ความคิดเห็นที่ 1 ลืมบอกไปครับ ว่ายังไม่ได้สอบ gre เห็นเค้าบอกกันว่าถ้าจะเรียนต่อ econ มหาลัยเค้าจะดูคะแนน gre ส่วนที่เป็นเลขเป็นหลัก ใช่หรือไม่ครับ? จากคุณ : dora-aek (dora-aek) - [ 14 มิ.ย. 48 07:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่แล้วเค้าดูคะแนน GRE กับเกรด แต่บางที่ก็ไม่ดูคะแนน GRE ค่ะ เท่าที่ดูข้อมูลของคุณแล้วมีสิทธิ์ที่จะเข้ายูที่คุณอยากเข้าสูงค่ะ ยังไงก็ลองเข้าไปดูในเวปของแต่ละยูเอานะคะว่าเค้าต้องการอะไรบ้าง ขอให้โชคดีนะคะ   อิอิอิ มีเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกับเราแล้ว จากคุณ : คนรักหมีพูห์ - [ 14 มิ.ย. 48 10:16:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลองดูที่เว็บต่อไปนี้ครับ http://www.econphd.net/ และ http://www.albany.edu/econ/eco_phds.html แต่อยากแนะนำให้เรียนคณิตศาสตร์เพิ่มครับ สำคัญมาก จากคุณ : อยากเรียนแต่แก่เกิน (นักแปลพเนจร) - [ 14 มิ.ย. 48 10:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Oxbridge, Cornell น่าจะได้นะ ถ้าข้อมูลเป็นอย่างที่บอก เพราะรุ่นพี่ของคุณที่เกรดประมาณนี้ หรือน้อยกว่านี้ก็เคยทำกันได้สำเร็จ แล้ว ส่วน Stanford ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน ก็ลองดู อาจจะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ก็ได้นะครับ แต่ถ้าอยากเรียน intertrade ล่ะก็ Columbia ก็ดีนะครับ ตอนนี้ก็มีคนไทยเรียนอยู่ แต่เขาก็จบ ตรี-โท จากต่างประเทศมา ปล. GRE ไม่ได้สำคัญมากมาย เพราะส่วนใหญ่ผู้สมัครก็น่าจะได้ Q.800 หรือใกล้เคียงอยู่แล้ว ปัจจัยอื่นเช่น จม recommend (จากอาจารย์สำคัญ ๆ) หรือ รายวิชาที่เคย take น่าจะสำคัญมากกว่า รวมทั้ง research experience ซึ่งนักศึกษาที่สมัครจากเมืองไทยจะยังเสียเปรียบเขาอยู่  แต่ลองดูก็ไม่เสียหลาย http://www.stanford.edu/~athey/gradadv.html http://www.stanford.edu/~athey/sradv.html http://www.epinions.com/content_1336254596 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 48 10:55:26 จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ 14 มิ.ย. 48 10:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณมากๆครับสำหรับทุกคำแนะนำ ลิงก์ต่างๆก็มีประโยชน์มากๆครับ (พี่ BF ผม david ginola เองนะครับ) ปีสุดท้ายที่เหลืออยู่ผมคงจะต้องหาทางเป็น RA ที่คณะสักหน่อยครับ ส่วน letters ก็ตอนนี้มีอาจารย์สองท่านแล้วที่น่าจะเขียนให้ได้ (ท่านนึงอยู่ tu อีกท่านอยู่ uc davis ชื่อ wing woo) ครับ ผมคงต้องหาอีก 1 ฉบับ ที่อยากถามต่ออีกนิดก็คือเรื่องของ math courses ครับ ที่ผ่านมาผมลง math ไว้ดังนี้ Calculus 2 ตัว (ได้ A ตัวนึง แต่อีกตัวได้แค่ B ผมกลัวมากว่า admission committee เค้าเห็นเกรดตัวนี้แล้วเค้าจะไม่รับ) Stat 2 ตัว (A ทั้งสองตัว) Linear Algebra ตัวนึง (A) Econometric1 ตัวนึง (A) Intro to Math econ (A) ปีสี่นี่ที่แน่ๆ ผมกะจะลง math econ เพิ่มอีกอย่างน้อยหนึ่งตัวครับ อยากถามว่าผมควรจะลง math econ2 กับ econometric2 เพิ่มอีกสองตัวไหมครับ? ผมก็กล้าๆกลัวๆ เพราะถ้าลงแล้วไม่ได้เอ อาจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี (หรือเปล่า?) แต่คิดอีกทีผมว่าลงไปก็ดีเพราะว่าจะได้ช่วยให้พื้นฐานเลขเราดีขึ้นเวลาไปเรียนต่อ... ขอคำแนะนำด้วยครับ จากคุณ : จขกท (dora-aek) - [ 14 มิ.