ความคิดเห็นที่ 1 ?? แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 51 11:40:16 จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 23 มิ.ย. 51 11:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใครจะร้องไห้ เพราะเขาพระวิหาร เป็นคนต่อไป จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน - [ 23 มิ.ย. 51 11:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมทราบมาว่า ตอนที่ศาลโลกตัดสินนั้น จอมพลสฤษดิ์ ตามเสด็จในหลวงอยู่ที่เชียงใหม่ และเป็นคนถวายรายงานข่าว ส่วนท่านมาถอนธงตอนไหน ผมไม่ทราบครับ ใครทราบช่วยบอกด้วย ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย จากคุณ : ป๋อย - [ 23 มิ.ย. 51 12:34:21 A:124.121.121.121 X: TicketID:166496 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ..มีด้วยหรือครับ  ไม่แน่ใจ แต่เท่าที่ทราบ จอมพลสฤษดิ์ท่านเด็ดขาดเข้มแข็ง ชายชาติทหารนะครับ ผมว่าท่านคงไม่เสียน้ำตาถึงแม้จะขมขื่นอกตรม เพราะท่านคงมองแล้วว่า หากผู้นำของประเทศร้องไห้เสียน้ำตา ประชาชนจะอ่อนแอเพียงใด เท่าที่ทราบและมีหลักฐานภาพถ่ายยืนยัน จอมพลประภาส  จารุเสถียร ท่านเป็นผู้บัญชาการ ชะลอธงชาติลงจากเขาพระวิหาร ครับ โดยมีภาพท่านยืนกำกับ เหล่าทหาร ซึ่งทำหน้าที่ชะลอธงลงมา มีหนังสืออยู่ครับ แต่หาไม่เจอ จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) - [ 23 มิ.ย. 51 13:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขออภัยครับ จำสับสนไปหน่อย จอมพลประภาสเป็นคนถอนธงชาติ แต่จอมพลสฤษดิ์มาแถลงการณ์ทีหลังทั้งน้ำตา แถลงการณ์ว่าอย่างงี้ "พี่น้องร่วมชาติ และมิตรร่วมชีวิตที่รักของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตามที่ศาลลุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกว่า ศาลโลก ได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2505 ให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา และทางรัฐบาลได้ออกแถลงให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเป็นลำดับนั้น รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยเฉพาะตัวของข้าพเจ้า ถือว่า เรื่องนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลได้ผลเสียของชาติ อันเป็นเรื่องของแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้มา อุตสาห์ฝ่าคมอาวุธรักษาไว้ และตกทอดมาถึงรุ่นเรา เนื่องจากในคำปราศรัยนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบดีว่า ในส่วนลึกและหัวใจแล้ว คนไทยผู้รักชาติทุกคน มีความเศร้าสลดและมีความข่มขืนใจเพียงใด แสดงออกถึงของประชาชนในการเดินขบวนทั่วประเทศ เพื่อคัดค้านคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นสิ่งที่เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนแล้ว ทั้งนี้มิใช่ว่าพวกเราจะนั่งนิ่งเฉยหรือท้อแท้ใจ ชาติไทยยอมท้อแท้ทอดอาลัยไม่ได้ เราเคยสูญเสียดินแดนแก่ประเทศมหาอำนาจที่ล่าอาณานิคมมาแล้วหลายครั้ง หากบรรพบุรุษของเรายอมท้อแท้ เราจะเอาแผ่นดินที่ไหนมาอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้ เราจะต้องหาวิธีการสู้ต่อไป สำหรับกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งศาลโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนั้น ข้าพเจ้าขอทบทวนเข้าใจกับเพื่อนร่วมชาติทั้งหลายว่า รัฐบาลและประชาชนชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลก ทั้งในข้อเท็จจริงกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความยุติธรรม เมื่อเป็นดังนี้ แม้นรัฐบาลและปวงชนชาวไทย จะได้มีความรู้สึกสลดใจและข่มขืนเพียงใด ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีในกฏบัติสหประชาชาติ กล่าวคือ ต้องยอมให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร ตามพันธกรณีแห่งกฎบัติสหประชาชาติ แต่รัฐบาลขอตั้งประท้วงและขอสงวนสิทธิ์อันชอบธรรมของประเทศไทยในเรื่องนี้ไว้ เพื่อสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินทางกฎหมายที่จำเป็น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในภายภาคหน้า ให้กรรมสิทธิ์นี้กลับคืนมาในโอกาสอันสมควร พี่น้องทั้งหลายคงทราบดีว่า ชาติของเราต้องเสียศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิไปเนื่องจากเขาพระวิหาร อีกสิบปีอีกกี่ร้อยปี เราก็สามารถสร้างเกียรติภูมิคราวนี้กลับคืนมาได้ ข้าพเจ้าทราบว่า การสูญเสียปราสาทเขาพระวิหารครั้งนี้ เป็นการสูญเสียที่สะเทือนใจของคนไทยทั้งชาติ ฉะนั้นแม้นว่ากัมพูชาจะได้ปราสาทเขาพระวิหารนี้ไป ก็คงไปได้แค่ซากปรักหักพัง และแผ่นดินเฉพาะรองรับเขาพระวิหารเท่านั้น วิญญาณของปราสาทเขาพระวิหารยังคงอยู่กับคนไทยตลอดไป ประชาชนชาวไทยจะระลึกอยู่เสมอว่า ปราสาทเขาพระวิหารของไทยถูกปล้นเอาไป ด้วยอุปเล่ห์เพทุบาย คนที่ไม่มีเกียรติและไม่รับผิดชอบ ไม่รักความเป็นธรรม เมื่อประเทศไทยเราประพฤติปฏิบัติดีในสังคมโลก อันเป็นที่มีศีลธรรม มีสัตย์ ในวันหนึ่งข้างหน้าไม่ช้าก็เร็ว ปราสาทเขาพระวิหารจะต้องกลับมาสู่ดินแดนไทยอีกครั้งหนึ่ง เหตุการณ์เกี่ยวกับเขาพระวิหารครั้งนี้ สลักแน่นอยู่ในความทรงจำของคนไทยสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน และเป็นรอยจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไปตลอด เสมือนแผลที่อยู่ในใจของคนไทยทั้งชาติ แต่ข้าพเจ้าหวังอยู่เสมอว่า ในที่สุด ธรรมมะย่อมชนะอธรรม การหัวเราะที่หลังย่อมดังกว่า และนานกว่า พี่น้องร่วมชาติทุกท่าน ได้โปรดวางใจรัฐบาลซึ่งข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่นี้ จะสามารถนำชาติและพี่น้องชาวไทยที่รักก้าวสู่อนาคตอันสุขใสให้ได้ และข้าพเจ้ารับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า เมื่อถึงคราวที่ชาติคับขันแล้ว ข้าพเจ้าจะกอดคอร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องประชาชนชาวไทย เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่เสียดายชีวิตแม้แต่นิดเดียว แต่เราจะทำอย่างไรได้ ข้าพเจ้าเองมีความเจ็บช้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่าเพื่อร่วมชาติทั้งหลาย การที่ข้าพเจ้าต้องมากล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า การมาพูดกับท่านด้วยน้ำตา น้ำตาของข้าพเจ้า เป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ของเลือด ของความคับแค้น และการผูกใจเจ็บชั่วชีวิตชาตินี้และชาติหน้า ต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษผู้กล้าหาญของชาวไทย ข้าพเจ้าขอกล่าวคำปฏิญาณด้วยสัตย์วาจาดังนี้ พี่น้องที่รักชาติทั้งหลาย น้ำตาไม่อาจทำให้เราฉลาดขึ้น แต่เราจะต้อได้อะไรคืนมา ในขั้นสุดท้ายชาติไทยจะต้องประสบกับชัยชนะเสมอ เราต้องกล้าสู้ เราต้องกล้ายิ้มรับภัยที่มาถึงตัวเรา ชาติไทยเป็นชาติที่เชื่อมั่นในบริวารพุทธศาสนา ตั้งตนอยู่ในความเป็นธรรมตลอดมา ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเสมอว่า ชาติของเราจะไม่อับจนเป็นอันขาด เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในบรรดาเรื่องใหญ่ทั้งหลาย มีความสำคัญมากกว่านี้ ชาติที่รักของเรากำลังพัฒนาไปในสู่วิถีทางที่ดีขึ้น เหตุนี้ไม่ใช่เหตุผลความอับจนของเรา จงหวังและทำในเรื่องชาติที่สำคัญกว่านี้ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ชาติไทยของเรามีอนาคตแจ่มใสและรุ่งโรจน์อย่างแน่นอนและมั่นคงในอนาคตอันใกล้ นี้ เราจงมาช่วยกันสร้างชาติที่รักยิ่ง พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย วันนี้เป็นวันหนึ่งและเป็นในวันข้างหน้า เราจะต้องเอาปราสาทเขาพระวิหารคืนมาให้จงได้ และให้เป็นของชาติไทย สวัสดี" -------------------------------------- แต่ไม่มีหลักฐานว่าแถลงวันไหน อยากได้รูปนี้หล่ะครับ รบกวนคุณเหมียวออก้ารูปจอมพลประภาสนี่จากหนังสือไหนเหรอครับ คุณเหมียวออก้ามีอยู่มั้ยครับ จ๋าขอ จากคุณ : lastphenix - [ 23 มิ.