ความคิดเห็นที่ 1 ตอนหน้าหนาว เราก็อ้างกันแบบนี้ "อากาศหนาวจนไม่อยากจะลุกไปไหนเลย" เพิ่มเติม  สิงคโปร์ก็เมืองร้อนครับ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 53 17:52:42 จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 17:49:55

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนตัวเราคิดว่า ไม่น่าเกี่ยวกับอากาศหรอกค่ะ น่าจะเกี่ยวกับ บ้านเราน่ะ อุดมสมบูรณ์มากไป คือพูดง่ายๆ อยู่เฉยๆก็ไม่อดตายน่ะค่ะ (ถ้าว่ากันตามวิถีชีวิตตั้งแต่ดั้งเดิมนะคะ) คนไทยก็เลยไม่ต้องดิ้นรน ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว จะหันไปทางไหนก็มีผักหญ้าให้เก็บกินได้ ถึงตอนนี้คนไทยก็ยังเรื่อยๆอยู่ นั่นก็เพราะคนไทยเราใจดี เอื้อเฟื้อ ไม่ค่อยชอบการแข่งขัน ถ้าจะมองในแง่ของชีวิตในเมืองนะคะ การทำงานไม่ค่อยต้องแข่งขันกันมากมายเท่ากับประเทศทางตะวันตก เราเคยชินกับระบบเครือญาติ เอื้อเฟื้อ มีน้ำใจ ถามว่าดีมั้ย มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ต่างกับประเทศทางตะวันตก ที่ขาดแคลนทรัพยากร ทำให้คนรุ่นเก่าๆต้องพยายามพัฒนา และปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น การแข่งขันสูง คนก็ต้อง Active มากขึ้นตามไปด้วย นานๆเข้า พฤติกรรมเหล่านั้นมันก็กลายเป็นวิถีชีวิตไปในที่สุด เพราะถ้าจะบอกว่า ประเทศเราร้อนทำให้ขี้เกียจ ถ้าลองไปดูประเทศร้อนอื่นๆบ้าง เช่นทางตะวันออกกลาง เค้าก็ไม่ได้เรื่อยเปื่อยแบบเราเลยน่ะค่ะ สรุปเราว่า น่าจะเกิดจากความสบายจนเคยของคนไทยมากกว่า จากคุณ : momojang_m เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 17:50:04

ความคิดเห็นที่ 3 ปัจจัยสำคัญ เห็นเหมือนเคยมีวิเคราะห์กันไปในกระทู้เก่าๆ  ซึ่งสรุปแล้วก็จะเป็นเพราะว่า ด้วยความที่ประเทศไทยแทบจะไม่ต้องผจญกับภัยธรรมชาติอะไรเลย ไม่มีอากาศหนาวจัด ไม่มีพายุรุนแรง ไม่แห้งแล้ง มีอาหารน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ดี ทำให้ไม่ต้องดิ้นรน อยู่กันอย่างสบายๆ จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 17:52:21

ความคิดเห็นที่ 4   สันดานครับ อยู่ในพันธุกรรม บางประเทศที่อากาศร้อน คนขยันก็มี ประเทศที่อากาศเย็น คนขี้เกียจก็มี จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 18:09:18 A:58.9.227.220 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 5   ผมชอบอากาศร้อนมากๆ หน้าร้อนกับหน้าฝนนี่คือฤดูโปรดเลย และก็เกลียดหน้าหนาวสุดๆๆๆ ฯลฯ ๆๆๆ หน้าร้อนกับหน้าฝนเป็นอะไรที่กระปี่กระเปร่าให้มีแรงทำงาน ถ้าหน้าหนาวแม้แต่กับเข้าก็ยังไม่ค่อยอยากจะลุกขึ้นมาทำเลย ถ้าจะให้ตอบทำไมไทยถึงเป็นอย่างนี้ ก็เพราะนิสัยโดยพื้นฐานของคนไทยส่วนใหญ่เป็นพวกชอบศิลปะธรรมชาติและดนตรี เราพัฒนามาไม่ถูกทางกับนิสัยโดยพื้นฐานของเรา ไปพัฒนาเลียนแบบเขาแต่ไม่ดูนิสัยพื้นฐานตนเองมันก็ทำได้ยาก จากคุณ : มาราสุโร เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 18:17:55 A:113.53.107.73 X: TicketID:251205

ความคิดเห็นที่ 6 ร้อนไป หนาวไป อุ๊ย... ฝนตก อย่าเพิ่งทำเลย เห็นด้วยกับคห.๔ ค่ะ แต่ในกรรมพันธุ์ ก็เป็นไปตามกฏของเมนเดล พี่น้องดิฉันแยกได้ประมาณ ๔ ชนิด ค่ะ จากคุณ : แม่อ๊บ (obst) เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 20:33:32

