ขอร่วมวงสนทนาด้วย เพราะชื่นชอบเรื่องพม่าเสียเมืองมากๆ
เรื่องนี้ได้ถูกดัดแปลงมาแต่งเป็นละครเรื่อง เพลิงพระนาง ซึ่งเป็นละครที่อลังการงานสร้างมาก
ยังประทับติดตรึงตาไม่รู้ลืม ทุกฉาก และผู้แสดงนำทุกท่านแสดงได้สุดยอด
จำได้ดีว่า เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ ชไมพร และ ปรียานุช ปานประดับ ประชันบทบาทกันชนิดเฉือนกันไม่ลง
เริ่มตั้งแต่สันติสุข ซึ่งแสดงเป็นพระเจ้ามินดง สมัยยังไม่ได้ครองราชย์ ไปพบหญิงชาวบ้านที่ลงเล่นน้ำ
สันติสุข ซึ่งแสดงเป็นพระเจ้ามินดง มีมเหสีคือปรียานุช
การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันระหว่างมเหสีและสนมเอกก็เริ่มเข้มข้นขึ้นมาก
ชไมพร ซึ่งแสดงเป็นสนมเอกมีบทบาทมากเพราะเป็นหญิงที่เฉลียวฉลาด อิจฉาริษยารุนแรง
ทำทุกวิถีทางที่จะให้ลูกสาวของตัวคือ พระนางศุภยลัตได้เป็นใหญ่
ฉากตอนที่พระเจ้าสีปอ และพระนางศุภยลัต ฆ่าพระญาติตายและนำไปฝังกลบ
ฝังเท่าไหร่ก็ไม่หมด เพราะมากมายเหลือคณานับ ดนตรีในวังก็โหมประโครมสามวันสามคืนไม่หยุด
เรียกว่า มอมเหล้าพระเจ้าสีปอ จนหลับไหล พอสร่างก็ถวายอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้
จนฝังกลบหมดนั่นแหละ ทหารจึงส่งสัญญาณ มโหรีหยุดบรรเลง ทั้งวันต่างหลับไหลไม่ได้สติ
ส่วนฉากตอนที่ทหารอังกฤษเข้ามายึดวัง พระนาง(ชไมพรและพระนางศุภยลัต)ก็แสดงได้ดีเหลือเกิน
ตอนหลังอังกฤษยึดเมืองได้ ส่งพระเจ้าสีปอ พระนางอเลนันดอและพระนางศุภยลัคติ ไปอยู่ที่ประเทศอินเดีย
พระนางศุภยลัติต้องแต่งกายแบบฝรั่ง ใหม่พระนางก็เศร้าโศรกเสียใจในชะตาชีวิต
แต่เมื่อปรับสภาพชีวิตได้ พระนางก็ดำเนินชีวิตใหม่ได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนจนสิ้นพระชนม์
ส่วนพระนางผู้เป็นแม่ ก็ดำเนินชีวิตช่วงสุดท้ายด้วยความเศร้าสลดได้คิดถึงความร้ายกาจของตัวเองที่ผ่านมา
เรื่องนี้เป็นการแต่งผสมผสานระหว่าง ลิลิตตะเลงพ่าย กับ พม่าเสียเมือง
สมัยก่อนจะติดตาตรึงใจกับฉาก การกางร่ม หรือฉัตรเป็นชั้นเป็นสี ตามตำแหน่งยศของแต่ละท่าน
แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 07:27:13
แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 07:20:21
แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 07:16:27
แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 07:07:03