ความคิดเห็นที่ 1 กับฉบับแปลไทย ห่วยแตกที่สุดในโลกเลยครับ(แปลได้ห่วยแตกที่สุด) เอ๋ ผมอ่านสำนวนที่แปล อธิบายความหมาย ไม่มีผิดเพี้ยนนี่ครับ คำว่า แปลได้ห่วยแตกที่สุด ของคุณผมว่าใช้ภาษาไทยผิดนะครับ ถ้ามันเรียบเรียงประโยคสลับไปมา ไม่ตรง ก็ไม่ถือว่าแปลห่วยแตก อาจเรียบเรียงผิด ซึ่งก็บกพร่องน่าจะมีการแก้ไข เนื่องจากพิมพ์มา 10 กว่าครั้งแล้ว คุณยกตัวอย่างประโยคที่ว่า แปลห่วยแตก มาให้ดูหน่อยครับ แล้วผมจะเป็นผู้ตัดสินเองว่า รองศาสตราจารย์ และ ศาสตราจารย์สองคนที่แปล มันห่วยจริงหรือ? คนที่ได้ระดับนั้น ภาษาแกรมมาร์ง่ายๆ ยังแปลห่วยแตกก็เกินไปแล้ว ซื้อตำแหน่งมาหรือ? 555 อมพระทั้งวัดมาผมก็ไม่เชื่อว่า ทั้งสองจะแปลห่วยแตกครับ เพราะผมอ่านคร่าวๆ มาแล้ว ไม่ยากเย็นอะไร ความรู้ระดับตอนที่ผมจบ มศ 5 เมื่อ 40 ปีก่อน ผมก็ว่าผมยังแปลได้ไม่เพี้ยนแน่นอน 555 แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 53 22:44:43 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 22:41:59

ความคิดเห็นที่ 2 อ้อบอกหน้าที่ผิดก็ได้ครับ ถ้าไม่อยากพิมพ์ ค้นมาให้หมด แล้วผมจะไปสืบที่ร้าน SE-ED เองว่า จริง อย่างที่คุณว่ามาหรือไม่ ถ้ามันห่วยแตกจริง ผมจะได้ไม่แนะนำฉบับภาษาไทยในห้องสมุดอีก ที่แนะนำมาก่อนหน้านี้หลายปี ยังไม่เจอใครบ่นระดับ จขกท เลยครับ ที่ผมแนะนำ เพราะอ่านคร่าวๆ เห็นแปลได้ความดี ภาษาดี เข้าใจง่ายครับ โปรดทำเพื่อประโยชน์แก่สังคมห้องสมุดครับ ผมรออยู่ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 22:52:36

ความคิดเห็นที่ 3 เรียบเรียงเพี้ยนครับ ขออภัยที่ใช้คำผิด แล้วแบบฝึกหัดส่วนมากก็ตัดออกแล้วมันก็เฉลยไม่ตรง อย่างที่ยกตัวอย่างในกระทู้ที่แล้ว - - จากคุณ : Mr.JoeyKun เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 22:52:53

ความคิดเห็นที่ 4 ฉบับภาษาอังกฤษก็ไม่ยากเกินไปนะคะ เคยลองดูหรือยัง ยังไงก็อย่าคิดมากถ้าเนื้อหาดี ได้ความรู้ก็โอเคแล้วมั๊งคะ จากคุณ : GalwayGirl เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 23:13:42

ความคิดเห็นที่ 5 เข้าใจแล้วครับ อย่างนี้ไม่น่าจะเป็นความผิดของผู้แปลทั้งสองที่เป็น รศ และ ศ. แต่เป็นความผิดของ บก ต้นฉบับ ที่ปล่อยให้เรียบเรียงผิดๆ ออกมา สรุปเนื้อหาดี แปลดี แต่เรียบเรียงต้นฉบับไม่ดี มีจุดบกพร่อง เอา สำนักพิมพ์แก้ไขหน่อย คุณทำกำไรมามาก หนังสือขายดีเทน้ำเทท่า ผมอุตส่าห์แนะนำมาให้ฟรีๆ เป็นหน้าม้าหลายปี ฮี้ๆ ก้อปๆ อย่าให้ผมหน้าแตกสิครับ :) จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 23:15:17

