล่อเเบบตี๋ไม่สามารถทำให้ดิชั้นใจละลายได้หรอกค่ะ นังปลาทองยกขากั้นเลยค่ะ รองเท้าดิชั้นห่างหน้าอาเฮียพอได้กลิ่น เเกโกรธมาก ด่าดิชั้นลั่นเลย &ccedil;?%$&pound;6&ograve;&agrave;&egrave;+&ugrave;&ograve;<4356&ograve;&agrave;&egrave; ดิชั้นก็ไม่น้อยหน้า ตะคอกออกเเนวตะโกนกลับไป WHAT? What are you doing? ได้ผลค่ะ อาเฮียเเกชะงักเล็กน้อย หยุดคลานเป็นหมาทันที ลุกขึ้นมายืนมองหน้าดิชั้น เเต่สีหน้าไม่ใช่เอาเรื่องนะคะ เป็นสีหน้างุนงง ระคนสงสัย (ไม่รู้เหมือนกันว่าสงสัยอะไร) เเล้วก็หยุดอยู่เเถวที่อยู่ข้างๆดิชั้นนั่นเเหละค่ะ ยังเห็นเเก่ตัวนะคะ ไม่ยอมกลับไปเเถวเดิมตัวเองอีก ซักพักก็จะหันมามองดิชั้นเป็นระยะๆ ยิ่งตอนสามีกลับมาเเล้ว เเกยิ่งมองดิชั้นสลับกับสามี จนสามีถามว่าทำไมผู้ชายคนนี้มองเราจัง พอดิชั้นเล่าเรื่องน่าภูมิใจในเกียรติประวัติหญิงไทยให้ฟัง สามีก็เตือนว่าระวังๆหน่อยนะ ยืนอยู่คนเดียวเดี๋ยวก็มีเรื่องหรอก จะไม่มีใครช่วยเอานะ ดิชั้นก็บอกว่าเอาซิ จะทำอะไรล่ะ จะมาบีบคอเหรอ จะเตะให้ไข่เเตกเลย ลองดูซิ…สามีก็ได้เเต่ส่ายหน้าเเบบปลงๆที่มีเมียเรียบร้อยเเบบดิชั้น


    ตาย……เขียนอะไรมายืดยาวเยอะเเล้ว พอดีกว่ามั้งคะ เดี๋ยวจะพาลปวดหัว กินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับกันซะเปล่าๆ ดูรูปต่อเลยนะคะ ผีเสื้อ

    จากคุณ : ปลาทอง9 - [ 8 ก.ย. 46 01:16:34 ]