ก่อนอื่นต้องขอเท้าความก่อนนิดนึงนะคะ ผลงานของนุ้ยถูกน้องแดดจัดการลอกไปใส่ในบล็อกของตัวเองหนึ่งเรื่องสั้น คือปล้นหัวใจไถ่รัก
และอีกสองเรื่องถูกน้องเขาขโมยไปขายให้สำนักพิมพ์เพื่อหวังผลทางการค้า คือเรื่อง ปฏิบัติการปล้นหัวใจ My beautiful love แล้วก็ รักนี้ไม่รู้จบ (น้องแดดช่วยเอาไปเปลี่ยนชื่อให้เป็น รักนิรันดร์ 555 พี่อยากฟัน (คอ) น้องทิ้งจริงๆ)
รวมทั้งหมดเป็นสามเรื่อง (เน้นว่าเฉพาะของนุ้ยนะคะ ^^ ถ้ารวมของพี่ๆนักเขียนคนอื่นด้วยก็คง
)
ถัดมา
นุ้ยต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้รีบมาแจ้งข่าวคราวความคืบหน้าให้ทุกท่านที่รอติดตามผลอยู่ทราบ ความจริงจะอ้างว่าไม่มีเวลาเลย มันก็ฟังไม่ขึ้น แต่ช่วงที่คดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลนั้น ก็เป็นช่วงที่ชีวิตของนุ้ยมีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายจริงๆ ทำให้มีเวลาค่อนข้างน้อย มีพี่ๆบางท่านก็ทักท้วงมาว่าอยากให้มาอัพเดทเรื่องราวทั้งหมด
จนกระทั่งวันนี้ ชีวิตนุ้ยก็มีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ตรงกันข้ามกับครั้งแรก เพราะว่างมาก กร๊ากก มีเวลานั่งคิดนั่งเขียนกันแบบเป็นการเป็นงานเลยค่ะทีนี้ ก็พอดีมีกระทู้เรื่องการขโมยงานเขียนไปขายอีก มีพี่ในพันทิปท่านหนึ่งแจ้งข่าวมาทางอีเมลล์ แล้วก็แนะอีกรอบว่านุ้ยควรจะแจ้งข่าวได้แล้ว เขาจะได้รู้ว่ายังมีเจ้าทุกข์ที่ดำเนินการทางกฎหมายกับคนผิดเหมือนกันนะ ^^
นุ้ยก็เลยได้มาโพสต์กระทู้ในเวลานี้ แหะๆ ต้องขอโทษแทนความขี้เกียจของตัวเองมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ - -
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
ในส่วนของตัวนุ้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าทุกข์ ได้พยายามประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี หรือ บก.ปศท. เช่นเดียวกับเจ้าทุกข์รายอื่นๆ
รวมเวลาในการดำเนินการในส่วนของการหาหลักฐาน ชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับเจ้าหน้าที่ทราบนั้นค่อนข้างจะยืดเยื้อเกินกว่าสามเดือน เนื่องจากที่พักของนุ้ยเองก็อยู่ไกลจากกองปราบฯ พอสมควร และคดีแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก หลักฐานหลายอย่างที่พี่ๆเพื่อนๆชาวพันทิปช่วยกันหา นุ้ยก็จัดการพิมพ์ออกมาและเย็บเข้าเล่มส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนับตั้งแต่วันที่ไปแจ้งความ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องใช้เวลาอธิบายอีกพอสมควร เพราะการขโมยงานของผู้ต้องหานั้นทำบนโลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งก็อย่างที่รู้ว่ามันมีบางอย่างที่ซับซ้อน เขาก็อยากจะชัวร์ว่าเราเป็นเจ้าทุกข์ตัวจริง กอปรกับมีการนำต้นฉบับไปขายให้สำนักพิมพ์ด้วย