ความคิดเห็นที่ 6 ผมไม่เข้าใจเจ้าของกระทู้ ว่าในเมื่อยังไม่มีพื้นฐานแกรมมาร์เลย หรือพื้นฐานยังอ่อน ทำไมต้องไปซื้อหนังสือแปลมาอ่านเพื่อจะให้เข้าใจแกรมม่าครับ หนังสือที่คนไทยเขียนก็มีเยอะที่เขียนดี ทำไมต้องไปอุดหนุนของนอกด้วยครับ อีกอย่างพอแปลออกมา เนื้อหามันก็ถ่ายทอดมาอีกทีหนึ่งก็อาจจะเข้าใจยากเข้าไปใหญ่ ลองใช้ตำราไทยก่อนก็ได้ครับ ผมว่าคนไทยเขียนแกรมม่าได้ละเอียดกว่าฝรั่งอีก ลองนึกดูสิครับ ถ้าคนไทยเขียนหนังสือดังกล่าวไม่ดี เขาจะสอนภาษาอังกฤษระดับมหาวิทยาลัย หรือเป็นนักแปลกันได้อย่างไร ผมว่าหนังสืือที่คนไทยเขียนเขาถนัดที่จะอธิบายเป็นภาษาไทยมากกว่าทำให้เราเข้าใจง่ายน่ะครับ ยังไงก็เอาใจช่วยคุณนะครับ จากคุณ : yosof (yosof) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 23:29:16

ความคิดเห็นที่ 7 ดูตรงหน้าปกนะ ว่าพิมพ์ครั้งที่เท่าไหร่.....ถ้าตีพิมพ์บ่อย แปลว่า บก.ชะล่าใจ พิสูจน์อักษรเป็นอัมพาตชั่วคราว ^^ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 01:44:36

ความคิดเห็นที่ 8 บางทีต้องดูด้วยนะว่า บก. คนไหน มีกรณีแปลกๆเกิดขึ้นบ่อยๆในวงการแปลหนังสือ เช่นนักแปลๆถูกแล้วแต่ซวยไปเจอบรรณาธิการต้นฉบัีบอ่อนหัดแก้ผิดจนนักแปลเสียคนไปก็มี แล้วก็เคยเจอนักแปลระดับอาจารย์สอนการแปลในมหาล้ัยเลยหละที่ทำอะไรน่าเกลียดมากๆคือพี่แกเล่นฉีกหนังสือให้นักศึกษาแปลกัน 1 เล่ม 3 คน แปลออกมา 3 สำนวน แปลผิดเละเลย บรรณาธิการต้นฉบับก็แก้กันคางเหลืองพอถึงสำนักพิมพ์โดนแก้อีกรอบคราวนี้แก้แล้วแย่ลงกว่าเดิมเลยก็มี...!!???... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 02:18:31

ความคิดเห็นที่ 9 หนังสือที่คนไทยเขียนก็มีเยอะที่เขียนดี ทำไมต้องไปอุดหนุนของนอกด้วยครับ อีกอย่างพอแปลออกมา เนื้อหามันก็ถ่ายทอดมาอีกทีหนึ่งก็อาจจะเข้าใจยากเข้าไปใหญ่ ลองใช้ตำราไทยก่อนก็ได้ครับ ผมว่าคนไทยเขียนแกรมม่าได้ละเอียดกว่าฝรั่งอีก จากคุณ : yosof (yosof) ขออนุญาตแสดงความเห็นแบบนี้ว่า หนังสือไทยเขียนละเอียดจริง แต่ว่าอ่านแล้วงง สับสนครับ ฝรั่งอธิบายง่าย เข้าใจง่าย ผมมีหนังสือของอาจารย์สำราญ แต่ไม่เคยหยิบอ่าน >_< เปิดไปก็เวียนหัวละ แต่ยอมรับว่าละเอียดจริง จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 04:38:33

