ความคิดเห็นที่ 1 มหาดเล็กหุ้มแพร นั้นเป็นบรรดาศักดิ์มหาดเล็กขั้นเริ่มต้น  ยังไม่ถึงขั้นมหาดเล็กผู้ใหญ่ดังที่เอ่ยนามมา  ลำดับชั้นมหาดเล็กในสมัยรัชกาลที่ ๖ เรียงลำดับจากชั้นเริ่มต้นไปเป็นดังนี้ มหาดเล็กสำรอง  เทียบเท่าว่าที่นายร้อยตรี   มหาดเล็กวิเศษ  เทียบเท่านายร้อยตรี สองชั้นนี้ยังไม่มีราชทินนาม  คงใช้ชื่อตัวแล้วต่อท้ายด้วยคำว่า มหาดเล็ก  เช่น นายสนั่น มหาดเล็ก รองหุ้มแพร นายรอง...  ชั้นนี้เทียบเท่านายร้อยโท  มีบรรดาศักดิ์เป็น นายรองกวด  นายรองขัน  นายรองฉัน  นายรองชิด  นายรองบำเรอบรมบาท  นายรองบำรุงราชบทมาลย์  ฯลฯ หุ้มแพร  นาย....  เทียบเท่านายร้อยเอก  มีบรรดาศักดิ์เป็น นายกวด  นายขัน  นายฉัน  นายชิด  นายบำเรอบรมบาท  นายบำรุงราชบทมาลย์  ฯลฯ ชั้นหุ้มแพรนี้จะมีราชทินนามเช่นเดียวกับรองหุ้มแพร  แต่บรรดาศักดิ์จะเป็น "นาย" ไม่มีมีคำว่า "รอง" เช่นชั้นรองหุ้มแพรที่ต้องเป็น "นายรอง" ชั้นจ่า  เทียบเท่ารายพันตรี  มีบรรดาศักดิ์เป็น นายจ่าเรศ  นายจ่ารง  นายจ่ายวด ฯลฯ   ชั้นรองหัวหมื่น หรือนายเวร  เทียบเท่านายพันโท  มีบรรดาศักดิ์เป็น  หลวงศักดิ์ นายเวร  หลวงสิทธิ์ นายเวร  นายฤทธิ์ นายเวร  หลวงเดช นายเวร  แต่มักจะเรียกกันว่า หลวงนายศักดิ์  หลวงนายสิทธิ์ ฯลฯ  เพราะบรรดศักดิ์นี้สูงกว่าหลวงทั่วๆ ไปแต่ต่ำกว่าพระ ชั้นหัวหมื่น หรือคุณพระนาย  เทียบเท่านายพันเอก  มีบรรดาศักดิ์เป็น  เจ้าหมื่นไวยวรนาถ  เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี  เจ้าหมื่นศรีสรลักษณ์  เจ้าหมื่นเสมอใจราช  แต่มักจะเรียกกันว่า คุณพระนายไวยวรนาถ  คุณพระนายสรรเพธฯ  เพราะบรรดาศักดิ์นี้สูงกว่าพระแต่ต่ำกว่าพระยา ถัดจากนั้นไปเป็น จางวาง  มียศเป็นจางวางตรี  โท  เอก  เทียบเท่านายพลตรี  โท  เอก  มีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาหรือเจ้าพระยา  เช่น จางวางเอก พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ  จางวางเอก เจ้าพระยารามราฆพ เป็นต้น สำหรับคำถามที่ว่า มหาดเล็กคนใดที่พระวรกัญญาปทานไม่โปรดนั้น  เห็นจะเป็นเจ้าพระยารามราฆพ (ม.ล.เฟื้อ  พึ่งบุญ)  ซึ่งตามที่ได้ยินได้ฟังมานั้น  ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ เสด็จฯ โดยรถยนต์หรือรถม้าไม่แน่ชัดพร้อมด้วยพระวรกัญญาปทาน  โดยมีเจ้าพระยารามราฆพซึ่งเวลานั้นยังเป็นพระยาประสิทธิ์ศุภการ ผู้ช่วยสมุหราชองครักษ์โดยเสด็จฯ ตามตำแหน่ง  เมื่อถึงที่หมายเจ้าพระยารามฯ ลงไปรอรับเสด็จที่ประตูรถตามหน้าที่  เมื่อพระวรกัญญาปทานจะเสด็จลงจากพระราชพาหนะก่อนที่ล้นเกล้าฯ จะเสด็จลง  เจ้าพระยารามฯ ได้ยื่นมือไปรอรับเสด็จเพื่ออำนวยความสะดวกในเวลาเสด็จลงจากรถตามธรรมเนียมฝรั่ง  พระวรกัญญาปทานทรงชักพระหัตถ์หนีพร้อมมีรับสั่งตำหนิเจ้าพระยารามฯ ด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม  ล้นเกล้าฯ จึงกริ้วและเป็นเหตุให้ทรงถอนหมั้นพร้อมกับทรงพระราชนิพนธ์บทประพันธ์ที่มีการหยิบยกขึ้นมานั้น จากคุณ : V_Mee - [ 11 มิ.ย. 51 12:39:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ๋ออ เจ้าพระยารามนั้นเองหรือครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลข้างต้นด้วยครับ ที่ถามถึงทั้ง 5-6 ท่าน เพราะเคยอ่านประวัติ ของท่านเจ้าคุณนรฯ ว่าท่านเป็นมหาดเล็กน๊ะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : ทะเลทะเล - [ 11 มิ.ย. 51 15:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 "อย่าทะนงอวดองค์ว่างามเลิศ สวยประเสริฐยากที่จะเปรียบได้ อย่าทะนงอวดองค์ว่าวิไล อันสุรางค์นางในยังมากมี อย่าทะนงอวดองค์ว่าทรงศักดิ์ จะใฝ่รักแต่องค์พระทรงศรี นั่งรถยนต์โอ่อ่าวางท่าที เป็นผู้ดีแต่ใจไพล่เป็นกา อย่าดูถูกลูกผู้ชายที่เจียมตน อย่าดูถูกฝูงชนที่ต่ำกว่า อย่าทะนงอวดองค์ว่าโสภา อันชายใดฤๅจะกล้ามาง้องอน การสิ่งนี้สิเป็นธรรมดา มนุษญ์เราเกิดมาย่อมผันผ่อน รู้จักรักรู้จักกินรู้จักนอน รู้ตระแหน่แง่งอนทุกคนไป" จากคุณ : คนอุดรฯ (วัชรานนท์) - [ 11 มิ.