ความคิดเห็นที่ 1 การที่อาจารย์ให้นักศึกษาไปเิอานิยายไทยมาแปลเป็นอังกฤษเพื่อดู grammar นักศึกษานั้น เป็นวิธีการสอนภาษาอังกฤษที่แย่มากๆวิธีหนึ่ง อาจารย์หลายๆท่านชอบให้ assignment แบบนี้ เนื่องจากไม่รู้วิธีการที่ถูกต้องในการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 การสอนภาษาอังกฤษ ก็คือการสอนภาษาอังกฤษ การสอนการแปลก็คือการสอนการแปล มันไม่เกี่ยวกัน นักแปลส่วนใหญ่จะแปลจากภาษาที่ 2 ไปเป็นภาษาที่ 1 ได้ง่ายหน่อย ในขณะที่แปลจากภาษาที่ 1 ไปเ้ป็นภาษาที่ 2 มันจะต้องออกแรงเยอะกว่าหลายๆเท่า  ขนาดคนเรียนจบปริญญาโทการแปลก็ไม่ใช่ว่าจะแปลไทยเป็นอังกฤษแล้วจะออกมาสวยๆได้ กันได้ง่ายๆ แล้วยิ่งไปสอนแปลนิยายไทยเป็นอังกฤษในระดับปริญญาตรี ถ้านักศึกษายังไม่แม่นเรื่อง English sentence structure แล้วละก็ ยิ่งสอนไปก็ยิ่ง เละเทะ นักศึกษามีแต่จะสับสน เรียนไปแล้วก็ไม่่ได้อะไรหรอก คำแปลภาษาอังกฤษ (ที่แปลจากไทย) ของ จขกท มี syntactic errors in the writing of second language learners มากมาย มีเกือบทุกบรรทัด! (ข้อผิดพลาดหลายๆอย่าง มาจากการไม่รู้ grammar แึค้ระดับมัธยมต้น!)  นั่นก็หมายความว่า คุณยังไม่พร้อมที่จะเรียนการแปลไทยเป็นอังกฤษ ถ้าอาจารย์คุณ "หลงผิด" โดยการเก็บคำแปลจากลูกศิษย์ทุกคนที่แปลออกมาได้ประมาณนี้เอาไป (มีแปลแย่มากขนาดนี้ กี่คน ขึ้นอยู่กับระดับชั้นของมหาลัยด้วยว่าติดอันดับไหนของประเทศ มหาลัยระดับหางแถว ที่ไม่ต้องเอ็นเข้ายากๆ นักศึกษาจะเีขียนผิดจนเละกันเกือบทุกคน ในขณะที่มหาลัยที่เอ็นเข้ายากๆหน่อย นักศึกษาจะเขียนผิดเละน้อยหน่อย เนื่องจากคะแนนภาษาอังกฤษเป็นตัวตัดเชือกตอนเอ็นเ้ข้ามหาลัย) แล้วถ้าอาจารย์เอาึคำแปลภาษาอังกฤษที่เก็บรวบรวม ไป edit (ตรวจแก้)  แล้วส่งให้นักศึกษาดูว่าผิดตรงไหน  รับรองว่าอาจารย์คุณ "หัวฟู" (ซัดพาราเป็นกำๆทุกวัน) แน่ๆ แล้วไม่ต้องมีเวลาเตรียมการสอนให้ประสบความสำเร็จได้เลยหละ ต่อให้สอนแบบนี้ไปเรื่อยๆอีก 5 ปี  ก็ยังไม่มีนักศึกษาคนไหนที่จะเขียนภาษาอังกฤษได้ดีพอที่จะรักษาชีวิตของตัวเองเิอาไว้ได้เลย เนื่องจากว่า การสอนภาษาอังกฤษโดยการให้แปลนิยายไทยเป็นอังกฤษ เป็นการ "สอนให้นัุักศึกษาหัดวิ่งก่อนหัดเดิน" ืทั้งนี้ โดยไม่ได้แก้ไขปัญญาที่ต้นตอ นั่นก็คือ นักศึกษา ยังไม่ได้เรียน English sentence structure มากพอที่จะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้โดยให้มี non-native speaker's errors น้อยที่สุดเท่าที่จะมีได้ หรือไม่มีเลย ดังนั้น อาจารย์คุณควรกลับไปคิดหาวิธีการสอนมาใหม่ ให้ดีกว่านี้ ถ้าจะให้ดีควรให้อาจารย์คุณมาอ่าน comments เราด้วย   แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 53 07:12:01 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 07:06:07