ดังนั้นนุ้ยจึงต้องประสานไปยังพยานในสำนักพิมพ์ดังกล่าว (ไม่ขอเอ่ยชื่อพาดพิงถึงนะคะ) ก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดีค่ะ
นอกจากนี้ยังต้องให้เวลากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำสำนวนทุกอย่างให้พร้อมก่อนส่งให้อัยการ เบ็ดเสร็จก็กินเวลาไปแล้ว
น่าจะเกือบครึ่งปี
ซึ่งนุ้ยถือว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ เพราะหากเป็นคนที่ไม่ได้เล่นเว็บบอร์ดก็คงจะเข้าใจยากสักนิดหน่อยว่าการลงผลงานเขียนในบอร์ดนั้นทำอย่างไร มีหลักฐานยืนยันได้ไหมว่าใครคือเจ้าของงานตัวจริง และอีกหลายๆข้อรวมกัน
การพิจารณาคดีจริงๆนั้น นุ้ยไม่มั่นใจว่าเกิดขึ้นวันที่เท่าไร แต่น่าจะเป็นช่วงตุลาคมหรือพฤศจิกายน เนื่องจากช่วงนั้นนุ้ยได้งานประจำและยุ่งกับภารกิจการย้ายที่อยู่ การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนใหญ่จึงใช้วิธีพูดคุยทางโทรศัพท์
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมาให้ทราบว่า คดีในส่วนของนุ้ย (ไม่รวมของเจ้าทุกข์คนอื่นที่มีผู้ต้องหาในคดีเป็นคนเดียวกัน) กำลังจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งนุ้ยไม่จำเป็นต้องไปร่วมฟังหากไม่สะดวก เพราะพยานหลักฐานมัดตัวคนผิดแน่นอยู่แล้ว
ท้ายที่สุดนุ้ยก็ไม่ได้ไปร่วมฟังการตัดสินของศาล เพียงแต่ก่อนหน้าวันที่จะขึ้นศาลนั้น น้องแดดได้โทรศัพท์มาหานุ้ย บอกว่าพรุ่งนี้จะต้องขึ้นศาลแล้ว อยากจะขอโทษ คืออยากให้ถอนฟ้อง อยากให้ยุติเรื่องทั้งหมด
นุ้ยก็รับไว้ได้แค่คำว่าขอโทษ สอนน้องเขาไปในบางเรื่อง (ซึ่งเคยบอกเขาไปแล้วตอนที่มีโอกาสเจอหน้ากันครั้งก่อนๆ)
อารมณ์ความรู้สึก ณ ตอนนั้น มันไม่หลงเหลือแม้แต่ความโกรธ รู้สึกเหนื่อยๆมากกว่าที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ทั้งที่เราก็อยู่ของเราดีๆ แต่เรื่องให้ถอนฟ้อง ก็คงจะไม่ทำแน่ๆ
เป็นความตั้งใจมาตั้งแต่แรกว่าอยากจะทำให้เรื่องนี้ถึงที่สุด คือไปจบที่ศาลให้ได้ แต่ผลการตัดสินจะออกมาเป็นยังไงนั้น นุ้ยถือว่าตรงนั้นเป็นเรื่องบุญกรรมของคนทำผิด
ส่วนตัวนุ้ยก็อยากจะหยุดแค่ตรงนั้น ไม่คิดเหมือนกันว่าตลอดเวลาที่ต้องวิ่งเต้นไปให้ปากคำ ไปมาหลายที่ ทั้ง สถานีตำรวจใกล้บ้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองปราบฯ รวมถึงสถานศึกษาของน้องแดด จะทำให้รู้สึกสูญเสียพลังงานได้มากขนาดนี้ ชนิดที่ว่าเร่งวันเร่งคืนให้ทุกอย่างจบไปเสียที ไม่อยากได้ค่าเสียหายอะไร แต่อยากให้คนผิดมีประวัติติดตัวไว้เตือนใจไปจนตายมากกว่า (แต่ล่าสุดได้ข่าวว่าน้องเขาก็ทำอีก 555)