ย. 51 13:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หาไม่เจออจริงๆครับ แต่จำได้เพราะเคยเปิดอ่านดูอยู่ แล้วเป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจ เลยจำได้ติดตา  หนังสือนั่นคิดว่าเห็นในหนังสือที่ระลึกของจอมพลประภาสเองครับ ในหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงจอมพลสฤษดิ์ผมไม่แน่ใจ แต่ทั้งหมดนั่นส่งกลับไปเก็บที่โคราชแล้วครับ เพราะที่ห้องไม่มีที่ ต้องขออภัยจริงๆครับ จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) - [ 23 มิ.ย. 51 13:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เคยจำได้ราง ๆ ว่าสมัยนั้นหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวว่า สฤษดิ์ ร่ำไห้หลั่งน้ำตา ประมาณนี้ จากคุณ : กำนันพล - [ 23 มิ.ย. 51 15:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กัมพูชาเองก็คงได้รับคำสาปแช่งจากคนไทย โดยเฉพาะจากปากของบุรุษเหล็กไปไม่น้อย หลังจากนั้นแผ่นดินกัมพูชาก็ไม่เคยมีความสงบสุขเลย สงครามกลางเมืองมีมาตลอด ตั้งแต่รัฐบาลลอนนอน เขมรแดง เฮงสัมริน เจ้าสีหนุคนชงเรื่องก็ต้องระเห็จไปอยู่ต่างประเทศหลายปี ทั้งๆที่ประเทศไทยเคยชุบเลี้ยงบรรพบุรุษของท่านมานาน สุดท้ายม้าอารีโดนงูเห่ากัดซะแล้ว จากคุณ : ป๋อย - [ 23 มิ.ย. 51 17:13:16 A:124.121.121.121 X: TicketID:166496 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รูปโคนเสาธงชาติไทย ที่ปราสาทพระวิหาร จากคุณ : ธนิตา - [ 23 มิ.ย. 51 17:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพ จอมพลสฤษดิ์ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 51 17:31:47 แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 51 17:29:07 จากคุณ : ธนิตา - [ 23 มิ.ย. 51 17:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ภาพ จอมพลสฤษดิ์ ตักบาตรถวายในหลวง จากคุณ : ธนิตา - [ 23 มิ.ย. 51 17:28:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ภาพ จอมพลสฤษดิ์ แถลงการณ์ เมื่อใด ไม่ปรากฏ จากคุณ : ธนิตา - [ 23 มิ.ย. 51 17:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สละเงินช่วยสู้คดีที่ศาลโลก จากคุณ : ธนิตา - [ 23 มิ.ย. 51 17:36:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สละเงินช่วยสู้คดีที่ศาลโลก ๑ บาท จากคุณ : ธนิตา - [ 23 มิ.ย. 51 17:38:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สละเงินช่วยสู้คดีที่ศาลโลก ๕ บาท จากคุณ : ธนิตา - [ 23 มิ.ย. 51 17:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ดำเนินการต่อสู้เพื่อยืนยันสิทธิของไทยเหนือดินแดนปราสาทเขาพระวิหาร ทั้งยังขอรับบริจาคเงินจากคนไทยทั้งประเทศคนละ 1 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้คณะทนายความฝ่ายไทยไปต่อสู้ในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในนามศาลโลก การไต่สวนพิจารณาคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 3 ปี มีการนัดพิจารณาสืบพยานทั้งหมด 73 ครั้ง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นหัวหน้าคณะทนายความฝ่ายไทยเท่านั้น ตัวแทนฝ่ายไทยในขณะนั้นคือ ม.จ.วงษ์มหิป ชยางกูร เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ คณะทนายความนอกเหนือจากม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชแล้ว ก็มี อังรี โรแลง ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ในมหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ และทนายความประจำศาลอุทธรณ์แห่งกรุงบรัสเซลส์, เซอร์แฟรงก์ ซอสคีส อดีตแอททอร์นี เยอเนราล (พอเปรียบได้กับตำแหน่งอัยการสูงสุด) ในคณะรัฐบาลอังกฤษ, เจมส์ เนวินส์ ไฮด์ เนติบัณฑิตแห่งรัฐนิวยอร์ก ร่วมอยู่ด้วย จนในที่สุด ศาลโลกก็ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะคดีด้วยคะแนน 9 ต่อ 3 เสียงเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ยังผลให้ประเทศไทยต้องยินยอมทำตามข้อเรียกร้องทั้ง 2 ข้อของกัมพูชา ............................................. น่าจะโมโหตัวเองที่เลือก ทนายผิด เสียมากกว่านะครับ ถึงขนาด ร่ำไห้ จากคุณ : ปปป - [ 23 มิ.ย. 51 18:05:10 A:202.5.87.145 X: TicketID:142731 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ทำไมถึงเลือกทนายผิดอ่ะครับ ช่วยไขข้อข้องใจหน่อยครับ อยากรู้อ่ะ จากคุณ : จันทร์กุมลัคนา - [ 23 มิ.ย. 51 19:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่เคยเห็นรูปท่าน  ตอนร้องไห้   แต่อ่านแล้ว  เข้าใจความรู้สึกเจ็บจําสูญเสียของท่าน  และคนไทยในยุคนั้น  ได้อย่างชัดเจนที่สุด  เห็นตัวอักษร ก็สะท้อนถึงความเสียใจที่สุดแล้ว  เชื่อว่า  ท่านนายกรัฐมนตรีไทยในยุคนั้น  หัวใจเป็นดวงเดียวกับประชาชนคนทั้งชาติแน่นอน ............................................................................................. ขออนุญาตคุณ lastphenix นําข้อความมาลงอีกครั้งนะคะ เรื่องนี้มีความสำคัญยิ่ง .....เป็นเรื่องของแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้มา อุตสาห์ฝ่าคมอาวุธรักษาไว้ และตกทอดมาถึงรุ่นเรา รัฐบาลขอตั้งประท้วงและขอสงวนสิทธิ์อันชอบธรรมของประเทศไทยในเรื่องนี้ไว้ เพื่อสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินทางกฎหมายที่จำเป็น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในภายภาคหน้า ให้กรรมสิทธิ์นี้กลับคืนมาในโอกาสอันสมควร แม้นว่ากัมพูชา   จะได้ปราสาทเขาพระวิหารนี้ไป ก็คงไปได้   แค่ซากปรักหักพัง และแผ่นดินเฉพาะรองรับเขาพระวิหารเท่านั้น   วิญญาณของปราสาทเขาพระวิหาร   ยังคงอยู่กับคนไทยตลอดไป เหตุการณ์เกี่ยวกับเขาพระวิหารครั้งนี้ สลักแน่น   อยู่ในความทรงจำของคนไทยสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน และเป็นรอยจารึก    อยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไปตลอด   เสมือนแผลที่อยู่ในใจของคนไทยทั้งชาติ ข้าพเจ้า   รับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า เมื่อถึงคราวที่ชาติคับขันแล้ว ข้าพเจ้าจะกอดคอ  ร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องประชาชนชาวไทย เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่เสียดายชีวิต  แม้แต่นิดเดียว น้ำตาของข้าพเจ้า เป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ของเลือด ของความคับแค้น และการผูกใจเจ็บชั่วชีวิตชาตินี้และชาติหน้า  ต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษผู้กล้าหาญ  ของชาวไทย พี่น้องชาวไทย   ที่รักทั้งหลาย วันนี้เป็นวันหนึ่งและเป็นในวันข้างหน้า เราจะต้องเอาปราสาทเขาพระวิหารคืนมาให้จงได้ และให้เป็นของชาติไทย ............................................................................................ คนไทยบางคน  ในรุ่นต่อๆมา  ในระยะห่างกันไม่ถึงชั่วอายุคน  ดูจะลืม ไม่ใส่ใจ ไม่ยี่หระ  ต่อความเจ็บปวดใจ ต่อความหวัง ของคนรุ่นก่อนเก่าเอาเสียเลย  เราไม่หวัง  ถึงขั้นไปเอาคืนมาให้ได้ ในยุคสมัยเรา  รู้ว่ามันยากเย็นยังมองไม่เห็นทาง  แต่อย่างน้อย  ให้เป็นเรื่องที่เป็นความหวังอยู่บ้าง  แม้เป็นการเยียวยาจิตใจ  ของคนไทยที่รักแผ่นดินก็ยังดี  แต่นี่ตัดขาดไปแล้ว  ไม่เหลืออีกแล้ว จําเป็นอะไรต้องทํากันขนาดนี้นะ ถ้าบรรพชน คนรุ่นสูญเสียเขาพระวิหาร  ท่านรับรู้ได้  เชื่อว่า คงร้องไห้เสียใจเสียยิ่งกว่าตอนเสียเขาพระวิหารอีกค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 51 20:34:18 จากคุณ : บุหลันรตี (บุหลันรตี) - [ 23 มิ.ย. 51 20:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้นี้น่าสนใจไม่แพ้กระทู้ยุทธหัตถีเลยค่ะ รออ่านต่อนะคะ จากคุณ : Guga - [ 23 มิ.ย. 51 20:30:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ได้เสนอบทความ "ปราสาทเขาพระวิหาร- กรณีศึกษาประวัติศาตร์การเมืองกับลัทธิชาตินิยม" ทางสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันเห็นควรนำมาเผยแพร่ http://www.charnvitkasetsiri.com/PDF/PreahVihearFor20June.pdf จากคุณ : UnlimitedDreams - [ 23 มิ.ย. 51 20:33:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ได้รู้ไรมาก แต่เห็นแผนที่แล้วมันขัดสามัญสำนึก ไม่รู้ศาลโลกตัดสินไปได้งัย ดูตามรูปประกอบ (ขออภัยที่รูปมันเละไปหน่อย อิอิ) เส้นสีน้ำเงินเป็นเส้นแบ่งเขตประเทศ ตอนแรกมันลากมาแล้วมาต่อกับเส้นประสีเขียวเป็นของไทย ก็สุดแผ่นดินแหล่ะ เพราะมันเป็นหน้าผา แต่ทำไปทำมาศาลโลกตัดสิน กลายเป็นอย่างเส้นสีน้ำเงินนั่นหล่ะ แล้วดูมันแหว่งดิ่ มีที่ไหนแหว่งอย่างงั้น ตามสามัญสำนึกแล้วมันไม่ใช่อ่ะ งง ถ้าฝรั่งเศสไม่ใช่มหาอำนาจในตอนนั้น ไทยอาจไม่แพ้คดีก็ได้ น่าเสียดาย จากคุณ : lastphenix - [ 23 มิ.ย. 51 21:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 22 น่าเสียดายค่ะ  T_T จากคุณ : Nymphadora - [ 23 มิ.ย. 51 22:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่า ท่าน มรว.เสนีย์ ท่านก็ทำเต็มที่อย่างที่ท่านทำแล้วครับ คนรับทำเรื่องที่ยากๆ เช่นนี้ แพ้ไปก็ต้องถูกคนรุ่นหลังกร่นด่าเช่นนี้ ท่านรู้แต่ท่านก้อสู้ และท่านทำเท่าที่จะเอื้ออำนวยแล้วครับ ต่อให้ทนายแสนเก่งอย่างคุณนพดลเกินทันสมัยนั้นก็ตาม เจอหลักกฎหมาย "ปิดปาก" เข้าไป ผมกลัวแต่ว่า เราอาจจะโดนหลักกฎหมายปิดปากเอาอีกนะสิ ในวันข้างหน้า แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 00:25:12 จากคุณ : Aeykun - [ 24 มิ.ย. 51 00:21:35 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เคยได้ยินมาว่า ที่เราแพ้เพราะไปยอมรับแผนที่ของเขา จริงหรือไม่ครับ จากคุณ : ไทยไทย - [ 24 มิ.ย. 51 00:35:21 A:202.91.18.205 X: TicketID:179779 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สมัยก่อนส่วนใหญ่ก็รู้เพียงว่า เราแพ้เพราะถูกโกงเรื่องแผนที่ ที่ไม่ใช้ีเส้นสันปันน้ำเป็นเขตุแดน ตามที่ตกลงกันระหว่างระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ่ไทยปล่อยให้ฝรั่งเศส เขียนพิมพ์แผนที่ฝ่ายเดียว ประเทศไทยได้รับแผนที่เมื่อปี พศ ๒๔๕๑ โดยฝรั่งเศส เขียนเส้นแบ่งเขตุแดนไทยกับเขมร แล้วให้ตัวปราสาทพระวิหารอยู่นอกประเทศไทย ทางทิศใต้ของเส้นสันปันน้ำ ไปอยู่ในเขตแดนของเขมร คำตัดสินของศาลโลก อ้างภาษิต ลาตินว่า... ผู้ที่เงียบเฉยอยู่ ย่อมถือว่ายินยอม ถ้าเขามีหน้าที่ที่จะพูดและสามารถจะพูดได้... ไทยเราแย้งเพิ่มว่า มีแค่ข้าราชการผู้น้อยที่เห็นแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำผิด ไม่ทำตามข้อตกลงที่ให้ใช้ีเส้นสันปันน้ำเป็นเขตุแดน แต่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ไมรู้่เห็น จึงไม่ได้คัดค้าน ศาลบอกว่า...จะเห็นได้ชัดจากหนังสือจากอ้ครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ที่ส่งไปยังเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศในกรุงเทพ ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม คศ ๑๙๐๘ ...ว่าได้มีผูู้็นำแผนที่ชุดหนึ่งมามอบให้เพื่อจัดส่งต่อไปยัง เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศสยาม...รวมทั้งแผนที่บริเวณทิวเขาดงรัก อย่างละ ๕๐ ชุด อ้ครราชทูตลงท้ายด้วยว่า จะเก็บไว้ที่สถานอ้ครราชทูต อย่างละ ๒ ชุดและจะได้ส่งไปยังแผนที่อย่างละชุดไปยังสถานอ้ครราชทูต ณ กรุงลอนดอน กรุงเบอร์ลิน ประเทศรัสเซียและสหรัฐอเมริกา..... ..ข้อที่ว่าเจ้าหน้าที่สยามโดยการประพฤติปฏิบัติของตนเอง-ได้ตอบรับและ ทราบดีถึงลีกษณะของแผนที่เหล่านี้พร้อมทั้งสิ่งที่แผนที่เหล่านี้แสดงนั้น จะเห็นได้ชัดจากการที่เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ได้ทรงขอบพระทัยอ้ครราชทูตฝรั่งเศส ณ กรุงเทพฯ สำหรับแผนที่เหล่านั้น และได้ทรงขอแผนที่ต่ออ้ครราชทูตเพิ่มเติมอีกย่างละ ๑๕ ชุด เพื่อทรงจัดส่ง ไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆของสยาม"......... ....จะเห็นได้ชีดว่าได้มีบุคคลอาทิ เช่น สมเด็จกรมพระยาเทวงศ์ฯ เสนาบดี กระทรวงต่างประเทศ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย สมาชิกสยามในคณะกรรมการผสมชุดแรก และสมาชิกสยามในคณะกรรมการ ที่ได้ทรงเห็นหรือได้เห็นแผนที่เหล่านี้ และยังต้องสันนิษฐานด้วยว่า แผนที่ภาคผนวก ๑ นี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดขุขันธ์ซี่งเป็นจังหวัดของสยามทีีมีเขตติดต่อกับอาณาบริเวณเขาพระวิหาร ก็ได้เห็นแล้วด้วย.....บุคคลดังกล่าวข้างต้นนี้ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยเลย ทุกท่านหรือเกือบทุกท่านมีความรู้เกี่ยวกับท้องถื่นนี้ดี บางท่านคงต้องมีความณุ้เกี่ยวกับอาณาบริเวณเขาดงรัก เป็นที่ชัดแจ้งจากเอกสารหลักฐานในคดีนี้ดีว่า สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงสนพระทัยเป็นพิเศษในการปักปันเขตแดน และทรงมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับโบราณสถาน.... ......