ย. 48 11:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีจ๊ะ.. นี่พี่สาวจากเมืองเกาะเจ้าเก่านะคะ.. ต้องลงเลขเพิ่มทั้งสองตัวเลยจ๊ะ ส่วนเรื่อง RA ตอนนี้ที่คณะมีอาจารย์ต้องการหลายคนนะ พี่ว่าเราหาได้ไม่ยากอยู่แล้วล่ะ ถ้าจะไปอเมริกาเลยอาจจะยากสักหน่อยนะคะ พี่ๆพวกเราส่วนใหญ่สมัครปีแรกหลังเรียนจบเลยจะยังไม่ได้กัน แต่ถ้าทำงาน RA หรือวิจัยอื่นๆสักปีแล้วลองสมัครใหม่ ก็ได้กันนะคะ ที่ Cornell มีพี่ๆศิษย์เก่าเรียนกันอยู่หลายคน มีอีกคนกำลังจะไปปีนี้ ไว้เรากลับมาแล้วโทรหาพี่ละกัน เผื่อจะนัดเจอกันนะจ๊ะ เอาใจช่วยเต็มที่เลยค่ะ จากคุณ : tu-gal - [ 14 มิ.ย. 48 15:58:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Stanford ก็มีรุ่นพี่ธรรมศาสตร์ ชื่อเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จบตรีที่ธรรมศาสตร์ เกรดน้อยกว่าน้องยังได้เข้าเรียนจนจบด๊อกเตอร์มาเลย พี่จะลงรายละเอียดเฉพาะสาขาที่น้องต้องกี่นะ ที่ Oxford อาจารย์ส่วนใหญ่จบจาก Oxford ส่วนที่ MIT อาจารย์มาจาก MIT, Harvard, Princeton, Stanford, เหมือนที่ Stanford ที่อาจารย์ส่วนใหญ่ก็จบจากสี่ยูดัง นี้ Cornell มองข้ามไปเลย ความสามารถระดับน้อง ต้องต่อ MS Mathematics สักหนึ่งใบเอาวิถีทางเลขก่อน แล้วต่อด้วย PhD Economics จะ perfect สุดๆ จากคุณ : woodiefamous@gm - [ 14 มิ.ย. 48 16:45:17 A:203.161.90.48 X:203.161.90.48 TicketID:101713 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ข้างต้นเป็นข้อมูลอาจารย์ที่น้องจะเจอหากอยากเข้า พี่แนะนำตามประสานะว่าที่ไหนก็ดี ทั้งนั้นหากจบจากต่างประเทศ หากจะขอกรีนการ์ด หรือโอกาสทำงานต่างประเทศ มหาลัยดังๆก็มีส่วน แต่เราอาจเป็นแค่นักวิเคาระห์นะ เพราะเราเก่งจัด ในอดีต คนเก่งๆ ไม่ได้เรียนที่ดังๆ เพราะไม่มีเส้นสาย ตราบเท่าปัจจุบันนี้ ถึงแม้ว่าน้องจบเอกจากธรรมศาสตร์ หรือจุฬา น้องก็ไม่เป็นสองรองใครหรอก จากคุณ : woodiefamous@gm - [ 14 มิ.ย. 48 16:50:55 A:203.161.90.48 X:203.161.90.48 TicketID:101713 ]

ความคิดเห็นที่ 9 >Stanford ก็มีรุ่นพี่ธรรมศาสตร์ ชื่อเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จบ >ตรีที่ธรรมศาสตร์ He(เจิมศักดิ์) got Phd in Agricultural econ. not econ. They are very differerent. จากคุณ : . - [ 14 มิ.ย. 48 18:28:55 A:192.91.247.212 X: TicketID:001954 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อู้ยตาย เหม่ เหม ขอโทษค่ะ ท่านจบ ตรี เกียตริดีมา และโท ที่ มธ หลังจากนั้นก็คว้า ป เอก ทางเศรษฐศาสตร์ จาก สแตนฟอร์ด แต่สาขาไหน ไม่รู้ รู้แต่ว่า จบมาแล้วเป็นผู้เชี่ยวชาญทางเกษตรศาสตร์ แต่ข้อมูลเหม่เหม ณ ปัจจุบัน สแตนฟอร์ดไม่เอาสาขานี้มาสอนแล้วนะ มีแต่ environmental econ แทน มีผู้เชี่ยวชาญท่านเดียวชื่อ Lawrence Goulder ข้อมูลคลาดเคลื่อน ขอโทษ แต่อย่างอื่นขอยืนยันว่าจิง จากคุณ : woodiefamous@gm - [ 14 มิ.