ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับกลอนที่แต่งโดยท่านคึกฤทธิ์บทนี้ ผมได้มาจากพี่คนหนึ่งในเวป YouTube ก็เลยขออณุญาตินำมาให้อ่านกันดู แต่ขอย้ำตรงนี้ก่อนนะว่าผมไม่ได้มาปลุกระดมและไม่ใช่พวกคลั่งชาติ เพราะในตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเชื่อใครดีในกรณีเขาพระวิหาร ขอให้ถือว่ากลอนบทนี้เป็น Footnote หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ก็แล้วกัน ----------------------------------------------- เมื่อพูดถึงคดีเขาพระวิหาร ใครหลายๆคนคงยังจำกันได้ดีว่าเป็นคดีที่คนไทยทั้งประเทศต้องน้ำตาตกในขนาดไหน เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ ก่อนศาลโลกจะตัดสิน ๒ ปีเศษ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้แต่งกลอนด่าเขมรไว้ ว่าเขมรเป็นโคตรเนรคุณ... "สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่ ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน กะลาครอบมานานโบราณว่า พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้ ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่ คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น? ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา? เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์ ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา เพราะทรงพระกรุณาประทานไป มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้ สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย... ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๐๒ จากคุณ : piras - [ 12 ก.ค. 51 02:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมเองก็เคารพความสามารถของคุณคึกฤกธิ์นะครับ และก็อ่านหนังสือของคุณศึกฤกธิ์อยู่หลายเล่มเหมือนกัน จริงๆเรื่องนี้ก็ได้มีการ โพสกันไปหลายกระทู้แล้วนะ ก็ได้มีผู้รู้หลายคนออกมาชี้แจง เขาพระวิหารก็เสียไปหลายสิบปีไม่มาเรียกร้องกัน ทหารเองก็ออกมาบอกว่า เราไม่ได้เสียดินแดน น่าจะพอๆกันได้แล้ว ที่บอกไม่ได้หมายความผมไม่รักแผ่นดินไทยนะครับเพียงแต่อยากจะบอกว่า เราควรมองไปที่อนาคตมากกว่า ถ้าคุณไปดูเวป บอร์ด ต่างประเทศที่คนเขมร เค้า โพสกันเป็นภาษาอังกฤษ จะรู้ได้เลยว่า เค้ารังเกียจเราขนาดไหน และ ก็หัวเราะที่เราทะเลาะกัน ดังนั้นเราควรจะร่วมมือกันพัฒนาประเทศได้แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 51 09:11:03 จากคุณ : เหล่าฟาง - [ 12 ก.ค. 51 09:10:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอโทษ พอดีผมไม่ได้เข้าโต๊ะราชดำเนิน เพราะที่โน่นมีแต่พวกเชียร์ทักษิณและก็ไม่ได้เข้าเวปผู้จัดการเช่นกันเพราะที่โน่นมีแต่พวกต่อต้านทักษิณ หาความเป็นกลางไม่ได้ทั้งสองที่ แต่ผมดูรายการวิเคราะห์เรื่องประเด็นนี้มาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมา คุณนพดลได้ให้สัมภาษณ์ในรายการของสรยุทธ์ว่าเราไม่ได้เสียดินแดน เพราะพื้นที่ที่ 7 ประเทศจะเข้ามาบริหารจัดการเป็นเฉพาะตัวปราสาท ไม่ได้เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อน ประเด็นนี้ผมให้น้ำหนักแก่คุณนพดล เพราะเค้าเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมองดูอีกด้วยว่านี่เป็นคำให้สัมภาษณ์ที่ปกป้องตัวเองหรือไม่ ในขณะที่นักวิชาการหลายๆท่านทั้งอดีตประธานการมการมรดกโลกและ ดร.