ความคิดเห็นที่ 1 พูดบ่อย ก็เก่ง เขียนมากก็เก่ง จากคุณ : oti (oti) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 19:37:57

ความคิดเห็นที่ 2 อันนี้ผมเล่าให้ฟัง ทำไมผู้หญิงขายบริการมีเงินค่อนล้านลงทุนบินไปลงทุนขายที่นาผืนน้อยถึงเมืองนอกพี่อย่าไปดูถูกเขานะครับพี่คนสมัยนี้เขาพัฒนาแล้ว การศึกษามันหาได้ทั้งในทั้งนอกระบบ ผมเองมีแฟลตให้ฝรั่งเช่าภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศา ภาษามือมีครบทุกอย่างเห็นมากับตาครับ จากคุณ : ลองดู เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 19:45:36 A:116.58.231.242 X: TicketID:008482

ความคิดเห็นที่ 3 ใช่ครับ ผมก็ว่าวิธีการเรียนภาษาอังกฤษของบ้านเราน่าจะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง แทนที่จะสอนให้ฟังเข้าใจหรือพูดเพื่อการสื่อสารได้ กลับไปเน้นอะไรที่เหมือนกับความสูญเปล่าทางการศึกษา จากคุณ : ฮันแรแจ (ฮันแรแจ) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 19:46:04

ความคิดเห็นที่ 4 "ผู้หญิงขายบริหาร" -- จากคุณ : ศิริพิชญา เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 19:51:56

ความคิดเห็นที่ 5 การศึกษาไม่ใช่ทุกอย่างค่ะ เรียนจากประสบการณ์ก็เยอะ เด็กที่ขายของให้ฝรั่งหลายคนก็พูดได้ ทั้งๆที่พวกเขาอาจจะอ่านเขียนภาษาไทยสู้พวกเราไม่ได้ด้วยซ้ำ(เพราะอายุยังน้อย ยังไม่ได้เรียน) แต่รับรองค่ะ ฝีมือการซื้อขาย บริหาร การตลาด หรือภาษาอังกฤษดีกว่าพวกจบป.ตรีหลายๆคน เราอยากให้อาจารย์ไปดูงานที่มาเลย์นะ คนของเขาพูดได้เยอะภาษาดีจัง แต่อย่างว่า ไปดูงานหลายครั้ง การสอนก็เหมือนเดิม จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 19:55:58

