 |
ความคิดเห็นที่ 6 |
เราก็เชื่อว่า "อัฉริยะสร้างได้" แต่วิธีการที่เราใช้ต่างจากหนังสือเล่มนั้นมากมาย
เมื่อตอนเด็กๆเรามี iq ต่ำกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วๆไป ป่วยเป็น OCD (ย้ำคิดย้ำทำ) และป่วยเป็น ADHD (สมาธิสั้น) เราเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ก็เลยหยุดเรียน (ตอนนั้นอยู่ต่างแดน) แล้วเข้าแต่ห้องสมุดหาแต่หนังสือแนวสอนเพิ่มความสามารถทางสมอง เราได้หนังสือฝึกพลังสมองมาหลายเล่ม แต่แค่อ่านผ่านๆไปแล้วไม่ค่อยได้ฝึกอย่างจริงจังมากนัก เพราะเรารู้ว่า กว่าจะฝึกได้สำเร็จหมด เราคงอายุปาเข้าไปตั้งเกือบๆ 100 ปีแล้ว และหน้าตาเหี่ยวย่น เดินไม่ค่อยจะไหว เป็นอัฉริยะไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะความตายก็ใกล้ที่จะมาเยือนแล้ว
ดังนั้น เราจึงหยุดค้นหาวิธีการที่จะเป็นอัฉริยะ แล้วได้แต่ค้นหาคัมภีร์โบราณของเต๋ากับฮินดูที่จะฝึกวิชา alchemy ซึ่งออกแนว sublimation คือเปลี่ยน sexual energy ให้กลายเป็นพลังแห่งการเรียนรู้ และสร้าง elixir of life (ยาอายุวัฒนะ) เพื่อชลอความแก่ของเรา กินอาหารแม็คโครไบออติกเพื่อไม่สะสมสารพิษในร่างกาย ฝึกสมาธิและพลังลมปราณ ฝีกโยคะ เพื่อหวังเปลี่ยน cells สมองและร่างกาย แบบผ่าเหล่าผ่ากอ แบบที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า biological transmutation เรียนรู้การแพทย์ทางเลือกเพิ่มขี้นเรื่อยๆจะได้ดูแลสุขภาพตัวเองได้จนอายุมากๆโดยไม่ต้องไปเสียเงินมากมายให้แพทย์แผนปัจจุบันเพราะเราเห็นเพื่อนฝูงและคนใกล้ชิดจ่ายค่ายาค่าหมอไปจนแทบจะล่มจมเกือบทุกราย และเมื่อไม่นานนี้เราเพิ่งคิดวิธี irrigate colon (ล้างลำไส้ใหญ่เรา) ได้ดีกว่าวิธีการที่พวกชีวจิตใช้กัน จากการเรียนรู้ (วิชานอกมหาลัย)เป็นเวลาอันยาวนานเช่นนี้ ในที่สุด เรามารักษาอาการป่วยของเราหายหมดเมื่อตอนอายุค่อนข้างมาก
แต่ตอนนี้เราเริ่มหน้าตาเด็กขึ้นเรื่อยๆ แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ เตะปี๊ปดังกว่าเด็กวัยรุ่นหลายเท่าจนถึงเข้าขั้นตัณหากลับ และมี iq เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรียนรู้ศาสตร์ใหม่ๆได้รวดเร็ว และจำอะไรได้แม่นยำกว่าตอนเด็กๆมากขึ้นเรื่อยๆ...และทุกอย่างกำลังจะพัฒนาไปในทางที่ดีเรื่อยๆ
ตอนนี้เราพูดกับตัวเองทุกวันว่า
Every day, and in every way, I am becoming better and better.
วันของเรามาถึงแล้ว Every dog has its day.
แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 09:11:44
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
10 พ.ค. 53 09:08:25
|
|
|
|
 |