สมปอง สุจริตกุล นักกฏหมายที่ว่าความในกรณีเขาพระวิหารได้ออกมาให้ความเห็นที่ขัดแย้งกับคุณนพดล โดยเฉพาะในประเด็นของ ดร.สมปอง ที่ว่าประเทศไทยยอมรับมติของศาลโลก under protest และ reserve the right to claim it back เพราะฉนั้นการที่เรายอมลงนามใน Joint Communique กับกัมพูชาก็เท่ากับว่าเรายอมสละสิทธิ์ในส่วนนี้ไป ซึ่งในประเด็นนี้คุณนพดลก็ได้แก้ต่างว่าประเทศไทยยังคงขอสงวนสิทธิ์นั้นอยู่ในคำปราศัยครั้งสุดท้ายของแกที่การประชุมที่ Qubec แต่ผมคิดว่าการกลับลำกลางครรของคุณนพดลนี้มัน too little too late  เพราะฉนั้นจะเห็นได้ว่า ผมไม่ได้กล่าวซะหน่อยว่าเราเสียดินแดนให้กัมพูชา  ลองอ่านดูดีๆซิว่าผมกล่าวประโยคนี้ที่ไหนในกระทู้ข้างบน แต่ที่ผมตำหนิคุณนพดลก็เพราะแกทำให้ประเทศชาติเสียหน้าในเวทีระหว่างประเทศ นี่ต่างหากคือประเด็น.... สำหรับเวปต่างประเทศอย่าง YouTube นี่ผมเข้าทุกวันและไปอ่านข้อความที่พวกเขมรมันเขียนด่าเรารวมทั้งพาดพิงเบื้องสูงด้วย ซึ่งผมก็ได้ตอบโต้ไปตามสมควร และได้แจ้งแบน user เขมรตัวแสปคนนึงสำเร็จไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ผมรู้ดีว่าพวกเขมรมันเกลียดเรามากขนาดไหน ไม่ใช่แค่ประเด็นเขาพระวิหารในตอนนี้หรอก แต่มันเชื่อมโยงไปถึงประวัติศาสตร์นับเป็นร้อยๆปีอย่างที่นักวิชาการจากจุฬาฯท่านนึงได้ให้ความเห็นไว้ เพราะฉนั้นเรื่องนี้คงจะแก้ยาก จบแค่นี้นะครับ ผมไม่อยากจะเขียนต่ออีก เดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่าๆ... จากคุณ : piras - [ 12 ก.ค. 51 10:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก่อนอื่น ผมต้องขอออกตัวว่า นี่เป็นตรั้งแรกที่ได้มาธพสท์ข้อความที่นี่ ..ในกรณีที่ว่า เราไม่ได้เสียดินแดนนั้น ผมเห็นด้วยกับที่คุณ piras ได้อ้างถึงความเห็นของท่าน ดร.สมปอง สุจริตกุล คือ จริงอยู่เราไม่ได้เสียดินแดนโดยหลักของการตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505 แต่การกระทำที่ไม่โต้แย้งการยื่นเสนอให้เป็นมรดกโลก มันก็เป็นข้ออ้างเพิ่มจากเดิมของทางฝ่ายเขมรในชั้นศาล ซึ่งจริงๆแล้ว เราเสียสิทธิ์ไปโดยปริยายในการขอคัดค้านคำพิพากษา หากเรามีโอกาสในภายหน้า ในความเห็นของผม เราประมาทมาโดยตลอด แถมในช่วงหลังๆ เราแตกแยกกัน จนเป็นเหตุให้ทหารเข้ามายึดอำนาจ และในช่วงนั้นเอง ที่เขมรได้ใช้โอกาสที่ทั่วโลก ไม่คบหาเรา เลยใช้จังหวะดังกล่าว รีบยื่นขอให้พระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเขาเฝ้าติดตามการเมือง และเรื่องภายในของเรามาตลอด เราแพ้มันอืก และถูกห้วเราะเยาะซ้ำอีกครั้ง มันน่าเจ็บใจมั๊ยครับ? จากคุณ : ฉัตร - [ 12 ก.ค. 51 15:01:57 A:192.168.201.249 X:58.8.44.221 ]

ความคิดเห็นที่ 5 .... พูดไม่ถูก ไม่ใช่พูดไม่ออกนะครับ พูดไปจะไม่ถูกหู ......... เอาเป็นว่าพูดถึงคุณคึกฤทธิ์ก็แล้วกัน ลองหาหนังสือชื่อว่า "คึกฤทธิ์กับประดิษฐกรรมความเป็นไทย" มาอ่านสิครับ ถ้าอ่านแล้วผมอยากรู้ว่าคุณจะเปลี่ยนความคิดไหม? จากคุณ : Nexus - [ 12 ก.ค. 51 23:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอโทษ...   