ความคิดเห็นที่ 1 มี แต่เรามองไม่เห็นสิ่งนั้นหรอก เพราะมัน "ศักดิ๋สิทธิ์" คุณเชื่อว่ามีมันก็มี ไม่เชือมันก็ไม่มี ปล. คนที่บอกว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่น่ะ ส่วนใหญ่ก็คือคนที่เชื่อน่ะแหละ อ้อ...แต่เราไม่เชื่อนะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 54 23:21:20 จากคุณ : Schnuckiputz เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 54 23:20:17

ความคิดเห็นที่ 2 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นความเชื่อของคนและสังคม ซึ่งแต่ละคน แต่ละสังคมก็อาจมีความเชื่อที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง จนหาข้อยุติไม่ได้ เช่น ความเชื่อเรื่องศาสนา ก็เข้าใจกันไปคนละทาง แต่ถ้าคิดตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์แล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีจริง เพราะพิสูจน์ไม่ได้ ผมเองมองว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีจริง แต่มีประโยชน์จริง เพราะ หลายครั้งความเชื่อ ก็สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ มากมาย ก่อให้เกิดประเพณี วัฒนธรรม ก่อให้เกิดการกระทำความดี  การร่วมมือร่วมใจ นอกจากนั้นยัง ก่อให้เกิดแรงบัลดาลใจในการทำสิ่งอันน่าเหลือเชื่อได้ เช่น การก่อสร้างสถาปัตยกรรมขนาดมหึมา เช่น เจดีย์ ปรางค์ มหาวิหาร พีรามิด  ฯลฯ อีกด้านหนึ่ง ความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็กลายเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ หรือผู้ที่หากินกับความเชื่อของผู้อื่นอยู่เหมือนกัน จากคุณ : รามณรงค์ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 00:15:05

ความคิดเห็นที่ 3 มีจริง แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มักรับ สินบน จะเห็นว่า ต้อง " บน "  จึงจะให้ หรือช่วย  ถ้าไม่ " บน "  ก็ไม่ให้ หรือไม่ช่วย ไม่เคยปรากฏว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะให้หรือช่วย โดยไม่ต้อง " บน " ฉะั้นั้น ถ้ามนุษย์จะรับ สินบน บ้าง ก็ไม่แปลก (บน ๑  ก. ขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยโดยให้คำมั่นว่าจะให้สิ่งของตอบแทน หรือทำตามที่ให้สัญญาไว้ เมื่อเป็นผลสำเร็จ) จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 00:22:18

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ ^ เหมือนผมเคยได้ยินมาว่า ถ้าคนดีเดือดร้อน บัลลังก์ของพระอินทร์ จะร้อนนะครับ ................... แล้วเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะ ช็อค เกี่ยวกับ ลูกของคนที่ปฎิบัติ ธรรม ดื้อ เถียงพ่อเถียงแม่ ถูก ผี ตบหน้า ในความฝัน ตื่นขึ้นมา มีรอยมือแดงๆ ด้วยนะครับ พอไปหาพระ พระบอกว่า ลูกประพฤติตัวให้ สิ่งศักสิทธิ ไม่พอใจ จากคุณ : ไร้นาม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 00:35:45 A:124.122.209.61 X: TicketID:300645

ความคิดเห็นที่ 5 ผมไม่รู้ เพราะยังไม่ได้พิสูจน์ยืนยัน ไม่กล้าฟันธง ข้อมูลทุติยภูมิ ระดับความน่าเชื่อถือแบบ เขาเล่าว่า มีเยอะ ข้อมูลทุติยภูมิ ระดับความน่าเชื่อถือแบบ คนที่เจอเอง มีพอสมควร ข้อมูลปฐมภูมิ ผมสัมผัสมาเอง มีหนึ่งเรื่อง สามารถระบุสถานที่ วันเวลา เหตุการณ์ ปรากฎการณ์ และผลลัพธ์ได้ กำลังอยากทำซ้ำเพื่อสังเกตการณ์ใหม่อ่ีกหลายๆครั้งอยู่จะได้สรุปได้ คุณไร้นามจะยินดีเป็นอาสาสมัครทำการทดลองให้ไหมครับเป็นวิทยาทาน? คงไม่เสี่ยงอะไรมากมายนักหรอกเพราะนัยว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าค่อนข้างใจดี ให้หวยลูกช้างบ่อยๆ ถ้าไม่หนักข้อนักก็คงไม่ถึงขั้นหักคอหมุนรอบได้ อย่างไรก็ตาม อาจต้องขอให้อาสาสมัครเซ็นใบอนุญาตให้ทำการทดลองได้และไม่เอาผิดหากเกิดอะไรขึ้น จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 06:14:46

