 |
ตอบ คคห 9 ที่่คุณบอกว่า "นิติกรรมที่มีวัตถุแห่งสิทธิเป็นทรัพย์สิน"
จริงๆแล้ว "วัตถุแห่งสิทธิ" มันก็ตรงๆตัวตามภาษาอังกฤษคือ "object of right" แค่เขียนให้คนไทยงงเล่นๆเท่านั้นเอง
โดยที่ วัตถุแห่งสิทธิ (object of right) ในทางกฎหมายเรียกว่า "ทรัพย์หรือทรัพย์สิน"
หรือ "ประธานแห่งสิทธิ" มันก็ตรงตัวๆตามภาษาอังกฤษคือ "subject of right"
จะอย่างไรก็ตามเราว่าภาษากฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง sentence structure (โครงสร้างประโยค) ของฝรั่งมันซับซ้อนกว่าของไทยหลายเท่า (ซับซ้อนแต่รัดกุม) และของฝรั่งมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานกว่าของไทย มันต้องศึกษาย้อนยุคไปถึงสมัย Socrates, Plato and Aristotle (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ Aristotle พูดคือ Man is a rational animal.) ย้อนยุคไปถึงสมัยคำสอนศาสนาที่ใช้เป็นกฎหมาย มี natural law มี natural rigts มี jurists ที่สร้าง jurisprudence ต่างๆขึ้นมาแล้วพัฒนามาตั้งหลายยุคหลายสมัย
แต่ของไทยแค่เอาของฝรั่งมาดัดแปลงเท่านั้นเอง ดังนั้น จึงเทียบเท่ากับกฎหมายฝรั่งเรื่องความเข้มข้นและความซับซ้อนไม่ได้หรอก
ที่คุณว่า
"...ทนายความอเมริกาก็เหมือนกันครับ เขาก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่อยู่แล้ว แค่มีศัพท์เทคนิคทางกฎหมาย วิธีการทางกฎหมายเพิ่มเข้ามา ผมไม่เห็นว่าจะแตกต่างกับของไทยตรงไหน..."
^ เราว่า "ไม่จริง" ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่คุณหยิบยกมาคือ "นิติกรรมที่มีวัตถุแห่งสิทธิเป็นทรัพย์สิน" เราแค่ "ถอดรหัส" ได้ว่า "วัตถุแห่งสิทธิ" มันก็ตรงๆตัวตามภาษาอังกฤษคือ "object of right" เราก็อ่านเข้าใจแล้วหละ แต่ในทางกลับกัน คน (ต่อให้เป็นฝรั่งเจ้าของภาษาด้วย) ที่ถอดรหัส legal terms ในภาษาอังกฤษได้ (เปิด Black's Law Dictionary หรือพจนานุกรมภาษากฎหมายเล่มอื่นก็หาเจอ) แต่ถ้าไม่เก่งภาษาอังกฤษระดับสูงจริงๆ พอเจอ sentence structure ที่ซับซ้อนมากๆ ก็ยังงงอ่านไม่รู้เรื่อง และที่ทนายอเมริการวยก็เพราะฝรั่งคนธรรมดาๆอ่าน sentence structure ที่ซับซ้อนไม่รู้เรื่องก็เลยต้องจ้างทนายมาตีความภาษากฎหมายให้ (ทนายคิดค่าตีความเป็นรายชั่วโมงนะ) โดยการแปลอังกฤษเป็นอังกฤษ แต่ของไทยภาษากฎหมายมันไม่โหดขนาดนั้น
ยกตัวอย่างเช่นประโยคนี้ใน Second Amendment to the US Constitution คือ
A well-regulated Militia, being necessary to the security of a free State, the right of the people to keep and bear Arms, shall not be infringed.
ฝรั่งสมัยใหม่อ่านแล้วยังมึนหัว เถียงกันเป็นวรรคเป็นเวร ถ้าอยากรู้ความเป็นมาก็ต้องไปอ่านคดีตัวอย่างอันนี้คือ (ใช้ google ค้นเจอสบายๆ)
District of Columbia v. Heller, 554 U.S. 570 (2008)
แล้วจะมันสุดๆ
แต่ถ้าใครรู้เรื่อง sentence structure ก็จะรู้ว่าประโยคข้างบนที่ว่านี้มีโครงสร้างที่เขาเรียกว่า absolute construction แล้วก็จะเข้าใจว่า "มันมีความหมายเรื่อง cause and effect แฝงอยู่ในตัวของมัน" ซึ่งก็จะทำให้สามารถ restate the sentence เป็นข้อความตามข้างล่างนี้ ได้คือ
Since a well-regulated militia is necessary to the security of a free State, the right of the people to keep and bear Arms shall not be infringed.
^ เจอแค่นี้เข้าไปฝรั่งเจ้าของภาษาก็มึนหัวแล้วหละ (เพราะเห็นฝรั่งต่างยุคต่างสมัยกันเถียงกันเป็นวรรคเป็นเวรเรื่องประโยคเจ้าปัญหาประโยคนี้) คือไม่ได้แพ้ที่ไม่รู้ภาษากฎหมาย แต่แพ้ sentence structure ซึ่งรับรองได้เลยว่าภาษากฎหมายไทยไม่มีทางที่จะซับซ้อนทาบรัศมีภาษากฎหมายฝรั่งได้อย่างเด็ดขาด
แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 54 22:57:51
แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 54 17:46:44
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ก.ค. 54 17:42:11
|
|
|
|
 |