ความคิดเห็นที่ 2   I C U จากคุณ : apichart เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 08:51:31 A:61.90.30.81 X: TicketID:201623

ความคิดเห็นที่ 3 Skeeeeen จากคุณ : Jamba_juice เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 10:12:31

ความคิดเห็นที่ 4   ไม่เป็นไร นะครับ จขกท  เด๊ว มี ท่านอื่นมาช่วย แปล   ส่วนตัวผม อ่อนภาษาอังกิต   เข้ามาช่วยให้กำลังใจ จขกท  นะครับ จากคุณ : งูย่อง (ง.งูเดินย่อง) เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 10:27:29

ความคิดเห็นที่ 5 ผมคิดว่าจะแปลอย่างนี้นะครับ ภาษาที่คุณ จขกท แปลมาตอนแรกมันเหมือนกับเอาให้ google แปลให้เลยอ่ะครับ First of all, I really need to apologize to you that I didn’t brave enough to tell you about the story. Therefore, I wrote you a secret letter and please read it alone. A few days ago, you came to me and asked me whether I like you or not. I don’t know what you’re thinking of me. I really want to know what you feel to me. Are you angry with me that I rarely talked to you and walked away from you? I thought that you would definitely angry with me but I don’t know why I behaved that way. It might be because I have a bad experience about love so that I don’t like to talk to a stranger man. The first time we met, I felt annoyed with you so much. I remember that you often asked me how I was and made me teased you with hard words. But it was weird that I felt something to you. What I felt to you has been totally changed from the first time we met. I don’t know what I should talk to you. I want to apologize you that I was so disdainful to you. Then, I’m so embarrassed and don’t brave enough to talk to you. I hope that you will not be angry with me that I behaved really badly. It’s all I could explain my feeling in the letter. ไม่รู้ว่าจะแปลได้ถูกใจมั้ยนะครับ ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ปรึกษาเพิ่มเติมติดต่อได้หลังไมค์นะครับ จากคุณ : Great Cao Cao เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 11:34:26

