 |
ความคิดเห็นที่ 6 |
เราว่ามันอยู่ที่กำลังใจมากกว่า สมัยเราอยู่ต่างแดนพวกเพื่อนๆคนไทยมันชอบอวดเก่งสอนบรรทัดให้เราท่องเป็นภาษาอังกฤษข้อความที่พวกมันสรรหามาแล้วคิดว่าฉลาดจะตายห่ะแล้ว คือตลกและจะดึงดูดความสนใจผู้หญิงได้ แต่ไอ้ความที่เราไม่เก่งอังกฤษเหมือนพวกมันเราก็ท่องจำไม่่ได้สักกะที
เราเลยใช้วิธีการแบบปัญญาอ่อนของเรานี่แหละ เราไป party เห็นผู้หญิงผมทองยาวๆคนหนึ่งยืนอยู่กับเพื่อนเธอ เรารู้สึกว้าเหว่ช่วงนั้น ต้องหาแฟนให้ได้ เราเลยเดินไปหาเธอแล้วพูดเว้าเอาดื้อๆเลยว่า
"You are so beautiful. Would you like to be my girlfriend?" เล่นเอาเธออ้าปากค้าง อึกอักพูดไม่ออก แต่เราเหลือบไปเห็นเพื่อนเธอที่ยืนอยู่ข้่างๆเขย่าแขนเธอแล้วกระซิบว่า "Say yes, say yes."
ลงเอยเราออก date กับเธอ แล้วอีก 2-3 ปีต่อมาเราก็แต่งงานกับเธอ แต่เราอยู่กับเธอได้ 5-6 ปีก็หย่ากัน มันเป็นเพราะ reverse culture shock กระมัง? นั่นก็เพราะว่าตั้งแต่อายุ 13 -14 เราเริ่มบ้าฟังเพลงสากล เห็นรูปผู้หญิงฝรั่งแล้วอยากมีแฟนฝรั่งมากๆ บ้าวัฒนธรรมตะวันตกมากๆ พอไปอยู่ในประเทศตะวันตกเข้าจริงๆเราย้อนคิดถึงสมัยเรียนหนังสือ ม.1 ที่เมืองไทยที่เราบ้าอ่านนิยายกำลังภายในของจีน แล้วเผอิญช่วงนั้นมีหนังกำลังภายในของจีนมากมายไปฉายในประเทศแถบตะวันตก เราเลยบ้าดูแต่หนังกำลังภายใน เราไปเรียนวรยุทธ์จีน แล้วเรียนภาษาจีน จนเรากลายเป็นมองดูผู้หญิงจีนแล้วบ้าตะลึงความงามของผู้หญิงจีนจนเรามองดูผู้หญิงฝรั่งแล้วเบื่อไปหมดเลย เราทะเยอทะยานอยากไปเรียนวรยุทธ์จีนและภาษาจีนต่อที่ประเทศจีน และอยากได้แฟนเป็นผู้หญิงจีนที่เป็นนักวรยุทธ์ระดับยอดฝีมือ บ้าจนเราถึงกับเลิกกับภรรยาฝรั่งเราในที่สุด...
เราแวะมาอยู่ีเมืองไทยก่อนจะไปประเทศจีน แต่ดันกลายเป็นมาได้แฟนเป็นคนไทยอีกหลายคนแล้วเลิกกันไปหมด ตอนจบเรากลายเป็นมีแฟนเป็นผู้หญิงอินเดีย...อิๆๆ...เลยไปไม่ถึงประเทศจีนเลยอ้ะ ภาษาจีนที่เรียนมาก็ลืมหมดแล้ว...เอาไว้ว่างๆจะเริ่มเรียนใหม่...
แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 13:24:20
แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 08:01:20
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ส.ค. 53 07:54:38
|
|
|
|
 |