ความคิดเห็นที่ 6 มีแน่นอนครับ เพราะว่า คุณไปเออ ออ ห่อหมก กะเค้า เชื่อตามๆกันมาว่าสิ่งนั้นศักด์สิทธิ์ ก็ตามระดับชั้น นะครับ วัว 5 ขา หมา 9 เก้าหาง (หมา = 4, หาง = 9, 49) บางพวกก็ต้นไม้ มะละกอเจ็ดยอด กล้วย ออกปลีเหมือน แมวจับจิ้งจก บางพวกก็ น้ำส้วมเก่า ศักดิ์สิทธิ์ เอามาอม ดม ดูด รูปเคารพ เขาสร้างมาเพื่อระลึกถึงความดีงาม อันนี้ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวนี้ต้องมาฟอร์มใหญ่ที่สุดในโลก เล็กๆไม่ค่อยมีอิทธิฤทธิ์ จริงๆแล้ว ของเหล่านี้ ก็มีประโยชน์นะ เป็นที่พึ่งทางใจ ของ คนที่ไม่แน่ใจในตัวเอง หรือว่า แน่ใจในตัวเลข ประจำงวด เฮ้อ เคยเห็นคนไปยืนไหว้เสาชิงช้านะ อึ้งไปหน่อยนึง ใครจะว่ายังไง ทำอย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ของเขานั้นๆ ตราบที่ไม่มากระเทือนต่อสิทธิของผู้อื่นครับ ถ้ามีเวลาต่อภาค 2 ครับ ทำไมถึงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 54 10:16:10 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 54 09:11:03 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 54 09:09:53 จากคุณ : ทอภู่เท่า เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 08:55:14

ความคิดเห็นที่ 7 เทวดา เทพ พรหม พวกนี้มีจริง แต่คำว่าศักดิ์สิทธิ์นี่ ผมว่า อาจต้องทำควาเข้าใจนิดนึง การดลบันดาลช่วยมนุษย์ของเหล่าเทวดานี้ มีผลกับมนุษย์น้อยมาก ต้องอยู่ที่บารมี(ความดี ความขยันพยายาม) ของมนุษย์นั้นเองด้วย และบารมีของเทพเทวดานั้นด้วย ว่ามีความเกี่ยวข้องได้เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาก่อนมั้ย ถ้าไม่ ถึงเราจะพร่ำอ้อนวอน บนบาน ท่านก็ช่วยไม่ได้ ถ้าท่านช่วยไม่ได้ เราคงไม่คิดว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่ แต่ความเคารพนับถือ ยำเกรงก็จะยังมีอยู่ ถึงแม้บางครั้งคำขอ จะไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม จากคุณ : KONICHIWA เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 09:56:21

ความคิดเห็นที่ 8 สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง(เพราะเป็นความเชื่่อของคน) แต่ความศักดิ์สิทธิ์มีจริงหรือเปล่า? ยังไม่มีหลักฐานใดๆที่น่าเชื่อได้ว่าความศักดิ์สิทธิ์มีจริง จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 10:05:15

ความคิดเห็นที่ 9 สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเรามีศรัทธาและเชื่อมั่นต่อสิ่ง ๆ นั้นอย่างแรงกล้าครับแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือปาฏิหารย์ก็จะบังเกิดขึ้นครับ... จากคุณ : ผ่านมา-ผ่านไป (Come N Go) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 10:08:45

