ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องกายสีเขียวของพระราม ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นผลมาจากการผสานเรื่องราวรามายณะของอินเดียเข้ากับความเชื่อเรื่องเทพเจ้าในแถบบ้านเรา ซึ่งถ้าความเชื่อเรื่องเทพเจ้าในแบบพื้นบ้านของเราเทพที่เป็นใหญ่ที่สุด (เดิม) ก็คือพระอินทร์ซึ่งมีกายสีเขียว จึงอาจเป็นไปได้ว่ากลายเป็นที่มาของสัญลักษณ์กายสีเขียวที่แสดงถึงอำนาจฤทธิ์สูงสุด ซึ่งน่าจะเป็นสัญลักษณ์เฉพาะตัวในเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานเทพเจ้าแถบบ้านเราไปก็ได้ คราวนี้เมื่อมีการนำเรื่องรามายณะมาเล่าในแบบไทย ๆ เรื่องราวทั้งหลายก็ถูกดัดแปลงให้เข้ากับความเชื่อเดิมของเราจนกลายเป็นเรื่องราวของรามเกียรติ์ไป และหนึ่งในการ localization รามายณะให้กลายเป็นรามเกียรติ์ก็คือการเปลี่ยนสีกายของพระรามให้กลายเป็นสีเขียว เพราะกายสีเขียวคือสัญลักษณ์ของฤทธิ์อำนาจในแบบบ้านเรานั่นเอง และถ้าลองสังเกตดี ๆ นอกจากพระรามแล้ว ทศกัณฐ์ ในเรื่องรามเกียติ์ก็มีกายสีเขียวเช่นเดียวกัน (แม้ทศกัณฐ์ในรามเกียรติ์จะสู้แพ้บ่อยมาก แต่ก็ถือเป็นเจ้าแห่งยักษ์ที่มีฤทธิ์อำนาจสูงสุดในหมู่ยักษ์ด้วยกัน) สรุปคือตามทฤษฎีของผมแล้วผมเชื่อว่าเหตุที่พระรามไทยมีกายสีเขียว เป็นผลจากกระบวนการ localization เรื่องราวในรามายณะให้กลายเป็นรามเกียรติ์ที่ผสานความเชื่อแบบพื้นบ้านไทย ๆ เข้าไปครับ จากคุณ : มดคันไฟไร้ระเบียบ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 21:39:08

ความคิดเห็นที่ 2 อ้อ...เกือบลืมผู้ยิ่งใหญ่อีกตนหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ ก็คือ พาลี ที่นอกจากจะเป็นเจ้าแห่งลิงเมืองขีดขินแล้วยังเป็นเพียงผู้เดียวในเรื่องรามเกียรติ์ที่สามารถหยุดศรพระรามได้ด้วยมือเปล่า! (อย่าลืมว่าแม้แต่หนุมานทหารเอกก็ยังพ่ายให้กับศรของพระมงกุฎลูกพระรามเลย) และพาลีในเรื่องรามเกียรติ์ก็ถูกถ่ายทอดให้มีกายเป็นสีเขียวเพราะเป็นลูก (ชู้) ของพระอินทร์และการสืบสายเลือดจากพระอินทร์ก็ทำให้พาลีกลายเป็นลิงที่มีฤทธิ์สูงสุดในหมู่ลิงไปด้วย ก็เป็นอันว่าครบแล้วนะครับสำหรับสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งรามเกียรติ์ก็คือ พระราม (เจ้าแห่งมนุษย์/เทพ) ทศกัณฐ์ (เจ้าแห่งยักษ์) และพาลี (เจ้าแห่งลิง) ซึ่งสิ่งที่ทั้งสามมีเหมือนกันก็คือกายสีเขียว ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์แห่งฤทธิ์อำนาจที่สืบต่อมาจากพระอินทร์ในความเชื่อแบบบ้านเรานั่นเอง อ้อ...เกือบลืมอีกอย่าง HULK ก็มีตัวสีเขียวด้วยนี่นา มิน่าล่ะถึงได้มีพลังเยอะ (อันนี้ไม่เกี่ยวนะ อิอิ) แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 54 23:07:40 จากคุณ : มดคันไฟไร้ระเบียบ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 23:06:35