ย. 51 17:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 5 "ทรงภพผู้ปิ่นโปรพฦาสาย พระองค์เองสิไม่มียางอาย พูดง่ายย้อนยอกกรอกคำ มาหลอกลวงชมเล่นเสียเปล่าๆ ทิ้งให้คอยสร้อยเศร้าทุกเช้าค่ำ เด็ดดอกไม้มาดมชมจนช้ำ ไม่ต้องจดจำนำพา เหมือนผู้ร้ายย่อเบาเข้าลักทรัพย์ กลัวเขาจับวิ่งปร๋อไม่รอหน้า จงทรงพระเจริญเถิดราชา ข้าขอลาแต่บัดนี้" จากคุณ : วัชรานนท์ - [ 11 มิ.ย. 51 17:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เคยอ่านหนังสือบางเล่ม กล่าวว่า พระองค์หญิงทรงมีความคิดอย่างสตรีสมัยใหม่ เรื่องสิทธิและความเสมอภาคระหว่างสตรีและบุรุษ ซึ่งยากเกินกว่าที่สังคมสมัยนั้นจะรับได้ จนเป็นที่ไม่สบอารมณ์ของคนบางกลุ่ม อีกทั้ง ร ๖ ทรงดำริว่า พระคู่หมั้นมีพระทัยแข็งกระก้างเกรงว่าจะไปด้วยกันไม่ได้ เกรงว่าจะมีปัญหากระทบถึงราชบัลลังก์ จึงได้ทรงประกาศให้ยกเลิกการหมั้น หลังจากนั้นพระองค์หญิงได้ทูลเกล้าฯ ถวายคืนหนังสือ ศกุนตลา พระราชนิพนธ์ พระราชทานเมื่อวันประกาศหมั้น และได้ทรงใช้หมึกขีดเส้นใต้ คำกลอนที่นางศกุนตลาต่อว่าท้าวทุษยันต์ ในทำนองประชนประชัน ร ๖ " พูดง่ายๆ คล่องๆ เหมือนร่องน้ำ   จะหาจริงสักคำเก็บไม่ได้ " หลังจากทรงประกาศถอนหมั้นแล้ว ภายในพระราชหฤทัยลึกๆ ยังทรงอาลัยพระองค์หญิงตลอดเวลา ดังบทกลอนพระราชนิพนธ์ ที่ทรงมีความตอนหนึ่งว่า [i]" แสนเสียดายดวงจันทร์อันทรงกลด      งามหมดไม่มีราคีหมอง พิศพักตร์วิไลลักษณ์น่าประคอง               นวลละอองลออเอี่ยมสำอางองค์..." แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 51 19:49:24 จากคุณ : ฟ้าสีคราม (wenxuan1983) - [ 11 มิ.ย. 51 19:18:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความเห็นที่ ๓ คงจะไม่เคยอ่านกระทู้เก่าๆ ที่ได้ชี้แตงกันจนกระจ่างแล้วกระมังครับ จากคุณ : V_Mee - [ 11 มิ.ย. 51 23:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เท่าที่ผมพิจารณาดูจากเหตุการณ์  เรื่องต้องไม่ได้มาจากจุดนี้จุดเดียว แน่แน่ เพราะ ถ้า ไม่ทรงชอบให้บุรุษเพศ อื่น จับพระหัตถ์  ผมมองว่า พระองค์ท่าน น่าจะทรงแค่ เก็บพระหัตถ์ไว้กับพระองค์เอง  หรือทำท่าดึงมือกลับให้เห็นกันไปเลยว่า ไม่เป็นไร  ไม่ต้อง ผมว่า คนเราสองคน คงมีการ ศรศิล ไม่กินกันอะไรซักอย่าง มานานพอสมควร  แล้วต่อหน้า ร 6   เจ้าพระยารม ก็จำเป็นต้อง pretend เป็น gentleman ดูแล future queen  ฝ่ายหญิงคงรู้สึกว่า เจ้าพระยา คล้ายเล่นละคร ต่อหน้าพระเจ้าแผ่นดิน เลยทรงถือโอกาสนั้น  ตรัสใส่แรงแรง  เพราะอาจจะทรงเก็บความรู้สึกมานานอยู่ ไม่น่าเกิดเรื่องแค่ตรงนั้น moment นั้นเท่านั้นครับ จากคุณ : tinglee tingamee - [ 12 มิ.ย. 51 03:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เข้าใจและเห็นใจพระวรกัญญาปทานมากค่ะ คนมักพูดกันว่า ผู้หญิงชอบใช้อารมณ์และความรู้สึกเหนือเหตุผล แต่...ความรู้สึก หรือ sense ของผู้หญิง มักไม่ค่อยผิดหรอกค่ะ จากคุณ : Happy to be Me - [ 12 มิ.ย. 51 10:20:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณทุกความเห็นครับ จากคุณ : ทะเลทะเล - [ 12 มิ.