ความคิดเห็นที่ 6 การแปลไทยเป็นอังกฤษ เป็น advanced skills  อย่างหนึ่งทางด้านภาษา การที่อยู่ดีๆอาจารย์ให้ assignment เป็นการเอานิยายไทยไปแปลเป็นอังกฤษ ถ้านักศึกษาอ่อนมากๆทั้งกลุ่ม สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ก็คือว่า นักศึกษากลัวได้ F กันหมด ก็เลยเอางานไปจ้างคนอื่นแปลกันหมด เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ลูกชายเจ้าของบริษัทแปลแห่งหนึ่ง เรียนปริญญาตรีเอกอังกฤษในมหาลัยแห่งหนึ่งที่มีนักศึกษาเป็นดาราและนักกีฬาเรียนกันเป็นจำนวนมาก อาจารย์สั่งให้แปลนิยายไทยทั้งเล่มเป็นภาษาอังกฤษ ตัวพ่อนักศึกษาซึ่งเป็นนักแปลมืออาชีึึีพที่เก่งมากๆและเป็นเจ้าของบริษัทแปล เห็นงานแล้วหัวเราะก๊าก บอกว่า "อยากเห็นอาจารยแปลเองนักเชียว ฮ่าๆๆๆ" เขากลัวลูกชายเขาเสียสุขภาพจิืต ก็ํเลยเอามาจ้างเราแปลหมดทั้งเล่มเลย เนื่องจากเพื่อนๆลูกชายเขาก็จ้างคนอื่นแปลกันหมด เนื่องจาก assignment แบบนี้มันยากเกิืนไปสำหรับนักศึกษาปริญญาตรีเอกอังกฤษ ปี 4 อาจารย์ที่มี common sense ไม่ควรให้ assignment แบบนี้ จะสาธิตให้ดูว่าการแปลไทยเป็นอังกฤษ (โดยเฉพาะิอย่างยิ่งการแปลนิยาย) เป็น advanced skills ที่สูงเกินไปสำหรับจะสอนนักศึกษาที่ยังอ่อนภาษาอังกฤษมากในระดับนี้  แม้กระทั่งความเพียรพยายามของ คคห 5 ที่จะช่วยแปลให้ ที่ถึงกับจะให้ิติดต่อหลังไมค์ไปใช้บริการแปล ก็ยังมีแปลผิดๆเยอะมาก  จะยกตัวอย่างที่ผิดจังๆให้ดู I didn’t brave enough ผิดธรรมชาติ  เพราะคำว่า brave ธรรมชาติของมัน ต้องใช้ักับ be หรือ feel ประโยคนี้ First of all, I really need to apologize to you that I didn’t brave enough to tell you about the story. แก้ได้เป็นประมาณนี้ First of all, I really want to apologize to you for not having the courage to tell you the whole story. ประโยคนี้ I thought that you would definitely angry with me but I don’t know why I behaved that way.  ก็ผิดธรรมชาติ เพราะ angry มันต้องใช้กัิบ be หรือ feel   ประโยคนี้ I remember that you often asked me how I was and made me teased you with hard words. ก็ผิดธรรมชาติื เพราะ ใช้ make หรือ made ผิด verb form ของ make คือ make somebody do something ดังนั้น made me teased ต้องแก้เป็น made me tease ประโยคนี้ I want to apologize you that I was so disdainful to you. ผิดธรรมชาติ เพราะืั้ที่ถูก ต้องเป็น apologize to you ประโยคนี้ Then, I’m so embarrassed and don’t brave enough to talk to you. ก็ผิดธรรมชาติ เพราะ brave ต้องใช้กับ be หรือ feel ในการแปลนั้น ฝรั่งเจ้าของภาษาอังกฤษเรียนภาษาไทยจนอ่านเข้าใจ เขาจะแปลไทยเป็นอังกฤษได้ง่ายๆ เพราะเป็นการแปลจากภาษาที่ 2 ไปเป็นภาษาที่ 1 แต่ในทางกลับกัน คนไทยเรียนภาษาอังกฤษ แปลไทยเป็นอังกฤษ  มันโครตจะยาก เพราะเป็นการแปลจากภาษาที่ 1 ไปเป็นภาษาที่ 2 ถ้าไม่ bilingual (เชี่ยวชาญทั้ง 2 ภาษาสูสีกัน) จริืงๆิอยู่แล้ว ต่อให้ไปเรียนปริญญาโทการแปลจบมา แปลเป็นอังกฤษ ให้ตาย แปลยังไงมันก็ยังมี syntactic errors in the writing of second language learners ให้จับผิดได้อยู่ดีนั่นแหละ ในตลาดงานแปล คำแปลจากไทยเป็นอังกฤษ ที่ผิดธรรมชาติื จะมีราคาค่างวดที่ต่ำหน่อย จะอยู่ที่หน้่าละประมาณ 100 - 200 บาท  แต่ถ้าไม่ผิดเพี้ยนจากธรรมชาติ และสวยงามอ่านแล้วรื่นหูมากๆ  บางทีจ้างกันสูงมากๆ ตั้งแต่หน้าละ 400 บาท ถึงหน้าละ 3,000 บาท จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 13:21:14

