ความคิดเห็นที่ 104
จรัล มโนเพ็ชร 2498-2544 (ปี 2001 ครับ)
หนุ่มใหญ่วัย 46 ปี จากเชียงใหม่ ใช้ชีวิตและสร้างผลงานในวงการบันเทิงมาถึง 25 ปี ผลงานของเขาเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ จนมีคนรักมากมาย...บางคนร่ำไห้เมื่อได้ยินข่าว "จรัล มโนเพ็ชร" เสียชีวิตแล้ว...เป็นข่าวที่ยากจะเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้วจริงๆ ทีมข่าวจุดประกาย ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวมโนเพ็ชร และอาลัยยิ่งต่อการจากไปอย่างกะทันหันในครั้งนี้ จรัล มโนเพ็ชร เสียชีวิตแล้วเมื่อเช้ามืดวันจันทร์ที่ 3 กันยายน 2544... คงไม่มีใครปักใจเชื่อในครั้งแรกที่ได้ยินข่าวนี้ เพราะต้องไม่มีใครอยากให้เขาจากไปเร็วเหมือนข้อความที่ได้ฟัง บางคนถามย้ำนับสิบรอบ เปิดทีวีดูข่าวทุกช่อง หมุนคลื่นวิทยุทุกคลื่นที่มีข่าว... กว่าจะเชื่อว่า 'จรัล' จากไปแล้วจริงๆ แม้จรัล มโนเพ็ชร จะไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ที่มียอดขายนับล้านอัลบั้ม ไม่ใช่นักพรีเซ้นต์ที่ทำให้ตัวเองออกมางามสง่า ไม่ใช่ขวัญใจวัยรุ่นที่ใครๆ ต้องวิ่งตาม... แต่ตลอดระยะเวลาปีที่เขาเป็นนักร้อง, นักแต่งเพลง,นักดนตรี, กวี, นักแสดง คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า ตัวเองมีดีพอที่จะทำให้ 'คนรัก' ร้องไห้ ยามที่เขาจากไป หมู่ผักบุ้งยอดซม เซาซบ บ่ไหว... จรัล มโนเพ็ชร ได้ชื่อว่าเป็น 'ศิลปิน' อย่างแท้จริง ตลอด 25 ปี ที่คนไทยรู้จัก เขาไม่เคยหลีกหนีจากวงการจนคนหลงลืมไปแม้สักครั้งเดียว ทุกงานของเขาล้วนสร้างขึ้นด้วยพลังอันล้นเหลือที่มีอยู่ในตัว แม้กระทั่งงานล่าสุดที่เขาเตรียมจะทำ คือ 'คอนเสิร์ต 25 ปีโฟล์คซองคำเมือง' อันถือเป็นงานใหญ่เพื่อฉลองการเข้าสู่วงการของเขา จรัล ก็คิดจะทำออกมาให้สมกับการรอคอยของใครๆ ก่อนที่เขาจะจากไป จรัลเดินทางขึ้นเหนือไปยังจังหวัดลำพูน อันเป็นแหล่งพำนัก เพื่อเตรียมงานคอนเสิร์ตดังกล่าว เขาพยายามประสานทุกหน่วยงาน เช่น คณะกรรมการส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งชาติ หรือ สวช. รวมทั้งขอความร่วมมือกับคณะกรรมการส่งเสริมศิลปินล้านนา ซึ่งเขาเป็นประธานอยู่ ให้เข้ามามีส่วนร่วมกับงานใหญ่งานนี้ เวลา 09.00 น.