ย. 51 14:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เท่าที่ได้ทราบมานั้น  ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ทรงเป็นสุภาพบุรุษที่ทรงให้ความสำคัญกับสุภาพสตรี  ถึงกับทรงพระราชนิพนธ์บทความ้กรายวกับสถานภาพสตรีไปลงในหนังสือพิมพ์พระราชทานชื่อว่า "เครื่องหมายแห่งความเจริญรุ่งเรือง คือสถานภาพแห่งสตรี" นอกจากนั้นยังทรงสอนคุณพนักงานฝ่ายในให้รู้จักเล่นไพ่ต่างๆ  รวมทั้งบิลเลียดและสนุกเกอร์  ท่านผู้หญิงอุศนา  ปราโมช และคุณหฐิงสุภัทรา  สิงหลกะ  คุณข้าหลวงเก่าเคยเล่าให้ฟังว่า มักจะรับสั่งกับคุณพนักงานว่า ที่ทรงสอนให้รู้จักการเล่นต่างๆ นั้นก็เพื่อว่า เวลาที่คุณพนักงานนั้นออกเรือนไปมีครอบครัวแล้วจะได่ไม่ถูกสามีหลอก หรือเมื่อครั้งที่จะโปรดให้ออกพระนามสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี เมื่อตอนปลายรัชกาลนั้น  ก็ได้มีพระราชหัตถเลขาทรงชี้แจงไปยังเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม  สุจริตกุล) ผู้เป็นบิดาของสมเด็จฯ  พระราชหัตถเลขาองค์นั้นยาวถึง ๖ หน้า  วันหนึ่งทายาทของเจ้าพระยาสุธรรมฯ คนหนึ่งได้เชิญลายพระราชหัตถ์นั้นมาให้อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการท่านหนึ่งอ่าน  แต่ผมซึ่งนั่งอยู่ ณ ทั้นั้นด้วยไม่มีบุญได้อ่าน  คงได้ยินแต่ท่านอดีตปลัดกระทรวงฯ อุทานว่า อ้นแล้วซ่บซึ่งในพระมหากรุณาธิคุณเหลือเกิน ฉะนั้นเรื่องที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ทรงถอนหมั้นพระวรกัญญาปทานนั้น  คงจะมีที่มาจากสาเหตุหลายเรื่อง  ถ้าพิเคราะห์จากบทพระราชนิพนธ์แล้ว  น่าเชื่อว่า พระอัทธยาศัยคงจะไปด้วยกันไม่ได้เลย  เพราะล้นเกล้าฯ นั้นทรงเป็นนักเรียนอังกฤษ  ทรงถูกฝึกหัดมาให้เป็นผู้นำ  และวิธีการฝึกหัดผู้นำของอังกฤษนั้น  ต้องได้รับการฝึกหัดให้เป็นผู้ตามที่ดีก่อน  และในรัชสมัยของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ นั้น ทรงส่งเสริมให้สามัญชนขึ้นมามีตำแหน่งราชการในระดับสูงเป็นจำนวนมาก  ในขณะที่เจ้าซึ่งมักจะถือตนว่า เป็นเจ้า  มีสถานะเหนือกว่าสามัญชนนั้นถูกลดบทบาทลงจนแทบจะไม่มีตำแหน่งหน้าที่ราชการ  ฉะนั้นจึงเป็นไปได้ว่า พระวรกัญญาปทานซึ่งทรงมีฐานันดรเดิมเป็นหม่อมเจ้า  เมื่อได้ทรงเป็นพระคู่หมั้นจึงคงจะทรงวางพระองค์ไปในทำนองที่ปรากฏในบทพระราชนิพนธ์ที่ว่า "...อย่าทะนงอวดองค์ว่าทรงศักดิ์ จะใฝ่รักแต่องค์พระทรงศรี..."  ซึ่งล้นเกล้าฯ คงจะทรงรับไม่ได้ในข้อนี้  ในเวลาต่อมาจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณประไพ  สุจริตกุล เป็นพระอินทราณี พระสนมเอก  แล้วเลื่อนเป็น พระวรราชชายาเธอ พระอินทรศักดิศจี  แล้วเลื่อนขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี   อันเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยว่า มิได้ทรงถือพระองค์เป็นเจ้าเป็นไพร่ดังเช่นที่เจ้านายในสมัยนั้นทรงนิยมถือปฏิบัติกัน  ดังมีพยานปรากฏในพระนิพฯธ์ของหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย  ดิศกุล ที่ทงเล่าไว้ใน "สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น" ว่า  เมื่อก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นมีเจ้านายพระองค์หนึ่งประทับรถไฟชั้นหนึ่งเสด็จไปหัวเมือง  เผอิญมีนายทหารชั้นนายพลที่มิใช่เจ้าเดินทางไปกับรถไฟขบวนนั้น  และได้ไปนั่งที่ชั้นหนึ่งร่วมกับเจ้านายพระองค์นั้น  เลยถูกไล่ให้ไปนั่งที่โบกี้อื่นเพราะทรงรังเกียจว่านายทหารท่านนั้นเป็นไพร่  ทั้งที่นายทหารท่านนั้นก็ซื้อตั๋วรถไฟชั้นหนึ่งเหมือนกัน จากคุณ : V_Mee - [ 12 มิ.ย. 51 17:04:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ นะคะ (สามารถแย้งได้ตามใจชอบ) ร.6 ทรงเป็นสุภาพบุรุษมากๆนะคะ ดิฉันดูจากที่ คหห.5  + กฎหมายสามีภรรยาเดียว ทรงให้ความสำคัญกับสตรีมาก และน่าจะชอบสตรีที่ทันสมัยถึงได้หัดให้พนักงานฝ่ายในเล่นไพ่ บริด ในขณะเดียวกันพระองค์ท่านก็เป็นนายทหารที่เก่งมากๆเช่นกัน โดยอุปนิสัยนายทหาร ก็จะรักลูกน้องมากอยู่แล้ว และเหตุการ์ณที่เกิดขึ้น คือชักมือกลับ มันก็เป็นการแสดงอะไรหลายๆอย่าง คงไม่ใช่แค่ มีคนมาทูลแล้วจะคิดเห็นไปตามนั้น เพราะท่านทรงมีความเป็นสุภาพบุรุษเป็นทุนอยู่แล้ว การที่จะทำให้สุภาพสตรีอับอาย เป็นเรื่องที่ต้องคิดให้มากๆนะคะ ถ้ายังหมั้นต่อ องค์วัลภาเวทีก็ได้เป็นราชินีแน่ๆ ก็จะมีผลสูงนะคะ เพราะ 1.