ความคิดเห็นที่ 7   จขกท แปลเหมือน กูเกิ้ลจริงๆ ครับ เรียนอังกฤษ กับ เรียนแปล มันคนเรื่องกันเลยอะครับ ระดับภาษาอังกฤษของ จขกท มาทำการบ้านอย่างนี้ ตายกันพอดี *-* แย่เลยครับ จขกท มีอจ. สอนไม่รู้เรื่อง - -" ปล.ผมก้อช่วยได้แค่ใจ เพราะผมก้ออ่อน จากคุณ : Guiman เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 13:40:13

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ คห ที่ 1 กับ 6 ครับ ถึงผมจะแปลไม่ได้ดีมาก ผมก็แค่พยายามจะช่วยลองแปลดูให้เฉยๆนะครับ ที่ว่าผิดบ้างก็ยอมรับนะครับ แต่ที่ผมบอกว่า ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ปรึกษาเพิ่มเติมติดต่อได้หลังไมค์นะครับ ไม่ได้หมายความว่าผมจะรับจ้างแปลหรือคิดเงินนะครับ ผมแค่คิดว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยอีกก็บอกเพราะผมก็จะได้ฝึกฝนตัวเองไปด้วยเท่านั้นเองครับ แต่คุณกลับบอกว่า "แม้กระทั่งความเพียรพยายามของ คคห 5 ที่จะช่วยแปลให้ ที่ถึงกับจะให้ิติดต่อหลังไมค์ไปใช้บริการแปล" คุณหมายความว่าผมไม่ควรจะทำอะไรที่คิดว่าจะเป็นการช่วยเหลือใช่มั้ยครับ จากคุณ : Great Cao Cao เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 14:07:47

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับคุณหมอดูครับ จะบอกว่า เรื่องการแปล ปรึกษา คุณหมอดู ได้เลยครับ เพราะท่านเป็นมืออาชีพจริงๆ อีกทั้งยังอธิบายได้อย่างกระจ่างชัดเจนไม่หมกเม็ดแต่อย่างใด ยังงัยก็ เป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้ นะครับ ผมเองก็ไม่มีกำลังและความสามารถมากพอจริงๆ จากคุณ : ลิงใส่แว่น (noptee) เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 14:14:47

ความคิดเห็นที่ 10   คือพี่  Great Cao Cao ไม่ได้รับจ้างไรนะครับ พี่เขานิสัยดีมากๆๆช่วยเหลือแนะนำปรึกษาทุกอย่าง อย่าเข้าใจผิดนะครับ จากคุณ : namsprite99 เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 15:17:59

ความคิดเห็นที่ 11 มีน้ำใจช่วยเหลือกัน ถ้ามีคนมาหาว่าฉวยโอกาส แล้วใครจะอยากช่วยเนี่ย ไว้คุณจขกท โดนคุณ Great Cao Cao เก็บตัง ค่อยมาคุยกันใหม่ดีกว่า^^ จากคุณ : Ashley_Mary kate เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 16:17:58