ในเรื่องนี้เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดประกอบด้วยการเสด็จไปเยี่ยม พระวิหารใน คศ ๑๙๓๐ ( พศ ๒๔๗๓ สมัยรัชกาลที่ ๗---ธนิตา)ของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ อดีตเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และในขณะนั้นทรงเป็นนายกราชบัณฑิตยสถานแห่งประเทศสยามและทรงรับหน้าที่เกี่ยวกับหอสมุดแห่งชาติและโบราณสถาน การเสด็จไปเยี่ยมนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของการ เดินทางไปสำรวจโบราณสถาน โดยพระบรมราชานุญาตของพระมหากษัตริยฺสยามและเห็นได้ชัดว่ามี ลักษณะกึ่งราชการ เมื่อเสด็จในกรมฯเสด็จถึงพระวิหาร ทรงได้รับการต้อนรับเป็นทางการจากข้าหลวงฝรั่งเศสของจังหวัดกัมพูชา ที่ติดต่อกับชายแดนในนามของข้าหลวงใหญ๋ฝรั่งเศสโดยมีธงฝรั่งเศสชักไว้สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ไม่น่าที่จะไม่ทรงสังเกตเห็นผลที่เนื่องมาจากการรับรองในลักษณะนี้ การยืนยันสิทธิทางด้านอินโดจีนฝรั่งเศสที่ชัดแจ้งกว่านี้ นึกคิดได้ยาก แต่ฝ่ายไทยก็ไม่ได้กระทำอะไร นอกจากนั้น เมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เสด็จกลับมาถึงกรุงเทพฯแล้ว ยังได้ประทานรูปถ่ายที่ระลึกไปให้ข้าหลวงฝรั่งเศส พระองค์ทรงใช้ภาษาที่ดูเหมือนจะยอมรับว่า โดยการกระทำของข้าหลวงฝรั่งเศสผู้นี้ ฝรั่งเศสได้กระทำเป็นประเทศเจ้าภาพ ศาลได้พิจารณาเห็นว่า คำอธิบายของทนายฝ่ายไทยเกี่ยวกับการเสด็จของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯครั้งนีฟังไม่ขึ้น เมื่อพิจารณาเหตการณฺ์เสด็จโดยตลอด การกระทำเช่นนี้ก็เท่ากับการยอมรับโดยปริยายจากฝ่ายสยามในอธิปไตยของกัมพูชา (ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส)เหนือพระวิหาร โดยการที่ไม่มีปิฏิกิริยาในทางใดๆ ในโอกาสที่จะต้องแสดงปฎิกิริยา เพื่อยืนยันหรือรักษาไว้ซึ่งกรรมสิทธ์ของตนในเมื่อมีข้อเรียกร้อง ของคู่แข่งขันที่ประจักษ์ สิ่งที่ปรากฏชัด คือว่าตามความเป็นจริง ประเทศสยามไม่ได้เชื่อว่า ตนมีกรรมสิทธิ์ใดๆ และ ข้อนี้ย่อมสอดคล้องกับท่าทีของไทยที่มีต่อแผนที่ ภาคผนวก ๑ ตลอดมาและภายหลัง หรือมิฉะนั้นไทยก็ตกลงใจที่จะไม่อ้างสิทธิ ซึ่งก็หมายความอีกว่า ไทยได้ ยอมรับข้อเรียกร้องของฝรั่งเศส หรือยอมรับเส้นเขตแดน ณ พระวิหาร ตามที่ลากไว้บนแผนที่......... แนวการตัดสินเรื่องนี้ ก็คล้ายๆกับ คดีที่เพิ่งตัดสิน เมี่อเดือน พค ที่ผ่านมาคือ ระหว่าง มาเลเซีย กับ สิงค์โปร์ เรื่อง เกาะขนาด ๑ ไี่ร่เศษ มีชื่อแปลว่า หินสีขาว ตามสีของขีัืนก เป็นที่ตั้้้งประภาคาร ตรงทางเข้า ด้านตะวันออก ของช่องแคบสิงค์โปร์ โดยสิงค์โปร์ประท้วงการที่มาเลเซีย เขียนแผนที่เอาเกาะนี้ ไปอยู่ในเขตของมาเลเซีย มาเลเซียก็อ้างแผนที่เก่าๆ สัญญาเก่าๆ ว่าเกาะนี้เป็นของมาเลเซีย แต่ศาลตัดสินให้เป็นของสิงค์โปร์ โดยบอกว่าสิงค์โปรเป็นคนติดตั้งบำรุงรักษาและบริหารใช้ประภาคาร แต่มาเลเซีย ไม่เคยคัดค้านในเรื่องนี้ ก็คล้ายๆกับ คดีปราสาทพระวิหาร ที่ไม่ว่าจะลักษณะภูมิประวัติศาสตร์ หรือ แผนที่ที่ผิดตามสนธิสัญญา ถ้าไม่ประท้วง ศาลก็ตัดสินแนวเดียวกัน ดังนั้น เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ไทยเราจึงควรคัดค้านไว้ก่อน ไม่เออออห่อหมกง่ายๆ คงสงสัยว่า ทำไมไทยสมัยจอมพล สฤษดิ์ จึงถอนเจ้าหน้าที่จากตัวปราสาทพระวิหาร ตามศาลโลก ก็คงอาจจะเป็นว่า เกรงใจเกรงกลัวสหประชาชาติ ก็ได้ ตรงข้ามกับ อเมริกา ที่ไม่กลัวไมเกรงใจสหประชาชาติ หลังจากแพ้คดีสัญญาสันติภาพ กับนิคารากัว ราวปี ๒๕๒๕ ตอนแรกอเมริกา ประกาศถอนตัวไม่ยอมอยู่ใต้การพิจารณาของศาลโลก แต่ศาลโลกปฏิเสธ ๑๑ ต่อ ๑ และ ผลสุดท้ายศาลโลกตัดสินให้อเมริกาต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับนิคารากัว แต่อเมริกา ก็ใช้สิทธิวีโต้ในสหประชาชาติเพียงเสียงเดียวของอเมริกา ไม่ทำตามศาลโลก อเมริกาก็ทำได้ จากคุณ : ธนิตา - [ 24 มิ.ย. 51 04:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ปิดปากที่จะถูกนำมาใช้รอบต่อไปก็พื้นที่ทับซ้อนนี่ไงครับ ประชาชนชาวเขมร เข้ามาตั้งรกรากอยู่ในฝั่งไทยแถมยังมีภาพถ่ายเป็นหลักฐานอีกแหละ ต่อไป ถ้าจะเรียกเอาพื้นที่ทับซ้อนไปเป็นของเขาโดยอ้างว่าก็ไม่โวย (นี่หว่า) ที่เห็น คนเขมรเข้าไปตั้งรกราก ดีไม่ดี อาจมีการครอบครองปรปักษ์อีกแน่ะ จากคุณ : satitp - [ 24 มิ.ย. 51 08:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นไปได้มั๊ยที่เราจะเอาเขาพระวิหารกลับคืนมา เราต้องทำอย่างไรคะ จากคุณ : A Good girl - [ 24 มิ.ย. 51 08:21:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จะขอจำไปจนตายว่ารัฐบาลชุดนี้ทำให้ไทยเสียดินแดน จากคุณ : thezircon (thezircon) - [ 24 มิ.ย. 51 09:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ใครมีกลอนเรื่องคดีนี้ของม.ร.ว.เสนย์ (หรือม.ร.ว.คึกฤทธิ์หว่า) ไหมคะ ช่วยลงให้ทีเถอะค่ะ เคยฟังมาโดนใจจริงๆ จากคุณ : thezircon (thezircon) - [ 24 มิ.ย. 51 10:13:06 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เอาง่ายๆ นะ ถ้าตอนนั้นฝรั่งเศสไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจ ไทยคงไม่ยอมรับแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำ แล้วคงไม่โดนกฎหมายปิดปาก แต่นี่ต้องนิ่ง ต้องยอมรับ เพราะกลัวเรือปืน เดี๋ยวจะเสียมากกว่าเดิม แต่ปัจจุบันไทยก็ใช่ขี้ๆ มีแรงที่จะค้านก็ค้าน แล้วพวกที่ล้ำมาตั้งบ้านอยู่ก็ไล่กลับไป เดี๋ยวจะโดนปิดปากอีก จากคุณ : lastphenix (lastphenix) - [ 24 มิ.ย. 51 10:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมมาจากระทู้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6722261/K6722261.html โดนผู้ตอบกระทุ้อัดผมน่วมเลยครับ สงสัยผมจะไปแหย่รังแตน ชาวราชดำเนิน ผู้มีคติ "คิดต่างได้แต่โดนกระทืบแน่" จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 24 มิ.ย. 51 11:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กลอนตามที่ขอครับ  เป็นท่าน คึกฤทธิ์ เขียนไว้     เมื่อพูดถึงคดีเขาพระวิหาร ใครหลายๆคนคงยังจำกันได้ดีว่าเป็นคดีที่คนไทยทั้งประเทศต้องน้ำตาตกในขนาดไหน เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ ก่อนศาลโลกจะตัดสิน ๒ ปีเศษ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช ได้แต่งกลอนด่าเขมรไว้ ว่าเขมรเป็นโคตรเนรคุณ...              "สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่                    ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน                                ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน         กะลาครอบมานานโบราณว่า                          พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน                                      ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป         อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม                เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้ ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย                                  ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด         เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู                       ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร                              แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี        ไทยก็อมตามใจไม่ดึงดื้อ                                เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่ คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี                                 ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน        หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต                เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น? ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน                                องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา?        เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง                    ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา                                 สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง        ได้เเดชไทยไปคุ้มกะลาหัว                             จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง                                    ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา        ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์                             ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา                                     เพราะทรงพระกรุณาประทานไป        มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ                      ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้ สมกับคำโบราณท่านว่าไว้                                     อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย...                                                                                      ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช                                                                          หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์                                                                                       ๑๘  ตุลาคม ๒๕๐๒ ที่มา : หนังสือไทยแพ้คดีเสียดินแดนให้เขมร(คดีเขาพระวิหาร) ใจเย็นๆกันนะครับ  อาจมีอะไรลึกซึ้งกว่าที่เราได้รับรู้ จากคุณ : ptt+ - [ 24 มิ.ย. 51 11:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ : A Good girl คุณ : thezircon (thezircon) คุณ : Aeykun ช่วยไปที่กระทู้  http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6722261/K6722261.html ด้วยครับ จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 24 มิ.ย. 51 11:49:00 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^^ ^^^ อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน - [ 24 มิ.ย. 51 12:03:24 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ต่อ... 7.คนซวยที่สุดคือเพื่อนอาแดง พล.ต.กนก เนตะระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองพลที่ 6 นอนห้องเดียวกันตอนนายร้อย เพราะชื่อ ก.ไก่ อาแดง ข.ไข่ โทรมาบ่นเมื่อตอน 2 ทุ่ม พรุ่งนี้แม่ค้าเป็น 100 คน จะมาหากู เพราะอาหารเหลือ ครอบครัวอดตาย แค่ธรรมยาตรา คนแก่ 17 คน มากางกลด แล้วกูจะเอาที่ไหนไปเลี้ยง ปล.....ตั้งใจอ่าน ทีนี้ไฮไลท์หละ! มองเบื้องหน้าเหมือนเขมรโกรธไทย เพราะธรรมยาตรามาบุก จึงใส่กุญแจปิดด่าน ทหารเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึก ลากปืนใหญ่ ปืนกลออกมา ประชาชนเดือดร้อน ทหารพล 6 ก็ต้องเตรียมพร้อมรบกัน แต่มองเบื้องหลัง อาแดงบอกแล้ว เขมรชุดนี้ที่เป็นรัฐบาลฮุนเซนรักไทยทุกตัว พวกนี้คือทหารเขมร 3 ฝ่าย ที่อาแดงเคยให้ข้าวกิน เล่าไปหมดแล้ว รัฐมนตรีกลาโหม เตีย บัณห์ พูดไทยมีเมียไทย นอนเอาแป้งโรยสะดือ อาบอบนวดที่คลีโอพัตราถนนรัชดาทุกวัน พูดไทยอย่างน้ำชัดกว่าคนใต้อีก และสนิทบิ๊กจิ๋วเพราะเราดูแลด้วยหน่วย 838 รับอาวุธจากจีนแดงมาส่งเขมรพอลพต วันนี้ พี่เหลิมรัฐมนตรีมหาดไทย ยังให้มือขวา พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ ของพี่จิ๋ว เป็นบอร์ดการปะปา พี่วิชิตกับเตียบัณห์ เหมือนคอหอยลูกกระเดือก 100 บาท ขี้หมากองเดียว บิ๊กจิ๋ว-สมัคร-เฉลิม แตะมือกัน ขอให้เตียบัณห์ รัฐมนตรีกลาโหมเขมร ปิดด่าน วันนี้ พันธมิตร:-) หน้าเป็นหมาตั้งแต่เช้า...แย้วววว์ ถ้าเขาพระวิหารเป็นของไทยจริง ไอ้พันธมิตรหน้าโง่มึรงก็ไปตัดกุญแจซิ เขมรจะได้ยิงเอาด้วยอาก้า หรือใช้ธรรมยาตราก็ได้ไอ้กลดไล่ตีเขมร ผบ.พล.6 เพื่อนอาแดงยังไม่สนใจเรื่องตัดกุญแจ เพราะจบเป็นร้อยตรีอยู่ที่นั่น ก็เห็นเขมรมันมาเปิดประตูเช้าปิดเย็น ดูอย่างไรก็ของเขมร นี่พึ่งวางหูกับ อาแดง "ไอ้แดงกูจะทำอย่างไรดีกับแม่ค้า 200 กว่าร้าน มันวกกลับมาหากู เอากูตายแน่" อาแดงหัวเราะ หุ หุ (หัวเราะแบบขนมต้ม) กูก็คิดไม่ออกเหมือนกัน เจ็กลิ้มกับมหาโพธิรักษ์พระไม่โกนคิ้วแต่โกน โหมย สร้างม๊อบหาเงิน รึจะมาสู้เจ้าสำนักวิชาเหยศาสตร์ สมัคร-เฉลิม อดีตพรร ปชป.ทั้งคู่ บวก บิ๊กจิ๋ว บวก เตียบัณห์..เมียไทยขาประจำคลีโอพัตรา :-) ถ้าใครรองข้างไอ้เจ็กลิ้ม...:-)ควายโง่ จริงๆ รองข้าง เสธ.แดง แดกเรียบตั้งแต่วันแรกแล้ว.... จากคุณ : เสธ.แดง วัน/เวลาที่ตั้งกระทู้ : 2551-06-23 20:54:49 [ 58.9.186.112 ] http://www.sae-dang.com/cgi-bin2/dangBoard/OpenMessage.php?no=46200 จากคุณ : เสธิเขียว - [ 24 มิ.ย. 51 14:27:08 A:202.5.87.133 X: TicketID:142731 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ถึงแฟนคลับ วิธีดูว่า "เขาพระวิหาร" เป็นของเขมร 100 เปอร์เซนต์ ดู 2 กรณีย์ http://www.sae-dang.com/cgi-bin2/dangBoard/OpenMessage.php?no=46272 จากคุณ : เสธ.เชียว - [ 24 มิ.ย. 51 14:46:58 A:202.5.87.133 X: TicketID:142731 ]