ความคิดเห็นที่ 3 แสดงว่ามดเอ๊กซ์ก็พลังเยอะอ่ะสิ เพราะตัวสีเขียวเหมือนกัน :) ..ล้อเล่นนะครับ ผมคิดเอาเองว่าเพราะความคลาดเคลื่อนของการจำแนกสีของคนไทยสมัยก่อนอ่ะครับ เพราะเห็นคนแก่ๆชอบเรียกสีโทนฟ้า โทนน้ำเงินพวกนี้ว่าเป็นสีเขียวทั้งหมดเลย เลยอาจจะเป็นไปได้หรือเปล่าว่าเมื่อก่อนไม่มีคำศัพท์ว่า "สีดอกตะแบก" หรือ "สีฟ้าอมม่วง" คนสมัยนั้นเห็นภาพวาดพระรามของอินเดียเป็นสีนั้นก็เลยเรียกสีนั้นว่าสีเขียว และบันทึกไว้ จนเวลาผ่านไป หมดยุคของคนรุ่นนั้น หลงเหลือแต่คำว่า "สีเขียว" ในบันทึก สีกายของพระรามก็เลยเป็นสีเขียว ในแบบของคนในแต่ละยุคอ่ะครับ ปล.ผมเดาเอานะ เพราะผมก็เคยสงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ไม่ได้หาข้อมูลอะไรจริงจัง ผมก็เลยคิดเอาเองเล่นๆ หาข้อสรุปให้ตัวเองซะเลย ฮ่าๆๆ จากคุณ : เด็กส่งแก๊ส เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 23:29:12

ความคิดเห็นที่ 4 ผมก็คิดว่าความเห็นคุณเด็กส่งแก๊สเข้าเค้านะ จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 00:33:38

ความคิดเห็นที่ 5 ผมก็พึ่งนึกได้เรื่องสี   กะจะเข้ามาตอบแต่เห็นคุณเด็กส่งแก๊สว่าไปก่อนแล้ว รู้สึกว่าการจำแนกสีของคนไทยสมัยก่อนจะรวมสีฟ้า-น้ำเงิน-เขียวเข้าเป็นสีเขียวด้วยกันหมดครับ     ถ้าจำไม่ผิดเราพึ่งเริ่มมาจัดมาตรฐานสีต่างๆก็ตอน ศ.ศิลป์ พีระศรี นี่เองมั้ง รู้สึกกรณีสีเขียวนี้ทางจีน-ญี่ปุ่นก็คล้ายๆเรา    อย่างคำว่า ชางหลง - เซย์ริว     แปลบางที่ก็ว่ามังกรเขียว    บางที่ก็ว่ามังกรน้ำเงิน    บางที่ก็ว่ามังกรคราม แต่การเรียกสีสมัยก่อนก็มีเรียกหลายอย่างครับ      อย่าง  สีองุ่น   สีก้านดอกมะลิ    สีตองอ่อน    สีน้ำทะเล    สีเลือดนก    สีฝุ่น จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 03:28:33