การชักมือกลับ ไม่ว่าเราจะรู้สึกอะไรก็ตามแต่นั่นก็คือการที่ไม่รู้จักเก็บอารมย์ ไม่รับธรรมเนียมใหม่ ถึงแม้จะไม่ชอบหน้าก็ตามแต่คนที่จะเป็นราชินีก็ไม่ควรหักหน้าใครตามใจชอบ 2.องค์วัลภาเวทีอาจจะดูว่าเป็นคนทันสมัยจากการแต่งกาย แต่ความคิดอาจจะไม่ทันสมัยก็ได้ เพราะถ้าอ้างธรรมเนียมเก่า นั่นคือ ไม่พร้อมยอมรับธรรมเนียมใหม่ แสดงว่าจิตใจไปเปิดกว้าง คนที่มีจิตใจไม่เปิดกว้าง ยากที่จะเป็นคนที่มีความคิดทันสมัยนะคะ 3.ดิฉันเคยอ่านบทความเกี่ยวกับความเห็นขององค์วัลภาเทวี ที่เพื่อนๆได้นำมาลงไว้ในกระทู้เก่า เกี่ยวกับความสามารถของสตรีที่สามารถผลักดันบุรุษให้ไปทำในสิ่งใดก็ได้(ประมาณนี้) จะมองว่าเป็น ความคิดเรื่องการทัดเทียมในสิทธิสตรีก็ได้  หรือจะมองว่าเป็นคนที่เห็นว่าตนเองสามารถที่จะทำในสิ่งนั้นได้ นั่นคือ ใช้บุรุษเป็นเครื่องมือให้ทำในสิ่งที่ตนปรารถนาก็ได้ (คือจะคิดแบบนี้ก็คิดได้) มันก็คิดได้หลายแง่ไงคะ หญิงธรรมดาคิดไม่น่ากลัวเท่ากับหญิงที่กำลังจะมีอำนาจคิด สรุป คงมีอีกเยอะอ่ะคะที่ ร.6 ท่านตรึกตรองดีแล้วจึงถอนหมั้น จากคุณ : หมูติ๊งต๊อง (หมูติ๊งต๊อง) - [ 12 มิ.ย. 51 22:39:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มีภาพ เจ้าคุณรามราฆพ มาฝากค่ะ จากคุณ : โอ๊ะเอ๊ว - [ 13 มิ.ย. 51 17:09:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของ ล้นเกล้า ร.6 กับ พระวรกัญญา มาให้ชมค่ะ จากคุณ : โอ๊ะเอ๊ว (โอ๊ะเอ๊ว) - [ 13 มิ.ย. 51 17:11:32 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อาจจะพิจารณาได้ว่าความรักของรัชกาลที่ ๖ ที่ทรงมีต่อเหล่าพระมเหสีเทวี เป็นความรักที่มีเงื่อนไข ตลอดจนเป็นความรักที่เ้กิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และ เมื่อดับสูญก็มอดลงอย่างสิ้นเชิง ความรักแต่ละครั้งของพระองค์ (ยกเว้นกับพระสุจริตสุดา) จะนำมาซึ่งร้อยกรองที่หวาน ซาบซึ้ง หนักแน่นด้วยคำมั่นสัญญาต่าง ๆ และเมื่อเหตุการณ์เหล่านั้นผ่านไป แล้วกลับไปพิจารณาอ่านอีกครั้งหนึ่งย่อมนำมาซึ่งความปวดร้าวจาก ผู้ที่ได้รับร้อยกรองเหล่านั้นจากพระองค์ ๑. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี ทรงเป็นพระองค์แรกที่ได้ผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ ร้อยกรองต่าง ๆ นั้น หลายท่านผู้รู้ได้นำมาเผยแพร่แล้ว และเมื่อรัชกาลที่ ๖ ทรงประกาศถอนหมั้นหลังจากที่ทรงดำรงพระยศ พระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี พระคู่หมั้นได้ไม่กี่เดือน และถูกเปลี่ยนพระยศเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี พร้อมร้อยกรองที่ประนาม ตำหนิ และ ลงเอยด้วยการขังวังหลวงตลอดรัชกาล ๒. พระนางเธอลักษมีลาวัณ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเปลี่ยนพระนาม รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ ต่อด้วยงานเฉลิมพระยศใหญ่ถนัด ในคราวฉลองพระสุพรรณบัฏขึ้นเป็นพระเจ้าวรวงศ์เ์ธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ พร้อมด้วยบทอาเศียรวาทที่ตรึงใจ แม้แต่เสด็จพ่อของพระองค์ก็ยังทรงนิพนธ์เตือนสติพระธิดา ว่า "ถึงแม้ลอยละลิ่ว ก็ติ๋วเดิม" และแล้วเพียง ๓ เดือนหลังจากนั้น รัชกาลที่ ๖ ก็ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับสตรีท่านอื่น นามว่า เปรื่อง สุจริตกุล โดยข้อมูลต่าง ๆ ก็บ่งบอกคล้ายคลึงกันว่าพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ ไม่ทรงมีพระครรภ์ แต่อย่าลืมว่าเวลาเพิ่งผ่านไปไม่เพียงกี่เดือน ตามหลักชีววิทยาก็ทราบกันอยู่ ถึงแม้ในปีต่อมาพระองค์ท่านจะได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น พระนางเธอลักษมีลาวัณ แต่..