ความคิดเห็นที่ 18
รู้สึกว่าผมก็โชคดีที่ได้เรียนรู้จากผู้รู้ด้านภาษาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณ krisauw และคุณCognitive ครับ
ภาษามันเป็นศิลปะ สำหรับผม คนที่มีทักษะการใช้ภาษาีที่ดี จะเป็นที่รักใคร่ หรือไม่เป็นที่รังเกียจเพราะลมจากปากเขา ที่ไปผ่านหูผู้อื่น และมักทำให้คนฟังรู้สึกบวกกับตัวเขาเอง กับสถานการณ์ ฯลฯ การพูดอ้อม หรือไม่โพล่งแบบ ื่ทื่อ ๆ ตรง ๆ ก็เป็นหนึ่งในรายละเอียดของศิลปะนั้น
Consider the following:
You are wrong. (ลองพูดใส่หน้าใครเขาสิครับ แล้วคงเดาได้ว่า reaction ของคนฟังจะเป็นยังไง)
Vs.
- I don't think that is quite right, (but I am not sure what's wrong with what you said). - I am afraid you misunderstand the issue. - I am afraid I can't see how that would work. - You may be right, but...... - I see youพ point there, but.... - I am not sure if I can agree with you fully on that.. - I agree that ...x.., but that...y.... doesn't seem right to me, though. etc.
ดูเหมือนว่าการอ้อม จะไม่ใช่แค่เพียงความสุภาพอย่างเดียวนะ คุณ Krisdauw มันเป็นศิลปะการทำให้อีกฝ่าย ไม่รู้สึก offended ด้วยนะ จากตัวอย่างข้างบน และใน กลุ่มตัวอย่างเหล่านี้ ยังดูเหมือนว่าจะีมีดีกรีความต่าง ในนั้นด้วย
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างการอ้อมเพื่อให้ดูสุภาพ ก็เช่น
แบบตรงและทื่อ - Give me your broom, (please).
แบบอ้อม ๆ - Do you have a broom? - Can I borrow your broom? - My room is really messy, and I can't seem to find my broom. Do you have an extra one? - I am wondering if you have a broom to spare? etc.
สำหรับผม "ขอยืมไม้กวาดหน่อยสิ" สุภาพน้อยกว่า "้ห้องผมรกจังเลย หาไม้กวาดไม่เจอ ขอยืม ของคุณหน่อยนะ" การอธิบายเหตุผล หรือการพูดอ้อมนิด หน่อย ทำให้ผมรู้สึกว่า ผู้ขอมีความเกรงใจ มีความสุภาพ ในท่าทีน่ะครับ
ผมสังเกตุว่า สำหรับสังคมฝรั่งแล้ว คนมักจะอ้อมมากกว่า
ในสังคมไทยเรา ที่โดยทั่วไป เราเป็นสังคม collective มากกว่า individualistic เรามักอาศัยความใกล้ชิดกัน เป็นฐานสำหรับการไม่ต้องแสดงอะไรที่สุภาพหรืออ้อม เกินไป คือเราละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจ หรือเราทดแทน ด้วยการแลกเปลี่ยน ความจริงใจ การพึ่งพาอาศัยกัน
นี่เอาแบบสามสลึง ตามสามัญสำนึกล้วน ๆ นะครับ ไม่ได้อิงทฤษฎีใด ๆ
จากคุณ :
piangdin
- [
26 ธ.ค. 48 16:27:37
]
|
|
|