ความคิดเห็นที่ 6 การเรียนภาษาแบบหญิงขายบริการ สามล้อ แท๊กซี่ ไกด์ผี หรือแม้ค้าขายของให้นักท่องเที่ยวล้วนแต่เป็นแบบของการเรียนโดยมีพื้นฐานมาจากสัญชาติญาณในการเอาตัวรอดในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องทั้งสิ้นครับ ถ้าเขาไม่กล้าก็จะต้องเสียลูกค้า จึงไม่เหตุที่จะต้องอาย การต้องใช้ภาษาเพื่อปากท้องเช่นนี้จึงเป็นการเรียนในสถานการณ์บริบทจริงๆ มุ่งเน้นที่การผลิตภาษาเป็นหลัก (Performance) ในทางตรงกันข้าม การเรียนภาษาอังกฤษของคนจบป.ตรีนั้นเป็นการศึกษาในกรอบระบบที่เน้นวัดผลจากการสอบวัดความรู้ในตัวภาษา (Competence) พวกไวยากรณ์ คำศัพท์ การอ่านเป็นหลักโดยการเรียนภาษาแนวนี้ไม่มีปัจจัยในเรื่องปริบทในการสื่อสารในสถานการณ์จริง เมื่อต้องพูดหรือเขียนจริงๆจึงมีปัญหาเป็นอย่างมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนกลุ่มแรกจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนในกลุ่มที่สอง แต่ทั้งนี้เมื่อมาดูการใช้ภาษาของคนกลุ่มแรกแล้วจะเห็นได้ว่า ปริบทที่ใช้ภาษาจะอยู่ที่เนื้อหาที่ซ้ำๆในปริบทแคบๆเช่น การต่อรอง แนะนำสินค้า เล่าเรื่องง่ายๆทั่วไปมากว่าที่จะเข้าใจถึงการใช้ภาษาที่เป็นทางการ หรือภาษาที่มีความถูกต้อง หรือภาษาที่ต้องใช้องค์ความรู้อื่นๆประกอบในการทำงานขึ้นสูง ซึ่งหมายถึงว่าถ้าออกนอกปริบทที่คุ้นชินเขาก็จะสื่อสารได้ลำบากแล้วละครับ คนจบระดับป.ตรี ป.โทที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีนั้นก็ใช่ว่าจะมีน้อยนะครับ เพียงแต่ที่เราเห็นว่าทำไมคนจบป.ตรีโดยทั่วไปทำไมโง่ภาษาอังกฤษนั้น เพราะเราอดเห็นความต่างอย่างเด่นชัดเมื่อเปรียบกับคนกลุ่มแรกไม่ได้เท่านั้นเอง ถ้าคนเรียนในระบบในระดับมหาวิทยาลัยมีความกล้า + ความขยันที่จะเรียนภาษาซะหน่อย ผมว่ายังไงก็ต้องเก่งกว่าคนกลุ่มแรกที่ใช้ภาษาเพื่อเลี้ยงปากท้องอยู่วันยังค่ำครับ เพราะมีต้นทุนในองค์ความรู้ที่เรียนมาเยอะกว่า แต่ที่น่าเศร้าคือ การศึกษาบ้านเราเน้นการเรียนแบบเหมาโหล เน้นที่การเชื่อฟังทำตามเป็นหลัก ให้ความสำคัญกับเป้าหมายมากกว่ากระบวนการ ไม่ค่อยสอนให้คนมีความคิดสร้างสรรค์ และส่งเสริมให้คนแสวงหาความรู้ด้วยตัวเองเท่านั้นเอง...เราจึงเจอแต่กระทู้ประมาณว่า "เรียนอะไรดีคะ ที่ไหนสอนภาษาแล้วได้ผล ช่วยหาหัวข้อวิจัยให้หน่อยครับ" มาเป็นระยะๆ... แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 20:49:30 แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 20:48:21 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 20:38:05

ความคิดเห็นที่ 7 ภาษาเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จากคุณ : sanofi เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 20:41:54

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ sanofi คิดได้ไงอะครับ ชอบๆๆๆ เหอๆๆๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงละก็... แต่ก็น่าแปลกนะครับ จบป.ตรี  ป.โท พูดภาษาอังกฤษคล่อง แต่พอมาภาษาไทยตกม้าตายก็มี... จากคุณ : ศิริพิชญา เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 21:41:19

ความคิดเห็นที่ 9 นิทานเซนเขามีว่า กาลครั้งหนึ่ง มีศาสตราจารย์ที่มีความรอบรู้มาก ได้เดินทางมาเยี่ยมอาจารย์สอนเซนที่อารามวัดเซนแห่งหนึ่ง ครั้นพอเดินทางมาถึง ทักทายกันตามมารยาทเรียบร้อยแล้ว ท่านศาสตราจารย์ก็บรรยายให้อาจารย์เซน (ซึ่งเรามักจะจินตนาการถึงว่าเป็นพระแก่ๆ ในจีวรสีดำ สไตล์ญี่ปุ่น) ให้ฟังว่าท่านได้รับทราบเรื่องอะไรมาบ้าง ตอนนี้กำลังทำการวิจัยศึกษาอะไรอยู่ ทำนองนั้น ท่านศาสตราจารย์ก็เล่าอยู่เป็นนานสองนาน จนเหนื่อย ก็เลยหยุด แล้วก็ถามอาจารย์เซนในทำนองว่า เนี่ยสมัยนี้โลกนี้ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว เซนเป็นความรู้โบราณจะมีอะไรเป็นประโยชน์และทันสมัยบ้างไหม (ประมาณนั้น) พระเซนก็ไม่ว่าอะไร ยิ้มน้อยๆ แล้วก็หยิบกาขึ้นมารินชาในถ้วยชาของท่านศาสตราจารย์ให้ (ท่านศาสตราจารย์ก็ยิ้มล่ะสิ เพราะพูดมากคอแห้ง อยากกินชาให้ชุ่มชื่นจัง) แต่ปรากฏว่าอาจารย์เซนรินน้ำชาลงในถ้วยชาจนเต็มแล้วก็ยังไม่ยอมหยุด จนกระทั่งชาในถ้วยหกล้นออกมาเลอะพื้นเต็มไปหมด ท่านศาสตราจารย์ก็เลยโวยวายว่า นี่ท่านอาจารย์ ท่านไม่เห็นหรือว่าน้ำชามันล้นถ้วยแล้วท่าน ได้โปรดหยุดเทน้ำชาทีเถิด ท่านอาจารย์ก็หัวเราะเบาๆ แล้วว่า "เออ นั่นสินะ ถ้วยชามันเต็มแล้ว เลยเทชาลงไปไม่ได้อีกแล้ว" "งั้นท่านคงต้องทำให้ถ้วยชาของท่านมันพร่องลงไปบ้าง เราถึงจะเติมชาลงไปเพิ่มอีกได้นะ" แล้วเรื่องก็เอวัง กันคมๆ สไตล์เซนแบบนี้แล --------------------------- คัดบางส่วนมาจาก http://sikkha.=ไม่ใช่ลิขวิด=.com/2004/06/blog-post_27.html -------------------------- คนเรา ถ้าถือเสียว่า อันนั้นก็รู้แล้ว อันนี้ก็รู้แล้ว มันก็ใส่ความรู้ใหม่ๆลงไปไม่ได้อีก วลีหนึ่งที่ Steve Jobs หยิบยกขึ้นมาพูด เอามาจาก The Whole Earth Catalog ถ้าคุณอยากประความสำเร็จในเรื่องใดก็ตาม Stay Hungry, Stay Foolish. จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 23:34:37