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่า คุณ fortuneteller ค่อนข้างที่จะเป็นคนมองโลกในแง่ลบเกินไปมั้งครั้บ พยายามนหน่อยนะ ที่จะมองคนอื่นที่ให้แตกต่างจากตัวเองบ้าง ผมไม่ค่อยได้เข้ามาห้องสมุดเท่าไหร่ นานๆ ที เข้ามาทีไรก็เห็นคุณ fortuneteller ค่อนข้างที่จะวิพากวิจารณ์ เชิงดูถูกคนอื่นบ่อยๆ มันไม่ค่อยดีเลยครับ ผมทราบจากงานเขียน จากคำพูด คำวิจารณ์ได้พอสมควรว่า คุณ fortuneteller เป็นคนที่ค่อนข้างกว้างขวางเรื่องภาษาอังกฤษมาก แต่ไม่ใช่ว่า คนที่รู้เยอะจะต้องไปพูดในเชิงที่เหมือนกับเย้ยหยัน หรือเห็นคนอื่นมาขัดความคิดคนอื่นขนาดนั้น เท่าที่ดูในกระทู้นี้ น้า คห. 5 เพียงแค่ต้องการจะช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่าด้านภาษาอังกฤษ คนที่อ่อนกว่า ขอความช่วยเหลือ ถ้าเราพอช่วยได้ ถึงแม้จะไม่ดีเลิศ ก็ยังสมควรทำ ถ้าคุณ fortuneteller ต้องการจะช่วยจริงๆ ไม่ใช่ มาเพื่อ โชว์พาว ตัวเอง ไม่ควรจะไปจับผิดคนอื่น บอกแค่ว่า ประโยคนี้ไม่เป็นธรรมชาติ เป็นอีกแบบจะดีกว่า ประมาณเนี้ย จะดีกว่าไหม??? จากคุณ : นักเพลง เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 17:56:42

ความคิดเห็นที่ 13 ลืมบอกไป  จุดประสงค์ของกระทู้นี้คือ ช่วยเจ้าของกระทู้นะครับ จากคุณ : นักเพลง เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 17:58:10

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ถ้าไม่โชว์พาวอาจารย์ที่สอนก็จะหลงผิดคิดว่าวิธีการสอนที่ใช้อยู่มันดีเยี่ยมกะอีกแค่จบปริญญาเอกมาก็สอนได้แล้ว  และการพัฒนาด้านการการศึกษาก็จะไม่บังเกิดชึ้น ลองมาดูกันว่าเราจะวางแผนการสอนนักศึกษาที่อ่อนมากๆในระดับเข้าขั้นโคม่าแบบนี้ ในแนวไหน   ก่อนอื่นต้องมาดูกันว่า วัตถุประสงค์ คืออะไร?  การเขียนภาษาอังกฤษ ใช่หรือไม่  ถ้าใช่ก็ให้ลืมเรื่องการแปลไปได้เลยเพราะว่า “มันเป็นคนละเรื่องกันเลยหละ”   ลองทำตามขั้นตอนนี้นะ 1 การทดสอบทักษะในการเขียน ต้องไม่ให้นักศึกษาเอางานกลับไปทำนอกมหาลัย เพราะว่าจะไปว่าจ้างคนอื่นให้ทำแทนได้ 2 ให้เขียนในมหาลัยในเวลาเรียนนี่แหละ แต่เขียนสั้นๆก็พอ  แค่นี้ก็วัดผลได้แล้ว 3 พอทุกคนเขียนเสร็จอาจารย์ก็เอาข้อความที่นักศึกษาแต่ละคนเขียน ไปฉายขึ้นจอใหญ่ (โดยปกปิดขื่อนักศึกษาเพื่อไม่ให้อายเพื่อนว่าเขียนผิด)แล้วจัด brainstorming session ให้แต่ละคนแสดงความคิดเห็นว่า ข้อความที่เขียนมา ตรงไหนมันผิดธรรมชาติบ้าง   เมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็จัดเป็น topics เรื่อง syntax ที่นักศึกษายังมีปัญหา แล้วอาจารย์ก็แนะนำแหล่งทรัพยากรข้อมูลให้นักศึกษาทุกคนไปเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง แล้วกลับมาทำการทดสอบใน brainstorming session คราวต่อไป  เพื่อค่อยๆพัฒนาทักษะด้าน English sentence structure ต่อไปเริ่อยๆ จากง่ายไปหายาก คุณสมบัติของอาจารย์ ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาเอก  แค่เคยล้างชามอยู่ในอเมริกาสิบกว่าปี แต่สนใจภาษาอังกฤษ และพูดเขียนอังกฤษเป็นธรรมชาติใกล้เคียงฝรั่งเจ้าของภาษา  มีสมองที่ดีเยี่ยม เก่งด้าน logical reasoning รู้วิธีคิดเอง ค้นข้อมูลเองเป็น ต่อให้ไม่จบวุฒิอะไรเลยก็วางแผนการสอนภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ   เราว่าระบบการศึกษาไทย ควรเลือกคนแบบ Thomas Edison ที่ไม่เรียนมหาลัยแต่เรียนเองจนเป็นอัฉริยะ คิดอะไรแปลกๆใหม่ๆได้ ให้มาเป็นอาจารย์ โดยการทดสอบความคิดความอ่านที่จะวางแผนการสอน แทนที่จะ “เถรตรงทำตามกฎระเบียบมหาลัยว่าต้องจ้างคนจบวุฒิสูงๆมาสอนเสมอ” เราว่าความยืดหยุ่นในด้านการคัดเลือกอาจารย์จะเป็นหนทางที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศชาติได้เป็นอย่างดี  ลองมาดูระบบการคัดเลือกนักศึกษาเข้ามหาลัยที่มีปัญหามากๆตอนนี้กันสิ  มันเกิดจากพวกนักวิชาการที่เรียนสูงๆ แต่คิดไม่เป็น ใช่ไหมล่ะ? แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 53 21:03:28 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 20:38:05