ย. 48 20:22:20 A:203.161.90.48 X:203.161.90.48 TicketID:101713 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เราไม่อยากเถียงให้กระทู้น้องเขาเปลืองที่ แต่ติดใจที่ว่า agricultural econ and econ มัน very แตกต่าง นี่สิ โทษนะ เราก็ไม่ได้โง่ที่จะคิดไม่ออกนะ เพียงแต่ก่อนบอกว่ามันแตกต่าง ช่วยคิดว่า management and management information system มันต่างกันหรือเปล่า ถ้าต่างก็คิดอีหรอบเดียวกับเศรษฐศาสตร์ กับเศรษฐศาสตร์เกษตร คุณต้องไปดูดีๆนะ เราคิดว่ามันเป็นแค่ สาขาหนึ่งเท่านั้นเอง ตัวหลักการก็ต้องเรียนเศรษฐศาสตร์เป็นพื้นฐาน เพียงแต่แยกออกมาเป็นสาขาเท่านั้นเอง ถ้าจะเหมือนกับครู ครูสังคม กับครูอังกฤษ มันก็ครูเหมือนกัน เพียงแต่เชี่ยวชาญคนละเรื่อง แต่ถามว่าองค์ความรู้เหมือนกันไหม แบบเดียวกันแหละ จากคุณ : woodiefamous@gm - [ 14 มิ.ย. 48 21:37:40 A:203.161.90.48 X:203.161.90.48 TicketID:101713 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่าคุณ woodiefamous@gm กำลังเข้าใจผิดนะครับ ก่อนที่คนอื่นจะเข้าใจผิดไปด้วย จริง ๆ แล้วข้อมูลส่วนใหญ่ที่กล่าวมาก็ถูกครับ เป็นความจริงครับที่ว่า ดร.เจิมศักดิ์ "ท่านจบ ตรี เกียตริดีมา และโท ที่ มธ" แต่ไม่จริงครับที่ว่า  "หลังจากนั้นก็คว้า ป เอก ทางเศรษฐศาสตร์ จาก สแตนฟอร์ด" และก็เป็นความจริงครับที่ว่า "จบมาแล้วเป็นผู้เชี่ยวชาญทางเกษตรศาสตร์ แต่ข้อมูลเหม่เหม ณ ปัจจุบัน สแตนฟอร์ดไม่เอาสาขานี้มาสอนแล้วนะ" ดร.เจิมศักดิ์ จบจากสแตนฟอร์ด ที่ Food Research Institute (FRI) ซึ่งถูกปิดไปแล้วตั้งแต่ปี 1996 จริง ๆ แล้วผมคิดว่าคุณ woodiefamous@gm "ไม่ได้โง่ที่จะคิดไม่ออกนะ" แต่ผมคิดว่าข้อมูลที่มันมีอยู่ถูกบิดเบือนไปนิดหน่อย แม้แต่ประวัติของ ดร.เจิมศักดิ์ ที่มีอยู่ในเว็บของวุฒิสภายังบอกว่าจบ PhD Economics แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้จบจากคณะเศรษฐศาสตร์ (ก่อนทศวรรษ 1950s นักศึกษาที่จบจาก FRI ได้รับปริญญาสาขาเศรษฐศาสตร์ครับ แต่หลังจากนั้น FRI มี graduate program ของตนเองครับ คำถามต่อมาคือ ดร.เจิมศักดิ์เข้าเรียนปีไหน? ผมจำแน่นอนไม่ได้ แต่จบปี 1977 ครับ 20 กว่าปีหลังจาก FRI มี grad program ของตัวเองแล้ว) จริง ๆ แล้วควรจะระบุว่า PhD Food Research Institute มากกว่า ผมยกตัวอย่างของคนที่เคยจบที่นี่เค้าเขียนไว้ใน CV นะครับ http://www.ace.uiuc.edu/ViewFaculty.aspx?NetID=laurian เพราะฉะนั้นการระบุดังกล่าวทำให้เข้าใจผิดกันได้ ไม่ได้เป็นความโง่ของใครแต่อย่างใด ในประเด็นต่อมาเรื่องที่ว่า "agricultural econ and econ มัน very แตกต่าง" อันนี้เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันได้ คำว่า "แตกต่าง" ของแต่ละคนก็คงให้ความหมายต่างกัน FRI นั้นแน่นอนว่าเครื่องมือที่ใช้ในส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือทางด้านเศรษฐศาสตร์ แต่โดยปรัชญาตั้งตนแล้ว FRI เน้นความเป็น Interdisciplinary (โดยเริ่มตนนั้น FRI มี co-director ถึง 3 คน โดยแต่ละคนมีความเชียวชาญต่างสาขากัน ได้แก่ physiology and chemistry of nutrition, economics and food distribution, และchemistry of food manufacture and agriculture) ผมคิดว่าคุณ woodiefamous@gm คงเข้าใจว่า ดร. เจิมศักดิ์ เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ แต่เลือกในสายเศรษฐศาสตร์เกษตร เลยรู้สึกว่า "มันเป็นแค่ สาขาหนึ่งเท่านั้นเอง ตัวหลักการก็ต้องเรียนเศรษฐศาสตร์เป็นพื้นฐาน เพียงแต่แยกออกมาเป็นสาขาเท่านั้นเอง" ซึ่งคิดอย่างนั้นจะว่าไปก็ถูกครับ แต่สิ่งที่มันทำให้ "very แตกต่าง" เนี่ยมันคือจุดเน้นที่ทำให้ FRI ตั้ง grad program ของตัวเอง ข้อความต่อไปนี้คือข้อสรุปที่ Rockefeller Foundation และ FRI เห็นพ้องกัน "...  with growth in the size of the Economics Department and its orientation toward theory and methodology, it would no longer be feasible for it to provide the sort of training in an interdisciplinary and applied approach to research provided by the Institute's faculty.." นั่นคือก่อนทศวรรษ 1950 คงบอกได้ว่า มันก็ "อีหรอบเดียวกัน" แต่หลังจากนั้นผมไม่แน่ใจครับ เนื่องจากปรัชญาพื้นฐานก็ต่างกันแล้ว เศรษฐศาสตร์ในขณะนั้นมีพัฒนาการทางด้าน methodology และ theory อย่างกว้างขวาง ในขณะที่ความเป็น interdisciplinary ของ FRI นั้น งานส่วนใหญ่จะเป็น field research ซึ่งจะศึกษาเรื่อง nutrition ของประเทศกำลังพัฒนามากกว่า เพียงเท่านี้ผู้ที่ศึกษาเศรษฐศาสตร์ในระดับ graduate study น่าจะพอเห็นความแตกต่างกันระหว่าง PhD Economics กับ PhD ในสาขาอื่น ๆ พอสมควร โดยผมไม่ได้จะบอกว่าอันไหนยากกว่า ง่ายกว่า น่าชื่นชมกว่า แต่อย่างใด ดังนั้นข้อสรุปของคุณ woodiefamous@gm ที่ว่า "ถ้าจะเหมือนกับครู ครูสังคม กับครูอังกฤษ มันก็ครูเหมือนกัน เพียงแต่เชี่ยวชาญคนละเรื่อง" ก็คงไม่ผิด เหมือนกับนักศึกษาปริญญาเอกฟิสิกส์ กับ ศิลปะ ก็นักศึกษาปริญญาเอกเหมือนกัน แต่เชี่ยวชาญคนละเรื่อง แต่ข้อสรุปที่ว่า "แต่ถามว่าองค์ความรู้เหมือนกันไหม แบบเดียวกันแหละ " อันนี้ผมไม่ขอตอบอย่างที่บอกว่าความเหมือนหรือแตกต่างเป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ ปล. ในประเด็นของ ดร.เจิมศักดิ์ที่สำเร็จการศึกษาจากสแตนฟอร์ดนั้น ผมได้ยินมาว่ากระบวนการของอาจารย์นั้นแตกต่างจากบุคคลอื่น ซึ่งไม่ได้อยู่ในประเด็นนี้จึงไม่ขอกล่าวถึงครับ จากคุณ : November Seabreeze (November Seabreeze) - [ 14 มิ.ย. 48 23:52:14 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ที่เค้าว่าแตกต่างกัน เป็นเพราะเรียนในคนละ department รึเปล่าคะ เดาเฉยๆค่ะ เพราะที่โรงเรียนเรา econ กับ ag econ เรียนกันคนละคณะ อยู่คนละ college เลย ถึงน้องเจ้าของกระทู้  ถ้าอยากเรียน inter econ อย่ามา cornell นะคะ  ตอนนี้เราขาดแคลนคนในสาขานี้อย่างหนัก  แต่ถ้าอยากทำ growth & development ที่นี่มีชื่อเสียงพอสมควร [เพราะมี Basu อยู่] แต่ถึงเวลา พอมาเรียนเอกจริงๆแล้วอาจอยากเปลี่ยนใจก็ได้ค่ะ ที่จริง ร้อยละ 70-80 เลยที่เปลี่ยนสาขาหลังจากเรียนปีแรกไปแล้ว พยายามเรียนเลข+ทำresearchมาให้มากที่สุดนะคะ ถ้าไม่เรียน metrics 2 กับ math econ 2 มา ถึงเวลาเรียนลำบากแน่ๆ เพราะที่นี่ไม่ปูพื้นmathกันเลย จะให้ดีไปหา real analysis เรียนด้วยก็ดีค่ะ [ไป sit in กับป.