 |
ความคิดเห็นที่ 16 |
ไม่สายหรอก ตอนเราเป็นเด็กวัยรุ่นเรา iq ต่ำกว่าเด็กทั่้วๆไป เพิ่งมาพัฒนาเอาตอนอายุมากน่ะ
นี่เป็นรายละเอียดเรื่องพัฒนาการทางสมองเราตอนอายุมากแล้ว
...เราห้ดแปลเอกสารครั้งแรกเมื่ออายุ 40 ปี หัดใช้คอมพิวเตอร์เมื่ออายุ 45 ปี หัดเล่นเน็ตเมื่ออายุ 50 ปี เล่นไปเล่นมารื้อเครื่องแมร่งเลยทั้ง software ทั้ง hardware แล้วติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์เองหมดเลย (เรียนด้วยตัวเองทั้งหมดจาก Internet นี่หละ) หัดแปลหนังสือนิยายเมื่ออายุ 57 ปี เรียนภาษาอังกฤษแบบมั่วมาตลอดเพิ่งมาเรียน grammar เมื่ออายุ 59 ปี มีแฟนอายุน้อยกว่าเรา 24 ปี (จริงๆแล้วอยากได้แฟนเด็กกว่านี้อีกหลายๆเท่า...แต่เผอิญแฟนคนนี้นิสัยดีมากๆ ก็เลบไม่อยากหาใหม่...555+++...) ยิ่งแก่ตัวเรายิ่งหน้าเด็กกว่าตอนเป็นเ้ด็กวัยรุ่น มากขึ้นทุกวัน ทุกวัน แล้วก็ยิ่งวิ่งเร็วกว่าชกต่อยได้หนักหน่วงคล่้องแคล่วว่องไวกว่าตอนเป็นเด็กวัยรุ่น แต่ที่แย่มากๆที่สุด ซึ่งสุดแสนจะทนไม่ค่อยจะไหว นั่นก็คือ
"ตอนนี้นะ (ไม่บอกว่าอายุเท่าไหร่) เราตัฒหากลับอ้ะ...!!! เรามีความต้องการทางเพศ และมีสมรรถภาพทางเพศมากกว่าสมัยเราเป็นเด็กวัยรุ่นอีกตั้งหลายเท่าน่ะ...เวงกรรม...เฮ้อ...!!!"
เรามีหนี้แค้นที่จะต้องชำระ ตอนเราเด็กๆ เรา iq ต่ำมากๆ เราน้อยใจที่เเห็นผลการเรียนของนักเรียนที่เรียนเก่งๆ จากโรงเรียนเตรียมอุดม (ซึ่งเราโง่เกินไปที่จะสอบเข้าโรงเรียนดีๆแบบนั้นได้) นักเรียนเตรียมอุดมระดับอัฉระยะคนนั้นนะ เขาสอบได้ทุน King's Scholarship เขาไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ อยู่ที่นั่นได้แค่ 6 เดือนเขาก็เก่งภาษาอังกฤษระดับเทพไปแล้ว ในขณะที่เราต้องอยู่ในประเทศอังกฤษอีกตั้ง 6 ปีแน่ะ กว่าจะเก่งอังกฤษเท่าเด็กอัฉริยะเรียน 6 เดือน...!!!
"ตอนนี้เราเป็นโรคจิต ขอต่อสู้ยิบตาเลยหละ...!!!"
เรากำลังรอให้อัฉริยะคนนั้นแก่เฒ่าร่างกายอ่อนเปลี้ยเพราะชราภาพ แล้วสมองฝ่อ ในขณะที่เรากำลังพัฒนาทั้งร่างกายและสมองเราไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเอาชนะเขาก่อนตายให้ได้ เพื่อให้สมกับคำพูดประโยคนี้
Every day, and in every way, I am becoming better and better.
เราเป็นลูกไม้ที่หล่นไกลต้น
"พ่อแม่เรามีเงินทองพอที่จะอยู่ได้อย่างสุขสบาย แต่จะคิดว่าตัวเองจะป่วย ร่างกายจะเสื่อม พ่อแม่เราจึงต้องไปหาหมอเป็นประจำ เพราะป่วยจริงๆตามที่คิดไว้จนความคิด "ในเชิงลบ" มันฝังลึกยากที่จะขุดถอนได้"
แต่เราเป็น "ลูกที่กบถ" คือ "คิดสวนทางกับพ่อแม่เรา...พ่อแม่เราพูดกรอกหูเรื่องในเชิงลบเท่าไหร่ เราก็ไม่รับฟัง เราจะเดินหน้ามองโลกในแง่บวกไปเรื่อยๆ..." เราไม่มีเงินทองมากเท่าพ่อแม่เรา ทำงานก็แค่ได้เงินนิดๆหน่อยๆพอประทังชีพ เราได้แต่ "เพ่งกระแสจิตสื่อสารกับพลังจักรวาลว่า เราจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆอย่าไม่หยุดยัง"
และนี่คือ "เคล็ดลับแห่งการคงไว้ซึ่งความอ่อนวัยตลอดกาลของเรา" มันอยู่ในกระทู้เก่า 3 กระทู้นี้
การตีความแบบถอดรหัส Dao De Jing (version 1) เราเขียนบทความทำนองนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2547 (2004) (อาจมีเขียนไว้ก่อนหน้านี้อีกด้วย แต่หาไม่เจอ) แล้ว (ตอนนั้นเราใช้ชื่อ tansy แต่ไม่ได้ใช้ login) ตาม link นี้ไป http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/W2699854/W2699854.html
การตีความแบบถอดรหัส Dao De Jing (version2) ที่เราทำไว้ (เมื่อตอนใช้ login เดิมคือ agelesstansy...ในกระทู้ทีว่านี้ (เราเขียนไว้เมื่อปี 2008) เราเริ่มตีความ Dao De Jing ตั้งแต่ คคห 11 - 15) ตาม link นี้ไป http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/07/K6813048/K6813048.html ระหว่าง 2 versions นี้ อันที่เขียนในปี 2004 มีเรื่องแนวคิดของ Zen ปนอยู่หน่อยๆและมีตัวสะกดผิดเยอะหน่อย แต่ใน version ที่เขียนปี 2008 สะกดผิดน้อยลง แล้วเอาเรื่อง Zen ออก แต่เติม technical terms เป็นภาษา sanskrit เข้าไป ซึ่งเอามาจาก tantra ของฮินดู
นี่คือคัมภีร์โบราณที่เราฝึกเพื่อให้ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งหน้าตาดูอ่อนวัยมากยิ่งๆขึ้น http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/06/K7974186/K7974186.html
แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 52 00:36:45
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ธ.ค. 52 00:29:32
|
|
|
|
 |