ความคิดเห็นที่ 15 หมายเหตุ เราคืดระบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ แบบนี้ได้ด้วยการค้นคว้าเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ได้มาจากการเรียนปริญญาเอก   เราก็มีสิทธิที่จะโชว์พาวเพื่อบอกว่าวิธีการของเรามันดีกว่าของอาจารย์ จขกท ใช่หรือไม่ล่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ ตามที่คุณ Great  Cao Cao    และ คุณนักเพลง พูดว่า “วัตถุประสงค์ก็คือการช่วยเหลือ จขกท “ อ้าว...!!! แล้วสิ่งที่เราโชว์พาวน่ะ ถ้าคนในระบบการศึกษาไทยทำใจกว้างๆนะ เช่น จขกท ไปตามอาจารย์เธอให้มาอ่าน comments เรา และอาจารย์เธอได้มีโอกาสโต้ตอบกับเราเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง  โดยที่อาจารย์ใจกว้างพอที่จะรับฟังได้โดยไม่ทำโทษนักศึกษาโดยการให้ F มันจะเป็น discourse ที่สร้างสรรค์มากๆ มันจะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือ จขกท ได้มากกว่า  การช่วยแปลให้ เนื่องจากการช่วยแปลให้มันเป็นเป็นการช่วยให้ จขกท ได้คะแนน แต่มันไม่ได้ทำให้ จขกท แก้ไขขัอผิดพลาดต่างๆ เพราะว่า อาการระดับโคม่าของ จขกท นั้น จะเยียวยารักษาได้ มันต้องเริ่มสอน English sentence structure ไปตั้งแต่ระดับพื้นฐานเลย แล้วมันก็ต้องใช้เวลาสอนหลายปีจนเครียดด้วย  แต่ brainstorming session ที่เราแนะนำ มันน่าจะเป็น edutainment ได้นะ อ้อ แล้วอีกอย่างหนึ่ง คนที่เข้ามาช่วยแปล (แล้วแปลผิดๆด้วย) จะเรียกว่า “ไม่เก่งแต่อยากช่วยด้วยใจจริง” ก็ได้ หรือจะเรียกว่า “ไม่เก่งแต่อยากโชว์พาวเพราะไม่รู้จักประเมินความสามารถของตนเอง" ก็ได้เหมือนกันนะ ลองสังเกตดูเซียนตอบกระทู้ภาษาอังกฤษบางรายดู ให้ดีๆ รายที่ตอบเยอะมากๆ พวกนี้ "นกรู้" พอเห็นกระทู้ยากๆ ตอบไม่ได้ เขาก็นิ่งเฉย แล้วดูคนอื่นตอบ ไม่มั่วมา สุดแล้วแต่คุณจะคิด ในมุมมองไหน แต่ต้องมองให้กว้างๆ และยุติธรรม จริงหรือเปล่าล่ะ? ต้องมองในมุมกว้างๆ ไม่ใช่แต่จะมากล่าวหาว่าเราโชว์พาว  เราโขว์พาวแต่ก็เป็น “constructive criticism” โดยการพูดว่า การสอนการแปลไทยเป็นอังกฤษ ไม่ใช่การสอนเขียนภาษาอังกฤษ  คนทึ่จะเรียนการแปลไทยเป็นอังกฤษได้จะต้องเขียนภาษาอังกฤษได้ดีในระดับหนึ่ง  อาจารย์ผู้สอนควรมีตรรกะที่แม่นยำพอที่จะบ่งบอกได้ว่า “ไก่หรือไข่มันเกิดก่อนกันแน่” แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 53 21:04:02 แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 53 20:59:51 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 20:45:43