ความคิดเห็นที่ 10 คห.๔ พระอินทร์ จัดอยู่ใน เทวดาภูมิ เหนือกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์  ที่ต้อง บน แต่ ไม่ใช่ว่า พระอินทร์ จะเลิศเลอไปเสียหมด มีปรากฏใน อรรถกถา พระไตรปิฎก (ตอนไหน เล่มไหน จดไว้ไม่รู้หายไปไหน) ว่า พระมหากัสสปะ ออกจากนิโรธสมาบ้ติ  จะไปโปรดชายชรายากจนคนหนึ่ง ให้ได้ตักบาตร เป็นคนแรก จะได้บุญมาก ปรารถนาสิ่งใด ก็ได้ดังใจ พระอินทร์รู้เรื่องนี้  จึงแปลงตัวเป็นชายชราอีกคนหนึ่ง ไปดักตักบาตรก่อน พระมหากัสสปะ รู้ความจริงก็ต่อเมื่อ  รับบาตรไปแล้ว อาหารมีกลิ่นหอมผิดปกติ ในอรรถกถา บอกแต่ อานิสงส์ของการตักบาตร แต่ไม่ได้กล่าวถึง โทษที่ พระอินทร์องค์นี้ ใช้ฤทธิ์ที่ตัวเองมีอยู่ ไปยักยอกบุญของคนอื่น จึงเป็นเหตุให้ มนุษย์ทั้งหลายที่มีโอกาสดีกว่าคนอื่น ทำเลียนแบบพระอินทร์ จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 10:15:28

ความคิดเห็นที่ 11 เจ้าพิธี หมอผี นักบวช เมื่อครั้งอดีตกาล ความไม่รู้ยังคงอยู่กับมนุษย์ยุคเก่า (และยังคงสืบต่อมายังมนุษย์ยุคปัจจุบัน) ยามเมื่อ ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ภูเขาไฟระเบิด แม้กระทั่งเจ็บป่วย  ก็คงเข้าใจว่าเป็นฤทธิเดชของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่างก็บูชากราบไหว้อ้อนวอน ให้สิ่งต่างๆที่เป็นภัยแก่ตนนั้น สงบลง และเมื่อสิ่งเหล่านั้นสงบลงตามธรรมชาติ ย่อมทำให้เชื่อได้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั้นมีจริง และการบูชานั้นมีผล ก็ยังคงทำการบูชาต่อมา เมื่อติดขัดอันใดก็คงสอบถามจากคนอื่นที่เคยทำมา ผู้ที่จดจำธรรมเนียมของการบูชาได้แม่นยำต่อมาก็คงจะเป็นผู้ดำเนินการในการสังเวยบูชา และได้รับการยกย่องเป็นอันมากคงจะมีอามิสสินจ้างพอสมควร เลยยึดเอาการนี้เป็นอาชีพ “ไหว้นี่ ธูปต้องหกดอก ดอกไม้ต้องสีเหลืองกับแดง หัวแมวเอ๊ยหมู 4 หัว ปัจจัยใส่ซองแดงไว้จะได้เห็นชัดๆ”   “เทพท่านโปรดสาวซิง คืนนี้ท่านจะมาประทับในร่างข้าเพื่อรับของสังเวย” ครั้นต่อมามีศาสนาเกิดขึ้น แน่นอน นักบวชซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับศาสนาและเป็นสื่อที่คนจะติดต่อกับ พระเจ้า หรือศาสดา ย่อมดูเหมือนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย นักบวชเหล่านี้เลยกลายเป็นผู้มีอำนาจ มีผู้คนเชื่อฟัง มีอำนาจเหนือพระราชาด้วยซ้ำ คงได้ยินคำว่า บัพชนียกรรม กันมามั่งนะครับ มีองค์สันตปาปา ขายใบไถ่บาป ด้วยนะ แล้วพอคนสงสัย แล้วประท้วง เลยบัพชนียกรรมซะ อีกอันลอกมาเลยจาก http://www.thaigoodview.com/blog/31722 หลังสมัยพระเจ้าคอนสแตนติน ได้ประกาศให้ชาวโรมันนับถือศาสนาคริสต์ คริสตจักร จึงเป็นสถาบันที่พึ่งทางใจและเป็นสื่อกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ มีประสิทธิภาพ เป็นระบบระเบียบ และมีความเข้มแข็ง องค์สันตะปาปา เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุด สามารถกำหนดนโยบายทุกอย่าง รวมถึงการเมือง ในยุคแรก ๆ คริสตจักรร่วมมือกับจักรวรรดิ์ ในการเรื่องการเมืองการปกครอง ทำให้มีอิทธิพลสูงสุด ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมทั้งภูมิปัญญา ต่าง ๆ นอกจากนี้ องค์สันตะปาปา ยังมีอำนาจกระทำ “บัพชนียกรรม” บุคคลใดก็ตามที่ต้องสงสัยว่ามีความเห็นขัดแย้ง กระทำการไม่เป็นไปตามคำสั่ง หรือนโยบายของคริสตจักร คือการขับไล่ให้ออกจากศาสนา ซึ่งถือเป็นโทษสูงสุด ทำให้ทุกคนเกรงกลัวการลงโทษ เห็นไหมอย่ามาเกรียนเชียวไล่ออกจากศาสนาเนี่ย ตายไปตกนรกไม่ไดผุดไม่ได้เกิด ไม่มีผู้ที่สื่อกับพระเจ้าสวดส่งวิญญานให้ไปสู่สวรรค์นะ พอจะคิดออกไหมว่าทำไมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังดำรงมาถึงปัจจุบันและมีอภินิหารมาเป็นหลายๆสิบหลายร้อยปี ก็ตามที่จั่วหัว ไงครับ เจ้าพิธี หมอผี นักบวช ยังมีลาภสักการกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ พอแล้วนะครับขี้เกียจพิมพ์แล้ว ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างครับ ขอโทษชาวคริสต์ที่ยกตัวอย่างครับ และทั้งหมดเป็นความคิดเห็นของผม มาเล่าให้กันฟัง เพลงประกอบตอนจบ .......ข้าขอลิขิต ชีวิตข้าเอง ไม่เกรงดินฟ้า....ข้ากระทำแต่ความดีมีหรือจะกลัว... จากคุณ : ทอภู่เท่า เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 10:29:10

ความคิดเห็นที่ 12 ทำให้นึกถึงคำของหลวงปู่ดุลย์ มีคนเคยไปถามว่าเวลาปฎิบัติแล้วเห็นโน่นเห็นนี่ หลวงปู่ตอบว่า ที่เขาเห็นหน่ะเห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นไม่จริง น่าจะคล้ายๆ กันมั้งครับ ที่เขาว่าศักดิ์สิทธิ๋หน่ะเขาพูดจริงๆ และคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ไหมนั่นอีกเรื่อง :) จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 10:34:45

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ต้องถามหรอกครับว่ามีหรือไม่มี คุณก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เองซะเลย เดินผ่านนกหนู หมาแมวหิว ก็โปรยถั่วงาให้เขากิน เห็นคนประสบปัญหา ถ้าไม่เกินความสามารถ ก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือครับ ทำได้ตั้งแต่จูงมือคนชรา ข้ามถนน เอาขนมไปฝากเด็กกำพร้า บริจาคช่วยเหลือคนเจอภัยพิบัติ ตามกำลังทรัพย์ ถ้าคุณทำได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มีอยู่จริงครับ จากคุณ : vitroze เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 10:45:03

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อก่อนเราเคยเชื่อเรื่องปาฏิหารย์พระเครื่องแต่พออ่านข่าวว่า แคล้ว ธนิกุล เจ้าพ่อนครบาลโดนอาวุธสงครามถล่มตายคาที่จมกองเลือดตัวเองขณะที่เขายังอมพระสมเด็จวัดระฆังราคาเป็นล้านอยู่ในปาก   ^ เราจึงคิดถึงหนังสือเรื่องการทำสมาธิแบบเซนที่เราอ่านเจอเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งมีข้อความว่าคนเขียนซึ่งเป็นนักวรยุทธ์ชาวญี่ปุ่นเคยไปรบในสงคราม แล้วเป็นหัวหน้าหน่วยรบหน่วยหนึ่ง และทหารที่เป็นลูกน้องเขาหวาดกลัวเมื่อมีลูกกระสุนปืนกับสะเก็ดระเบิดปลิวแหวกอากาศเฉียดหัวเฉียดหูไปมา เขาก็เลยสอนให้ลูกน้องฝึกทำสมาธิแบบเซนโดยการเพ่งตรงจุด tanden (อยู่ใต้สะดือประมาณ 1.3 นิ้ว) นั่นสะกดแบบญี่ปุ่น แต่สะกดแบบจีน คือ dantian ลูกน้องเขาจึงฝึกสมาธิแบบเซน และสิ่งที่ประหลาดก็คือว่าเมื่อสิ้นสุดการรบในครั้งนั้นทหารในหน่วยรบของเขาทุกคนปลอดภัยหมด ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือล้มตายเลยแม้แต่สักคนเดียว ^ ทั้งที่เราคิดว่า "มันเป็นเรื่องบังเอิญ" แต่เราก็อดมิได้ที่จะทดลองเอาวิธีการของเขามาฝึก จากนั้นเราจำได้ว่าตอนเราฝึกลมปราณแล้วรวมพลังไปที่จุด