ความคิดเห็นที่ 10 ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ  ไวยากรณ์ไม่ต้องละเอียดมากก็ได้  ฝรั่งบางคนยังไม่เน้นเลย  บางคนบอกว่าบางจุดให้จำรูปแบบตายตัวอย่างเดียว  อ่านเยอะๆไม่มีทางลัดอื่น  บางคนเพิ่งภาษาไทยในการเรียนภาษาต่างประเทศมากเกินไป  ทำให้เราก้าวไประดับสูงยาก  เช่น  เราติดอ่านคำอธิบายไวยากรณ์ฉบับภาษาไทย เพราะเรากลัวอ่านไม่รู้เรื่อง  เมื่อเราอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเราก็จะเจอปัญหานี้เหมือนกัน  โดยเฉพาะเวลาเราเปลี่ยนระดับการอ่านให้ยากขึ้น พูดง่ายๆ  ถ้าคุณกลัวอ่านไม่รู้เรื่องตอนนี้  คุณก็จะกลัวไปเรื่อยๆจนถึงระดับสูง ตอนเราเรียนภาษาจีนเราเจอปัญหานี้ค่ะ  เรียนตั้งสามปีที่จีนถึงกล้าอ่านหนังสือภาษาจีนล้วนๆได้  แบบเรานี่เร็วนะ  บางคนไม่เคยคิดจะเริ่มด้วยซ้ำ  จบมาแล้วก็ปล่อยไว้อย่างนั้น  บางคนไม่เคยอ่านหนังสือภาษาจีนแม้แต่เล่มเดียว  บางคนอยากรอให้เก่งก่อน  ประมาณว่าหนึ่งหน้าเจอศัพท์ไม่รู้เรื่องสองสามคำ  เหอะๆ  เสียเวลาไหมคะถ้าทำแบบนั้น?  เรากลัวว่าจะเกิดกับการเรียนภาษาอังกฤษของเรา  เราเลยเริ่มใช้ดิกอังกฤษอังกฤษตั้งแต่เริ่มเรียนแค่หนึ่งเดือนที่นิวซีแลนด์  อ่านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษตลอด  เริ่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษแบบที่ฝรั่งอ่านตั้งแต่เรียนได้แปดเดือน   ไปซื้อหนังสือลดราคามา  เล่มละสองดอล  เล่มหนาพอประมาณเลย (มือหนึ่งค่ะ ราคาถูกจนครูฝรั่งงงว่าหามาจากไหน คิดเป็นเงินไทยก็สี่สิบห้าสิบบาท)  ถามว่าอ่านรู้เรื่องไหม  ขอตอบว่าไม่ค่ะ  รู้เรื่องแค่บางตอนเท่านั้น  น้อยมากๆด้วย  เวลาอ่านจะติ๊กเครื่องหมายเล็กๆไว้ที่คำที่ไม่เคยเจอ  ค่อยกลับมาเอาศัพท์พวกนี้ไปท่อง  บางตอนที่ยากส่วนมากจะมีคำที่ไม่เข้าใจพวกนี้มากกว่าสามคำในหนึ่งบรรทัด ตอนนี้ศัพท์ที่ว่าที่ติ๊กไว้มีเป็นแสนแล้วมั้ง กับภาษาจีนที่เราอ่านอยู่  ศัพท์ที่ไม่เข้าใจ(รวมสำนวนแล้ว)มีแค่หนึ่งหรือสองเปอร์เซนต์ของหนังสือภาษาอังกฤษ  ความเข้าใจก็เยอะตามค่ะ  แต่อ่านรู้เรื่องทั้งคู่  หมายความว่าอย่างไร  ก็หมายความว่า  เข้าใจศัพท์ไม่เยอะก็จริง แต่เราก็่อ่านรู้เรื่องได้ เราพยายามให้คนอื่นเริ่มกล้าอ่าน  เพราะไม่อยากให้เจอปัญหาแบบเรา  ไม่ได้เกรียนไม่สนับสนุนคนไทยด้วยกัน จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 06:32:14

ความคิดเห็นที่ 11 หนังสือไทยซื้อมา 2 เล่ม อ่านแล้ว งง ครับ - - แต่ แกรมม่าอินยูซ อ่านเข้าใจนะครับ แต่ติดอย่างเดียวฉบับไทยมัน เรียบเรียงไม่ค่อยดี โดยเฉพาะแบบฝึกหัด แก้เยอะมากแต่ก็ไม่ยอมแก้ เฉลย อะ ไว้จะพยายามอ่าน ทั้งไทยและอังกฤษ เลยดีกว่า อ่าน 2 ฉบับ เลย เผื่อจะเข้าใจมากขึ้น 555+ แต่ตอนแรกผมอ่านประโยคไม่ได้เลยนะ แต่ปัจจุบัน เริ่มแปลเป็นไทยได้เรื่อยๆแล้ว แค่รู้ศัพท์ ตอนนี้คิดว่าขาดแค่ แกรมม่านี่แหละ ถ้าแกรมม่าได้ ผมว่าภาษาอังกฤษผมฉลุยแน่ๆ ที่เหลือก็ไปหัด พูด และฟัง เพราะฝรั่งพูดเร็ว จัง T_T สุดท้ายถึงจะบ่นว่าเรียบเรียงไม่ดี แต่เดี๋ยวก็ไปซื้อ English Grammar in Use มาอีกเล่มอยู่ดี 555+ เล่มมันสวยดีแล้วใช้อ่านคู่กับฉบับอังกฤษ เวิร์กดีครับ จากคุณ : Mr.JoeyKun เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 10:16:46