โทก็น่าจะได้] ส่วน research นี่ เป็นผลดีเวลาจะเริ่มเขียน paper ค่ะ โอ้... ตอนที่เขียนยังไม่เห็นความเห็นคุณ NS อ่ะค่ะ  แปลว่าความสามารถในการเดาของเราใช้ได้ :) แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 48 00:00:27 จากคุณ : midori - [ 14 มิ.ย. 48 23:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จะถามคุณ woodiefamous@gm ด้วยค่ะ ว่าทำไมให้มองข้าม Cornell ไปล่ะคะ? จากคุณ : midori - [ 15 มิ.ย. 48 00:10:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีครับ ผมเป็นรุ่นพี่ของเจ้าของกระทู้นะครับ อยากจะเข้ามาแนะนำอะไรตามที่ผมพอจะรู้อยู่บ้าง การสมัครเรียนต่อปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์ที่อเมริกานั้นการแข่งขันค่อนข้างจะสูงนะครับ เพราะฉะนั้นอย่าไปตั้งความหวังไว้กับที่ใดที่หนึ่งมากจนเกินไป สมัครให้มากเข้าไว้เพราะโอกาสที่จะถูกตอบปฏิเสธทั้งหมดจะได้น้อยลงไปตามจำนวนมหาวิทยาลัยที่สมัครไป ผมเองเคยรู้สึกว่า profile ของตัวเองก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าคนอื่น จบจาก B.E. มาด้วยเกรด 3.8 (วิชาเอก Econometrics) โทเฟลก็ได้ 280 เท่ากับน้อง จบโททางเศรษฐศาสตร์จาก LSE โดยได้ distinction ในวิชา Econometrics (แต่วิชา macro ผมแย่มากๆ) จบโททางสถิืติจาก Chicago ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.96 คนที่เขียน recommendation letter ให้ผมก็เป็น Professor ที่เป็นหัวหน้าภาควิชาืที่ Chicago ซึ่งผมแอบฉีกจดหมายฉบับหนึ่งดูเขาก็เขียนว่าผมอยู่ใน top 2% ของนักเรียนทั้งหมดของเขา พ่อของ Professor คนนี้ก็เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่เคยได้รับรางวัล Nobel มาแล้ว recommendation letter อีกฉบับที่ผมได้จาก LSE ก็ดีมากพอๆ กัน เพราะอาจารย์คนนี้เคยขอ extended essay ของผมสมัยผมเรียนอยู่ที่อังกฤษไปเป็นตัวอย่างให้กับรุ่นหลังๆ กิจกรรมนอกหลักสูตรผมก็ทำมาแล้วนับไม่ถ้วน พูดได้ 3 ภาษา ตอนอยู่ที่ Chicago ผมเคยเป็น TA ก็ได้รับการประเมินทั้งจากนักเรียนและอาจารย์ว่าอยู่ในระดับดีมาก ผมยังถูก Cornell reject มาเลยครับ จากคุณ : นาธ - [ 15 มิ.ย. 48 00:58:08 A:152.3.238.89 X: TicketID:098376 ]

ความคิดเห็นที่ 16 For inter econ, why dont u consider Madison? Charles Engel and Bob Staiger (Editor and Assoc Editor of Journal of Inter Econ) are there. จากคุณ : WTO Research - [ 15 มิ.ย. 48 01:32:41 A:195.176.162.19 X: TicketID:001954 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อีกเรื่องที่ผมอยากแนะนำนะครับ ผมอยากให้น้องลองสมัครไปที่อังกฤษดูก่อนครับ ด้วย profile อย่างน้องผมค่อนข้างแน่ใจว่า ต้องเข้าไม่ Oxbridge ก็ LSE ได้ เหตุผลข้อแรกก็คือการได้สัมผัสชีวิตที่อังกฤษ และบรรยากาศการเรียนที่อังกฤษครับ ผมไม่ปฏิเสธหรือสงสัยความก้าวหน้าในความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ของทางฝั่งอเมริกาหรอกครับ แต่สำหรับผมแล้วการที่ได้เดินรอบๆ สนามหญ้าของ Balliol ที่ Adam Smith เคยเดินมาก่อน การได้ทานอาหารในห้องอาหารที่ Kings ที่ Keynes เคยทานมาก่อน การได้อ่านหนังสือในห้องสมุดของ LSE ที่ Hicks เคยนั่งมาก่อน