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบในแง่วิทยาศาสตร์... เขาบอกว่า อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำงานของร่างกายมนุษย์คือ 25 องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้น เวลาที่อุณหภูมิของอากาศมันเบี่ยงเบนออกไปจากค่านี้ ร่างกาย (และจิตใจ) เราก็ต้องปรับตัว คือ... - ถ้าร้อนมากไป แล้วไปทำตัว active ร่างกายก็จะยิ่งร้อน (อย่างที่จะสังเกตได้จากการที่เหงื่อจะออกมากขึ้น จนโทรมตัว - เนื่องจากร่างกายพยายามระบายความร้อน) - ส่วนเวลาหนาว ยิ่งทำตัว active ก็ยิ่งเกิดความร้อนจากภายใน ช่วยให้หายหนาว...นะครับ จากคุณ : v (virachit) เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 21:05:14

ความคิดเห็นที่ 8 เอ่อ...ชอบอาการ้อนๆ ค่ะ เพราะรู้สึกตัวเองมีพลัง ไม่ชอบอากาศหนาวๆ ค่ะ จะรู้สึกรำคาญทันที จากคุณ : ColdOut เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 21:14:43

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นสมมติฐานที่มีส่วนค่ะ นอกจากนี้ด้วยความอุดมสมบูรณ์ค่ะ ออกไปข้างบ้านก็จับ  ก็หาอะไรมาทานได้แล้ว พวกเราก็เลยเนือย ๆ สือทอดต่อกันมารุ่นต่อรุ่น แต่เพราะเราเป็นแบบนี้ งานศิลปะเราถึงพัฒนาในระดับสูง นั่งใต้ร่มไม้ ชานเรือน จักผัก  ลงรักปิดทอง  นั่งอบควันเทียน  ปั้นลูกชุบ  เย็บถุงบุหงา   แกะสลักหนังใหญ่ ฯลฯ ทำโน่น นี่ นั่น ไปเรื่อย ๆ  บ้วนน้ำหมากไปพลาง ----------------------------------------------------- แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 53 22:17:11 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 53 12:57:51 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 53 23:43:43 จากคุณ : แฟนนายแบบ เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 23:00:42

ความคิดเห็นที่ 10 มันเกิดจากหลายๆปัจจัยร่วมกันครับ ผมมองเป็นสองระบบนะ ระบบภายใน (ตัวเรา) ระบบภายนอก (สิ่งแวดล้อม) ถ้าพูดกันแบบบ้านๆ คนไทยเรารักสบายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ ถ้าวิเคราะห์กันดีๆ ก็จะเห็นได้ว่า ไอที่เรารักสบาย เรื่อยๆ เฉื่อยๆ นี่ก็อาจจะมาจาก เพลงสมัยก่อน ของคนไทย ที่จะมีจังหวะ ช้าๆ เรื่อยๆ รวมไปถึงวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ ที่มีความอ่อนช้อย งดงาม ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามกันมานานนม จากภายนอก ก็ส่งผลสู่จิตใต้สำนึกภายใน ทำให้แสดงออกมาเป็นพฤติกรรมที่ไม่เร่งรีบ ใช้ชีวิตแบบ บ้านๆ พี่ๆน้องๆ และมันก็เป็นเสน่ห์ที่น่าจดจำ ต่างจากประเทศที่เค้าพัฒนาแล้ว ถ้ามาเอื่อยๆ เฉื่อยๆ อยู่ก็ไม่มีกินครับ มันก็เลยต้องปรับตัว ถ้ามองแบบ ภายนอก ภายใน มันก็มีหลายปัจจัยมากเลยครับ คิดได้ไม่หมด ต่อยอดกันดูนะครับ :) จากคุณ : i.am.not.korr (i.am.not.korr) เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 23:46:05

ความคิดเห็นที่ 11   อยู่ที่ความรู้สึก..อารมณ์..และวัย ด้วยมั้งคะ..เป็นบางเวลาที่ขี้เกียจ.. จากคุณ : M&M เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 53 08:27:15 A:58.9.79.75 X: TicketID:266437

ความคิดเห็นที่ 12 #10...คุณIANK .ความคิดมีระบบอ้างอิง ที่ท้าทายและ น่าสนใจมากครับ ต่างจากประเทศที่เค้าพัฒนาแล้ว ถ้ามาเอื่อยๆ เฉื่อยๆ อยู่ก็ไม่มีกินครับ มันก็เลยต้องปรับตัว ผมสนใจคำ๒คำ...พัฒนาและปรับตัว...ต้องใช้เครื่องมือและกลไกอะไร?อย่างไร?บ้างครับ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 53 19:19:08 จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 53 09:36:42