ความคิดเห็นที่ 11 บางครั้งการมีความรู้ก็ทำให้เรากลัว จากคุณ : Genuine XXX เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 01:05:14

ความคิดเห็นที่ 12 นกแก้วนกขุนทองฟังทุกวันก็พูดได้  ได้เท่าที่ฟัง มากกว่านั้นไม่ได้ จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 07:35:54

ความคิดเห็นที่ 13 พูดได้ เหมือนจะดี แต่ไม่มีสาระครับ เคยนั่งฟังมา แบบเสียเวลามากมาย แต่ก็ใช่จบเอก จบโทแล้วจะดี มาดเยอะแต่พูดไม่ออกก็มี เสียเวลาเหมือนกัน ผมว่า ทฤษฎีต้องคู่กับปฏิบัติน่ะแหล่ะ ผมเยอะแต่เรื่องตะบักตะบวยก็น่าเบื่อครับ เคยฟังสำเนียงเห็นว่าเขาพูดดีเหมือนกัน แต่ไปฟังนาน ๆ รู้สึกว่าไม่เกิดประโยชน์ อยากฟังแบบสำเนียงดีดี เนื้อหาดีดี เน้นเรื่องเศรษฐกิจสังคมอะไรแบบนี้ จากคุณ : ประพันธ์ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 09:18:53 A:115.67.1.232 X: TicketID:091427

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่น่าต้องถามเลยค่ะ การเรียนภาษาไม่ใช่เรียนเลข หรือวิทยาศาสตร์ ที่อาศัยแค่ความจำ ความเข้าใจในเนื้อหาก็สามารถเรียนให้เก่งได้ แต่การเรียนภาษานั้นหัวใจคือการฝึกการใช้ทักษะต่างๆ ให้คล่อง เช่น ถ้าอยากเก่งพูด อ่านภาษาอังกฤษบ่อยๆ ก็คงจะช่วยไม่ได้ ถ้าอยากฟังให้ออกมากๆ แต่เน้นการเขียน ก็คงจะช่วยให้ฟังได้ดีขึ้นไม่ได้ อยากเก่งทักษะไหน ก็ต้องฝึกทักษะนั้นค่ะ ผู้หญิงที่จบป.สี่ เค้ามีโอกาสที่จะได้เจอฝรั่ง ได้สื่อสารกับฝรั่งมากกว่าคนจบตรี จบโท ที่ส่วนมากก็นั่งฟังเลคเชอร์ ทำงานเขียนส่ง นานๆ อาจมี oral exam เสียที แล้วจะไปพูดเก่งกว่าได้อย่างไรกันคะ ประเทศไทย ภาษาอังกฤษเป็นเพียงแค่ภาษาต่างประเทศ นานๆ ถึงจะได้เข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเสียที ไม่เหมือนประเทศแบบสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์(บางเกาะ) ที่ภาษาอังกฤษนั้นคือภาษาราชการ ที่ใช้กันอยู่ทุกวี่ทุกวัน ต่อให้ไปดูงานจนทะลุแค่ไหน ก็คงจะให้คนไทยส่วนมากพูดคล่องเหมือนกับพวกเค้าไม่ได้หรอกค่ะ จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 11:52:05 A:115.128.0.218 X: TicketID:166806

