ความคิดเห็นที่ 1 บทบาทของกองกำลัง UN ครั้งแรกน่าจะเป็นสงครามเกาหลี ไทยส่งทหารไปร่วมรบเลยแหละ ไม่ได้ส่งไปแต่แพทย์ สงครามเวียดนาม ไม่มีกองกำลัง UN เป็นเรื่องของอเมริกาโดยตรง และเราส่งทหารไปร่วมรบในฐานะ "พันธมิตร" รู้สึกว่าในส่วนของ Gulf War เราก็มีหน่วยแพทย์ทหารไป แต่เป็นช่วงไหนจำไม่ได้แล้ว จากคุณ : ผมเอง - [ 31 ม.ค. 52 01:19:32 A:192.168.0.17 X:58.8.178.87 TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สงครามอีรัก...ส่งเฉพาะในส่วนของหน่วยแพทย์ ไม่ได้ส่งทหารไปร่วมรบ มีหน้าที่ไปช่วยคนเจ็บ และทหารบาดเจ็บเท่านั้น... ว่ากันว่าการส่งทหารไปครั้งนี้ของไทยเป็นชนวนเหตุอย่างนึงของพี่น้องมุสลิมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความเข้าใจว่ารัฐบาลไทยส่งทหารไปร่วมกับกองทัพสหรัฐและอังกฤษเพื่อทำร้ายชาวมุสลิมด้วยกัน ก็เลยเริ่มเกิดไฟใต้ขึ้น แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นข้ออ้างของผู้ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนอยู่แล้ว... รอผู้รู้ท่านอื่นด้วยนะคะ... จากคุณ : ปัณฑา (pandha) - [ 31 ม.ค. 52 03:40:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทหารไทยมีบทบาทเป็นเครื่องมือที่ดีอันหนึ่งในการดำเนินวิเทโศบายของไทยในอดีตอันไม่ไกลนักที่ผ่านมา และผมภูมิใจที่สามารถกล่าวได้เต็มปากว่า แพทย์ทหารมีส่วนอันสำคัญในการช่วยให้การดำเนินวิเทโศบายดังกล่าวบรรลุผลสมความตั้งใจอย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ การจัดกำลังแทบทุกครั้งในการออกรักษาสันติภาพร่วมกับ UN จะมีการจัดกำลังหน่วยทหารแพทย์และทหารช่างไปเกือบทุกครั้ง เหตุผลก็คือสองเหล่านี้เป็นเหล่าที่มีขีดความสามารถในการสร้างพระคุณเป็นอันมาก ทหารแพทย์ก็ไปบริการตรวจรักษาและป้องกันโรคแก่เจ้าของประเทศที่กำลังเดือดร้อน ทหารช่างก็ไปทำการซ่อมและสร้างสาธารณูปโภคให้กับเขา ทั้งนี้เป็นการซื้อใจและปลูกมิตรอย่างถูกตรงที่สุด น้องๆที่เคยไปติมอร์มาบอกผมว่า ตอนไปเราก็ไม่แน่ใจนักว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พยายามปรับทุกข์และปลูกมิตรให้ดีที่สุด มีอยู่ผลัดหนึ่งได้ยอดทหารนักพัฒนาคือ พ.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร (ยศขณะนั้น ตอนนี้ท่านเป็นพลโท แม่ทัพภาคที่สี่) ไปเป็น ผบ.กองกำลัง ท่านก็นำเอาแนวความคิดในการพัฒนาปากท้องและความเป็นอยู่ไปจากเมืองไทยเอาไปสอนคนติมอร์ให้รู้จัก ท่านเล่าว่าคนติมอร์ใช้ม้าไถนา ท่านก็เลยต้องอิมปอร์ตเพื่อนทุยจากเมืองไทยไปสอนเขา แล้วก็ไปสอนเทคนิคการทำการเกษตรและปรับปรุงสิ่งแวดล้อมด้วย EM ที่ท่านสร้างสมประสบการณ์จากโครงการพัฒนาป่าดงนาทามที่ท่านทำอยู่เมืองไทย หมอทหารไทยก็ออกตรวจโรครักษาโรคง่วนไป มีอยู่คราวหนึ่ง เด็กตกต้นไม้ได้รับบาดเจ็บมีเลือดตกในช่องกะโหลกศีรษะซึ่งต้องรักษาด้วยการผ่าตัดด่วน ทั้งติมอร์ไม่มีใครที่มีขีดความสามารถนี้ หมอทหารไทยได้สำแดงฝีมือในการผ่าตัดรักษาเด็กคนนี้หายเป็นปกติ รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ เป็นข่าวดังไปทั้งติมอร์และเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ความเป็นมิตรของทหารไทยได้อย่างวิเศษสุดโดยไม่ต้องลงทุนโฆษณาชวนเชื่อ ของจริงทั้งนั้น ผมไปประจักษ์เรื่องนี้ด้วยตาของตัวเองเมื่อหลายปีให้หลัง ผมมีโอกาสไปบรรยายที่ติมอร์ในภารกิจของ NGO แต่ว่าไปบรรยายให้ทหารและตำรวจฟัง ได้รับฟังแต่คำชมเชยและความคารวะต่อทหารไทยจากชาวติมอร์ ได้ยินแล้วก็ขนลุกและปลื้มปิติไปกับน้องๆทุกคน ขอคารวะเพื่อนร่วมชีวิตทุกท่านผู้ได้มีส่วนในการอวดธงไทยให้ปรากฎเกียรติภูมิแก่พี่น้องชาวติมอร์ ขอไปค้นเรื่องก่อน มีเอกสารและรูปอยู่หลาย แต่ตอนนี้ยังหาไม่เจอ ถ้าหาเจอจะเอามาแปะให้ดูถึงภารกิจที่ทหารไทยไปร่วมรักษาสันติภาพ ผมไม่ได้ไปเองหรอก เขาไม่ให้ไป บอกว่าแก่แล้วอยู่เฉยๆดีกว่า กลัวจะไปเป็นลมเป็นแล้งให้เป็นภาระกับน้องๆมันหิ้วปีกหายาดมแล้วก็พัดวี ก็เลยบอกเขาตั้งแต่ตอนนั้นว่า ไปไหนๆก็ให้เขียนบันทึกเรื่องราวและเก็บรูปเอาไว้ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกอย่างที่คุณทำมันเป็นประวัติศาสตร์ จะชั่วดีถี่ห่างอย่างไรก็ต้องเก็บไว้ให้เด็กรุ่นหลังมันรู้ ถ้าคุณพลาดท่าพลาดทาง คนอื่นเขาก็จะได้รู้ว่าพลาดอย่างไร เขาจะได้ไม่ซ้ำรอย ถ้าคุณทำดีแล้ว เขาก็จะได้ลอกเลียนแบบความสำเร็จ เขาเก็บอะไรมาผมก็พยายามรวบรวมเท่าที่จะหาได้เอาไว้เป็นบทเรียน อา ตอนนี้ถึงตอนขยายแล้วมั้ง มีคนอยากรู้แล้วนี่ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 31 ม.ค. 52 09:46:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 555 เข้ามาปูเสื่อรอฟัง อยากรู้จริงๆนะ...ว่างๆมาเล่าต่อนะคะ ^ ^ จากคุณ : ปัณฑา (pandha) - [ 31 ม.ค. 52 10:31:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่า พลโทพิเชษฐ์ วิสัยจร น่าจะเป็นทหารอีกท่านนึงที่จะชนะใจชาวใต้ได้ ถึงไม่รู้จักดีนัก ถึงขั้นไม่รู้จักกันเลย แต่ข่าวที่ออกมาในนครศรีธรรมราชเท่าที่ดู ท่านเป็นคนมีความอะลุ่มอล่วยสูง เข้าใจหลักมวลชนสัมพันธ์ ปัจจุบัน เหตุการณ์ที่เกิดใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ คล้ายๆเป็นสงครามแย่งพื้นที่ แต่เอาเข้าจริงๆ ผมว่าถ้าทางราชการเข้าใจเรื่องสงครามแย่งชิงมวลชน คือเอามวลชนเป็นพวกได้ เหมือนในอดีตที่ พลเอกเปรม เคยใช้สลาย พคท สำเร็จมาแล้ว ผมว่าปัญหานี้น่าจะแก้ได้ตรงจุดนี้ครับ จากคุณ : พี่คนใต้ใจดี - [ 31 ม.ค. 52 12:10:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ปี 2493 สงครามเกาหลี จัดกำลัง 1 กรมทหารราบ  (ต่อมาคือ ร.21 รอ.) ปี 2511-13 สงครามเวียดนาม จัดกำลัง 1 กองพลทหารราบ (ต่อมาคือ พล.ร.9) ปี 2543-2545 สงครามกลางเมืองในติมอร์ตะวันออก จัดกำลัง 1 กองพันทหารราบ (ร.31,ร.17,ร.6,ร.5) ปี 2545 สงครามในอัฟกานิสถาน จัดกำลัง 1 กองร้อยทหารช่าง ปี 2546 สงครามในอิรัก จัดกำลัง 1 กองพันทหารช่าง ปี 2547 สงครามกลางเมืองในบุรุนดี จัดกำลัง 1 กองร้อยทหารช่าง จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 31 ม.