ความคิดเห็นที่ 13   การทดสอบนี้  ต้องลองเอาคนไทยไปอยู่ในที่ต่างๆทุกมุมโลก  โดยแบ่งเป็นช่วงอายุ เช่น เพิ่งคลอด พูดได้ เรียนประถมในไทย เรียนมัธยมในไทย เป็นต้น ในบางกรณีเด็กเพิ่งคลอดอาจจะไม่มีร่องรอยของคนไทยเหลือเลย  บางกรณีก็มีคนที่ปรับตัวได้และประสบความสำเร็จ  บางคนก็ล้มเหลวสิ้นเชิง ขอเดาว่าเป็นที่ประเพณีและวัฒนธรรมของแต่ละชาติ(สังคม)  ไม่น่าเกี่ยวกับร้อนหรือหนาว  แต่ร้อนหรือหนาวหรือภัยพิบัติอาจเป็นตัวกำหนดการสร้างวัฒนธรรมข้างต้นก็เป็นได้ครับ จากคุณ : vincentlenon เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 10:25:49

ความคิดเห็นที่ 14 บ้านเราอุดมสมบูรณ์มากจน "ไม่ต้องดิ้นรน" อะไรมากครับ อาจารย์สมัยเรียนเคยสอนไว้ว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยขี้เกียจก็เพราะความอุดมสมบูรณ์มากขนาดที่ว่านั่งกินมะม่วงอยู่บนเรือนแล้วโยนเม็ดมันออกนอกหน้าต่างก็ได้มะม่วงขึ้นมาหนึ่งต้นแล้ว คนสมัยก่อนไม่ต้องดิ้นรนอะไรก็อยู่ดีกินดีแล้วมันเลยกลายเป็นสันดานที่สืบทอดกันมายังรุ่นปัจจุบัน แต่ส่วนตัวคิดว่าสังคมสมัยนี้และสมัยหน้าจะไม่เป็นแบบเดิมอีกแล้วคนไทยน่าจะขยันขึ้นครับ จากคุณ : อารมณ์ศิลปิน อินกับศิลปะ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 10:35:59

ความคิดเห็นที่ 15 เคยได้ยินเขาพูดกันเล่นว่า..."เพราะคนไทยกินข้าวมากเกินไป ทำให้โง่ "!!! โง่มันต่างกับขี้เกียจ ? จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 11:36:08

ความคิดเห็นที่ 16 #12 เครื่องมือ ก็คืออาชีพครับ กลไก ก็ระบบสังคมไงครับ ทำไมบางอาชีพ ออกแรงเท่ากัน แต่ผลที่ออกมาต่างกัน ก็เพราะเครื่องมือต่างกัน (เก็ทยังครับ) ส่วนกลไลทางสังคมที่แตกต่างกัน สังคมป่าคอนกรีต กับสังคมป่าไม้ ภาษาอังกฤษเรียกว่ าcontext คนไทยเรียกว่า บริบท สิ่งแวดล้อม อะไรก็แล้วแต่ มนุษย์เราก็คล้ายคลึงกับสัตว์อยู่อย่างนึง คือ การเอาตัวรอด มันเลยต้องปรับตัว โดย อัตตา-โนมัติ (ศัพท์นี้ ผมคิดขึ้นเองนะ 55) ไม่ปรับตัว ก็ไปไม่รอดครับ อันนี้ก็แล้วแต่ "ความพึงพอใจ" เพราะจะอยู่เมือง หรือ อยู่นอกเมือง ก็ไม่มีใครถูกผิดครับ เพราะเหนือกว่าถูกผิด คือ "ความพึงพอใจ" สุดท้ายแล้ว คนไทย ก็ยังพึงพอใจกับความ บ้านๆ ไทยๆ พี่ๆ น้องๆ น้ำใจ อันดีงาม ก็เพราะ context หรือระบบสังคมมันพาไปครับ ส่วนเมืองนอกขอไม่พูดถึงนะครับ เพราะไม่เคยไป เคยดูแต่ในหนัง จากคุณ : i.am.not.korr (i.am.not.korr) เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 22:40:39

ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อกี้การปรับตัวไปแล้ว ต่อไป การพัฒนา ครับ เมื่อเกิดการปรับตัว (การเปลี่ยนแปลง) ก็เกิดการพัฒนาครับ แล้วพอ context พัฒนา (ภายนอกตัวเรา) เราก็ต้องถีบตัวเองขึ้นไป เรื่อยๆ เพื่อที่จะตาม context ให้ทัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี และ ก็ควรพัฒนาจิตใจควบคู่ไปด้วย ถึงจะเจ๋งจริง เพราะประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ เรื่อง inner (ภายในตัวเรา, ใจ) เท่าที่ควร แต่สุดท้ายแล้ว เรารับสื่ออะไร เราคบเพื่อนแบบไหน เราอ่านหนังสืออะไร เราก็จะเป็นอย่างนั้น ที่พูดมาทั้งหมดนี้ อ้างอิงจากโมเดล ภายใน ภายนอก นะครับ คิดว่าคงเห็นภาพได้ง่ายที่สุด ขอบคุณครับ จากคุณ : i.am.not.korr (i.am.not.korr) เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 22:45:19