ความคิดเห็นที่ 1 จริงๆเรื่องนี้เอาให้รู้ลึกก็สามารถหาได้จากตำรา และบรรดาเว็บไซต์ได้ เจ้ากลุ่มนี้คือพื้นฐานเบื้องต้น ตำราทุกเล่มจะเขียนไว้อยู่บทต้นๆค่ะ ง่ายๆนะคะ is - am -are ใช้ต่างกันตามประธาน ประธานเอกพจน์ (เช่น วัวฝูงเดียว หรือคนคนเดียว) ใช้ is ถ้าพหูพจน์ (คือวัวหลายฝูง หรือคนหลายๆคน แมวหลายๆตัว) ใช้ are แต่ถ้าเป็น "I" คือ ตัวฉันคนเดียวก็ใช้ am Do-Does ใช้ยามบอกว่าทำ เสริมเข้าไปในประโยคที่ต้องการกริยาช่วย Does ใช้กับประธานเอกพจน์ จะเป็น he she it  หรือหมาตัวเดียว คนคนเดียว นักเรียนชั้นเดียวก็ได้ สมมุติเราบอกว่า He adores you.  (เติม s เขาไปที่กริยาเพราะประธานเป็นเอกพจน์) ถ้าถามก็เป็น Does he adore you? ถ้าปฏิเสธก็ He does not (doesn't) adore you. ส่วน Do ใช้กับ We และ They กับบรรดาประธานพหูพจน์อื่นๆ จากคุณ : kurika เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 11:40:04

ความคิดเห็นที่ 2 คนไทยสับสนกับการใช้ Auxiliary verb หรือเรียกกันง่ายๆว่า Verb ช่วย ใช้ do, does, has, have กันอีลุงตุงนังไปหมด อยากจะอธิบายให้เข้าใจกันซะที ว่าใช้ยังไง เมื่อไหร่ต้องใช้ และเมื่อไหร่ไม่ใช้ ดูตัวอย่างเลยค่ะ The sun sets at 6 o’clock. ประโยคบอกเล่า The sun does not set at 6 o’clock. ประโยคปฏิเสธ Does the sun set at 6 o’clock? ประโยคคำถาม ดูความแตกต่างในการใช้ Verb ทีละประโยคค่ะ ประโยคแรก The sun sets at 6 o’clock. Set เป็นคำกิริยาหลัก เติม s ด้วย เนื่องจากเป็น present tense และ ประธานในประโยคอยู่ในรูปเอกพจน์ ในรูปบอกเล่า ในประโยคไม่มี Verb ช่วยนะคะ แต่พอมาดูประโยคที่ 2 จะเห็นว่ามี does not เพิ่มขึ้นมาค่ะ ในการแปลงประโยคบอกเล่าให้เป็นรูปปฏิเสธ ซึ่งแน่นอน เราต้องเพิ่มคำว่า ‘not’ เข้าไปอยู่แล้ว แต่จะเป็น set not หรือ not set เปล่าๆไม่ได้ค่ะ เราจึงต้องหาตัวช่วยเข้ามาเสริมทัพ ซึ่งก็คือ Verb ช่วยนั่นล่ะค่ะ แต่จะใช้ตัวไหนดีคะ คำตอบคือ Verb to do ค่ะ ในที่นี้ ประโยคเป็น present simple tense และประธานเป็นเอกพจน์ ต้องใช้ does ค่ะ Verb หลักก็จำเป็นต้องเอา s ออกด้วยค่ะ ตอนเป็นเด็ก จขคม จะจำแบบง่ายๆว่า Does มี s ไปแล้ว ก็พอแล้ว เดี๋ยว s จะเยอะเกินไป มาดูประโยคคำถามกันค่ะ เงื่อนไขเดียวกันกับประโยคปฏิเสธเลยค่ะ หา Verb มาช่วย แล้วจับ Verb ช่วย ใส่ไว้ตัวแรกของประโยคเลย ประโยคที่เหลือก็เรียงเหมือนเดิม แล้วอย่าลืมตัด s ที่ท้าย Verb หลักออกด้วยค่ะ อีกอย่างนึงที่สำคัญก็คือ Question mark ค่ะ ในภาษาอังกฤษต้องมี ? ในประโยคคำถามเสมอ มาลองดูตัวอย่างที่เป็น Past tense กันดีกว่าค่ะ He changed the tyre by himself. He did not change the tyre by himself. Did he change the tyre by himself? ประโยคแรก บอกเล่า มีแต่ Verb หลัก ไม่มี Verb ช่วย เมื่อเป็น Past tense ก็แค่เปลี่ยนตัว Verb ให้เป็น Verb ช่อง 2 ซึ่งอาจจะเติม ed ท้าย Verb หรืออาจเปลี่ยนรูปไปเลย มาดูรูปปฏิเสธ กับรูปคำถามกันค่ะ เงื่อนไขการแปลงประโยคเหมือนตัวอย่างชุดแรกเลยค่ะ เมื่อไม่มี Verb ช่วย ก็ต้องหาตัวช่วยมาใช้ ในที่นี้เป็นประโยคที่เป็น Past tense ก็เอารูป Past tense ของ Verb to do มาใช้ค่ะ ก็คือ ‘Did’ นั่นเอง Verb หลักต้องเอา ed ออกด้วยค่ะ เหมือนเดิม ตอน จขคม เด็กๆ ก็จำว่า Did มี d ไปแล้ว ก็เลยตัด ed ออก เติม not กับ Question mark ไปตามระเบียบ แถมอีกประโยคนึงค่ะ Why did he change the tyre by himself? ยากขึ้นมาอีกนิดนะคะ ลองเปรียบเทียบประโยคคำถาม 2 ประโยคค่ะ Did he change the tyre by himself? และ Why did he change the tyre by himself? ดูง่ายขึ้นมาหรือยังคะ แค่เพิ่ม Why ลงไปที่หน้าสุดของประโยค ก็ได้ประโยคคำถามอีกหนึ่งแบบแล้วค่ะ ประโยคที่เหลือเหมือนเดิมค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 53 16:05:21 แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 53 15:58:17 จากคุณ : My Pucca Girl เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:40:24