ค. 52 13:44:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 #พี่คนใต้ ผมว่ายังไม่มีทางแก้ได้ตรงจุดหรอกครับ เพราะทางฝ่ายโน้นเขาก็จะใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องอยู่ดี สงครามครั้งนี้ มันเป็นเรื่องข้ออ้างทาง ชาติ และ ศาสนา นะครับ ไม่ใช่อุดมการณ์ทางการเมืองเหมือน 14 และ 16 ตุลา ที่หนีเข้าป่าไป ถ้ามันแก้ได้ง่าย ๆ จริง ป่านนี้ อัฟกานิสถาน , อิรัก , ปาเลสไตน์ ,อาฟริกา ฯลฯ มันคงจบไปนานแล้วครับ ปัญหาอาจจะดูเบาลง แต่มันก็เป็นเพราะเราส่งทหารไปตรึงพื้นที่ไว้หมด (เหมือนกับ สหรัฐในอิรัก) ถ้าเราถอนทหารส่วนใหญ่ออกเมื่อไร เมื่อนั้นปัญหาก็จะกลับมาเหมือนเดิม ถ้าจะให้ดี ต้องสร้างจิตสำนึกให้คนในพื้นที่เขาเข้าใจให้ดีว่า ".. เขาก็คือคนไทยคนหนึ่ง..." เพราะ ในอำเภอรอบนอก ๆ ที่ยังเป็นเขตของฝ่ายตรงข้าม เขาก็ยังไม่คิดว่าเขาคือคนไทย เขาคิดว่าเขาคือคนมลายูอยู่ดี ถ้าคนในพื้นที่กล้าหาญอย่าง ผู้ใหญ่บ้าน Kuเฮง สะอิ สัก 40% ปัญหาจะบางลงกว่านี้เยอะครับ จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม - [ 31 ม.ค. 52 18:33:05 A:192.168.51.156 X:119.42.74.66 TicketID:196977 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หลังสงครามเวียตนามมา การออกปฏิบัติการนอกประเทศของทหารไทยในระดับหน่วยขนาดใหญ่ครั้งแรกก็คือการไปรักษาสันติภาพในติมอร์ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการเป็น INTERFET ร่วมกับออสเตรเลีย ตั้งแต่ 4 ต.ค.42-31 ม.ค.43 ผบ.กองกำลังช่วงนั้นคือ พล.ต.ทรงกิตติ จักกาบาตร ซึ่งภายหลังก็ได้เป็น ผบ.สูงสุด การไปในชุดแรกนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการปฏิบัติในกรอบของสหประชาชาติ การปฏิบัติการในนามสหประชาชาติเต็มรูปแบบมาเริ่มมีเอาในผลัดถัดมา ที่มีชื่อว่า กองกำลัง 972 ไทย-ติมอร์ตะวันออก ผลัดที่ 1 ตั้งแต่ 1 ก.พ.43-31 ก.ค.43 และผลัดเปลี่ยนกันมาเรื่อยๆทุกหกเดือนจนผลัดสุดท้ายคือผลัดที่ 9 ซึ่งจบภารกิจเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อ 23 มิ.ย.47 โดยในผลัดสุดท้ายนี้เป็นหน่วยสายแพทย์ล้วนๆเป็นการจัดหน่วยสายแพทย์ระดับ 2 จำนวน 45 นาย โดยมี พ.อ.มาวิน โอสถ เป็นผู้บังคับหน่วยซึ่งได้รับการร้องขอให้ไปปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสหประชาชาติที่กรุงดิลีโดยผู้บังคับหน่วยทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสหประชาชาติด้วย เป็นอันจบบทบาทการรักษาสันติภาพของทหารไทยในติมอร์อย่างสมบูรณ์แบบหลังจากการปฏิบัติงานนานร่วมห้าปี การจัดกำลังทุกครั้งแน่นอนว่าต้องมีเหล่าทหารแพทย์ติดตามกองกำลังไปเสมอ นอกจากการให้บริการทางการแพทย์แก่พวกเรากันเองแล้ว การออก ปจว.กับชาวติมอร์เป็นสิ่งที่จะขาดเสียมิได้ เป็นที่น่าภูมิใจแทนทหารไทยทุกท่านที่ไปติมอร์ว่าแต่ละท่านนั้นได้สร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมในการสร้างความเข้าใจและความเป็นมิตรกับชาวติมอร์ และแน่นอนว่าส่วนหนึ่งทีสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานดังกล่าวก็คือบทบาทของสายแพทย์ นอกจากการอนุรักษ์กำลังรบอันเป็นหน้าที่หลักแล้ว เหล่าแพทย์ก็เป็นตัวเชื่อมสำคัญกับพลเรือนในพื้นที่ แหล่งอ้างอิง http://web.schq.mi.th/~j5/heart/timor230747.htm http://www.taharn.net/y/44j03a.html ผมพอมีรูปที่น้องๆเอามาฝาก เอามาให้ท่านทั้งหลายได้เห็น ได้ชื่นชม ผลงานของทหารเหล่าแพทย์ไทยในติมอร์นะครับ ภาพแรกนี้เป็นพิธีส่งหน่วยสายแพทย์ที่จะไปปฏิบัติงานในผลัด 3 เมื่อ 24 ม.