ความคิดเห็นที่ 15 เอ่อ อีกอย่างนะครับพี่ ไอ้ฝรั่งที่มาเที่ยวนี้ครูบาอาจารย์ก็มี หมอวิศวะกร บาทหลวงก็ยังมีของอย่างนี้ตบมือสองข้างเลยครับไอ้คนเรียนก็อยากเรียน คนสอนก็อยากสอนบางคนเขาเหมาไปเป็นพาร์ทเนอร์กันเป็นเดือนหรือข้ามปีก็มีทำกับข้าว ปัดกวาดบ้านนอนเสร็จครบวงจร อันนี้ผมเห็นมาจนชินน่ะครับ จากคุณ : ลองดู เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 12:35:53 A:116.58.231.242 X: TicketID:008482

ความคิดเห็นที่ 16 นี่ครับตัวอย่าง ที่ว่าสาวขายบริการ ป. 4 พูดภาษาอังกฤษ ได้ดีกว่าคนจบปริญญาตรีหรือโท... ๑/ โน คาร์ โน เนชั่น = ไม่มีรสไม่มีชาติ ๒/ ทู คา กาเด้น = รถสวนกัน ๓/ วัน คา คัม, วัน คา โก แอน ทู คา โครม! = รถคันหนึ่งมา รถคันหนึ่งไปและสองคัน... ๔/ มาย อิงลิด สะเน้ก สะเน้ก ฟิส ฟิส = ภาษาอังกฤษของฉันงูๆปลาๆ ๕/ เฮ้! ยู้ กิฟ มี ซิกาแร็ต วัน มวน = นี่คุณ ! ขอบุหรี่มวนดิ จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 15:25:22

ความคิดเห็นที่ 17 คห. 16 ดิฉันเชื่อว่า สตรีที่ประกอบอาชีพแบบนั้น ไม่ได้พูดแบบที่คุณว่าทั้งหมดนะคะ อีกอย่าง ถึงเราว่าจะพูดผิด แต่เราก็ยังยกย่องในความสามารถของเขาที่สามารถสื่อสารได้อย่างสัมฤทธิ์ผล ดีกว่านักศึกษาปริญญาหลายใบบนหัวส่วนใหญ่ที่เขียนแม้กระทั่ง บทคัดย่อภาษาอังกฤษไม่มีประธาน กริยา กรรม แล้วก็มาจ้างคนอื่นเขียน... จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 02:06:14

ความคิดเห็นที่ 18 มันเรื่องของโอกาสในการฝึกทักษะนั่นแล้ว ใครฝึกมากกว่าก็ต้องคล่องกว่าแหงละ ได้ปริญญามามันไม่ใช่ว่ารับรองความเก่งภาษาอังกฤษเสียที่ไหน คนละเรื่อง คนมีปริญญาสาขาไหนก็เก่งเรื่องนั้น ไม่จำเป็นต้องเก่งอังกฤษ ว่าแต่ไอ้ที่ได้ปริญญามาน่ะ ขอให้เก่งจริงอย่างว่าก็แล้วกัน ไม่ใช่ลอกกันมา จ้างเขาทำวิทยานิพนธ์มา ทำอย่างนั้นมันก็แค่กระดาษรับรองที่มีค่าเหมือนเศษกระดาษ การพูดคล่องของเด็กผู้หญิงขายบริการเขาก็คล่องในระดับการทำมาหากินและชีวิตประจำวันของเขา แต่จะให้มาพูดเป็นทางการหรือเป็นวิชาการคงไม่ได้ ยกเว้นแต่ว่าเขาอาจเป็นคนมีความรู้อยู่ก่อน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 09:04:21

ความคิดเห็นที่ 19 น่าจะดูพวกเขาเป็นตัวอย่างด้วยซ้ำ พูดผิดพูดถูก กรูก็พยายามที่จะพูด จากคุณ : LedZepp เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:20:11