ความคิดเห็นที่ 12 ผมปลื้มมากๆ ครับ ที่มีคนสู้แบบ จขกท ขอให้เจริญมีความก้าวหน้า มีความสุขในการใช้ภาษาอังกฤษเปิดโลกกว้างในอนาคต จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 11:18:34

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเคยอ่านหนังสือแกรมม่าเขียนโดยคนไทย Successful English Grammar ภาษาอังกฤษฉบับรวม ม. 4-5-6 เรียบเรียงโดย รศ สุวรรณี เต็งอำนวย และ ผศ อรสา รุ่งแสง เป็นหนังสือที่คุณครูสมัยเรียนมัธยม 4 แนะนำให้อ่าน ปัจจุบันก็ยังคงพอหาได้ตามร้านหนังสือใหญ่ๆ เพราะว่ามีการพิมพ์ออกมาใหม่เรื่อยๆ เล่มอาจหนานิดนึง แต่ราคาถูกเพราะใช้กระดาษไม่ดีมาก ผมว่าเป็นหนังสือแกรมม่าที่เรียบเรียงได้ดีทีเดียว อธิบายชัดเจน แบบฝึกหัดมากพอสมควร ปัจจุบันก็ยังมีหนังสือเล่มนี้อยู่ติดบ้าน แม้จะผ่านมากว่า 20 ปี กระดาษเหลืองกรอบ สมัยที่ไปเรียนต่างประเทศ 6-7 ปี ก็ติดหนังสือเล่มนี้ไปด้วยเผื่อฉุกเฉิน เพราะแกรมม่าบางเรื่องฝรั่งอธิบายไม่ถูก หรือหนังสือแกรมม่าเขียนโดยฝรั่งบางเล่มก็อธิบายเพียงคร่าวๆไม่ละเอียด นับเป็นหนังสือที่เรียบเรียง/เขียนโดยคนไทย หนึ่งในสองเล่มที่ผมรักที่สุด (อีกเล่มคือนวนิยายเรื่องผู้ใหญ่ลีกับนางมา ฉบับเก่า กระดาษเหลืองกรอบ อ่านมากกว่าสามสิบรอบ อ่านไปยิ้มไป ไม่ว่าจะจากไทยไปอยู่ที่ไหน นานแค่ไหน ต้องหยิบนวนิยายเล่มนี้ติดตัวไปด้วยเสมอ) จากคุณ : abc เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 15:28:28 A:109.246.5.90 X: TicketID:141052

ความคิดเห็นที่ 14 ไปอ่านคำแนะนำเราเรื่องเรียน grammar โดยไม่ปวดหัวในกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9784924/K9784924.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 01:25:04

ความคิดเห็นที่ 15 หนังสือของ Cambridge ไม่ค่อยได้ตังค์เรามีหลงไปซื้อเล่มเดียวแล้วก็ไม่มีครั้งที่สองอีกเลย แต่ก็ขึ้นอยู่กะความชอบใครความชอบมันนะ เราเองหมกอยู่กะหนังสือน่าเบื่ออยู่ได้ไม่นานก็เบื่อละ ก็เลยค่อนข้างเลือกเพราะขี้เหนียวเสียดายตังค์ด้วย ซื้อแต่ละทีต้องแน่ใจว่าใช้ได้ และได้ใช้ จะซื้อหนังสือก็เลือกดูรูปแบบการนำเสนอและแบบฝึกหัดก่อนค่ะ จะได้ไม่ไปเซ็งทีหลัง เพราะการชักจูงใจเราให้อ่านไปเรื่อยจนบทสุดท้ายเป็นเรื่องยาก หากหนังสือดีก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง เราชอบ The Heinemann ELT English Grammar เขียนโดย Digby Beaumont and Colin Granger เก่าแล้วหละ แต่แบบฝึกหัดและการนำเสนอสนุกดี ง่ายและกระชับ ไม่ยากเกินไปสำหรับผู้เริ่มต้นและระดับกลาง สำหรับเจ้าของกระทู้ กำลังใจดี ใจสู้ดี อย่างนี้หนังสือจะเป็นไงก็คงมีชัยไปกว่าค่อนแล้วหละนะ ยังไงก็คงอ่านจบจบอยู่แล้ว หนอนหนังสือเลือกกินอย่างเรา บางทีก็เข็นให้ตัวเองกินอะไรที่ไม่ชอบได้ยากมาก พอรู้ตัวก็เลยค่อนข้างจะเป็นคนช่างเลือกไปหน่อย สู้ๆละกันค่ะ จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 23:29:26

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นกำลังใจให้จขกท.ละกัน ผมเห็นด้วยกับคห.4 นะ จากคุณ : คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 02:30:03