ค.44 หน้า บก.กรมแพทย์ทหารบก ถนนพญาไท ก่อนจะไปทุกครั้งนี่ต้องมีพิธีส่งนะครับเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทหารหาญทุกคนว่าทุกท่านไปนั้นไปใต้ร่มเงาของธงไตรรงค์ ไปด้วยกำลังใจจากคนไทยทุกคนที่อยู่แนวหลัง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 1 ก.พ. 52 08:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณทุกท่านคัรบ จากคุณ : sUnTaO - [ 1 ก.พ. 52 16:29:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 การให้บริการตรวจรักษาแก่พี่น้องชาวติมอร์ตะวันออกของชุดแพทย์ในกองกำลัง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 1 ก.พ. 52 17:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 นอกจากการรักษาพยาบาลโดยแพทย์แล้ว หน่วยแพทย์ของทหารไทยก็ต้องมีทันตแพทย์ไปด้วยเสมอเพราะว่าอาการปวดฟันนั้นไม่เข้าใครออกใคร ต่อให้เก่งแค่ไหนเจอปวดฟันเข้าละก็ไปไม่เป็นเอาดื้อๆ ยามว่างจากบริการพวกเรากันเองก็ให้บริการกับเพื่อนติมอร์ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 1 ก.พ. 52 17:53:40 ]

ความคิดเห็นที่ 12 บริการตรวจรักษานั้นชุดแพทย์ให้บริการไม่เลือกชาติชั้นวรรณะอยู่แล้ว รวมทั้งไม่เลือกเพศและอายุ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 1 ก.พ. 52 17:57:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 การจัดกำลังของทีมแพทย์นั้นจะจัดแบบครบเครื่องเนื่องจากเราไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรบ้างก็ต้องเตรียมพร้อมเข้าไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่นในภาพนี้ก็เป็นการสนับสนุนทางห้องปฏิบัติการในการชัณสูตรต่างๆเช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ฯลฯ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 1 ก.พ. 52 18:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 14 และสิ่งที่จะขาดเสียมิได้คือการดำเนินการทางเวชกรรมป้องกันเช่น การกำจัดแมลงที่เป็นพาหะนำโรค การควบคุมสิ่งแวดล้อมที่อาจเป็นอันตรายต่อทหาร ในภาพนี้เป็นการพ่นหมอกควันกำจัดแมลง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 1 ก.พ. 52 18:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ให้คะแนนความเสียสละค่ะ ขอบคุณสำหรับภาพดีๆ ^ ^ จากคุณ : ปัณฑา (pandha) - [ 1 ก.พ. 52 23:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณ คุณปัณฑาครับ ที่กรุณาติดตาม จุดอ่อนอย่างหนึ่งของคนไทยคือไม่ชอบเขียน ไม่ชอบบันทึก เมื่อเวลาผ่านไปและผู้เกี่ยวข้องล้มหายตายจากหรือแยกย้ายกันไปก็ทำให้ประวัติมันหายไปด้วย ค้นหายากชะมัด ผมชอบเก็บครับ มีโอกาสก็เอามาแบ่งปันกัน ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้มุมมองแก่คนที่ยังไม่รู้เพราะอาจจะมาทีหลัง อีกส่วนหนึ่งก็เป็นการยกย่องผู้ที่ควรยกย่องได้แก่ทหารทั้งหลายที่ไปโชว์ธงไตรรงค์ประกาศเกียรคิภูมิของชาติในต่างแดน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 2 ก.