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนแรกก็คิดเรื่องการจำแนกสีเหมือนกันครับ แต่พอเห็นว่าสีพระนารายณ์ก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นเขียวไปด้วย ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นความตั้งใจให้พระรามเป็นสีเขียวมากกว่า ของจีน 青 ชิง ตัวนี้ก็แยกยากอย่างที่คุณ zodiac28 บอกจริงๆครับ แต่คนสมัยก่อนเขาแยกได้นะครับ ว่าอันไหน 绿 青 หรือ 蓝 "พระรามของไทยกลายเป็นสีเขียวเพราะคติความเชื่อพระอินทร์เป็นใหญ่ของไทย" ข้อนี้น่าสนใจมากครับ อย่างน้อยเด็กรุ่นใหม่ก็น่าจะเข้าใจตรงจุดนี้เพิ่มเติม เพราะเห็นเด็กหลายคนวิจารณ์หนังการ์ตูนพระรามว่า เขาทำผิดสี ต้องเขียวไม่ใช่น้ำเงิน คงเพราะเด็กๆไม่เคยเห็นภาพของทางอินเดีย แต่เรียนเพียงแต่รามเกียรติ์ของไทย ตรงนี้ถ้ามีการเพิ่มความรู้ตรงจุดนี้เข้าไป น่าจะเป็นประโยชน์แก่เด็กไทยเอง ไม่งั้นวันหลังไปคุยกับต่างชาติ จะไปนั่งเถียงกับเขาหรือไปปล่อยไก่ใส่ต้นตำรับอินเดีย ฮา ขออนุญาตเก็บเข้าคลังกระทู้ เผื่อวันหลังมีคนสงสัยจะได้มาอ่านเจอ ใครมีข้อสันนิษฐานอื่นๆก็มาลงเพิ่มเติมไว้ได้นะครับ ขอบคุณทุกความเห็นที่มาแบ่งปันความรู้ด้วยกันครับ จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 06:42:37

ความคิดเห็นที่ 7 คนดูอาจจะสายตาไม่ค่อยดี   แบบย่าที่บ้าน  ทั้งที่หมาแถวบ้าน  มันตัวลายสีแปลกๆ   เขาก็เรียกมันว่าตัวเขียวๆ ฮ่าๆ แต่เราเห็นด้วยกับคุณเด็กส่งแก๊สนะ  ว่า  คนไทยไม่ได้มีการกำหนดสีแบบนั้นมาตั้งแต่แรก  เลยเรียกตามโทนสีว่า  เป็นสึเขียว จากคุณ : มิคาจี้ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 10:13:50

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเองตอนที่ได้มีโอกาสอ่านรามายณะฉบับอินเดีย(แต่แปลไทย) ก็สงสัยตรงนี้เหมือนกัน แต่อ่านแล้วเห็นด้วยกับ คห.2 ครับ ว่าแต่ ในรามายณะจริง พาลีไม่ได้มีฤทธิ์ขนาดนั้นนะครับ โดนพระรามลอบยิงตาย แถมตอนหลังๆ พระรามยังมาบอกว่า หนุมานนี่แหละที่พระรามคิดว่ามีพลังอำนาจ เก่งกาจยิ่งกว่าพาลีหรือทศกัณฐ์ เพราะหลายสิ่งที่หนุมานทำได้ พาลีหรือทศกัณฐ์ทำไม่ได้แน่ และในฉบับแท้ไม่มีเรื่องที่หนุมานแพ้พระมงกุฎ พระลบด้วยครับ แล้วก็มีเทพหรือฤาษีไม่แน่ใจ มาเฉลยว่า หนุมานถูกสาปให้ลืมพลังอำนาจ ความเก่งของตัวเอง เพราะสมัยเด็กมีฤทธิ์มาก คึกคะนอง ไปคาบพระอาทิตย์เพราะนึกว่าเป็นอาหาร แถมป่วนหลายเรื่อง เลยโดนคำสาปจากเทพองค์ไหนสักองค์นีแ่หละครับ ต่อมาหนุมานก็เลยลืมความเก่งตัวเอง คิดว่าสู้พาลี สุครีพไม่ได้มาตลอด ก็ทำตัวสงบเสงี่ยมไม่ซุกซนก่อความวุ่นวายอีก จนเมื่อพวกลิงสืบเสาะหานางสีดาทั่วแผ่นดินไม่เจอ ไปเจอทะเลที่กว้างใหญ่ยากจะข้ามพ้น ชมพูวราช วานรอาวุโส ถึงได้เตือนความจำให้หนุมานจำพลังอำนาจตัวเองได้ แล้วอาสาไปตามหาสีดาจนถึงกรุงลงกา เทพองค์นั้นถึงกับบอกว่า ถ้าตอนที่สุครีพตกอับ ถูกพาลีไล่ออกจากเมือง หนุมานรู้ความเก่งตัวเองล่ะก็ หนุมานคงจับพาลีหักคอจิ้มน้ำพริกไปแล้ว ประมาณนั้น จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 11:35:01