ทุกอย่างจบลงแล้ว แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 51 13:08:20 จากคุณ : อเทตยา - [ 14 มิ.ย. 51 13:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ๓. พระสุจริตสุดา ท่านได้เป็น "เมียชื่นใจ" ของ รัชกาลที่ ๖ ท่านไม่ได้รับพระราชทานร้อยกรองจากรัชกาลที่ ๖ ท่านไม่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้า โดยเหตุผลที่ว่า  "ถ้ามีครรภ์ เมื่อใด จะสถาปนาขึ้นเป็นเจ้า" แต่ถ้ามองแล้ว โอกาสอาจจะไม่เคยตกอยู่ที่ท่านเลยก็เป็นได้ เพราะหลังจากที่ท่านเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับรัชกาลที่ ๖ ในเดือนตุลาคม พอมาถึงเดือนมกราคม รัชกาลที่ ๖ ก็ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสอีกครั้งหนึ่งกับน้องสาวของท่าน ประไพ สุจริตกุล   ท่านครองตำแหน่ง พระสนมเอกมาโดยตลอด ไม่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเพิ่ิมเติม ถึงแม้ท่านจะไม่ "ขึ้น ท่านก็ไม่ "ตก" หลังจากที่คุณสุวัทนา อภัยวงศ์ ได้ัรับการสถาปนาเขึ้นเป็นเจ้าจอมสุวัทนา พระสนมเอกใหม่ ๆ ท่านได้ัรับหน้าที่พี่เลี้ยงเจ้าจอมท่านใหม่อยู่ระยะหนึ่ง ๔. สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา พระองค์ท่านได้รับพระราชทานร้อยกรองเป็นอันมากจากรัชกาลที่ ๖ ตั้งแต่ทรงเป็น พระอินทราณี พระวรราชชายาเธอ พระอินทรศักดิศจี และแม้แต่ "เรื่องนี้ฃ้าแต่งให้ ราชินี" เมื่อทรงดำรงพระอิสริยยศสูงสุด การตั้งครรภ์ของพระอินทราณี และ การทรงพระครรภ์ของพระวรราชชายาเธอ พระอินทรศักดิศจี นำมาซึ่งพระอิสริยยศที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เกิดอะไรขึ้นที่พระราชวังมฤคทายวัน ชะอำ ก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๐ มิถุนายน ๒๔๖๗ ที่พระองค์ทรงตกพระโลหิตครั้งสุดท้าย ข้อมูลต่าง ๆ บ่งบอกว่ารัชกาลที่ ๖ ทรงเอาพระทัยใส่ในพระพลานามัยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเป็นอย่างมาก ทรงเข็นรถพระเก้าอี้พระราชทาน ทรงอ่านหนังสือพระราชทาน เป็นต้้น และแล้วในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๐ มิถุนายน การแสดงละครในคืนนั้นทำให้โชคชะตาทุกอย่างเปลี่ยนไป มีคำบอกกล่าวต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับพระจริยาวัตรที่ไม่เหมาะสมของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อรัชกาลที่ ๖ เสด็จนิวัติพระนคร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีมิได้โดยเสด็จด้วย เนื่องจากพระพลานามัยยังไม่แข็งแรง อันเนื่องมาจากการตกพระโลหิต รัชกาลที่ ๖ ก็ยังทรงมีพระราชหัตถเลขาถึง "แม่เล็ก" ของพระองค์  อย่างไรก็ตาม ในขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีประทับอยู่ที่พระราชวังมฤคทายวัน ข่าวคราวเกี่ยวกับคุณสุวัทนา อภัยวงศ์ก็ไปถึงมฤคทายวัน และเหตุนี้อาจจะนำมาซึ่งเรื่องราว เกี่ยวกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีไม่ต้องพระประสงค์ที่จะเสด็จกลับพระนครด้วยทางรถไฟ ต่อมาสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี เสด็จฯ นิวัติพระนครด้วยเรือพิมานจักรี รัชกาลที่ ๖ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับ ณ ท่าวาสุกรีตามธรรมเนียม ณ ที่นั้น ก็เกิดเหตุ ซึ่งนำมาด้วยเรื่องราวกับคุณสุวัทนาเกี่ยวกับการชักพระบาท หลังจากนั้นเพียงครึ่งเดือน