ความคิดเห็นที่ 3 มาดูประโยคอีกรูปแบบนึงค่ะ I am a woman. I am not a woman. Am I a woman? ถามกันแบบเอ๋อๆเลย   ดู 3 ประโยคนี้ค่ะ Verb ‘am’ ในที่นี้แปลเป็นไทยว่า ‘เป็น’ ถือเป็น Verb หลักก็จริง แต่ Verb to be สามารถเอามาใช้เป็น Verb ช่วยได้เลย ไม่ต้องหาตัวช่วยมาเสริมทัพ จึงได้ประโยคปฏิเสธที่เพิ่มเพียง ‘not’ ไว้หลัง Verb to be และได้ประโยคคำถามที่แค่สลับตำแหน่งวาง Verb to be ไว้ข้างหน้าเท่านั้นเอง แล้วก็ อย่าลืม Question mark ค่ะ ลองดูประโยคนี้ดีกว่าค่ะ She is planning to have a baby. She is not planning to have a baby. Is she planning to have a baby? ทั้ง 3 ประโยค อยู่ในรูป Present continuous tense ค่ะ ซึ่งรูปแบบของ Present continuous tense จะเป็น Verb to be + Verb หลัก เติม ing ในที่นี้ Verb to be ทำหน้าที่เป็น Verb ช่วยอยู่แล้ว ดังนั้น เวลาจะแปลงประโยคเป็นปฏิเสธ หรือ คำถาม ก็ไม่ต้องไปคิดหาตัวช่วยให้ยุ่งยากอีกแล้ว ใช้งาน Verb to be ที่มีอยู่ได้เลย ในที่นี้คือ is เติม not หลัง Verb to be ในรูปปฏิเสธ และ สลับตำแหน่ง Verb ช่วยไปไว้ข้างหน้าแล้วเติม Question mark ประโยคส่วนที่เหลือเหมือนเดิม ดูแล้วเป็นไง ไม่ยากเลยใช่มั๊ย จากคุณ : My Pucca Girl เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:42:38

ความคิดเห็นที่ 4 คราวนี้มาดู have บ้างค่ะ She has been there. (been เป็น Verb ช่อง 3 ของ Verb to be ค่ะ เผื่อมีใครไม่รู้) She has not been there. Has she been there? ทั้ง 3 ประโยค อยู่ในรูป Present perfect tense   ซึ่งรูปแบบของ Present perfect tense จะเป็น Verb to have + Verb ช่อง 3 ในที่นี้ Verb to have เป็น Verb ช่วยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ต้องมานั่งคิด Verb ช่วย อีกแล้ว  ใช้งาน Verb to have ในประโยคได้เลยค่ะ เงื่อนไขการสร้างประโยคเหมือนเดิมค่ะ ประโยคต่อไปนี้ น่าสนใจทีเดียว They have had a baby. They have not had a baby. Have they had a baby? งงเลยล่ะทีนี้ มี have แล้วยังมี had อีก ยังไงกันเนี่ย ใบ้ให้นิดนึงค่ะ ประโยค Present simple tense ของ 3 ประโยคนี้คือ They have a baby. ติ๊กตอก ติ๊กตอก ติ๊กตอก ติ๊กตอก คิดออกหรือยัง ใช่แล้วค่ะ ทั้ง 3 นี้ประโยค อยู่ในรูป Present perfect tense ค่ะ Verb to have + Verb ช่อง 3 ไงคะ เอา have มาเป็น Verb ช่วย และแปลง Verb หลัก ที่อยู่ในประโยคเดิม ซึ่งก็คือ Verb to have ให้เป็น Verb ช่อง 3 ค่ะ ดังนั้น ประโยค They have had a baby. have ตัวแรกเป็น Verb ช่วย ส่วน had ในประโยคเป็น Verb หลัก เมื่อเราเข้าใจว่าตัวไหนเป็น Verb ช่วย และ Verb หลักแล้ว ก็สามารถแปลงประโยคให้เป็นปฏิเสธ และ คำถามได้เลย ตามเงื่อนไขเดิมทุกประการ แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 53 16:07:01 จากคุณ : My Pucca Girl เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:45:57