ความคิดเห็นที่ 9 ^^ อนิเมชั่นรามายณะที่บอกไปด้านบน เหมือนกับที่ คุณChineseman บอกเป๊ะเลยครับ เรียนถามนิดนึงว่า ฉบับที คุณChineseman อ่านเขาบอกไว้ว่าพระรามกายสีอะไรหรือเปล่าครับ ? จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 11:58:56

ความคิดเห็นที่ 10 ฉบับที่คุณ Chineseman อ่านน่าจะเป็นฉบับเดียวกับที่ผมอ่านคือฉบับแปลของราเมศ เมนอน โดยมีคุณวรดี วงศ์สง่า เป็นผู้แปล ใช่ไหมครับ? ก็ตามนั้นเลยครับคือในรามายณะ พาลีไม่ได้มีฤทธิ์มากขนาดในรามเกียรติ์ไทย และก็ยังมีเนื้อหาอีกหลายอย่างที่ต่างกันค่อนข้างมาก ซึ่งผมอยากเสนอว่าจริง ๆ แล้วเราควรทำความเข้าใจกันใหม่ว่า "รามายณะ" กับ "รามเกียรติ์" จริง ๆ แล้วคือเรื่องเล่า "คนละเรื่องเดียวกัน" คือไม่ควรนำทั้งสองเรื่องนี้มาปนกันครับ เพราะนอกจากเนื้อหาที่แตกต่างกันแล้ว เจตจำนงค์ของตัวละครโดยเฉพาะพระรามก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก คือพระรามในรามายณะ เป็นตัวแทนของคุณความดีที่ต่อสู้กับความชั่วร้ายและยอมแบกรับความทุกข์ไว้แทนมวลมนุษย์ แต่พระรามในรามเกียรติ์กลับถูกแทนที่ด้วยลักษณะของตัวเอกในวรรณคดีไทยที่มีรัก โลภ โกรธ หลง แบบมนุษย์สามัญค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นสำหรับผมแล้ว "รามายณะ" กับ "รามเกียรติ์" จึงเป็นหนังคนละเรื่องเดียวกันครับ ตอบใน คห.9 พระรามในรามายณะ ฉบับราเมศ มีสีกายแบบเดียวกับพระนารายณ์ ขณะที่บรรดาน้อง ๆ ทั้งสามก็ไม่มีการบรรยายสีกายเลยแม้แต่คนเดียวครับ จากคุณ : มดคันไฟไร้ระเบียบ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 13:05:18

ความคิดเห็นที่ 11 ที่กายพระนารายน์ไม่เขียวอาจเป็นเพราะภาพของพระนารายน์จากอินเดียหาไม่ยากครับ          คนเลยไม่เข้าใจผิด      แต่ภาพพระรามจากอินเดียนี่แทบไม่เคยเห็นที่ไหนเลย       พระนารายน์เป็น1ในพระเป็นเจ้าทั้ง3ย่อมมีผู้เคารพนับถือมากมาย     มากที่สุดด้วยซ้ำ    ภาพเคารพย่อมต้องมีมากหาได้ง่าย       ในขณะที่พระรามเป็นแค่1ในอวตารของพระนารายน์    ดังนั้นการเคารพบูชาย่อมมีน้อยกว่า จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 15:07:18

ความคิดเห็นที่ 12 เสนอความเห็นประกอบครับ มีบทความของไมเคิลไรท์เขียนเรื่องนี้ มีข้อน่าสนใจว่า ในรัฐเกลาร่าของอินเดีย พระรามก็ตัวเขียว ซึ่งน่าจะเป็นเฉพาะในทางภาคใต้ของอินเดียเท่านั้นที่พระรามตัวเขียว เป็นไปได้ว่า โกลัม(Kolam) หรือการแสดงรามายณะของรัฐเกลาร่า มีความเชื่อมโยงกับ "โขน"ของไทย และถ้าไปอ่านหนังสือชุดที่เกี่ยวกับรามายณะของเสฐียรโกเสศ หรือพระยาอนุมานราชธน จะเห้นว่า เรื่องรามายณะนี้ก็มีความเชื่อมโยงกับเรื่องพระอินทร์ในพระเวท และเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของฝนฟ้า สีเขียวน่าจะแทนความอุดมสมบูรณ์ หรือการมีฤทธิ์มากด้วยนั้นเอง จากคุณ : สัมพัทธภาพ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 17:15:31