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณ ทุก ความเห็น มากๆเลยครับ อ่านที่ทุกคน ถกกันแล้ว ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ ไม่มีใครผิด แล้วก็ไม่มีใครถูก กันหรอกครับผม เป็นความคิดเห็น ^_^ จากคุณ : ฟ้าสั่งให้ฉันรักคนที่มีเจ้าของ เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 53 23:03:11

ความคิดเห็นที่ 17 สรุป......... 1. คนเก่งกว่า อยากช่วยคนอ่อนกว่า 2. คนเก่งกว่ามากๆ อยากช่วยคนเก่งกว่า 3. คนเก่งที่สุด เข้ามาบ่น และบอกว่า "ภาษาอังกฤษของเจ้าของกระทู้เข้าขั้นโคม่า" ซึ่ง ผมมองว่า ภาษาอังกฤษระดับที่เจ้าของกระทู้ใช้นั้น แค่อยู่ในระดับ พอใช้ หรือ อ่อน แค่นั้น ไม่ได้แรงอย่าง "โคม่า" หรอกนะ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่มาบอกว่า เจ้าของกระทู้เอง แปลได้ขนาดนี้ก็ถือว่า พอเข้าใจ แต่ถ้าจะให้คะแนนกันจริงๆ คงไม่ผ่าน เพราะโครงสร้างประโยค ฯลฯ หลายๆ อย่าง ผิดเยอะเหลือเกิน แต่ผมอ่านก็เข้าใจอยู่พอสมควร การที่เป็นคนเก่งก็ดี การที่เป็นสาวมั่น หนุ่มมั่น ก็ดี เป็นสิ่งที่เราควรจะมีติดตัวไว้ แต่ถ้าเป็นคนที่มั่นเกินไป มันก็จะเหมือนน้ำเต็มแก้วนะครับ  อย่าดูถูกคนอื่นมาก โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ เพราะความสามารถของแต่ละคนไม่เท่ากัน ครูแต่ละคนก็มีวิธีการสอนไม่เหมือนกัน คุณบอกว่า สอนอย่างนี้ถูก สอนอย่างนี้ผิด แต่คุณต้องทราบด้วยว่า สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนหนึ่ง หรือสถานการณ์หนึ่ง อาจจะไม่สามารถใช้ได้กับทุกสิ่ง (ทฤษดีนี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ต้องขออภัยจำชื่อเจ้าของทฤษดีไม่ได้) เช่นกัน...การสอนแบบที่คุณบอกว่าดีกว่า ดีที่สุดนั้น อาจจะใช้ไม่ได้กับทุกสถานการณ์ก็ได้ ในทางกลับกัน การสอนแบบที่คุณบอกว่าผิดนั้น อาจจะใช้ได้ดีกว่ากับสถานการณ์ที่ท่านเลือกใช้ก็ได้   ไม่จำเป็นต้องเชื่อผม  แต่ขอร้องอย่าปฏิเสธที่จะรับฟังความคิดเห็นแบบนี้ กรุณานำไปคิด ถ้าผิด ก็ไม่ต้องทำตาม แต่ถ้าความคิดผมมีเหตุผลพอรับฟังได้ ก็ควรทำความเข้าใจกับมันบ้าง ต้องยอมรับว่า เราๆ ท่านๆ แม้แต่ คุณ fortuneteller เอง คงไม่ใช่เจ้าของภาษา เราเรียนเป็นภาษาที่ 2-3-4-5 หรือภาษาที่เท่าไหร่ก็แล้วแต่ ยังไงก็ไม่เหมือนเจ้าของภาษาหรอกนะ ในชีวิตจริงแล้ว...........