จนกระทั่งถึง พ.ศ.๒๑๒๔ พระเจ้าบุเรงนองสวรรคต พระมหาอุปราชเมงเยจอสวาจึงได้ราชสมบัติกรุงหงสาวดี ทรงพระนามว่า หานตาวดีเซงพยูงาจีเชง(พระเจ้าหงสาวดีช้างเผือกทั้งห้า) รู้จักกันดีในพระนามนันดะบาเยง(Nanda bayin) หรือพระเจ้านันทบุเรงนั่นเอง
พระองค์ทรงตั้งให้เมงจีสวา พระโอรสองค์ใหญ่ขึ้นเป็นพระมหาอุปราชาแทนพระองค์
ในรูปแบบการปกครองของอาณาจักรหงสาวดีเป็นรูปแบบการกระจายอำนาจ(ต่างกับไทย) ผู้ปกครองเมืองประเทศราช เช่นตองอู แปร อังวะ เมาะตะมะ ต่างมีอำนาจในการปกครองเมืองตนเอง มิหนำซ้ำส่วนใหญ่ล้วนเป็นเชื้อสายราชวงศ์ตองอูวงศ์เดียวกับพระเจ้าบุเรงนองทั้งสิ้น ทุกองค์ล้วนมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะเป็นใหญ่ในหงสาวดีได้ ระบบการปกครองแบบนี้ส่วนใหญ่จะผูกพันอยู่ที่กษัตริย์ที่เป็นศูนย์กลาง(คือพระเจ้าบุเรงนอง)และพร้อมจะล่มสลายไปได้ง่ายๆเมื่อพระเจ้าบุเรงนองสิ้นไป
เพื่อผูกสัมพันธ์ระหว่างเมืองประเทศราชกับหงสาวดีจึงมีการเกี่ยวดองกันโดยการแต่งงาน อีกนัยหนึ่งก็จะใช้เป็นตัวประกันได้ด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ก็คือพระเจ้านันทบุเรงกับพระนางเมงพยูนั่นเอง
สำหรับพระมหาอุปราชาเมงจีสวาก็ไม่ต่างกัน พระองค์มีพระชายาอยู่สองพระองค์ซึ่งล้วนแต่เป็นเครือญาติของพระองค์
- องค์แรกมีพระนามว่า นัดเชงเมดอ เป็นธิดาของพระเจ้าอังวะตะโดเมงสอ(เป็นพระอนุชาองค์เล็กของพระเจ้าบุเรงนองแถมยังสมรสกับธิดาของพระเจ้าบุเรงนองอีกจึงมีฐานะเป็นลูกเขยพระเจ้าบุเรงนองด้วย และเป็นพี่เขยของพระเจ้านันทบุเรง)
- อีกองค์คือน้องสาวต่างแม่ของพระเจ้านันทบุเรง ร่วมแม่เดียวกับพระเจ้าเชียงใหม่นรธาเมงสอ พูดง่ายๆพระนางก็คือน้าของพระองค์นั่นเองแต่อายุอาจจะน้อยกว่า
- นอกจากนี้ยังมีกล่าวถึงพระนางยาชาธาตุกัลยาณีอีกองค์หนึ่ง ภายหลังกลายเป็นมเหสีของพระเจ้าตองอูนัดเชงนอง(นัดจินหน่อง) ผมไม่แน่ใจว่าเป็นองค์เดียวกับองค์ที่สองหรือไม่
แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 54 11:11:45
แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 54 11:00:52
แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 54 10:53:22
แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 54 10:51:17
แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 54 10:50:59