ความคิดเห็นที่ 13 เพื่อนบัตรผ่าน ฝากข้อความตอบ จขกท น่ะ "ขอมองต่างในเชิงสัญญะนะครับ เนื่องจากพระนารายณ์มีบางตำราว่าเป็นสีน้ำเงิน หรือสีดำ ซึ่งนัยยะของสีน้ำเงินน้ำก็คือมหาสมุทร เพราะเป็นที่สถิตของพระองค์ (นารายร์ แต่ว่าเกิดแต่น้ำ) หรือสีดำ หรือเป็นเรื่องของความทุกข์ คือพระนารารย์จะมีองค์ที่สี่ตรงข้ามกับพระอิศวร (สีขาว) ซึ่งเป็นสีแห่งความสุข การเกิด ที่ขอตีความว่าพระนารายณ์เป็นตัวแทนของเรื่องทุกข์ เพราะพระองค์ต้องอวตารถึง 10 ครั้งเพื่อมาดับทุกข์ให้กับโลกมนุษย์ (โปรดดูหรืออ่านเรื่องนารายณ์สิบปาง) คราวนี้ลองมาดูเรื่องสีเขียวของผิวกายพระราม พระรามถือว่าเป็นอวตารหนึ่งของพระนารายณ์ เราจะเห็นว่าสีเขียวกับสีน้ำเงินมันเกี่ยวข้องกัน อย่างเช่นสีเขียวเกิดจากการผสมของสีเหลือง (พลังงานแสง หรือแสงอาทิตย์) บวกกับสีน้ำเงิน (น้ำ) ก็หมายถึงโลกนั่นเอง เพราะพระรามประสูติขึ้นเพื่อมาดับทุกข์เข็ญให้โลก และสีเขียวยังเป็นสีแห่งโลก แห่งการเจริญเติบโต(ต้นไม้ใบหญ็า) ความผาสุขของโลกต้องมีสีเขียว จึงแทนเรื่องความอุดมสมบูรณฺ์ ความร่มเย็น ความผาสุข อันนี้เป็นการมองเชิงอุปมาอุปไมย (analogy) โดยมีตัวตั้งเป็นตัวเปรียบและตัวถูกเปรียบ (comparant-comparé) หรือการแยกสัญญะที่ประกอบด้วย รูปสัญญะ (signifiant) และความหมายสัญญะ (signifié) ที่เป็นพื้นฐานของสัญญะ (sign)ในภาษาศาสตร์สมัยใหม่ที่คิดค้นขึ้นโดยแฟร์ดินองด์ โซซูร์  (1857-1913, cours général de linguistique)" จากคุณ : REALPAN เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 19:31:34

ความคิดเห็นที่ 14 สีกายของพระนารายน์เอาจริงๆแล้วไม่ตายตัวนะครับ       ขึ้นอยู่กับยุคนั้นๆ ยุคที่1   กฤตายุค หรือ สัตยะยุค    กายเป็นสีขาว ยุคที่2   เตรตายุค   กายเป็นสีแดง ยุคที่3   ทวาบรยุค    กายเป็นสีเหลือง ยุคที่4   กะลียุค      กายเป็นสีดำ ปัจจุบันอยู่ในกะลียุค     ดังนั้นการเขียนรูปพระนารายน์ในปัจจุบัน    ใช้สีดำรึสีดอกอัญชันเป็นถูกต้อง จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 19:41:40

ความคิดเห็นที่ 15 ค.ห. 3 ที่มดเอ็กซ์สีเขียว เพราะที่จริงมดเอ็กซ์ไม่ใช่มด แต่เป็นตั๊กแตนค่ะ ไม่รู้ทำไมถูกตั้งชื่อเป็นมดเอ็กซ์ไปซะได้   จากคุณ : หลั่นฉง เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 20:07:36