เป็นสิ่งที่คนที่สามารถเลือกได้อย่างน้องน่าจะพิจารณาดูนะครับ อีกอย่างก็คือปริญญาจากอังกฤษจากทั้งสามที่นั้นเป็นปริญญาโท ในขณะที่ปริญญาทางฝั่งอเมริกานั้นเป็นปริญญาเอก การได้เรียนปริญญาโทก่อนนั้นจะเป็นการเชื่อมความต่างของระดับความรู้ในระดับปริญญาตรีกับเอกได้ในระดับหนึ่งครับ จริงอยู่ที่การเรียนนั้นไม่จำเป็นต้องเรียนให้เรียงกันไปตาม ตรี โืท เอก แต่การเรียนปริญญาตรีทางเศรษฐศาสตร์ในประเทศไทยนั้น ผมกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าไม่ใช่การเตรียมพร้อมในระดับปริญญาเอกที่ดีพอ และเหตุผลอีกข้อหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากก็คือการได้เริ่มรู้จักว่าการเรียนเศรษฐศาสตร์ภายหลังปริญญาตรีนั้นเป็นสิ่งที่น้องสามารถจะทนกับมันไปอีกห้าปีได้หรือไม่ ผมเองนั้นบอกตรงๆ ว่ามาเรียนเศรษฐศาสตร์เพียงเพราะอยากได้คำว่า Dr. นำหน้า แต่ไม่ได้ชอบหรือหลงใหลเศรษฐศาสตร์อะไรเป็นพิเศษหรอกครับ ความคิดของผมเองก็ไม่ได้เป็นความคิดอย่าง "นักเศรษฐศาสตร์" ที่อยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะวิชา Econometrics ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีว่ามีความเป็นเศรษฐศาสตร์น้อยที่สุด เมื่อวานนี้เองผมเพิ่งคุยกับคุณพ่อของผมว่าผมคิดที่จะเลิกเรียนแล้ว และผมก็ได้ตัดสินใจเด็ดขาดจองตั๋วเที่ยวเดียวกลับบ้าน เหตุผลจริงๆ ก็มีอยู่หลายอย่างประกอบกันครับ ซึ่งหลายอย่างก็ไม่ได้เกี่ยวกับที่น้องถาม จะให้ผมพูดสรุปก็คือเศรษฐศาสตร์ที่น้องกำลังจะมาเจออาจจะไม่ได้เหมือนกับเศรษฐศาสตร์ที่น้องเคยรู้จักก็ได้ครับ ถ้าอย่างไรลองไปเรียนที่ Oxbridge ก่อน เดิืนดูสนามหญ้าที่ได้รับการดูแลมาร่วมห้าร้อยปีก่อน นั่งรถไฟไปกินเป็ดที่ลอนดอนวันเสาร์อาทิตย์ หรือไปเที่ยวดูหมอกกับเพื่อนที่ Scotland ก่อน แล้วค่อยไปเรียนอเมริกาก็ไม่สายเกินไปหรอกครับ ^_^ จากคุณ : นาธ - [ 15 มิ.ย. 48 01:35:31 A:152.3.238.89 X: TicketID:098376 ]

ความคิดเห็นที่ 18 I totally agree with the last 3 paragraph of #17. To #17, cheer up. จากคุณ : WTO Research - [ 15 มิ.ย. 48 01:46:39 A:195.176.162.19 X: TicketID:001954 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณนาธเป็นไรไปคะ แอบชื่นชมเงียบๆมาตลอดเลย เกิดไรขึ้น เปิดกระทู้ส่งข่าวหน่อยค่ะ เป็นห่วง จากคุณ : Lastminute Girl - [ 15 มิ.ย. 48 06:30:41 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านกระทู้นี้แล้ว  เปิดหูเปิดตาขึ้นเยอะเลย เฮ้อ จากคุณ : CfaMania - [ 15 มิ.ย. 48 08:44:06 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ท่านนาธ ถ้าผมเข้าใจถูกว่าท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่น B.E. กับผม ท่านน่าจะ อยู่ที่ Duke ต่อนะครับหรือครับผมว่าท่านทนต่ออีกหน่อยน่าจะจบต่อได้ไม่ยากมากครับ ผมเชื่อในความสามารถของท่านและถ้าท่านกลับมาใช้ทุนผมว่ามันน่าเบื่อกว่าเยอะเลยครับ ส่วนเจ้าของกระทู้ครับปีนี้ที่ธรรมศาสตร์มีอาจารย์หนุ่มๆ หลายคนกำลังจะไปเรียนต่อ ไม่ว่าจะเป็นคุณ November ฯลฯ ผมว่าคุณลองไปคุยกับอาจารย์เหล่านั้นสิครับจะได้ประโยชน์มากเลยและจะได้ข้อมูลมากพอว่าคุณอยากเรียนต่อหรือไม่ครับ จากคุณ : Bike - [ 15 มิ.