ผมมองที่ผลงานของท่านอาจาร์ยคึกฤทธิ์ที่ฝากไว้แก่แผ่นดิน ซึ่งทำให้เกิดจุดเปลี่ยนหลายๆอย่างกับประเทศไทย แม้ว่าท่านจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆก็ตาม และนี่คือ Fact ซึ่งไม่มีใครจะเปลี่ยนไปจากนี้ได้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าท่านคึกฤทธิ์ไม่ดินทางเยือนจีนในครั้งนั้น ???   สำหรับหนังสือเล่มนี้ผมเห็นแล้วล่ะ แต่เลือกที่จะไม่อ่านเอง  เช่นเดียวกับหนังสือที่มีฝรั่งคนนึงเขียนเมื่อเร็วๆนี้แต่ไม่เกี่ยวกับอาจารย์คึกฤทธิ์  และได้ถูกแบนในเมืองไทย ผมไม่อาจจะเอ่ยชื่อในที่นี้ได้เพราะไม่ต้องการให้คนไทยได้รู้จักหนังสือเล่มนี้   แม้ว่าหนังสือที่คุณว่าจะถูกอ้างว่าเป็นผลงานทางวิชาการก็ตาม แต่ผมว่ามันไม่เป็นธรรมกับท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ เพราะท่านไม่สามารถจะมาเขียนแก้ต่างให้กับตนเองได้ อ้อ... ขอบอกอีกอย่าง กะอีแค่หนังสือเล่มเดียว และความเห็นของนักเขียนเพียงคนหนึ่ง มันไม่สามารถจะเปลี่ยนทรรศนะคติผมได้ง่ายๆหรอก... จากคุณ : piras - [ 13 ก.ค. 51 00:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอ้า เค้าก็รู้กันทั่ว หนังสือชื่อ The King Never Smile คุณจะเป็นนักวิชาการยังไงแน่เนี่ย ข้อมูลด้านที่ตัวไม่ชอบก็ไม่รับเลย จะดีเหรอครับ ? จากคุณ : NiGht pRincE - [ 13 ก.ค. 51 01:58:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเคยบอกที่ไหนว่าเป็นนักวิชาการ???? แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปเสียตังค์ เสียเวลา หาหนังสือที่เขียนหมิ่นเบื้องสูงมาอ่านให้มันกระทบกระเทือนจิตใจ??? ผมไม่ต้องการให้ความจงรักภักดีของผมต้องมา tarnished โดยข้อมูลที่ฝรั่งมันเขียน ซึ่งจะจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้  เรื่องบางอย่างพอรับได้ แต่เรื่องนี้ผมรับไม่ได้ เพราะสำหรับผมมีแต่ Unquestionable loyalty เท่านั้น     อีกอย่างผมไม่ใช่พวกตามกระแส บ้าเห่อตามพวกฝรั่งเหมือนพวกหัวสมัยใหม่บางคน  อะไรๆก็ว่าฝรั่งมันเขียนถูกเขียนดีไปซะหมด คุณจะตามกระแสก็เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวอะไรกับผม... จากคุณ : piras - [ 13 ก.ค. 51 07:25:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โดยส่วนตัวผมไม่กล้าพูดเรื่องเขาพระวิหารกับใครอีกแล้ว เพราะพูดไปก็จะถูกหาว่าขายชาติและถูกไล่ให้ไปเป็นทาสกัมพูชา ........ เฮ้อ มันถึงยุคที่เมืองไทยห้ามเถียงกันด้วยเหตุผลแต่ต้องเถียงกันด้วยอารมณ์และฝ่ายของใครของมันกแล้วกระมัง เศร้า ท่านมรว.คึกฤทธิ์ ช็อตที่ได้ใจผมมากคือตอนที่ท่านไปเยือนจีน ถ้าไม่มีการดำเนินการแบบนั้นไม่รู้วันนี้จะเป็นยังไง จีนจะสนิทกับเรามากขนาดนี้หรือเปล่า เหอ ๆ ส่วนเรื่อง The Ugly Americian นี่น่าดูนะครับ ผมดูแล้วยังขำ ๆ เลยที่นักแสดงต่างประเทศพยายามดัดสำเนียงให้พูดภาษาไทยชัด ๆ เป็นหนังที่กัดนโยบายของสหรัฐได้ดีอีกเรื่องหนึ่ง จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 13 ก.