ถ้าเราทำได้ เข้าใจเหมือนเจ้าของภาษา มันก็ดีกว่าอยู่แล้ว แต่จริงๆ เราไม่ได้คุยอยู่กับ เจ้าของภาษาคนเดียว เราใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ติดต่อกับ อินเดีย ญี่ปุ่น จีน ยุโรป ฯลฯ วัฒนธรรมทางภาษาของผู้พูดแต่ละคนแตกต่างกัน ทุกคนก็จะใช้ภาษาอังกฤษแบบกลมกลืนกับภาษาของตัวเอง แม้แต่คนไทยเองก็เช่นกัน แม้แต่ชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่เอง แต่ละชาติก็ยังมีวัฒนธรรมการใช้ภาษาไม่เหมือนกัน มีหลักบางอย่างแตกต่างกันเองด้วย..................... ....ยังไม่จบ แต่ต้องเลิกงานแล้วครับ ถ้ามีเวลา จะมาแสดงทัศนะต่อ แต่ผมไม่ค่อยตามหลักภาษาเหมือนกับ หลายๆ ท่านนะครับ เป็นทัศนะล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับ หลักการไดๆ เลย ปล. ลองทำข้อสอบที่ใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาภาษาไทยให้ได้ 100 คะแนนเต็มก่อนดีไหม ค่อยไปเครียดเรื่องใช้ภาษาอังกฤษให้ได้ 100 เปอร์เซนต์ (เพราะทั้งๆ ที่เราเป็นเจ้าของภาษาไทยแท้ๆ เรายังไม่ได้ 100 เปอร์เซนต์เลย) (หรือแม้แต่ฟรั่งสอบ เจ้าของภาษา สอบภาษาอังกฤษเอง ก็ยังไม่ได้ 100 เปอร์เซนต์เลย) แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 53 13:54:14 แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 53 13:52:56 จากคุณ : นักเพลง เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 13:20:18

ความคิดเห็นที่ 18   ประเด็น ของ กระทู้ให้ช่วย แปลภาษา ไม่ใช่ให้มาช่วยวิเคราะห์การเรียนการสอน จากคุณ : งูย่อง (ง.งูเดินย่อง) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 53 16:01:01

ความคิดเห็นที่ 19 แต่ผมคิดว่า คำแนะนำของคุณ หมอดู เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากนะครับ กาทำให้คนคิดได้ มันยากที่สุด การให้ปลา เขาอิ่มหนึ่งครั้ง แต่อาจจะรู้สึกดีที่มีคนช่วยเหลือ การสอนให้เขาจับปลา เขาอิ่มได้หลายครั้ง เป็นการช่วยเหลือที่ดีกว่า การสอนให้เขาสร้างเครื่องมือจับปลา เขาจะอิ่มได้มากเท่าที่เขาต้องการ เป็นการช่วยเหลือที่แท้จริง คำแนะนำของคุณหมอดู ช่วยสร้างเครื่องมือจับปลา มากกว่า ถึงยาก แต่มีคุณค่า และแก้ปัญหาได้แท้จริง จากคุณ : ZaTaN_KruZZ เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 53 22:26:36