พ. 52 10:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพนี้เป็นภาพการปฏิบัติงานในกองกำลัง 975 ไทย/อัฟกานิสถาน ซึ่งไทยจัดกำลังเป็นกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ แน่นอนว่าต้องมีหน่วยแพทย์ติดสอยห้อยตามไปด้วย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 2 ก.พ. 52 22:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โลโก้ของหน่วยแพทย์ กองกำลังเฉพาะกิจ 976 ไทย/อิรัก จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 2 ก.พ. 52 23:02:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พิธีส่งหน่วยแพทย์ไปร่วมปฏิบัติงานใน กกล.ฉก.976 ไทย/อิรัค จะเห็นว่ามีผู้บังคับบัญชาทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ มาร่วมส่ง เหตุผลก็คือการจัดกำลังในครั้งนี้เป็นการสนธิกำลังจากทั้งสามเหล่าทัพนั่นเอง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 2 ก.พ. 52 23:07:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อไปถึงแล้วก็ต้องมีการเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นไปได้ในการใช้อาวุธเคมีจำพวกแก๊สพิษ ก็ต้องหัดใส่หน้ากากป้องกันไอพิษ ไม่ต้องไปถามคนที่ใส่อยู่กลางแดดที่อิรักหรอก ผมเคยลองใส่เองดูแล้ว ขนาดอยู่ในกรุงเทพฝึกใต้เงาต้นไม้ร่มรื่นลมพัดอู้ ผมยังทนได้ไม่เกินยี่สิบนาที มันทั้งร้อนทั้งหายใจไม่ออก สุดจะทรมานจริง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 2 ก.พ. 52 23:21:56 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นี่นะครับ ดูกันชัดๆ ชุดสิงห์ทะเลทรายสตาร์วอร์ของทหารไทย คนจะทรงชุดนี้ได้ต้องแข็งแรงนะครับ วัดจากประสบการณ์ของผมนี่น่าจะรอดไม่เกินครึ่งชั่วโมง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 2 ก.พ. 52 23:33:53 ]

ความคิดเห็นที่ 22 นอกเหนือจากการเตรียมตัวรับไอพิษแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องทำเสมอไม่ว่าไปไหนคือการควบคุมและป้องกันโรคโดยเฉพาะโรคจากแมลงพาหะทั้งหลายเช่น ยุง เป็นต้น จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 2 ก.พ. 52 23:37:11 ]

ความคิดเห็นที่ 23 การควบคุมแมลงนำโรคในที่พัก จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 2 ก.พ. 52 23:38:09 ]

ความคิดเห็นที่ 24 นอกเหนือไปจากการดูแลทหารไทยของเราเองแล้ว หน่วยแพทย์ก็ยังเปิดบริการตรวจรักษาโรคให้กับประชาชนชาวอิรัคโดยการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ มีประชาชนมาเนืองแน่น จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 3 ก.พ. 52 00:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 25 นอกจากผู้หญิงและเด็กอย่างรูปข้างบน คนแก่ก็เยอะ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 3 ก.