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าสังเกตภาพวาดก็เห็นข้อแตกต่างอีกองค์คือ พระอิศวรไทยกายขาว ส่วนของอินเดียจะเป็นสีดำหรือฟ้าอยู่ในรูปของโยคี เพราะตามตำนานว่าท่านชอบเอาดินเอาขี้เถ้ามาทาตัวและอยู่ในป่าช้า ขอเรียนถามเพิ่มเติมเพื่อน คุณREALPAN ว่า ทำไมพระอิศวรถึงหมายถึงการเกิดครับ ? พระอิศวรเป็นเทพแห่งการทำลายล้าง ไม่ใช่หรือครับ ส่วนพระพรหมเป็นผู้สร้าง แล้วพระนารายณ์เป็นผู้รักษา จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 23:25:41

ความคิดเห็นที่ 17 น่าจะหมายจาก ศิวลึงค์ ครับ       ศิวลึงค์ที่เห็นๆกันนั่นความจริงเรทพอดูนะครับ       คือองคชาติที่อยู่ในโยนี    ซึ่งก็คือการให้กำเนิดมนุษย์นั่นเอง พระศิวะนั้นนิยมกันว่าเป็นผู้ผลาญ      แต่การล้างย่อมถือกันว่าเป็นของดี       เหมือนทำให้สะอาดปราศจากมลทินโทษแล้ว     จึงจะได้มีกำเนิดใหม่        เครื่องหมายของพระศิวะในหน้าที่ผู้สร้างขึ้นใหม่คือ พระศิวลึงค์      อันเป็นเครื่องหมายแห่งการเกิด    และพระโยนีคือศักดิ์หรือความแรงของพระศิวะเป็นเครื่องหมายแห่งการกำเนิดเหมือนกัน     จึงมักไว้รวมกัน จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 23:34:12

ความคิดเห็นที่ 18 คห 16 เราเก่งเรื่อง ก่อสร้างตกแต่งภายใน เฟอร์ 3D เพื่อนหลังไมค์ รุ่นน้อง จุฬาฯ คณะอักษรฯ ตอบคำถาม ให้แล้ว ดังต่อไปนี้นะ "คุณอุปรากรจีนนี่ช่างตั้งคำถามกระตุ้นให้คัน(ต่อมอยากรู้) จริง) ขออนุญาตลากโยงไปยังสิ่งที่สัมพันธ์กับสีขาวและการกำเนิดดังนี้นะครับ ที่สถิตของพระศิวะคือยอดเขาไกรลาส หรือยอดเขาพระสุเมร ซึ่งก็ได้จำแลงแทนยอดเขาสักแห่ง(อาจจะเป็นเอเวอเรสต์) ที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปีตลอดศก หิมะมีสีขาว เป็นต้นกำเนิดของน้ำ (หิมะ เท่ากับ พระศิวะ น้ำ เท่ากับ พระนารายณ์) นั่นคือการวิเคราะห์อันดับแรก การเกิดและการแปรเปลี่ยนสภาพ (metamorphosis) ซึ่งถือว่าเป็นการเกิดอีกรูปแบบหนึ่ง เช่น คำว่า ทวิชงค์ คือเกิดสองครั้ง หมายถึง นกก็ได้ คือเกิดเป็นไข่ก่อน แล้วค่อยฟักเป็นตัว หรือหมายถึงพราหมณ์ ก็ได้ หมายถึงเกิดเป็นคนก่อน เมื่อบวชแล้วจึงกลายเป็นพราหมณ์ ต้องขอบคุณความเห็นของท่านที่อธิบายเรื่องศิวลึงค์ ซึ่งก็เป็นสัญลักษณ์แห่งการกำเนิดนั่นเอง จริงอยู่ศิวลึงค์อาจจะไม่ได้ทำจากหินสีขาว ทว่าอสุจิซึ่งเป็นผลิตผลจากศิวลึงค์นั้นเป็นสีขาว เหมือนกันกับสีของเกษียรสมุทร (ทะเลน้ำนม เทียบเคียงได้กับทางช้างเผือกหรือ galaxy (galax แปลว่านมในภาษาละติน) อันเป็นบ่อเกิดของเทพเจ้าต่างๆ (เช่นพระจันทร์) และของศักดิ์สิทธิอีกหลายชิ้น น้ำอมฤตหรือเหล้า) และยังโยงใยไปถึงนม หรืออาหารที่หล่อเลี้ยงให้เกิดการเติบโต ที่อ้างเรื่องสีขาวเกี่ยวกับการกำเนิด ให้ดูพิธีคลอดบุตรของชาวญี่ปุ่นจะต้องใช้ผ้าขาวปู ให้ดูเอ็มวีเพลง Born This Way ของ Lady Gaga จะมีฉากการคลอดซึ่งมีสีขาว เมือกที่เคลือบสิ่งที่กำเนิดออกมาก็มีสีขาว อันนี้เป็นการวิเคราะห์อันดับสอง และสีขาวเป็นสีแห่งแสงสว่างซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพลังงาน (แสงอาทิตย์) ที่มีความสำคัญต่อการสรรพสิ่งต่างๆในโลก อ้างไปถึงในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เมื่อพระเจ้าตรัสให้มีแสง แสงก็บังเกิดขึ้น (Lux fiat) เพราะแต่เดิมมีแต่ความมืดมนอนธกาล พระเจ้านี่เองเป็นผู้ให้กำเนิดแสงหรือกลางวัน คือการวิเคราะหฺ์ลำดับสาม ถึงตอนนี้คิดออกได้เพียงแค่นี้ จากปัญญาอันน้อยนิด " แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 54 16:39:05 จากคุณ : REALPAN เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 00:02:20

