ความคิดเห็นที่ 2
มะเมียะเป็นชาวพม่าอายุ 16 ปี มีฐานะปานกลาง หาเลี้ยงชีพด้วยการขายบุหรี่ซะเล็ก (บุหรี่พม่ามวนโต) อยู่ที่ตลาดใกล้บ้านในเมืองมะละแหม่ง ได้พบกับเจ้าน้อยศุขเกษมครั้งแรก เมื่อเจ้าน้อยไป เดินชมตลาด ทั้งคู่เกิดถูกใจกัน จึงได้คบหากันเรื่อยมา หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา โดยความเห็นชอบของทางบ้านมะเมียะ ในช่วงที่ครองรักกันนั้น กิจกรรมที่คนทั้งสองทำเป็นประจำ คือพากันไปทำบุญตักบาตรและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองมะละแหม่ง จนวันหนึ่ง ทั้งสองก็ได้กล่าวคำสาบานต่อพระธาตุใจ้ตะหลั่นว่าจะรักกันตลอดไป และ จะไม่ทอดทิ้งกัน หากผู้ใดทรยศต่อความรัก ก็ขอให้ผู้นั้นอายุสั้น
ต่อมาไม่นานเจ้าน้อยศุขเกษม ซึ่งขณะนั้นอายุ 20 ปี ก็จบการศึกษาและเดินทางกลับเมืองเชียงใหม่ เจ้าน้อยฯ จึงให้มะเมียะปลอมตัวเป็นชายตามมาด้วย ในฐานะเพื่อนหนุ่มชาวพม่า โดยไม่รู้ว่าเจ้าพ่อและเจ้าแม่ของตนได้หมั้นหมายเจ้าหญิงบัวนวล ธิดาของเจ้าสุริยวงษ์ (คำตัน สิโรรส) ให้แล้ว ตั้งแต่ปีที่เจ้าน้อยฯ เดินทางไปเรียนที่พม่า หลังจากที่ต้องแอบซ่อนมะเมียะไว้ในบ้านหลังเล็ก ที่เจ้าพ่อและเจ้าแม่จัดเตรียมไว้ให้เป็นที่พักมาหลายวัน เจ้าน้อยฯ จึงตัดสินใจบอกความจริงทั้งหมด แม้ว่าท่านทั้งสองจะไม่ว่ากล่าวอะไร แต่เจ้าน้อยฯ ก็พอจะทราบได้ว่าท่านทั้งสองไม่ยอมรับมะเมียะเป็นสะใภ้อย่างแน่นอน เนื่องจากปัญหาใหญ่ในขณะนั้น คือเจ้าน้อยฯ เป็นผู้ที่ได้รับการคาดหวังว่าจะได้รับตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ . ต่อจากพระเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ ซึ่งเป็นเจ้าลุง หากเจ้าน้อยฯ เลือกมะเมียะมาเป็นภรรยา ประชาชนย่อมต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน ที่สำคัญในขณะนั้นบ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากอังกฤษกำลังแผ่อิทธิพลไปทั่วดินแดนในคาบสมุทรเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หากมะเมียะ ซึ่งเป็นคนในบังคับของอังกฤษมาอาศัยอยู่ในคุ้มของเจ้าแก้วนวรัฐ อุปราชเมืองเชียงใหม่ อาจเป็นชนวนของปัญหาทางการเมืองที่ใหญ่โตได้ในภายหลัง
ในที่สุดเจ้าพ่อและเจ้าแม่จึงเรียกตัวเจ้าน้อยฯ ไปพบเพื่อยื่นคำขาดให้เจ้าน้อยส่งตัวมะเมียะ กลับพม่า ทั้งยังได้จัดพิธีเรียกขวัญและรดน้ำมนต์ ให้เจ้าน้อยฯ โดยเชื่อว่าจะขจัดสิ่งชั่วร้ายที่มะเมียะ ได้กระทำแก่เจ้าน้อยฯ จนทำให้เจ้าน้อยฯ หลงใหลออกไปได้ ในขณะเดียวกัน มะเมียะก็ถูกเกลี้ยกล่อมโดยหญิง-ชาย ชาวพม่า 4 คน ให้นางกลับไปรอเจ้าน้อยฯ ที่เมืองมะละแหม่ง มิฉะนั้นบ้านเมืองอาจเดือดร้อน แม้จะรู้สึกเสียใจสักเพียงใดก็ตาม แต่มะเมียะ ก็ยินยอมที่จะจากไปเพื่อมิให้ผู้ใดเดือดร้อน ส่วนเจ้าน้อยฯ ยังคงยืนยันในความรักที่มีต่อมะเมียะ และ ขอให้นางกลับไปรออยู่ที่บ้าน หากมีวาสนาจะกลับไปรับนางมาอยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่ให้ได้