รัชกาลที่ ๖ ก็ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสอีกครั้งหนึ่งกับคุณสุวัทนา อภัยวงศ์ ในที่สุดสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ต้องเสด็จฯ ออกจากพระราชวังพญาไท ไปประทับ ณ พระที่นั่งวิมานเมฆ ด้วยพระยศใหม่ สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา ด้วยข้อมูลที่ว่ารัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาพระราชทานคำอธิบายต่าง ๆ แก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระวรราชชายาเองบ้าง พระราชทานคำอธิบายแก่่เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี พระบิดาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระวรราชชายาบ้าง แต่ที่แน่ ๆ และมีหลักฐานชัดเจน ก็คือ ในพระราชพินัยกรรมของรัชกาลที่ ๖ เกี่ยวกับการตั้งพระบรมอัฐินั้น พระองค์ทรงห้ามมิให้นำพระอัฐิของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายาขึ้นตั้งคู่กับพระบรมอัฐิของพระองค์ ด้วยเหตุผลที่ว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระ วรราชชายาทรงบำรุงบำเรอน้ำพระทัยพระองค์เพียง เดือนเดียวเท่านั้น นอกนั้นนำมาแต่ความเดือดร้อนพระราชหฤทัย แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 06:55:51 แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 06:54:41 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 51 15:02:11 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 51 14:55:55 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 51 13:50:48 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 51 13:47:22 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 51 13:45:58 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 51 13:42:20 จากคุณ : อเทตยา - [ 14 มิ.ย. 51 13:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ๕ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี การตามเสด็จรัชกาลที่ ๖ ไปยังพระราชวังมฤคทายวัน ๒ ครั้งในระยะเวลาห่างกันเพียง ๑ ปี ช่างต่างกันลิบลับ ในครั้งแรกพระองค์ท่านตามเสด็จในสถานะนางข้าหลวง นามว่า เครือแก้ว อภัยวงศ์ มีหน้าที่เล่นละครถวายหน้าพระที่นั่งรัชกาลที่ ๖ และ สมเด็จพระบรมราชินี ในครั้งที่ ๒ พระองค์ท่านตามเสด็จในสถานะพระสนมเอกที่กำลังมีครรภ์ พระองค์ท่านได้รับพระราชทานร้อยกรองในงานฉลองวันเกิด ๑๕ เมษายน ๒๔๖๘ เมื่อครั้งยังเป็นพระสนมเอก การที่พระองค์ท่านได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระนางเจ้าฯ พระวรราชเทวี ก็เพื่อพยุงพระอิสริยยศของพระกุมารซึ่งจะมีพระประสูติการในเบื้องหน้า ประสูติการ ๑ วันก่อนการเสด็จสวรรคตของรัชกาลที่ ๖ นั้น ต้องมีการถวายพระวิสัญญีแด่ พระนางเจ้าฯ พระวรราชเทวี และ ดึงเชิญพระหน่อออก ถ้าจะรอให้ประสูติเองอาจจะไม่ทันการในหลาย ๆ เรื่อง แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 51 12:25:43 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 51 05:48:06 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 51 05:44:58 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 51 15:11:18 จากคุณ : อเทตยา - [ 14 มิ.ย. 51 15:10:46 ]