ค. 51 15:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พวกฝรั่งมันคิดว่ามันทำอะไรก็ได้ ผมไปบอร์ดต่างประเทศบางทีหมั่นไส้มาก ๆ ผมก็ด่ามันไปว่า Do not westernization this world. ผมไม่ได้นับถือพระมหากษัตริย์ด้วยความเป็นสมมุติเทพ เพราะมันเป็นไอเดียที่ถูกสร้างมาเพื่อรองรับบทบาททางการเมืองเมื่อหลายร้อยกว่าปีก่อนโน้น ผมดูว่าพระมหากษัตริย์เราทำอะไรให้ประเทศเราบ้าง ไม่ได้ดูที่กระแสหลักด้วยซ้ำ แค่นี้ผมก็เคารพและนับถือพระมหากษัตริย์ของเราได้อย่างเต็มใจและผมก็เห็นว่ามันเป็น The hightest Standard that proof very hard to follow by the other country. แบบที่มีฝรั่งคนหนึ่งพูด คนต่างชาติหลาย ๆ คนที่ผมเจอ เขาไม่ได้พบกับการนับถือพระมหากษัตริย์กระแสหลักแบบในเมืองไทย แต่เขานับถือ The King of Thailand แทบทั้งหมดจะ refer ไปถึงพฤษภาทมิฬที่พวกเขามักจะบอกว่าถ้าเป็นประเทศอื่นเหตุการณ์จะไม่มีทางจบเพียงแค่ King เรียกสองฝ่ายมาคุยกันแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ หลายคนที่อ่านประวัติศาสตร์มาก ๆ หน่อยเขาก็จะเคารพ ร.4 และร.5 ด้วยในฐานะที่พาประเทศรอดพ้นจักรวรรดินิยมตะวันตกได้ในขณะที่ดินแดนส่วนใหญ่ของโลกตกอยู่ภายใต้การปกครองของมหาอำนาจแล้ว คนไทยบางคนน่ะ มันคิดว่าตัวเองหัวเสรีนิยมสุด ๆ มันต้องเป็นแบบโน้นเป็นแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่วุฒิภาวะของพวกเขายังไม่มากพอที่จะมองอะไรรอบด้าน อย่างดีก็เห็นแค่มันฟังฝรั่งมาพูด จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 13 ก.ค. 51 15:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนเขมร ช่างเขาเถอะครับ คนเอเชียสวนประวัติศาสตร์ชาตินิยมอยู่แล้ว เขมรเขาก็วางไทยไว้ชั่วสุด ๆ เหมือนเราวางพม่าในประวัติศาสตร์ของเรา แต่ทุกวันนี้คนไทยกับคนพม่าก็ไม่ได้เกลียดกันอะไรมากขนาดนั้น ตรงกันข้ามกับเขมรเพราะที่นั่นนักการเมืองเขาใช้กระแสชาตินิยมสร้างคะแนนตัวเอง ไม่รู้จะ Blame ใครเลยมา Blame ไทยดีกว่าเพราะง่ายที่สุด (และบางอย่างเราก็ทำชั่วกับเขาไว้ด้วยเหมือนกันในความเป็นจริง) มันเลยปั่นกระแสง่าย แบบตอนเผาสถานฑูตนั่นแหละครับ สังเกตุสิมันจะมีเรื่องทุกทีที่มีเลือกตั้ง แต่เผอิญว่าเขามีบทเรียนครั้งที่แล้วที่ต้องชดใช้ไทยไปสองพันกว่าล้านแทบหมดตัว ครั้งนี้เลยทำอย่างรอบคอบหน่อย เขาพระวิหารน่ะ มันไม่มีสาระอะไรหรอกครับ แค่นักการเมืองกัมพูชาจะพยายามขึ้นทะเบียนเพื่อปลุกกระแสชาตินิยมและทำให้คนกัมพูชาเห้นว่ารัฐบาลปัจจุบันสามารถเอาชนะไทยได้ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 13 ก.ค. 51 15:40:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พูดได้ดีมากท่าน Skyman ยอมรับว่าเรื่องเบื้องสูงนี่ผมค่อนข้างจะ sensitive ไปหน่อย ส่วนเรื่องเขาพระวิหารอะไรนั่น ขอบอกตามตรงว่าผมเฉยๆครับ ถ้าเราแพ้เค้าในเชิงการเมืองระหว่างประเทศเพราะมัวแต่ทะเลาะกันเอง อันนี้เราก็ต้องยอมรับความจริง เขมรเค้าทำการบ้านมามากกว่าเรา เพราะฉนั้นเค้าจึงสอบผ่าน ส่วนเรื่องประเด็นที่ว่าคุณนพดลเข้าข่ายมีความผิดรุนแรงถึงขั้นที่กลุ่มพันธมิตรกล่าวหานั้น ต้องว่ากันอีกที เพราะผมคิดว่าเรื่องจะต้องเข้าสู่กระบวนการไต่สวน มีการตั้ง Fact Finding Committee ขึ้น เพราะฉนั้นในตอนนี้ผมไม่สามารถจะให้ความเห็นได้ ขออนุญาตพูดถึงรัชกาลที่ 4 กับ รัชกาลที่ 5 นิดนึง สำหรับผมแล้ว ร.4 ท่านเป็นนักปราชญ์ครับ ตัวอย่างของพระอัจริยะภาพของพระองค์ท่านก็คือเรื่องความรู้ทางด้านพระพุทธศาสนา ดาราศาสตร์ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษชนิดที่ฝรั่งเองก็ยังงง  ส่วน ร.5 ท่านเป็นนักการทูตกับนักพัฒนา เมื่อเดือนก่อนโน้นผมไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งที่เค้ารวมคลิปหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสกับอังกฤษกับภาพเก่าในอดีตในสมัยรัชกาลที่ห้าไว้ ตอนที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ห้าท่านเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่สองนั้น หนังสือพิมพ์ฝรั่งประโคมข่าวกันใหญ่โตมาก และยกย่องท่านเป็นหนึ่งในสองพระมหากษัตริย์จากเอเชียที่ทรงพระอัจริยะภาพ อีกองค์หนึ่งก็คือจักรพรรดิ์มัสซุฮิโตะจากราชวงศ์อิมพีเรียลของญี่ปุ่น  ถ้ามีตังค์ก็ว่าจะไปหาซื้อหนังสือเล่มนี้มาเก็บไว้เหมือนกัน บอกตรงๆว่ามันภูมิใจครับที่เห็นพวกฝรั่งตาน้ำข้าวในยุคล่าอณานิคมมันให้การยกย่องพระองค์ท่านสูงมาก แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 51 16:07:16 จากคุณ : piras - [ 13 ก.ค. 51 16:05:10 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนใหญ่เขมรจะพุ่งประเด็นไปว่า ไทยรับวัฒนธรรมเขมรมากสมัยเจ้าสามพระยาไปตีนครวัดแตกแล้วกวาดต้อนคนเขมรกลับอยุธยาเป็นการขโมยวัฒนธรรมเขมร (หลังจากนั้นเขมรไม่เคยลืมตาอ้าปากได้อีกเลย เป็นเมืองขึ้นของไทยและเวียดนามจนปัจจุบันก็ไม่ต่างจากเมืองขึ้นของเวียดนาม) แต่ถ้าศึกษาในประวัติศาสตร์ก็จะพบว่าการรับวัฒนธรรมนี้ไม่ใช่มีเมื่อสมัยเจ้าสามพระยา แต่เมื่อก่อนดินแดนในบริเวณที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบันนี้เป็นของอาณาจักรเขมรแทบทั้งหมด โดยมีชื่อว่าอาณาจักรละโว้ แตกตัวมาจากอาณาจักรเขมรกลาง คนไทยอพยพมาจากตอนใต้ของจีนเป็นประชากรส่วนหนึ่งของอาณาจักรละโว้ และเมื่อเวลาผ่านไปได้กลายเป็นคนส่วนใหญ่ของอาณาจักร ในที่สุดผู้ปกครองของอาณาจักรละโว้ได้ใช้ภาษาไทยตามประชากรส่วนใหญ่ และเรียกตัวเองเป็นคนไทย วัฒนธรรมของละโว้ก็ยังคงเป็นวัฒนธรรมเขมรเดิมที่ผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทยเข้าไป เป็นการ merging ครั้งใหญ่ ซึ่งวัฒนธรรมเขมรที่เจริญกว่ายังคงเป็นวัฒนธรรมกระแสหลัก แต่ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก และประชาชนและผู้ปกครอง define ตัวเองเป็นคนไทย น่าจะเรียกว่าต่างฝ่ายต่างกลืนกันจนกลายเป็นชาติพันธ์ใหม่ ที่เรียกตัวเองเป็นไทย แต่ก็ไม่เหมือน ไทยจากตอนใต้ของจีนแล้ว ต่อมาละโว้แตกเป็นสามอาณาจักรย่อย คือหริภุญชัย สุโขทัย อยุธยา จากนั้นรวมกันเป็นอยุธยา เขมรเนื่องจากอ่อนแอจึงถูกไทยกับเวียดนามแข่งกันแผ่อิทธิพลเข้ามาตลอด ในสมัยรัชกาลที่ ๑ รับกษัตริย์เขมรคือนักองเองเป็นบุตรบุญธรรม ให้การศึกษาแบบไทย เมื่อนักองเองกลับไปปกครองบ้านเมืองก็ทำการ Thailize ราชสำนักเขมร ดังนั้นวัฒนธรรมกระแสหลักของเขมรในปัจจุบันจึงไม่เหมือนนครวัด แต่เหมือนวัฒนธรรมไทยสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ไทยมีความเข้มแข็งมาก และสามารถเอาชนะเวียดนามได้ในศึกครอบงำเขมร ต่อมาในสมัยล่าอาณานิคม ไทยต้องเสียเขมรให้ฝรั่งเศส จึงเป็นการตัดอิทธิพลไทยออกไป สมัยสงครามโลกและสงครามเย็น ไทยกับเวียดนามยังคงแข่งขันกันแผ่อิทธิพลสู่เขมรมาตลอด และเมื่อเวียดนามสามารถยกทัพเข้าตีเขมรแดงแตก เอาคนของตนเองมาเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นขึ้นปกครองเขมรแล้ว เวียดนามก็สามารถครอบงำเขมรเรื่อยมา จึงอาจกล่าวได้ว่าในยุคหลังสงครามเย็นนี้เวียดนามเป็นผู้ชนะในศึกครอบงำเขมร เพื่อป้องกันไม่ให้คนเขมรไปเข้าข้างไทยอีก เวียดนามจึงต้องพยายามให้คนเขมรเกลียดไทย ผ่านการกระทำต่างๆที่รัฐบาลเขมรทำอยู่ ในความเป็นจริงแล้วคนเขมรเกลียดชังทั้งไทยและเวียดนาม เพราะเวียดนามในสงครามนั้นก็ทำร้ายคนเขมรไว้มาก แต่คนเขมรแสดงความรู้สึกได้เฉพาะเมื่อรัฐบาลเปิดโอกาส ตามธรรมชาติของการเมืองระหว่่างประเทศ ไม่มีใครเป็นมิตรแท้หรือศัตรูถาวร เขมรในยุคนี้อยู่ใต้อำนาจเวียดนามอาจจะ express ความรู้สึกเกลียดไทยได้มาก ในอนาคตไม่แน่ว่าเมื่อไทยสามารถกลับไปครอบงำเขมร อาจทำให้เขมร express ความรู้สึกเกลียดเวียดนามแทนเพื่อให้ลืมความเกลียดชังไทย คนเขมรปัจจุบันที่อารมณ์ร้อนแรงมาก เป็นเพราะประชากร 70% อายุไม่ถึงยี่สิบปี เป็นเจเนเรชันที่เกิดมาภายหลังการล้างเผ่าพันธุ์ของพอลพต เป็นประชากรวัยรุ่นที่ถูกชักจูงง่าย และไม่มีผู้ใหญ่เพียงพอที่จะควบคุมดูแล อย่างไรก็ตามในประวัติศาสตร์ไทยกับเขมรมีความใกล้ชิดกัน และมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันอยู่เสมอ เป็นญาติที่ใกล้ชิดกันมากถ้าหากจะนับว่าชนชาติเป็นญาติกัน จากคุณ : เชษฐา - [ 13 ก.ค. 51 17:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมบอกให้ก็ได้คุณลองไปอ่านเล่มที่ผมว่าดู อ่านว่าคุณคึกฤทธิ์ เขียน-พูดไว้อย่างไรบ้าง เมื่อไหร่บ้าง ไม่ต้องอ่านที่เขาวิเคราะห์ก็ได้ อ่านแค่ข้อความที่เขารวบรวมมาเท่านั้นก็พอ ในตู้ผมมีหนังสือของหม่อมแกเยอะแยะ เพราะเขียนได้สนุกน่าอ่านทำเรื่องยากให้อ่านสนุก บางเล่มผมเก็บไว้หัวเตียงเลย อย่างเรื่อง "ข้างหมอน" แต่ในหนังสือเล่มที่ว่าก็มีของที่ผมยังไม่ได้อ่านอย่างเช่นบทความที่ลงในสยามรัฐรายวัน หรือเรื่องที่เขียนในยุคแรกๆ เชื่อผมเถอะ ถ้าอยากรู้เรื่องหม่อมคึกฤทธิ์จริงๆ ลองหามาอ่านดู แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าหนังสือเล่มเดียวเปลี่ยนความคิดคุณไม่ได้ถ้าคุณยังไม่ได้อ่าน? แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 51 18:14:38 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 51 18:05:56 จากคุณ : Nexus - [ 13 ก.ค. 51 18:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่เอาผมไม่มานั่งทะเลาะกับคุณแล้ว อีกอย่าง หนังสือเล่มนั้นไม่ใช่ว่าถูกๆ ทั้งยังมีเล่มหนึ่งกับเล่มสองอีก  จำที่ผมเคยตอบคำถามคุณในกระทู้ก่อนได้มั๊ย คนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกันครับ สำหรับคุณเชษฐา วิเคราะห์และให้ข้อมูลได้ละเอียดมาก พูดก็พูดเถอะไอ้จริงๆน่ะ ผมเองก็ห็นใจพวกเขมรอยู่เหมือนกัน จากชาติที่เคยยิ่งใหญ่ถึงขนาดสร้างสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างนครวัต นครธมได้ ต้องกลับมาเป็นประเทศเล็กๆยากจนอยู่ในปัจจุบัน ยอมรับครับว่าบรรพบรุษเราก็ทำเค้าไว้แสปเหมือนกัน แต่ประวัติศาสตร์ก็คือประวัติศาสตร์ จะเคียดแค้น โกรธแค้น เกลียดชังไป มันก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ปัญหาก็คือว่ามีพวกเขมรหัวรุนแรงบางคนที่ไม่ยอมรับความจริงในข้อนี้ และได้ทำการโจมตีประเทศไทยและสถาบันโดยเฉพาะในเวป YouTube  สำหรับเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยนั้น ผมรับได้และได้เคยเขียนอธิบายให้พวกเขมรฟังแล้วว่า เราถือหนังสือประวัติศาสตร์กันคนละเล่ม มันไม่มีใครถูกหรือใครผิดหรอก ทำไมไม่ปล่อยให้อดีตเป็นเพียงแค่อดีต แต่พวกนั้นมันไม่ฟัง ช่วงหลังนี้ก็เลยไม่เข้าไปตอบกระทู้มันอีก  แต่สำหรับกรณีหลังนั้น ถ้าผมเจอก็แจ้งแบนสถานเดียวครับ จากคุณ : piras - [ 13 ก.