ความคิดเห็นที่ 19 ^^ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับ ทั้งคุณ zodiac28 และ เพื่อนคุณ REALPAN จริงๆก็คัน (ต่อมอยากรู้) เช่นกันครับ เลยมาตั้งกระทู้ จะได้ช่วยกันเกา เอ๊ะ หรือจะยิ่งคันกันมากขึ้น ฮา จากคุณ : อุปรากรจีน เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 13:21:11

ความคิดเห็นที่ 20 จริงๆ สีกายพระรามเป็นเขียวก็มีในศิลป์บางถิ่น บางที่ของอินเดีย จากคุณ : kurika เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 15:20:22

ความคิดเห็นที่ 21 รามเกียรติ์ไทยรับมาจากพวกทมิฬ น่าจะตามสีพระรามจากแถบอินเดียใต้ดูนะครับ จากคุณ : เจ้่าชายกบ เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 19:14:48

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีค่ะ ข้อความจากคุณ “นกมีหูหนูมีปีก” ผู้ใช้ LOG IN :  “ฮกกงจื้อ” ค่ะ ฝากมา เนื่องจากคุณฮกกงจื้อ ติดขัดบางประการ ทำให้ไม่สามารถโพสท์แสดงความคิดเห็นด้วยตนเองได้ค่ะ .......... ขออนุญาต  บ้างครับ สุดยอดวรรณคดี  ( มหากาพย์ ) อันลือลั่นของสยามประเทศ  เรื่อง " รามเกียรติ์"  นั้น ดังเป็นที่ทราบกนดีอยู่แล้วว่า  เป็น  พระราชนิพนธ์  ใน  พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  องค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์  ล้นเกล้า  ร.๑ ผมเอง  อ่านความเห็นที่มีหลายท่านได้แสดงทัศนคติไว้แล้วในเบื้องต้น  ครับ ได้ความรู้มาก แต่อยากจะแสดงมุมมองต่าง ๆ บ้างไว้ประกอบการพิจารณา  ดังนี้ " พระราม "  นอกหนือจากเป็น  องค์อวตารของพระนารายณ์  แล้ว ที่มีความหมายต่อปวงชนชาวไทย  เพราะเป็นสัญลักษณ์ของ  พระมหากษัตริย์ไทย  โดยเฉพาะ  ราชวงศ์จักรี และพวกเรา  ก็ยกย่องและเทิดทูน  พระมหากษัตริย์ในฐานะ  สมมติเทพ  คือ  " พระราม "  เสมอมา  ครับ  สังเกตจาก  สัญลักษณ์ทางสิ่งสูงค่า  เช่น  หน้าบัน  ปราสาทราชวัง  และ  พระอุโบสถ  พระวิหาร สำคัญ ๆ ที่ส้รางขึ้นตามพระราชอัธยาสัยและพระประสงค์  ของพระมหากษัตริย์ และรวมไปถึง  เครื่องหมาย ( พระราชลัญจกร )  และ  นามปากกา  ในบทพระราชนิพนธ์  ( เช่น  ของ ล้นเกล้า ร.6 ใช้ว่า  ("ราม " ) และที่สำคัญ  พวกเราปวงชนชาวไทย  มีความเชื่อมั่นและเคารพเทิดทูนพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์เสมอ  ว่าพระองคืคือพระนารายณ์อวตาร  เสด็จมาปราบทุกข์ยากลำบาก  ความยากจน  และ  ปัญหาอุปสรรค  