ความคิดเห็นที่ 18 หนูอาจะเป็นเด็กเล็กหน่อย แต่ขออนุญาตแสดงความเห็นสักนิดนะคะ ท่านเป็นอัครศิลปิน มีอารมณ์แบบศิลปิน เมื่อมองดูเรื่องราวความรักของท่านที่คุณอเทตยา บอกว่าเป็นความรักแบบมีเงื่อนไข ก็คงจริงนะคะ และเมื่ออยากครอบครองภายใต้เงื่อนไข บทกวีที่แสนหวานจึงพรั่งพรูออกมา แต่พอสะดุดก็หยุดอย่างไร้เยื่อใย แต่เมื่อมามองดูพระเมตตาที่มีต่อทหารมหาดเล็กในขณะนั้น แม้สวรรคตแล้ว ก็ยังห่วงใยอย่างไม่รู้คลาย จนกระทั่งนำมาซึ่งคดีฟ้องร้อง ระหว่าง ร.7 กับ ทหารมหาดเล็ก พร้อม ๆ กับความรู้สึกที่ไม่สู้ดีนักกับพระประยูรญาติกับ ร.6  หนูคิดว่าถ้าชีวิตเหมือนนิยาย นิยายรักของ ล้นเกล้า ร.6 จึงมีหลายมิติให้แง่คิดกับคนรุ่นหลังค่ะ จากคุณ : โอ๊ะเอ๊ว - [ 14 มิ.ย. 51 17:27:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขออนุญาตเรียนคุณอเทตยาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมว่า สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา เสด็จกลับจากมฤคทายวันถึงพระนคร แล้วเป็นเวลาราวครึ่งเดือน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ครับ ไม่ใช่ว่าทรงอภิเษกสมรสกับคุณสุวัทนาระหว่างสมเด็จอินทร์ยังประทับที่มฤคทายวัน จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน วันอาทิตย์ที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๗ บันทึกว่า "เวลา ๖.๐๐ ล.ท. ทรงรถยนต์พระที่นั่งจากพระราชวังพญาไท เสด็จท่าวาสุกรี ทรงรับสมเด็จพระบรมราชินีซึ่งเสด็จกลับจากมฤคทายวันทางชลมารค กลับประทับพระราชวังพญาไท" จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๗ บันทึกว่า "เวลา ๔.๐๐ ล.ท. เสด็จออกพระที่นั่งบรมพิมานพร้อมด้วยคุณสุวัทนา มีนายทหารบก เรือ เสือป่า ประสานดาบ ๔๐ คู่ รวม ๘๐ นาย ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว ทรงลงพระบรมนามาภิธัยพร้อมด้วยคุณสุวัทนา บุตรีพระอภัยพิทักษ์ (เลื่อม อภัยวงศ์) สถาปนาคุณสุวัทนาขึ้นไว้ในตำแหน่งพระสนม ทรงหลั่งน้ำสังข์ ทรงเจิมแก่เจ้าจอมสุวัทนาแล้ว เวลา ๖.๐๐ ล.ท.เศษ เสด็จขึ้น" จากคุณ : นาย UP - [ 14 มิ.ย. 51 19:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ,ขอบคุณทุกท่าน สำหรับความรู้ จากคุณ : ฟ้าใส (ต้องผ่านไปให้ได้) - [ 14 มิ.ย. 51 23:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบพระคุณ คุณ UP เป็นอย่างสูงครับ ที่ได้กรุณาแก้ไขข้อมูล เรื่องเวลา และ สถานที่ครับ และได้แก้ไขแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 51 06:55:00 จากคุณ : อเทตยา - [ 15 มิ.ย. 51 06:47:22 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าท่านอยาก จะทราบข้อมูลอะไรดีๆก็อยากให้ลองไปอ่านหนังสือ สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น ของหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล ดู แม้ว่าในหนังสือ จะได้ละ ชื่อ ของบุคคลหลายๆบุคคลเอาไว้ ก็พอจะประติดประต่อเหตุการณ์ทั้งหมดออกบ้าง ตามความคิดของข้าพเจ้า สถานการณ์ในขณะนั้นเจ้านายและขุนนาง ต่างๆ นั้นรู้สึกขวางและเอือมระอากับบุคคลท่านนั้นอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในความสอพลอ และความวางตัวใหญ่โตคับบ้านคับเมืองด้วยถือว่าเป็นคนโปรด เลยไม่ใคร่จะอยากลดองค์ ลดตัวลงไปวิสาสะด้วยเท่าไหร่นัก ส่วนองค์พระวรกัญญาปทาน ก็ทรงน่าจะทรงเห็นเป็นเช่นนั้นด้วย เนื่องจากทรงได้อยู่ใกล้ชิดกับราชสำนัก ท่านคงได้ทรงเห็นทรงประจักษ์ อะไรต่อมิอะไรที่เป็นตื้นลึกหนาบางมาพอสมควร จะทรงถือองค์ทำให้ผู้นั้นรู้ว่า ใครเป็นนายใครเป็นบ่าว คงไม่ได้ทรงนึกรังเกียจเพราะถือว่าไพร่ควรอยู่ส่วนไพร่ เพราะว่าบุคคลๆนั้นจะว่าไปก็ไม่ได้เป็นไพร่ มีบรรดาศักดิ์มีฐานันดรศักดิ์เกี่ยวเนื่องกับพระราชวงศ์อยู่ พระวรกัญญาปทาน ท่านเป็นเจ้านายฝ่ายในที่ได้รับการอบรม การศึกษาแบบสมัยใหม่กับครูชาวต่างชาติ มีความคิดก้าวล้ำนำยุค ไม่น่าที่พระองค์จะตัดสินบุคคลใดบุคคลนึงจากชาติกำเนิดเป็นแน่แท้ เพียงแต่ความคิดบางอย่างของพระองค์ อาจจะก้าวหน้าเกินไป กว่าที่คนบางคนจะรับไว้ได้ เพราะสมัยนั้น หญิงอย่างไรก็เป็นหญิงจะมาปล่อยให้เกินหน้าชายก็คงดูว่าเป็นการเสียหน้าเสียศักดิ์ศรี เลยมีเหตุให้เป็นเช่นนั้น จากคุณ : เจ้าอยู่ส่วนเจ้าอข้าอยู่ส่วนข้ (พลอยนพเก้า) - [ 15 มิ.