|
ความคิดเห็นที่ 7 |
|
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ฟังเขาไม่ออก จึงเบื่อเรียน ขอเรียนว่า ภาษาพูดเขามีลักษณะเสียงสูงต่ำหนักเบา ไม่เรียบเหมือนภาษาไทยของเรา เคยเขียนชวนให้มาเรียนอังกฤษ ขอนำมาแปะนะครับ มาเรียนอังกฤษแบบถูกที่สุดกัน ภาษาอังกฤษมีประโยชน์ ต้องรู้เอาไว้ เรียนเองก็เก่งได้ถ้ารู้หลัก สิ้นค่าใช้จ่ายน้อย เรียนถูกที่สุด เขานำอักษรผสมกันเป็นคำ ผูกคำเป็นประโยค เช่น a หนึ่ง I ฉัน is am are เป็น อยู่ คือ you คุณ he เขา Thai รู้คำเท่านี้ ก็ผูกได้ 3 ประโยค I am a Thai. You are a Thai. He is a Thai. พอรู้อีกคำ man ผู้ชาย คน ก็ผูกได้อีก 3 ประโยค (ใช้มันแทนที่ Thai) นั่นคือรู้คำเพิ่มขึ้นก็ผูกประโยคได้เป็นทวีคูณ เราจึงต้องเรียนคำใหม่ และหัดผูกประโยคเพิ่มเสมอ เรียนคำ ให้แปล สะกดและอ่านออกเสียงได้ถูก ผูกประโยค ให้ถูกต้องตามหลักของเขาในเรื่อง พจน์ (จำนวน) บุรุษ (ที่ ๑, ๒ หรือ ๓) กาล (อดีต ปัจจุบัน หรือ อนาคต) และการเรียงคำ ต้องจำของเขาไว้ เช่น แมวดำตัวหนึ่ง เขากลับว่า a black cat (หนึ่งดำแมว) ทบทวนคำและประโยคที่รู้ถูกต้องแล้วจนจำได้ คล่องปากและขึ้นใจ แล้วจะเข้าใจ ฝรั่งว่า Practice makes perfect หมั่นฝึกฝน อย่าปล่อยว่างว่างเว้น นี่เป็นหลักวิธีเรียนที่ถูกต้องที่สุด หัวใจคือ รู้คำ (สะกด เขียน อ่าน แปล ใช้ผูกประโยค) จำประโยค (ตามอย่าง ดัดแปลง และแต่งใหม่) ทบทวน (ให้คล่องปาก ขึ้นใจและเข้าใจ) เวลาพูด เขามีเสียงหนักเบาและสูงต่ำ ต้องคุ้นกับภาษาพูดของเขา ซึ่งมีซุ่มเสียง AIR ต่างจากเรา คือ Accent (หรือ stress) เขาไม่มีวรรณยุกต์ (ปา ป่า ป้า ป๊า ป๋า) อย่างเรา แต่มีพยางค์เน้นในคำยาว ที่เน้น ให้ออกเสียงหนัก (เป็นเสียงตรี) เช่น อิ๊ง ใน English (อิ๊งกลิช) หรือ ลั้น ใน London (ลั้นเดิน) คำที่ไม่เน้นให้มีเสียงพยัญชนะ เป็นหลัก กับ อิ อะ หรือ เออะ ที่แผ่วเบาสั้น ๆ ผ่านไป เวลาที่เรียนคำ ต้องฝึกเน้นให้ถูกพยางค์และฝึกถากเสียงผ่าน คำที่คล้ายกัน อาจมีการเน้นต่างที่หรือออกเสียงสระต่างกัน commerce (ค้อมเมิซ) commercial (คะเม้อเชิล)civilian (ซิวิ้ลิเอิน) civilization (ซิวิลิเซ้เชิน)general (เจ๊นเริล) generosity(เจนะร้อสซิทิ)nature (เน้เชอะ) mature (เมอะชั้ว)horizon (เฮอะไร้เซิน) horizontal (ฮอริซ้อนเทิล)universe (ยู้นิเวิส) university (ยูนิเวิ้สเซอทิ) Intonation ขึ้นประโยคด้วยเสียงสูง แล้วทอดลงจนจบประโยคด้วยเสียงต่ำ (เพื่อให้รู้ว่าพูดจบ) He is going home now. When is he going home? คำถามก็เช่นเดียวกัน แต่ประโยคถาม ที่ไม่ได้ขึ้นต้นด้วยคำที่ถาม (how who whom whose where what which why) ให้วกขึ้นสูงตอนจบ (ให้รู้ว่าถาม) Is he going home now? Rhythm เป็นการรวบคำในกลุ่มที่ผูกความกันและเว้นช่วงคำต่างกลุ่ม ทอดช่วงในประโยคที่ยาว I กับ R จะทอดซุ่มเสียงให้สื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น พูดโดยเน้นพยางค์และทอดซุ่มเสียงด้วย AIR ที่ถูกต้อง จะฟังเพราะประทับใจ และสื่อความชัดเจน ฝรั่งจะฟังเราเข้าใจได้ดี นับถือว่าเรามีการศึกษาที่ดี เราทำได้โดยการฝึกซ้ำ ๆ จากต้นแบบดี ๆ (เช่น Follow Me ของ BBC) ที่มีเสียงหนักเบา สูงต่ำและทอดช่วงที่สมบูรณ์แบบ ฟังและฝึกพูดตามให้คล่องปากและเหมือนเขาที่สุด ฝึกจนขึ้นใจ แล้วก็จะพูดได้ไพเราะเหมือนคนอังกฤษที่มีการศึกษา อย่าเชื่อนักการศึกษาที่หาว่าการฝึกฝนเป็นเหมือนนกที่เลียนเสียงคน เราเข้าใจที่เราพูดแต่นกไม่เข้าใจเสียงที่มันเปล่ง เหมือนนักการศึกษาที่พูดตามกันโดยไม่เข้าใจ เก่งอังกฤษมีคุณประโยชน์ เรียนเองตามที่ว่านี้ก็เก่งได้ เป็นวิธีเรียนที่ถูกที่สุดและไม่สิ้นเปลือง S. Piankijagum, Dec 5, 2006
จากคุณ |
:
swathcu@yahoo.com
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ส.ค. 53 10:16:14
A:122.154.3.81 X: TicketID:281681
|
|
|
|
|