ค. 51 18:38:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมไม่อยาก และจริงๆไม่เคยคิดทะเลาะกับคุณหรือใครๆทั้งนั้น แต่ผมเห็นคุณ "ติดดาบ" กับผมก่อนทุกที ถามจริงๆตอนที่ผมตอบครั้งแรกผมทะเลา่ะกับคุณตรงไหน? หรือมีข้อความไหนที่ผมทะเลาะกับคุณ? ผมงง สับสนจริงๆ หรือการที่บอกว่าน่าจะลองอ่านอันนั้นอันนี้ ที่เป็น Primary Source เพื่อจะได้มุมมองใหม่ๆเป็นการชวนทะเลาะ ถ้าคิดอย่างนั้นก็คงต้องขอลา อันนี้ผมถามจริงๆจังๆและหวังว่าจะได้คำตอบ การแสดงความไม่เห็นด้วยเป็นการชวนทะเลาะ? หรือว่าทุกกระทู้ที่ตั้ง ทุกคนต้องเห็นด้วย? จากคุณ : Nexus - [ 13 ก.ค. 51 18:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ประเด็นเรื่องอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์นี่ผมมองที่ End Result มากกว่า ว่าสุดท้ายแล้ว ท่านได้ฝากผลงานอะไรไว้ให้กับแผ่นดินบ้าง ซึ่งก็มีเยอะแยะมากมาย ทั้งทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประวัติศาสตร์ วรรณกรรม ศิลปวัฒนธรรม ปรัชญา และอื่นๆอีกเยอะแยะ  ส่วนเรื่องหนังสือเล่มนั้นผมเลือกที่จะไม่อ่าน เพราะผมคิดว่ามันไม่เป็นธรรมกับอาจารย์หม่อมฯ เพราะท่านก็ไม่ได้อยู่แล้ว ไม่สามารถจะมาเขียนแก้ต่างให้กับตนเองได้ ถือเป็นการกระทำข้างเดียว ซึ่งผมมองว่าไม่เป็นธรรม  คุณไม่จำเป็นจะต้อเงห็นด้วยกับผม ผมเพียงแค่นำเสนอมุมมองของผมเท่านั้น จากคุณ : piras - [ 13 ก.ค. 51 19:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าการศึกษาเรื่องคนที่ตายแล้วเป็นการไม่เป็นธรรม หมายความว่าชีวประวัติต่างๆที่เราเรียนมานั้นไม่เป็นธรรมทั้งหมดเหรอครับ? ลองคิดดีๆนะครับ หรือชีวประวัติ "ต้อง" เขียนชมเท่านั้น ถึงจะยุติธรรม ถ้าวิจารณ์ถือว่าไม่ยุติธรรมทันที หนังสือเล่มไหนที่เกี่ยวกับหม่อมคึกฤทธิ์ "ยุติธรรม" ในสายตาของคุณ และที่สำคัญคุณมีอคติกับหนังสือไปแล้ว เพราะตัวหนังสือไม่ได้ ตัดสินหรือพูดเรื่องที่คุณว่าเลย หนังสือเล่มที่ว่านั้นบอกว่า ไม่ว่าคนชอบหรือไม่ชอบต่างเห็นตรงกันว่า มรว.คึกฤทธิ์ เป็นนักการเมือง นักคิด นักเขียน ที่มีอิทธิพลต่อความคิดของสังคมไทยมากที่สุด ตั้งแต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตัวหนังสือเล่มนั้นศึกษาข้อเขียน-บทความ ในแต่ละยุคแต่ละสมัยของท่านว่าเป็นอย่างไร โดยยกข้อความมาจาก Primary Source ผมถึงเสนอว่าถ้าสนใจเรื่องคึุกฤทธิ์ควรอ่าน เพราะจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทางความคิดของท่านผู้นี้ผ่านทางข้อเขียนของท่านเองโดยไม่ต้องให้ใครมาตีความ อย่างเ่ช่นการเปลี่ยนจาก Pro ไต้หวันมาเป็น Pro จีนแดง จนกระทั่งนำไปสู่การเยือนจีน หรือนิยามคำว่าการเป็นไทยที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญระหว่างยุคป. และยุค ส. เป็นต้น If we value the pursuit of knowledge, we must be free to follow wherever that search may lead us. The free mind is not a barking dog, to be tethered on a ten-foot chain. Adlai E. Stevenson Jr. (1900 - 1965), speech at the University of Wisconsin, Madison, October 8, 1952 จากคุณ : Nexus - [ 13 ก.