ย. 51 08:07:48 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านแล้วให้รู้สึกว่า ในสมัยรัชกาลที่๖ มีเรื่องราวน่าสนใจมากเพราะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา เป็นการเปลี่ยนที่ทำให้หลายพระองค์ หลายท่าน ต่างได้รับความเจ็บปวดต่างกันไป เริ่มจากพระวรกัญญาวรปทาน เพียงเวลาไม่นานที่ท่านได้ดำรงสถิตย์อยู่ในพระอิศรยศอันสูงส่ง เหตุการณ์อ่อนไหวต่างๆที่เกิดขึ้น นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เป็นนิรันดร์ ท่านต้องถูกจองด้วยตรวนทอง(ใส่พานวางไว้) ต้องจำกัดบริเวญอยู่เพียงภายในพระบรมมหาราชวัง จนชิ้นรัชกาล พระนางเธอลักษมีลาวัณ ทรงเป็นที่โปรดปรานอยู่เพียงระยะสั้นๆ เมื่อไม่สามารถมีพระหน่อได้ก็ทรงหันไปสนใจท่านอื่น สมเด็จพระนางเจ้า อินทรศักดิ์ศจี พระวรราชชายา ท่านนับว่าได้ครองคู่รับใช้สนองพระกรุณานานหลายปี แต่ก็ไม่สามารถครองพระทัยไปได้ตลอด เหตุเพราะตกโลหิต ไม่สามารถมีพระรัชทายาทให้สมพระทัย สมเด็จพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ต้องพบกับการสูญเสียอันยิ่งใหญ่เมื่อรัชกาลที่๖ ทรงสวรรคต ทุกพระองค์ ต่างพบรักและพลัดพราก นับเป็นประวัติศาตร์ช่วงหนึ่ง ที่ได้อ่านกันต่อเนื่องมาช้านาน จากรุ่นสู่รุ่น พระนางเธอลักษมีลาวัณ จากคุณ : พนอจัน - [ 16 มิ.ย. 51 06:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขออนุญาตแก้ไขคำผิด เพราะไม่สามารถเข้าไปแก้ไขในหน้ากระทู้ได้ เกี่ยวกับระบบในเครื่องคอมพ์ คำว่าพระวรกัญญาวรปทาน แก้เป็น พระวรกัญญาปทาน คำว่าชิ้นรัชกาล ขอแก้ไขเป็น สิ้นรัชกาล คำว่า ตกโลหิต ขอแก้ไขเป็น ตกพระโลหิต ภาพพระวรกัญญาปทาน จากคุณ : พนอจัน - [ 16 มิ.ย. 51 06:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สมเด็จพระนางเจ้า อินทร์ศักด์ศจี พระวรราชชายา จากคุณ : พนอจัน - [ 16 มิ.ย. 51 06:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอแก้ไขคำผิด สมเด็จพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี แก้ไขเป็น พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ภาพประกอบ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชกัญญา ฯและพระมารดา พระนางเจ้าสุวัทนา จากคุณ : พนอจัน - [ 16 มิ.ย. 51 07:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ (รัชกาลปัจจุบัน) สมเด็จพระภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชกัญญาฯ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี พระนางเธอลักษมีลาวัณ จากคุณ : พนอจัน - [ 16 มิ.ย. 51 07:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พระสุจริตสุดา พระสนมเอก จากคุณ : พนอจัน - [ 16 มิ.ย. 51 07:28:45 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขออนุญาตเรียนคุณพนอจันว่า พระนามของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ คือ "สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี" ครับ จากคุณ : นาย UP - [ 16 มิ.ย. 51 07:40:11 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ต้องขอโทษเป็นอย่างมาก อย่างที่เคยเกิดเป็นประจำ ข้าพเจ้าต้องเกิดอาการสับสนพิมพ์ผิดอยู่บ่อยๆ ขนาดอ่านทวนแล้ว ก็ยังมีข้อผิด แต่จะใช้ความอุตสาหะแก้ไขอีก เนื่องจากอย่างที่กล่าวว่า ไมาสามารถแก้คำผิดในเครื่องได้ ไม่ทราบเพราะอะไร จึงต้องขอแก้ไขที่นี่อีกครั้ง คห.๒๖ และ คห.๒๗ ขอแก้ไขเป็น สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จากคุณ : พนอจัน - [ 16 มิ.ย. 51 11:15:52 ]