ขณะเดียวกันนุ้ยก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมนักเขียนบางท่านที่ถูกละเมิดสิทธิ์ถึงเลือกจะนิ่งเฉย เพราะหากไม่เดือดร้อนจริงๆ ก็ปล่อยให้จบไปดีกว่า การวิ่งเต้นเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองมันเหนื่อยกว่าที่เคยคิดไว้มาก แล้วมันก็สิ้นเปลืองทุกอย่างทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย
มิน่า ทำไมเขาถึงเรียกว่า เจ้าทุกข์ เพราะมันทุกข์จริงๆค่ะ 555
แล้วก็คนผิดบางคน ยังต้องการโอกาสสำหรับกลับตัวกลับใจ ถ้าเขาสำนึกจริงๆ แล้วเราไม่เสียหายอะไรมาก มันก็น่าจะคุยกันได้
แต่ในส่วนของซันนี่ไชน์ นุ้ยถือว่าเป็นคนละจำพวก เขาทำแบบนี้ไปทั่ว และไม่ใช่ความผิดครั้งแรก ไม่มีการยับยั้งชั่งใจ ทำผิดคนเดียวแต่ความเสียหายเยอะเหมือนทำเป็นขบวนการเลย - - ยิ่งได้พูดคุยกับน้องเขา ก็ยิ่งไม่อยากถอนฟ้อง
และเชื่อว่าเจ้าทุกข์ทุกท่านในคดีของซันนี่ไชน์คงจะรู้สึกแบบเดียวกับนุ้ยไม่มากก็น้อย ว่าคนผิด
ไม่ค่อยสำนึกจากใจจริงซักเท่าไรเลย
ผลการตัดสินของศาล
น้องเขาโดนคุมความประพฤติ 1 ปี โดยต้องมารายงานตัวตามกำหนดที่ศาลสั่ง และห้ามทำความผิดทำนองเดียวกันซ้ำอีก (อันนี้คือทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบ) คุณตำรวจก็คงจะเห็นใจเราไม่น้อย เพราะเห็นเทียวไปเทียวมา อธิบายกันหลายรอบกว่าจะเข้าใจว่าคนผิดทำอะไรยังไง ท่านก็เลยแนะนำว่าถ้าอยากจะอุทธรณ์ต่อก็ทำได้นะ ภายในหนึ่งเดือนหลังจากวันที่ศาลตัดสิน
แต่ว่า
อารมณ์นั้น ไม่พร้อมจะเสียค่าทนายค่ะ เอิ๊กกกก จริงๆมันรู้สึกว่าเราพอแล้ว และถ้าคดีในส่วนของเจ้าทุกข์รายอื่นถึงชั้นศาลเมื่อไร น้องเขาคงจะได้รับโทษทัณฑ์ที่หนักขึ้นแน่นอน นุ้ยก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นค่ะ - -
สุดท้ายนี้นุ้ยก็คงไม่มีอะไรจะบอกมากไปกว่า ขอโทษสำหรับความล่าช้านะคะ แล้วก็ขอเอาใจช่วยเจ้าทุกข์รายที่เหลือให้ได้รับความยุติธรรม
เอาใจช่วยน้องแดดให้เลิกสร้างกรรมทำเวร แล้วก็ชดใช้เวรกรรมเก่าๆที่ตัวเองทำมาให้หมดซะที - -"
ปล. ขอเพิ่มเติมอีกนิดค่ะ ใช่ตามที่คุณรัตตะบอกเลยค่ะ ซันนี่ไชน์คนนี้ เป็นคนเดียวกับ สาวน้อยมายา และอาจมีอีกหลายชื่อ เพราะช่วงที่โดนลอกงานใหม่ๆ คุณน้องเธอ add MSN มาคุยกับนุ้ย
เธออ้างว่าตัวเองเป็นนักเขียนคนนั้นคนนี้ แต่ละคนดังๆเก่งๆทั้งนั้นเลย หุหุ
ได้ข่าวว่าเขาเพิ่งไปฝึกงานแล้วสร้างความเดือดร้อนให้บริษัทตามที่มีข่าวในกระทู้ก่อนหน้านี้ด้วย - -"
ฮ่วย !
แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 11:32:01
จากคุณ :
ศตรัศมิ์
- [
8 ส.ค. 51 15:30:28
]