ทั้งมวล  ให้มลายหายไป  จากปวงชนชาวไทย  จากแผ่นดินไทย พูดง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า  เหมือนพระนารายณ์อวตาร  เหมือนพระนารายณ์ที่เสด็จไปปราบปราม  รักษาความสุขสงบ บนสรวงสวรรค์และไตรภพ  นั่นเอง เมื่อ  พระราม  มีความเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ไทย  เช่นนี้ ต้องมองย้อนกลับไป  เหมือน  ยอ้นเวลาหาอดีต  ว่า  ใครคือผู้ประพันธ์ / พระราชนิพนธ์ ตอบครับ คือ  พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ตามประวัติของพระองค์  ดังเป็นที่ทราบกันดีแล้ว  และ  พอยกอ้างอิงจาก  สารานุกรม  วิกิพีเดีย   http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A  ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจักรีบรมนาถฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (20 มีนาคม พ.ศ. 2279 — 7 กันยายน พ.ศ. 2352) พระนามพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งถวาย[1]) รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันพุธ เดือน 4 แรม 5 ค่ำ ปีมะโรงอัฐศก เวลา 3 ยาม ตรงกับวันที่ 20 มีนาคม พุทธศักราช 2279 ในรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เป็นบุตรคนที่ 4 ของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (พระนามเดิม "ทองดี") และพระอัครชายา (พระนามเดิม "หยก"หรือ ดาวเรือง) สาระสำคัญ  อยู่ตรงที่ว่า  พระองค์  เสด็จพระราชสมภพ  วันพุธ  ครับ สีประจำวันพุธ  คือ  เขียว  ย้ำครับ  ว่า  สีเขียว เป็นไปได้หรือไม่ว่า  ที่ " พระราม "  ในวรรณคดีพระราชนิพนธ์ ฯ  นี้  มี  สีพระวรกาย  เขียว เป็นเพราะ  ที่กระผมอ้างอิงมา ดังนั้น  ขอวางเงื่อนปมนี้ใว้  เพื่อรอเวลาให้มวลปราชญ์ราชเมธี  มาแก้ต่อไป จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:12:09

ความคิดเห็นที่ 23 บ้านผม ถามยาย สีฟ้า สีเขียว เขียวคอเป็ด น้ำเงิน ดำ กรมท่า ยายตอบว่า สีแหล่ หมดเลย 555+ จากคุณ : หว่างฮั่น2011 เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 10:42:42

ความคิดเห็นที่ 24 เคยได้ยินคนสมัยก่อน ชอบพูดเปรียบลูกหลานที่ผิวเข้มค่อยไปทางดำว่า "ดำจนเขียว" ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกันไหมคะ ^ ^ แต่ที่แน่ๆ เป็นกระทู้ที่ให้ความรู้มากเลยค่ะ จากคุณ : พี่เหมาโหล เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 23:20:05