ของวันที่ 2 กันยายน จรัลได้ร่วมประชุมกับคณะศิลปินล้านนา มีการจัดเตรียมการแสดง, จัดวางผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องต่างๆ การประชุมดำเนินไปจนมืดค่ำและเลยเถิดไปถึงเที่ยงคืน... แน่นอนในวันนั้น ย่อมมีสุรายาเมาอยู่ในวงสนทนาด้วย แม้งานจะใหญ่สักเพียงใด แต่จรัลก็ไม่รู้สึกเครียดกับปัญหาที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ กลับกัน-เขายิ้มรื่น หัวเราะและดื่มไปกับเหล่าผู้ร่วมงานที่เป็น 'คนเมือง' ด้วยกัน จนกระทั่งเวลาเลยไปกว่าเที่ยงคืนเล็กน้อย จรัลได้ขอตัวกลับบ้าน คนใกล้ชิดที่อยู่ในวงสนทนาในคืนนั้น บอกว่า จรัลไม่ได้เมา เมื่อกลับถึงบ้าน จรัลได้ทานอาหารและอาบน้ำเข้านอน จนกระทั่งประมาณตี 3 เขาตื่นขึ้นมา บอกภรรยาว่า รู้สึกอยากอาเจียน และเดินเข้าห้องน้ำ... ไม่มีใครรู้ว่าเขารู้สึกถึงความผิดปกติถาโถมเข้าหาตัวเองมากเพียงใด แต่ภรรยาผู้เป็นที่รัก ได้ยินเสียงตะโกนจากห้องน้ำว่า "ขอยาหอมหน่อย" เธอจึงหยิบแล้วเดินเอาไปให้ แต่ก็พบว่าเขาได้ล้มฟุบหมดสติแล้ว ต่อมาไม่กี่นาที รถพยาบาลของโรงพยาบาลลำพูนมารับตัวจรัลถึงบ้าน ทุกคนพยายามช่วยให้เขาหายใจ แต่ก็ไม่เป็นผล... บางทีหนึ่งนาทีดูจะช้าเกินไปสำหรับชีวิตหนึ่งชีวิต หมอบอกว่า จรัล มโนเพ็ชร เสียชีวิต เพราะหัวใจล้มเหลว จากคำบอกเล่าของ คุณปู่สิงห์แก้ว มโนเพ็ชร บิดาจรัลที่ต้องมาสูญเสียลูกชายในวัย 82 ปี ทำให้เราทราบว่า จรัล พบตัวเองป่วยป็นโรคร้าย อย่างลูคีเมียมาตั้งแต่อายุ 22 ปี ทันทีที่จรัลรู้เรื่องนี้ เขาเสียใจและท้อแท้ชีวิตมาก จนไม่คิดทำงาน กระทั่งเวลาผ่านไประยะหนึ่ง จึงเริ่มมีสติและหันมาจับงานด้านดนตรีการร้องเพลงอย่างจริงจัง ลูคีเมียทำให้จรัล ต้องถ่ายเลือดเป็นระยะๆ โดยช่วงแรกถ่ายเลือดเดือนละครั้งต่อมาก็ยืดเป็น 2 เดือนครั้ง และปัจจุบันปีละ 1 ครั้ง ซึ่งจะเปลี่ยนเลือดครั้งละกว่า 40 ขวด เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 50,000-60,000 บาท ก่อนการถ่ายเลือดทุกครั้งจรัลจะมีอาการผิวตกกระ ตามลำตัวช้ำเป็นจ้ำๆ เมื่อถ่ายเลือดแล้วอาการเหล่านี้ก็จะหายไป เมื่อ 3 ปีก่อนแพทย์ที่รักษาเคยบอกว่าจะมีอายุอยู่ได้อีกไม่เกิน 2 ปี แต่ถึงขณะนี้ก็ล่วงเลยมาแล้ว ญาติพี่น้องจึงค่อนข้างทำใจได้กับการเสียชีวิตในครั้งนี้ "คิดว่าทำกรรมมาเพียงแค่นี้ก็แล้วกัน" คุณปู่สิงห์แก้ว พูดเหมือนปลง แด่คนช่างฝันคนหนึ่ง จรัล มโนเพ็ชร เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2498 เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 7 คนของสิงห์แก้ว มโนเพ็ชร กับ เจ้าต่อมคำณ เชียงใหม่ เริ่มศึกษาที่โรงเรียนพุทธิโสภณถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 จากนั้นได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเมตตาศึกษา ในระดับ มศ.1-5 ก่อนเข้าวิทยาลัยเทคนิค เชิงดอยสุเทพ (ปัจจุบันคือสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคพายัพ) ส่วนระดับปริญญาตรี เคยศึกษาที่นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ธรรมชาติของจรัล เป็นคนชอบศึกษาหาความรู้และมีความจำค่อนข้างดี เขาสนใจงานดนตรีพื้นบ้านตั้งแต่เด็กๆ ในปี พ.