ย. 48 10:57:01 A:192.150.249.114 X: TicketID:101800 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมขอเข้ามาชี้แจงอีกสักหน่อยนะครับ พอดีอ่านกระทู้ตัวเองแล้วอาจจะทำให้หลายคนเข้าใจผิดได้ ที่ผมพูดถึงในความเห็นที่ 15 ก็เพียงเพราะอยากจะสื่อให้รู้ว่าอย่าได้ประเมิน Cornell ต่ำหรือถึงกับ "มองข้ามไป" Cornell ในความเห็นของผมนั้นเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ไม่ว่าใครก็ตามผมก็ไม่เห็นว่าจะถึงกับมองข้าม Cornell ไปได้ จากคุณ : นาธ - [ 15 มิ.ย. 48 11:37:39 A:152.3.245.150 X: TicketID:098376 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณทุกๆท่านมากๆครับสำหรับคำแนะนำดีๆ ผมเองพอดีมาแลกเปลี่ยนอยู่ UC Davis ปีนึง ก็พอได้คุยกับพวกนักศึกษา phd ที่เป็น TA อยู่หลายคน ตอนแรกผมก็ตกใจเหมือนกันว่า phd econ นี่มันเลขทั้งนั้นเลยเหรอเนี่ย... ก่อนหน้านี้จริงๆแล้ว ผมอยากไปเรียนต่อพวก public policy ครับ แต่ผมไปคุยกะอาจารย์ที่นี่ท่านนึง ท่านก็บอกว่า study public policy and you'll learn nothing! อาจารย์ท่านบอกว่าเรียนเศรษฐฯดีกว่าจะได้รับ "เครื่องมือ" ในการทำวิจัยเพื่อหาองค์ความรู้ สามารถหาคำตอบให้คำถามเชิงวิเคราะห์ต่างๆได้ด้วยตนเอง แล้วนำความรู้ที่ได้จากการวิจัยไปใช้ทำให้สังคมดีขึ้น... ส่วนเรื่องเลขอาจารย์ท่านก็บอกว่าให้คิดว่ามันเป็น "ภาษา" อีกภาษาหนึ่งที่ช่วยให้เราสื่อสารและเข้าใจอะไรต่างๆได้ดีขึ้นครับ ผมก็เลยเริ่มโอนเอียงกลับมาอยากเรียนเศรษฐฯอีกครั้ง... แต่ส่วนตัวแล้ว ผมบอกตรงๆว่ายังไม่รู้ว่าเรียนไปแล้วจะกลับมาทำอาชีพอะไรเลยครับ ยังคิดๆอยู่ทุกๆวันเลยครับ... คือผมชอบเศรษฐฯมาก แต่ไม่ค่อยจะชอบเลข บอกตรงๆว่าที่ผ่านมาฝืนใจเรียนเลขมาแทบทุกคอร์สเลยครับ...  แต่ก็อยากจะเรียนรู้เครื่องมือทำวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ เพราะเห็นอาจารย์หรือดอกเตอร์เก่งๆเค้าทำแล้วก็อยากทำเป็นบ้าง อยากหาคำตอบของปัญหาต่างๆด้วยตนเองได้น่ะครับ เลยนั่งกลุ้มใจอยู่ว่าจะเรียนต่อด้านไหนดี... ขอโทษที่บ่นๆนะครับ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกคำแนะนำครับ จากคุณ : doraaek (dora-aek) - [ 15 มิ.ย. 48 11:43:36 ]

ความคิดเห็นที่ 24 In my opinion, a phd. in pub policy from a top-5 school is better than a econ phd. from a top-15 school. Dani Rodrik at KSG in Harvard is a very good development and trade economist. จากคุณ : WTO - [ 15 มิ.ย. 48 14:33:34 A:192.91.247.213 X: TicketID:001954 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เป็นกำลังใจให้น้องเจ้าของกระทู้ครับ เชื่อว่าด้วยความตั้งใจและพยายาม   เป้าหมายที่น้องหวังไว้ ไม่ไกลเกินความเป็นจริงครับ จากคุณ : ปริเยศ (Pariyed) - [ 15 มิ.