ความคิดเห็นที่ 38 แหม สันดานเสี้ยมคนให้ทะเลาะกันจริงๆเลย  ตั้งกระทู้โน้น  เขาตอบเป็นเรื่องๆ  แถจนแถไม่ออก   ยังมายุในกระทู้นี้ ให้คนเขาแตกกันอีก ถ้าไหนๆ คนในกระทู้นี้จะช่วยกันแสดงความเห็นเรื่องนี้แล้ว ก็รบกวนอ่านข้อมูลกันให้ครบ   http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6722261/K6722261.html  ลองอ่าน คห 156 ดูนะครับ  แล้วโต้แย้งเขาเป็นข้อๆ   อย่าใช้แต่ความรู้สึก แล้วด่าเอามันแต่ฝ่ายเดียว ลัทธิชาตินิยม ปลุกง่าย แก้ไขยาก   บ้านเมืองมันมีแต่ละลุกเป็นไฟ แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 19:14:30 จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 24 มิ.ย. 51 19:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 39 แวะไปแล้วครับคุณบ้านไร่ ... สงสารแต่คุณบ้านไร่โดยเผาเสียหมดเรือนซะแล้ว สู้ สู้ ครับ จากคุณ : Aeykun - [ 24 มิ.ย. 51 19:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 40 รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผมชอบคำนี้จัง จากคุณ : Max2000 - [ 24 มิ.ย. 51 21:10:10 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณลูกแม่โดม..เปลี่ยนชื่อเหอะ... เสียดายชื่อนี้..... จากคุณ : รักแม่โดม..แต่เริ่มไม่ชอบลูก (the_pams) - [ 24 มิ.ย. 51 21:59:12 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณ คนบ้านไร่ชายน้ำ สู้กันต่อไป...เพราะเราคนไทย! จากคุณ : the_pams - [ 24 มิ.ย. 51 22:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 43 น่าสนใจมากค่ะ ช่วยกันโหวตดีไหม? จากคุณ : แม่ของObst (obst) - [ 25 มิ.ย. 51 04:04:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คห 41  ไปอ่านให้มันครบถ้วน แล้วตั้งสติให้ดีเสียก่อน ว่า  กำลังตกอยู่ในกระแสอะไรสักอย่างกันหรือเปล่า เขายืนยันกันหลายฝ่ายว่า ไทยไม่เสียดินแดน  คุณไม่เชื่อ   ผมถามว่า แล้วใครพูดคุณถึงจะเชื่อ   จำเรื่องวัดพระแก้วได้ไหม  เขายืนยันกันทุกฝ่าย  ก็ไม่มีใครเชื่อ  จนสุดท้าย  ท่านที่ใหญ่ที่สุดยืนยัน   พวกก็ยังบอกว่า ไม่เหมาะอยู่ดี ผมว่า  ตอนนี้ บ้านเมืองเรา  ศาสดาคนนี้  พูดอะไรน่าเชื่อกว่าทุกคนแล้วกระมัง จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 25 มิ.ย. 51 09:08:46 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ : ลูกแม่โดม   โธ่บอกแล้วว่าเราคนไทยรักชาติ ดีกว่าขายชาติ อย่างน้อยๆคุณคงเซ็งที่คนในกระทู้นี้เขารักชาติไทย  มากกว่า ชาติเขมร  ปล.เราอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านได้แต่ต้องเป็นไปในลักษณะไม่เอาเปรียบ ไม่ทรยศ และต้องจริงใจ จำไว้คุณ ลูกแม่โดม จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 25 มิ.ย. 51 09:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ความคิดเห็นที่ 31   ผมมาจากระทู้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6722261/K6722261.html โดนผู้ตอบกระทุ้อัดผมน่วมเลยครับ สงสัยผมจะไปแหย่รังแตน ชาวราชดำเนิน ผู้มีคติ "คิดต่างได้แต่โดนกระทืบแน่" จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ  - @@@@@@@@@@@@ ไม่มีอะไรค่ะ คิดว่าห้องสมุดพันทิปมีวิจารณญาณพอที่จะพิจารณาความเห็นอันนี้ได้เอง ไม่นับรวมหัวข้อกระทู้ที่เจ้าของความเห็นนี้ตั้งขึ้นเพื่อกล่าวหาคนอื่น และถ้าอยากขออนุญาตเจ้าของกระทู้ที่http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6722261/K6722261.html ทำลิงก์ไปที่ห้องราชดำเนินบ้าง   แต่คงไม่ทำหรอกค่ะ  แค่ขออนุญาตเผื่อไว้ก่อน จากคุณ : ป้าหนูดา - [ 25 มิ.ย. 51 09:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าเรารัก...เราหวงแผ่นดินนี้ได้สักครึ่งของสัตว์หวงอาณาเขต ประเทศไทยคงไม่เป็นแบบนี้ เราเองก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่บ้านักร้องบ้าละครต่างชาติ แต่ตอนนี้พักไว้ก่อน ชาติและสถาบันสำคัญที่สุด จากคุณ : thezircon (thezircon) - [ 25 มิ.ย. 51 10:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ผมยังยืนยันกับ คุณ ป้าหนูดา  ว่า เราคนไทยรักชาติ คลั่งชาติ ยังดีกว่าขายชาติ อย่างน้อยๆคุณคงเซ็งที่คนในกระทู้นี้เขารักชาติไทย  มากกว่า ชาติเขมร ปล.เราอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านได้แต่ต้องเป็นไปในลักษณะไม่เอาเปรียบ ไม่ทรยศ และต้องจริงใจ จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 25 มิ.ย. 51 12:04:18 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อ้าว แถ แวะเข้ามาห้องสมุดแล้วทำไมไม่ตอบกระทู้ตัวเองบ้างล่ะ ดีดตัวหนีแล้วหรือไง ข้อความที่ยกมาข้างต้นน่ะ เข้าข่ายหมิ่นประมาทนะ คุณป้าหนูดายื่นฟ้องได้เลยล่ะ จากคุณ : masked v - [ 25 มิ.ย. 51 12:17:46 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ฟังเสียงจอมพลสฤษดิ์ กรณีปราสาทเขาพระวิหารhttp://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000073920 จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 25 มิ.ย. 51 13:30:24 ]

ความคิดเห็นที่ 51 พี่น้องร่วมชาติ และมิตรร่วมชีวิตที่รักของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตามที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกว่า ศาลโลก ได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2505 ให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา และทางรัฐบาลได้ออกแถลงให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเป็นลำดับนั้น             รัฐบาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะตัวของข้าพเจ้า ถือว่าเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลได้ผลเสียของชาติ อันเป็นเรื่องของแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้มา อุตส่าห์ฝ่าคมอาวุธรักษาไว้ และตกทอดมาถึงรุ่นเรา             เนื่องจากในคำปราศรัยนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบดีว่า ในส่วนลึกและหัวใจแล้ว คนไทยผู้รักชาติทุกคน มีความเศร้าสลดและมีความข่มขืนใจเพียงใด แสดงออกถึงของประชาชนในการเดินขบวนทั่วประเทศ เพื่อคัดค้านคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นสิ่งที่เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนแล้ว             ทั้งนี้ มิใช่ว่าพวกเราจะนั่งนิ่งเฉยหรือท้อแท้ใจ ชาติไทยยอมท้อแท้ทอดอาลัยไม่ได้ เราเคยสูญเสียดินแดนแก่ประเทศมหาอำนาจที่ล่าอาณานิคมมาแล้วหลายครั้ง หากบรรพบุรุษของเรายอมท้อแท้ เราจะเอาแผ่นดินที่ไหนมาอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้ เราจะต้องหาวิธีการสู้ต่อไป             สำหรับกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งศาลโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนั้น ข้าพเจ้าขอทบทวนเข้าใจกับเพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย ว่า รัฐบาลและประชาชนชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลก ทั้งในข้อเท็จจริงกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความยุติธรรม             เมื่อเป็นดังนี้ แม้นรัฐบาลและปวงชนชาวไทย จะได้มีความรู้สึกสลดใจและขมขื่นเพียงใด ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีในกฎบัตรสหประชาชาติ กล่าวคือ ต้องยอมให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร ตามพันธกรณีแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ แต่รัฐบาลขอตั้งประท้วงและขอสงวนสิทธิ์อันชอบธรรมของประเทศไทยในเรื่องนี้ไว้ เพื่อสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินทางกฎหมายที่จำเป็น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในภายภาคหน้า ให้กรรมสิทธิ์นี้กลับคืนมาในโอกาสอันสมควร             พี่น้องทั้งหลายคงทราบดีว่า ชาติของเราต้องเสียศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิไป เนื่องจากเขาพระวิหาร อีกสิบปีอีกกี่ร้อยปี เราก็สามารถสร้างเกียรติภูมิคราวนี้กลับคืนมาได้ ข้าพเจ้าทราบว่า การสูญเสียปราสาทเขาพระวิหารครั้งนี้ เป็นการสูญเสียที่สะเทือนใจของคนไทยทั้งชาติ             ฉะนั้น แม้นว่า กัมพูชาจะได้ปราสาทเขาพระวิหารนี้ไป ก็คงไปได้แค่ซากปรักหักพัง และแผ่นดินเฉพาะรองรับเขาพระวิหารเท่านั้น วิญญาณของปราสาทเขาพระวิหารยังคงอยู่กับคนไทยตลอดไป ประชาชนชาวไทยจะระลึกอยู่เสมอว่า ปราสาทเขาพระวิหารของไทยถูกปล้นเอาไป ด้วยอุปเล่ห์เพทุบาย คนที่ไม่มีเกียรติและไม่รับผิดชอบ ไม่รักความเป็นธรรม เมื่อประเทศไทยเราประพฤติปฏิบัติดีในสังคมโลก อันเป็นที่มีศีลธรรม มีสัตย์ ในวันหนึ่งข้างหน้าไม่ช้าก็เร็ว ปราสาทเขาพระวิหารจะต้องกลับมาสู่ดินแดนไทยอีกครั้งหนึ่ง             เหตุการณ์เกี่ยวกับเขาพระวิหารครั้งนี้ สลักแน่นอยู่ในความทรงจำของคนไทยสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน และเป็นรอยจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไปตลอด เสมือนแผลที่อยู่ในใจของคนไทยทั้งชาติ แต่ข้าพเจ้าหวังอยู่เสมอว่า ในที่สุด ธรรมะย่อมชนะอธรรม การหัวเราะที่หลังย่อมดังกว่า และนานกว่า             พี่น้องร่วมชาติทุกท่าน ได้โปรดวางใจรัฐบาลซึ่งข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่นี้ จะสามารถนำชาติและพี่น้องชาวไทยที่รักก้าวสู่อนาคตอันสุกใสให้ได้ และข้าพเจ้ารับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า เมื่อถึงคราวที่ชาติคับขันแล้ว ข้าพเจ้าจะกอดคอร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องประชาชนชาวไทย เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่เสียดายชีวิตแม้แต่นิดเดียว แต่เราจะทำอย่างไรได้ ข้าพเจ้าเองมีความเจ็บช้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่าเพื่อร่วมชาติทั้งหลาย             การที่ข้าพเจ้าต้องมากล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า การมาพูดกับท่านด้วยน้ำตา น้ำตาของข้าพเจ้า เป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ของเลือด ของความคับแค้น และการผูกใจเจ็บชั่วชีวิตชาตินี้และชาติหน้า ต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษผู้กล้าหาญของชาวไทย             ข้าพเจ้าขอกล่าวคำปฏิญาณด้วยสัตย์วาจาดังนี้ พี่น้องที่รักชาติทั้งหลาย น้ำตาไม่อาจทำให้เราฉลาดขึ้น แต่เราจะต้องได้อะไรคืนมา ในขั้นสุดท้ายชาติไทยจะต้องประสบกับชัยชนะเสมอ เราต้องกล้าสู้ เราต้องกล้ายิ้มรับภัยที่มาถึงตัวเรา ชาติไทยเป็นชาติที่เชื่อมั่นในบริวารพุทธศาสนา ตั้งตนอยู่ในความเป็นธรรมตลอดมา             ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเสมอว่า ชาติของเราจะไม่อับจนเป็นอันขาด เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในบรรดาเรื่องใหญ่ทั้งหลาย มีความสำคัญมากกว่านี้ ชาติที่รักของเรากำลังพัฒนาไปในสู่วิถีทางที่ดีขึ้น เหตุนี้ไม่ใช่เหตุผลความอับจนของเรา จงหวังและทำในเรื่องชาติที่สำคัญกว่านี้ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ชาติไทยของเรามีอนาคตแจ่มใสและรุ่งโรจน์อย่างแน่นอนและมั่นคงในอนาคตอันใกล้ นี้ เราจงมาช่วยกันสร้างชาติที่รักยิ่งของเราต่อไป             พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย วันนี้เป็นวันหนึ่งและเป็นในวันข้างหน้า เราจะต้องเอาปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมา ให้เป็นของชาติไทยให้จงได้ สวัสดี” จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 25 มิ.ย. 51 13:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 52 "สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่                    ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน                                ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน       กะลาครอบมานานโบราณว่า                          พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน                                      ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป       อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม                เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้ ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย                                  ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด       เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู                       ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร                              แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี      ไทยก็อมตามใจไม่ดึงดื้อ                                เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่ คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี                                 ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน      หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต                เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น? ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน                                องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา?      เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง                    ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา                                 สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง      ได้เเดชไทยไปคุ้มกะลาหัว                             จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง                                    ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา      ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์                             ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา                                     เพราะทรงพระกรุณาประทานไป      มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ                      ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้ สมกับคำโบราณท่านว่าไว้                                     อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย...                                                                                    ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช                                                                        หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์                                                                                     ๑๘  ตุลาคม ๒๕๐๒ จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 25 มิ.ย. 51 13:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ตัดแปะอีกละ แล้วที่หมิ่นประมาทผู้อื่นนี่จะว่ายังไงครับ แล้วที่กล่าวพาดพิง ว่า ชาวราชดำเนิน ผู้มีคติ "คิดต่างได้แต่โดนกระทืบแน่" นี่ก็มั่วอีกล่ะ ผมตำหนิมารยาทสังคมของคุณต่างหาก ส่วนมีข้อมูลจะชี้แจงอะไรก็ชี้แจงมา ท่านอื่นที่แสดงความเห็นแย้งก็ไม่มีใครถูกตำหนิ ทั้งหมดนั่นเขาตำหนิคุณคนเดียวนั่นแหละ คนแถชายน้ำ จากคุณ : masked v - [ 25 มิ.ย. 51 14:15:45 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ปล่อยเค้าไปเถอะครับ จากคุณ : Loss of Divinity - [ 25 มิ.ย. 51 18:46:35 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คลั่ง จัด จากคุณ : 5555 - [ 25 มิ.ย. 51 20:31:17 A:202.5.87.151 X: TicketID:142731 ]

ความคิดเห็นที่ 56 แผนที่ที่นพดลเอามาแสดง ตอนแถลงข่าวว่า แผนที่แผนผังใช้ใน การรับรองสนับสนุนให้ปราสาทเป็นมรดกโลก แล้วไทยไม่เสียดินแดนนั้น ก็ปรากฎว่า ตามรูปที่แนบมานี้ จากแผนที่นั้นทางฝ่ายเขมรเขาได้พื้นที่เกินนอก บริเวณตัวปราสาทตรงพื้นทีรูปสีเหลียมคางหมูเดิมไปแล้ว คือ พี้นที่ตรงที่กา XXX ไว้ให้เห็นทางซ้ายมือหรือทางทิศตะวันตก และ พี้นที่ทางเหนือของบริเวณปราสาท ใต้เส้นประสีแดง จากบริเวณทีเขียนว่า พื้นที่ซับซ้อน ก็เรียกว่า เขาได้พื้นที่ซับซ้อน ไปอย่างง่ายๆ เรื่องแผนที่ วันนี้ไปค้นใหม่พบว่า ในการพิจารณาขั้นเนื้อหา ของคำพิพากษาของศาลโลก จึงรู้ว่า กรรมการผู้ที่ไปทำแผนที่บริเวณ เขาพระวิหาร มีเพียงคนเดียว เป็นนายทหารเขมรชื่อ ร้อยเอก อุ่ม ตามข้อความนี้...... ...ในการประชุมครั้งเดียวกัน คือ เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม คศ ๑๙๐๖ ได้มีการตกลงกันด้วยว่า ร้อยเอกอุ่ม กรรมการผู้หนึ่งฝ่ายฝรั่งเศสจะเป็นผู้สำรวจเขาดงรักด้านตะวันออกทั้งหมด ซึ่งเป็นเขตที่พระวิหารตั้งอยู่โดยเริ่มต้นสำรวจจากจุดปลายตะวันออก และว่าร้อยเอกอุ่ม จะออกเดินทางเพื่อการนี้ ในวันรุ่งขึ้น.... มิน่าเล่า จึงได้มีการขีดเส้นแดน ให้ตัวปราสาทพระวิหาร อยู่นอกเขตไทย ไปอยู่ในเขตเขมร แล้วศาลโลกก็ตัดสินตามนี้ ให้เขมรได้ตัวปราสาทไป จากภาพแผนที่แผนผังข้างล่างนี้ ที่ทาง คุณนพดล รมต.กระทรวงต่างประเทศของไทย เอามาแถลงข่าว โดยบอกว่าเขมรแก้ไขแล้ว จึงได้สนับสนุนให้เป็นมรดกโลก ก็จะเห็นว่่า บริเวณตัวบันไดทั้งหมด และพื้นที่ทางตะวันออกของตัวปราสาททั้งหมด อยู่ในเขตเขมรไปแล้ว มากกว่าที่ศาลโลกตัดสินเสียอีก ก็ไม่รู้ว่า ร้อยเอก อุ่ม นายทหารเขมร คนนั้น กลับชาติมาเกิดเป็นใคร จากคุณ : ธนิตา - [ วันสุนทรภู่ 06:25:14 ]

ความคิดเห็นที่ 57 หวงแผ่นดินค่ะ จากคุณ : thezircon (thezircon) - [ วันสุนทรภู่ 15:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เผื่อไม่เห็น มติครม 2505 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6733099/K6733099.html จากคุณ : Nexus - [ 27 มิ.ย. 51 12:19:21 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ดูแล้ว ก็ลองเอาไปเปรียบเทียบกับแผนที่ของเขมร ที่นพดลเพิ่งรับรองสนับสนุน จะเห็นว่า แผนที่นั้นเส้นเขตพื้นที่ของปราสาทอยู่ห่างจากช่องบันไดหักมากกว่าแผนที่นี้ แสดงว่า ไทยเราเสียพื้นที่ไปให้เขมรอย่างง่ายๆ จากคุณ : ธนิตา - [ 29 มิ.ย. 51 13:42:14 ]

ความคิดเห็นที่ 60 นอกจากนั้นแผนที่นี้หน้่า ๒๙ เป็นแผนที่เดียวกับแผนที่ของหน้า 34 แต่ตรงแผนที่นั้น ทางมุมล่างขวามือ มีคำว่า July 1961 เกือบ ๑ ปี ก่อนที่ศาลโลกจะตัดสินเมืีอ 15 มิถุนา 1962 และมีพื้นที่ของบริเวณปราสาทราว 360000 ตารางเมตร จึงมากกว่า 1/3 ตารางกิโลเมตร ไม่ตรงกับ มติคณะรัฐมนตรี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๐๕ ที่ให้กำหนดเขตบริเวณปราสาท ตามวิธีที่ ๒ ที่กระทรวงมหาดไทย เสนอไปเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๐๕ ซี่งมีพื้นที่ประมาณแค่ 1/4 ตารางกิโลเมตร และบอกไว้ให้เห็นชัดว่า ตามวิธีที่ ๒ นี้ว่า ...มีแนวเขตจากปีกขวาของตัว ปราสาทพระวิหารตั้งแต่ช่องบรรไดหัก ลากเส้นตรงผ่านชิดบรรไดนาค.... แต่แผนที่หน้าหน้่า ๒๙ และ หน้า ๓๔ แนวเขตเกินช่องบรรไดหัก เกินบรรไดนาค ด้งนั้นจึงไม่ใช่ แผนที่จริงๆ ตามมติคณะรัฐมนตรี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๐๕ และไม่ตรงกับการปฏิบัติจริงๆ ที่ใช้รั้วลวด หนามเป็นเขต ชิดกับหัวพญานาคของบรรไดนาค ที่ทำกันมาดังรูปข้างล่างนี้ จากคุณ : ธนิตา - [ 29 มิ.ย. 51 18:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แล้วก็ถูกเลื่อนลงมา พร้อมกับมีร้านเขมรนอกเขต สมัยรัฐบาลทักษิณครั้งแรก ๒๕๔๔ จากคุณ : ธนิตา - [ 29 มิ.ย. 51 18:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 62 รูปข้างบนและรูปนี้ ร้านยังไม่มาก จากคุณ : ธนิตา - [ 29 มิ.ย. 51 18:41:33 ]

ความคิดเห็นที่ 63 แต่ตอนนี้ มีร้านของเขมรเพิ่มขี้นอีกมาก ตรงนอกทางเข้า แล้วเขมรก็อ้างว่าเป็นพื้นที่ซับซ้อน จากคุณ : ธนิตา - [ 29 มิ.ย. 51 18:43:40 ]

ความคิดเห็นที่ 64 มติคณะรัฐมนตรี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๐๕ ที่ให้กำหนดเขตบริเวณปราสาท ตามวิธีที่ ๒ ที่กระทรวงมหาดไทย เสนอไปเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๐๕ ซี่งมีพื้นที่ประมาณแค่ 1/4 ตารางกิโลเมตร จากการคำนวณ 1/4 ตารางกิโลเมตร = 250000 ตารางเมตร หรือประมาณ ๑๕๖ ไร่ ตามที่เคยพูดกันว่าราว ๑๕๐ ไร่ แต่จากแผนที่ที่ นพดล กระทรวง ตปท นำมาแสดงในสมุดปกขาวนั้น บริเวณปราสาท มีพื้นที่มากกว่า 360000 ตารางเมตร หรือ ประมาณ ๒๒๕ ไร่ ก็เท่ากับว่า ไทยเสียดินแดนเพิ่มขี้นไปอีก 110000 ตารางเมตร หรือ ๒๗๕๐๐ ตารางวา ซึ่งเสียเพิ่ม ๒หมื่น ๗พัน ๕ร้อย ตารางวา ก็ราว ๗๐ ไร่ จากคุณ : ธนิตา - [ 29 มิ.ย. 51 22:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ที่แน่ๆสถานการณ์นี้ ทำให้พวกผมไม่ได้ไปเขมรแน่นอนเลยล่ะครับ ในวิชาเรียนเทอมนี้ เห้อ...อยากไปมากมายครับ จากคุณ : เด็กประวัติศาสตร์ศิลปะ (DirrtyVanilla) - [ 1 ก.ค. 51 21:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 66 พศ.2505   เคลื่อนย้ายธง โดยไม่ยอมลดธงลงจากยอดเสา เป็นเสมือนสัญญาว่า วันหนึง ธงไตรรงค์ จะกลับมาโบกสบัด ณ ที่เดิม แต่...วันนี้ ปี 2551 กลับถูกนักเลือกตั้ง  ตัวเป็นไทย ใจขแมร์ ทำกลฉ้อฉล ยกให้เขมรไป แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 51 23:43:18 จากคุณ : วิหคไร้รัง - [ 9 ก.ค. 51 23:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ธง จากคุณ : วิหคไร้รัง - [ 9 ก.ค. 51 23:44:27 ]