ค. 51 20:25:28 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หุ หุ... เล่นเขียนอย่างงี้เลยเหรอ เอาเป็นว่าผมถ้ามีเวลาผมจะไปหาซื้อมาอ่านดูก็แล้วกัน สำหรับในประเด็นที่คุณพูดถึงนั้น ผมว่าคงจะต้องแยกแยะแล้วล่ะครับว่าข้อเขียนนั้นจะกระทบถึงใครบ้าง  เอาง่ายๆ ยกตัวอย่างกระทู้ที่แล้วโน่น เรื่องคณะราษฏร์ จุดยืนของผมคือไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคณะราษฏร์ ซึ่งจริงๆแล้วผมอยากจะวิจารณ์ให้ละเอียดลงไปด้วยซ้ำ แต่ผมไม่กล้า เพราะมันจะกระทบถึงใครหลายๆคนรวมถึงทายาทและลูกศิษย์ลูกหาของท่านเหล่านั้น  เพราะฉนั้นในกระทู้นั้นผมจะระบุตัวบุคคลเพียงราชทินนามอย่างย่อเท่านั้นและพยายามเขียนให้มัน vague ที่สุด  กรณีนี้ก็เช่นกัน อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาและผู้คนเคารพนับถือกันทั่วประเทศ สมควรแล้วหรือที่จะเอาท่านมาวิพากษ์วิจาณ์ในแง่ลบ  นี่คือประเด็นในแง่ของความเหมาะสม   แต่อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่คุณให้มาก็ทำให้ผมเริ่มจะสนใจในหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าคนเขียนตั้งใจเขียนเพื่อที่จะ in persuit of knowledge จริงๆ without any bias นะ   เอาเป็นว่าคราวหน้าถ้ามีโอกาสก็จะลองไปหาซื้อมาอ่านดูก็แล้วกัน จากคุณ : piras - [ 13 ก.ค. 51 21:21:53 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบกระทู้นี้ จากคุณ : luk_Nutt - [ 14 ก.ค. 51 08:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ Piras ครับ ผมอ่านมาทั้งสองเล่มแล้วล่ะ ทั้งของเบื้องสูงและของคุณชาย ... ผมเชื่อว่า ยังไงหลังอ่านแล้วคุณไม่เปลี่ยนใจแน่ๆ ครับ เพราะหนังสือทั้งสองเพียงแค่สนับสนุนความเชื่อของฝั่งตรงข้ามเท่านั้นเอง โดยเฉพาะเล่มพระองค์ไม่เคยยิ้มนั้นแหล่ะ ... ตัวอย่างที่เห็นได้เลยผมมีเพื่อนสองคน คนหนึ่งรักและเทิดทูนสถาบัน อีกคนหนึ่งรักและเทิดทูนอดีตนายกมากกว่า คนแรกอ่านหนังสือนั้นไปไม่กี่หน้าก้อปิดแล้วบอกว่า "ไร้สาระ" ส่วนอีกคนน้ำตาไหลบอกว่าผู้เขียนเทพมาก (แต่ผมก้อไม่รู้หรอกนะ ว่ามันสองคนอ่านจนจบจริงอย่างที่บอกหรือเปล่า) ส่วนผมเป็นพวกเดียวกับเพื่อนคนแรกครับ แต่ก้ออ่านข้อมูลอื่นๆ ในด้านตรงข้ามเหมือนกัน แต่ก้อไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะผู้เขียนเขียนได้ไม่น่าติดตามเอามาก นี้เอาไว้ว่างๆ ว่าจะอ่านต่อ (หาโหลดได้ในเว็บเลยครับ) สรุปแล้ว 1. ผมเชื่อคุณ Piras ว่า "หนังสือฉบับเดียวเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้" 2. หนังสือแต่ละฉบับนั้น เพียงแค่สนับสนุนแนวคิดที่มีอยู่ของแต่ละคนเท่านั้น 3. คนที่มีความคิดเปลี่ยนแปลงไปตามแต่หนังสือจะกำหนดนั้น ถึงอ่านสามก๊กหรือดาราเดลี่ ก้อไม่แตกต่างกัน 1-2-3 ยกเว้นแต่แบบเรียนประถม-อุดมศึกษาครับ จากคุณ : Aeykun - [ วันเข้าพรรษา 00:33:52 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ้อ ป.ล. ตรงที่บอกว่า "คนแรกอ่านหนังสือนั้นไปไม่กี่หน้าก้อปิดแล้วบอกว่า "ไร้สาระ" ส่วนอีกคนน้ำตาไหลบอกว่าผู้เขียนเทพมาก"  มันไม่ได้ทำขนาดนั้นหรอก ผมแค่เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างของสองคน จากคุณ : Aeykun - [ วันเข้าพรรษา 00:35:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผลงานสำคัญของหม่อมคึกฤทธิ์ ทำให้ผมนึกถึงผลงานของท่านหน้าศาลาเฉลิมกรุงเมื่อ 62 ปีที่แล้วได้ดีทีเดียว จากคุณ : สนิมเหล็ก - [ 25 ก.ค. 51 11:53:30 ]