ย. 48 14:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณนาธ เข้าใจความรู้สึกคุณนะคะ ในฐานะรุ่นพี่คณะ รุ่นพี่สถาบัน แต่ไม่ใช่ภาคภาษาอังกฤษ เลยอยากให้กำลังใจ แต่ไม่ร้องขอให้คุณอดทนเรียนต่อไปให้จบ หรือทบทวนการตัดสินใจ ป เอก กับ ชีวิตที่เติบโตขึ้น มีหลายครั้ง หลายช่วงเวลาที่ท้อแท้ ก็กลับไปถามตัวเองกับคำถามเดิมๆว่า นี่คือสิ่งที่เราต้องการในชีวิตจริงหรือ ได้เห็นชีวิตเพื่อนนักเรียนไทยหลายๆคนที่ต้องผ่านช่วงเวลายากๆในชีวิตป เอก ผลัดกันปลอบ ผลัดกันให้กำลังใจ มาตลอด บางคนอยู่ เพียงเพราะ ปริญญาเอกจะสามารถยกหรือคงฐานะทางสังคมไว้ บางคนก็อยู่ เพื่อครอบครัว ได้เห็นการใช้ชีวิตของคนอื่นที่ไม่ได้จบ ป เอก แต่กลับสนุกกับการที่ได้ทำงานที่ตัวเองถนัดและรักจริง มีเวลาให้ครอบครัว และอุทิศเวลาทำในสิ่งที่ตนเองเชื่อเพื่อสังคม หลายครั้งก็ถามตัวเองเหมือนกันว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เหรอ คือ สิ่งที่เราต้องการ หลายต่อหลายครั้งก็บอกตัวเองว่า อีกไม่นาน เราก็จะได้ทำแบบนี้แล้วนะ ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ เคารพตัวเองและผู้อื่น โชคดีนะคะ จากคุณ : Aj. K. - [ 15 มิ.ย. 48 14:59:40 A:195.176.162.19 X: TicketID:001954 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ทำไมเกรดสูงกันขนาดน๊านนน เพื่อนผมเลขโอลิมปิครอบ25คน เรียนวิศวะยังทำเกรดเลขไม่ได้ A หมดเลยนะ จากคุณ : งง - [ 15 มิ.ย. 48 15:20:57 A:203.113.36.14 X:203.151.140.114 TicketID:100995 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณเจ้าของกระทู้ครับ เห็นด้วยกับที่อาจารย์คุณพูดใน #23 ครับ economics เป็นเครื่องมือ (tools) ในการศึกษาวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ คณิตศาสตร์และสถิติเป็นสิ่งจำเป็นครับ ตอนผมเริ่มเรียนใหม่ ๆ ก็ล้มลุกคลุกคลานพอสมควรครับ แต่ถ้าพอเราเริ่มมองว่ามันเป็น "ภาษา" พยายามหา intuition จากมัน บางครั้งก็ช่วยได้ครับ และผมเห็นด้วยกับคุณนาธครับ เชียร์ให้ลองมาเรียนที่อังกฤษดู โดยเฉพาะที่ LSE ครับ แล้วถ้าอยากเรียนต่อก็ไปที่อเมริกา ได้ประสบการณ์จากทั้งสองประเทศนี่ผมว่าดีนะครับ ถึงแม้ว่าที่อังกฤษจะค่อนข้างครึ้ม ฝนตกพรำ ๆ อยู่ค่อนปี แต่ก็ได้บรรยากาศดีไปอีกแบบ ฝากถึงคุณนาธนะครับ ไม่ได้รู้จักกันแต่พออ่านที่คุณเขียนใน #17 แล้วก็เข้าใจครับ ถึงผมจะไม่ได้เรียน U Top แต่ก็พอจะเข้าใจถึงความเครียด/กดดัน ผมเองก็เคยคิดจะเลิกเรียนอยู่ จะเก็บข้าวของกลับ ไม่เอาแล้ว แต่ supervisor ก็ปลอบใจ เลยนั่งระบายให้เขาฟัง เขาก็เข้าใจ คุยกันอยู่พักหนึ่ง ก็รู้สึกดีขึ้น ผมก็เลยว่าเป็นไงเป็นกัน กลับมาสู้ต่อ คุณนาธไม่ลอง give it another shot ดูล่ะครับ จากคุณ : Tony Almeida - [ 15 มิ.ย. 48 17:20:24 A:84.9.160.122 X: TicketID:101221 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สวัสดีครับน้อง ginola ได้อ่านพี่ ๆ เขียนเล่าแล้วคงได้อะไรดี ๆ ไปเยอะเลย อ่านของท่านอื่น ๆ ก็ได้ความรู้ดี พี่ ๆ เขาแนะนำกันไว้ดี ๆ ทั้งนั้น ตอนนี้เน็ตผมช้าสุดๆ อ่ะ และก็ต้องทำโน้นทำนี่ เลยไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านเท่าไร เข้ามาเช็กเมล์อย่างเดียวช่วงนี้ ยังไงก็ขอให้โชคดี เชื่อว่าน้องน่าจะประสบความสำเร็จได้ จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ 16 มิ.ย. 48 05:20:31 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณพี่ๆทุกๆคนที่แนะนำนะครับ จากคุณ : dora-aek (dora-aek) - [ 17 มิ.ย. 48 12:18:21 ]