ความคิดเห็นที่ 5 นอกจากนี้ ยังมี Verb ช่วยอื่นๆ อย่างพวก shall, will, would, should ดู set ตัวอย่างเลยค่ะ We shall be together. We shall not be together. Shall we be together? How shall we be together? == I will be there for you. I will not be there for you. Will I be there for you? How will I be there for you? == I would like to have a glass of orange juice. I would not like to have a glass of orange juice. Would I like to have a glass of orange juice? Why would I like to have a glass of orange juice? == I should try my best. I should not try my best. Should I try my best? How should I try my best? เห็นมั๊ย ไม่ยากเลยในการทำเป็นคำถามหรือปฏิเสธ แค่ต้องดูให้ออกว่าในประโยคมี Verb ช่วยอยู่แล้วหรือไม่ เข้าใจหลักการของรูปประโยคแต่ละแบบ และจับ Verb ช่วย ที่ถูกต้องมา match กัน (match อย่างเดียวค่ะ ไม่ต้องเอามา mix & match) จากคุณ : My Pucca Girl เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:48:48

ความคิดเห็นที่ 6 หลายคนมีปัญหาเมื่อต้องพูดประโยคคำถาม เนื่องจากเวลาพูด เราไม่มีเวลามานั่งแปลงประโยคจากประโยคบอกเล่า จะเอา Verb ช่วยตัวไหน tense ไหน มาใส่ข้างหน้าดีหว่า ตอนที่ จขคม ฝึกพูด ก็จะท่องจั่วหัวคำถามพวกนี้เอาไว้ค่ะ Have you got ..? (เช่น Have you got a pen?) Does she want ..? (เช่น Does she want to join us?) Do they need ? (เช่น Do they need some more time?) Did it take .? (เช่น Did it take long time to get there?) Why did .? (เช่น Why did he turn her down?) How does .? (เช่น How does this machine work?) ซึ่งจะทำให้ตั้งคำถามได้ง่ายขึ้น เวลาจะถามจะได้ไม่ต้องคิดมาก เอาที่ท่องไว้นั่นแหละ เลือกมา 1 อัน ตามสถานการณ์ที่จะใช้ แล้วก็ตามด้วยเนื้อหาที่ต้องการจะถาม ช่วยทำให้เราไม่ติดขัดในการสนทนากับผู้อื่น หมายเหตุ: จขคม ไม่ได้มีอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เพียงเป็นผู้มีโอกาสเรียนภาษาอังกฤษกับครูดีๆมาตั้งแต่เล็ก มีโอกาสไปศึกษาต่อที่ประเทศเจ้าของภาษา และเคยมีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตการทำงานกับชาวต่างชาติมากมาย ที่อธิบายไปทั้งหมด เป็นการ share ความรู้ และวิธี apply นำมันไปใช้ในสถานการณ์จริงเท่านั้น หากบังเอิญมีข้อมูลส่วนใดส่วนหนึ่ง ผิดไปจากที่ผู้รู้ท่านอื่นๆได้เรียนรู้มา ก็เข้ามา share ความรู้กันด้วยเด้อ แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 53 16:09:59 จากคุณ : My Pucca Girl เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 16:01:07

ความคิดเห็นที่ 7 is ,are  ใช้กับคำที่ตามด้วย noun , adjective is ใช้กับเอกพจน์  he is a teacher are ใช้กับพหูพจน์  you are teacher do,does  ใช้กับ กริยา do ใช้กับ พหูพจน์   they do thier homwork does ใช้กับ เอกพจน์  he does  his homework แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 53 22:35:26 จากคุณ : ฮักเมาน้องหล้า เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 22:29:35