ศ 2519 เขาเริ่มออกตระเวนเล่นดนตรีตามที่ต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ และขณะเล่นประจำอยู่ที่ที่โรงแรมสุริวงศ์ ได้พบกับ มานิตย์ อัชวงศ์ ซึ่งปัจจุบันคือ ผู้จัดการส่วนตัว ได้ชวนกันทำเทปในชุด 'อมตะ โฟล์คซองคำเมือง' ชุดที่ 1 และ 2กระทั่งปี 2521 ได้ทำออกมาเป็นแผ่นเสียง ความเป็นคนล้านนาของจรัลมีอยู่ในตัวเองสูงยิ่ง ผลงานเพลงของเขาในยุคแรกๆ ที่แต่งขึ้น ใช้ภาษาเหนือล้วนๆ แม้บางเพลง เขาจะนำทำนองมาจากเพลงต่างประเทศ แต่ด้วยเนื้อร้องที่เล่าเรื่องราวในเชิงบัลลาดได้อย่างงดงาม ทำให้ใครๆ ลืมที่มาของท่วงทำนองจนหมดสิ้น จรัล มโนเพ็ชร มีผลงานเพลงที่เขาแต่งขึ้นมามากกว่า 200 เพลง ทั้งหมดมีความหลากหลายในเนื้อหาและอารมณ์ความรู้สึก เขาสามารถขับขานเรื่องราวปรัมปรา เช่น น้อยไจยา, มะเมี๊ยะ ออกมาได้อย่างลึกซึ้ง หรือเรื่องราวสะท้อน ชีวิตอันเศร้าหมอง เช่น อุ๊ยคำ, เจ้าดวงดอกไม้, แม่ค้าปลาจ่อม, ลุงต๋าคำ รวมถึง 'เพลงเพื่อชีวิต' บอกเล่าเรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้น อย่าง สามล้อ, สาวโรงบ่ม นอกจากนี้เพลงสนุกๆ เขาก็ถนัดเช่นกัน เราคงไม่ลืม สาวมอเตอร์ไซค์, สาวเชียงใหม่, ผักกาดจอ, ของกิ๋นบ้านเฮา และพี่สาวครับ สิ่งที่น่ายกย่องประการหนึ่งที่มีอยู่ในตัวของ 'ศิลปิน' ผู้นี้ คือเขาไม่เคยลืมท้องถิ่นของตัวเอง แม้ว่าสายป่านแห่งความโด่งดังจะยาวไกลสักเพียงไหนก็ตาม แต่เขาก็หวนคืนสู่บ้านเกิดในทุกๆ ครั้ง จรัลมีบทบาทสำคัญในการช่วยยกฐานะศิลปวัฒนธรรมของล้านนาให้ขึ้นมาทัดเทียมกับศิลปวัฒนธรรมของภาคอื่นๆ และทำให้คนในท้องถิ่นมีความภูมิใจกับความเป็นคนท้องถิ่นของตัวเอง เพิ่มความปรารถนาที่จะช่วยกันพิทักษ์รักษาและสืบทอดความเป็นตัวของตัวเองต่อไป นอกจากงานเพลงแล้ว เรารู้จักจรัลดี ในฐานะที่เขาเป็นนักแสดงอีกด้วย ละครเวทีของคณะละคร 28 เรื่อง'สู่ฝันอันยิ่งใหญ่' ในบท 'ดอน กีโฮเต้'คือความประทับใจของใครหลายๆคน ในละครเรื่องนี้เป็นผลงานแรกของเขา แต่จรัลกลับแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากนั้นงานภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ก็ตามมาอย่างไม่ขาดสาย ขณะเดียวเขาก็ไม่ลืมที่จะสร้างงานเพลงออกมาให้เราฟังอยู่เรื่อยๆ ต่อไปนี้ไม่มีงานใหม่ๆ ของเขาให้เราได้ฟัง ได้อ่าน และได้ดูอีกแล้ว ...ฟ้ามืดมัวหม่น เมฆฝนครึ้มดำ เสียงพระอ่านธรรมขอ 'จรัล' ไปดี
จากคุณ :
หนุ่มนอก
- [
1 ต.ค. 48 00:20:15
]
|
|
|