พ. 52 00:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมไม่ทราบรายละเอียดของภาพนี้ แต่ดูตามรูปน่าจะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินพอสมควรเพราะเห็นเด็กเล็กต้องครอบหน้ากากออกซิเจน แม่เด็กกำลังร้องไห้ เอาไว้ไต่ถามผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้จะมาเล่าให้ฟังทีหลัง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 3 ก.พ. 52 00:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 นอกเหนือจากตรวจรักษาโรคแล้วก็ยังมีการแจกสิ่งของ อย่างรูปนี้จะเห็นเด็กถือนมกันคนละกระป๋อง แน่นอนละครับว่าอุตส่าห์ไปอวดธงทั้งทีแต่แจกนมเมดอินยุโรปเห็นจะไม่ดี เราก็เอานมจากโครงการสวนจิตลดาไปแจกอย่างสมศักดิ์ศรี ขอขอบคุณคนที่คิดถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 3 ก.พ. 52 00:07:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ในบางรายที่มีคนเจ็บและไปหาเราไม่ได้ ทหารแพทย์ไทยก็ตามไปดูถึงบ้านเลยทีเดียว เห็นท่านั่งพับเพียบเรียบแต้อย่างนี้ไม่ใช่คนอื่นแน่นอนครับ มารยาทอย่างนี้ต้องคนไทย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 3 ก.พ. 52 00:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คนไข้รายนี้ไม่ทราบว่าเป็นอะไร ท่าทางจะหนักเอาเรื่อง แต่เราก็บริการเต็มที่ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 3 ก.พ. 52 00:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เจ้าของกระทู้คงได้ไอเดียนะครับว่าทหารไทยไปไหนบ้างและทหารแพทย์นั้นได้มีบทบาทอย่างไรในฐานะพี่เลี้ยงทหาร เอาพอหอมปากหอมคอแค่นี้ก่อน พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 3 ก.พ. 52 00:12:31 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อ้อ ลืมให้เครดิตรูป เนื่องจากผมไม่ได้ถ่ายเองกับมือ ขอขอบคุณตากล้องนิรนามหลายๆท่านที่ได้มีส่วนบันทึกภาพประวัติศาสตร์เหล่านี้เอาไว้ ขอขอบคุณ พ.ท.หญิง ยุพาภรณ์ กรินชัย แห่งโรงเรียนเสนารักษ์ กรมแพทย์ทหารบก ที่กรุณาเอื้อเฟื้อภาพมากมายทั้งที่เห็นอยู่นี้และที่ไม่สามารถเอามาแสดงได้หมด นอกจากสะสมภาพเหล่านี้แล้ว อาจารย์ยุพาภรณ์ยังเป็นนักประดิษฐ์ที่เก่งกาจมาก เธอสามารถประดิษฐ์เนื้อเทียมสำหรับนำมาทำเป็นบาดแผลจำลองสำหรับใช้เป็นเครื่องช่วยฝึกในวิชาเสนารักษ์สนาม ทำได้สวยงาม สมจริงเทียบเท่ากับบาดแผลจำลองที่ต้องซื้อจากนอก ของฝรั่งอันละห้าร้อยบาท ของไทยทำลงทุนแค่ยี่สิบบาท สิ่งประดิษฐ์ของเธอนั้นได้รับหลายรางวัลจากกรมแพทย์ทหารบกและกองทัพบก อันที่จริงเทคโนโลยีนี้น่าจะสามารถ export เป็นสินค้าเอาเงินเข้าประเทศได้ในยามเศรษฐกิจตกสะเก็ดอย่างนี้ ใครมีทุนและอยากติดต่ออาจารย์ยุพาภรณ์ยินดีเป็นสื่อกลางให้โดยไม่คิดค่านายหน้า ขอสดุดีคนเก่งด้วยความเต็มใจและยินดี จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 3 ก.พ. 52 00:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ^ ^ จขกท. โชคดีนะนี่ ได้ทั้งภาพและข้อมูลเยอะเลย... จากคุณ : ปัณฑา (pandha) - [ 3 ก.พ. 52 03:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากคร๊าบผม จากคุณ : sUnTaO - [ 3 ก.พ. 52 11:05:13 ]