. เช้าวันหนึ่งในเดือนเมษายน อันเป็นวันเดินทางกลับเมืองมะละแหม่งของมะเมียะ ที่ประตู หายยาเนืองแน่นไปด้วยประชาชนที่อยากจะเห็นมะเมียะ ซึ่งลือกันว่างามนักงามหนา บรรยากาศ เต็มไปด้วยความหดหู่และเศร้าหมอง ทั้งสองร่ำลากันด้วยความรักและอาลัยอย่างสุดซึ้ง โดยเจ้าน้อย ได้รับปากกับมะเมียะว่าจะยึดมั่นในคำปฏิญญาที่ให้ไว้กับองค์พระธาตุวัดใจ้ตะหลั่นจนกว่าชีวิต จะหาไม่ และหากนอกใจก็ขอให้ตนประสบแต่ความทุกข์ทรมานใจ แม้แต่อายุก็จะไม่ยืนยาว พร้อมทั้งสัญญากับมะเมียะว่าจะกลับไปหานางภายใน 3 เดือน สุดท้ายมะเมียะได้คุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้าแล้วสยายผมของนางเช็ดเท้าเจ้าน้อยฯ ก่อนที่จะขึ้นช้างจากไป
ณ เมืองเชียงใหม่ การจากเดินทางกลับเมืองมะละแหม่งของมะเมี๊ยะด้วยเหตุผลทางการเมือง ยังความโศกเศร้าอาดูรต่อเจ้าน้อยศุขเกษมไม่แพ้กัน ท่านหันหน้าเข้าหาสุราเพื่อหวังจะคลายความทุกข์ระทม
..เจ้าพ่อเจ้าแม่ของท่านทนไม่ไหวจึงส่งท่านลงไปรับราชการที่กรุงเทพฯ (ถ้าจำไม่ผิดท่านได้ยศร้อยตรี) . ต่อมาได้หมั้นหมายกับเจ้าหญิงบัวนวล เจ้าหญิงบัวนวลท่านเก่งด้านขี่ม้า และบริหารงานช่วยท่านพ่อ เจ้าหญิงบัวนวลเมื่อรู้ว่าคู่หมั้นมีหญิงพม่ามาด้วยก็เลยถอนหมั้นไปเลย เจ้าน้อยศุขเกษมถูกส่งตัวมาทำงานที่กรุงเทพฯ อยู่ในความดูแลของเจ้าดารารัศมีซึ่งในคุ้มนั้นมีเจ้าหญิงบัวชุมผู้เลอโฉมอยู่ในนั้นด้วย เจ้าหญิงบัวชุมเก่งด้านศิลปดนตรีพื้นเมือง และได้แต่งงานกันในที่สุด
ต่อมาหลังจากที่มะเมียะทราบข่าวการสมรสระหว่างร้อยตรีเจ้าอุตรการโกศล (ยศของเจ้าน้อยฯ ในขณะนั้น) กับเจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม่ แม่ชีมะเมียะจึงเดินทางมายังเมืองเชียงใหม่และขอเข้าพบเจ้าน้อยฯ เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแสดงความยินดีก่อนที่จะตัดสินใจครองตนเป็นแม่ชีไปตลอดชีวิต แต่เจ้าน้อยศุขเกษม ซึ่งได้ยึดสุราเป็นที่พึ่งเพื่อดับความกลัดกลุ้มอันเกิดจากความรักอาลัยในตัวมะเมียะ . และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีความสุขในชีวิตเลยนั้น ไม่สามารถหักห้ามความสงสารที่มีต่อมะเมียะได้ จึงไม่ยอมไปพบแม่ชีมะเมียะที่รออยู่ กลับมอบหมายให้เจ้าบุญสูง พี่เลี้ยงคนสนิท นำเงินจำนวน 800 บาท ไปมอบให้แม่ชีมะเมียะเพื่อใช้ในการทำบุญ พร้อมกับมอบแหวนทับทิมประจำกายอีกวงหนึ่งให้เป็นตัวแทนของเจ้าน้อยฯ
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้มะเมียะและเจ้าน้อยฯ ต่างสะเทือนใจเป็นที่สุด หลังจากกลับไปเมืองมะละแหม่งแล้ว มะเมียะได้ครองชีวิตเป็นแม่ชีตามความตั้งใจ จนกระทั่งถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.2505 รวมอายุได้ 75 ปี ส่วนเจ้าน้อยศุขเกษมก็มาถึงแก่พิราลัยเมื่ออายุแค่38ปี ... ทิ้งทุกอย่างไว้เป็นตำนานเล่าขานสืบมา ...
จากคุณ :
(^_^) (fayefaye)
- [
23 เม.ย. 51 14:36:19
]
|
|
|