tanden (หรือ dantian) เพื่อโคจรพลังไปไปทั่วร่างเรา และในตอนนั้นเผอิญเรากำลังจะลงบันไดบ่อนการพนัน (ตั้งอยู่ในอาคารใต้ดิน) ของคนจีนใน chinatown ใน London แล้วเราไม่อยากลงไป คือเอาเท้าแตะๆบันไดแล้วมันรู้สึกไม่ค่อยจะดี เราก็เลยเดินวนไปรอบๆตึก กะว่าจะไปซื้อเหล้าจีนยกดื่มก่อนแล้วค่อยกลับมา พอถือขวดเหล้าจีนเดินมาเราก็เห็นมีควันพุ่งออกมาจากบ่อนการพนันใต้ดิน เราถามๆคนแถวๆนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วพวกเขาบอกเราว่า "คนจีนกับเวียดนามตีกัน แล้วเวียดนามเอาลูกระเบิดขว้างลงไป!"   จากนั้นเรารอดพ้นจากการถูกปล้นไปได้ประมาณ 4 ครั้ง 3 ครั้งแรกโจรเอาปืนไปปล้น bookmaker (บริษัทรับแทงม้า) ที่เราทำงานเป็นผู้จัดการ แล้วมัดมือมัดเท้าลูกน้องเราไว้หมดแล้วเชิดเงินจากตู้เซฟไปหมดเลย แต่โจรไม่เคยเจอเราเลยสักครั้งเดียว เพราะมันมาทีไรเราก็ไม่อยู่ในที่ทำงาน เช่นไปกินข้าวหรือ shopping มั่ง จนผู้บริหารใหญ่ของบริษัท (บริษัทเรามีสาขา 100 กว่าสาขา) ต้องร้องอุทานออกมาว่า "ไอ้ตัวผู้จัดการ (คือตัวเรา) มันคงต้องสมรู้ร่วมคิดกับโจรวางแผนปล้นสาขาของมันเองแน่ๆ!"   ^ ครั้งที่ 4 เดินกลับจากร้านของชำประมาณตี 3 (ยังอยู่ใน London) อยู่ดีๆเราโดนอันธพาลฝรั่ง 4-5 คนล้อมไว้ แล้วคนหนึ่งยื่นมือมา พูดว่า "ส่งกระเป๋าตังค์มาซะดีๆถ้าไม่อยากเจ็บตัว" จริงๆแล้วคืนนั้นถ้ามีแค่ 10 -20 ปอนด์ก็จะให้มันหรอก เพราะขี้่เกียจออกแรง แต่เผอิญพกมาตั้งหลายร้อยปอนด์แน่ะ คือเพิ่งเบิกเงินมาจะไปซื้อของอะไรบางอย่าง ก็เลยคิดว่าเป็นตายไงก็ไม่ยอมมันหรอกถ้ามันไม่มีปืนอะนะ เราก็บอกมันว่า "เดี่ยวก่อนใจเย็นๆ จะหยิบกระเป๋าตังค์ให้" พูดไปพลางมือขวาเราล้วงไปที่กระเป๋าหลังข้างขวาที่ใส่กระเป๋าสตังค์ไว้ ส่วนมือซ้ายเราที่ถือน้ำตาล (ที่เพิ่งซื้อจากร้านมา) เราขยับขว้างถุงน้ำตาลไปอีกทางหนึ่งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจทุกคนให้มองไปอีกทิศหนึ่ง แล้วเราก็เอาแข้งซ้ายเตะผ่าหมากไอ้คนที่ยื่นมือมาขอตังค์เราอย่างรวดเร็จ แล้วพลักคนโดนเตะให้ไปชนกับพวกมันเอง จากนั้นเราก็ใส่ตีนหมาโกยแน่บไปในร้านค้าที่มีไฟสว่างๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก (ใช้เวลาแบบวิ่ง 100 เมตรทำสถิติโลก) พอเข้าที่มีไฟ (ย่านนั้นคนยังพลุกพล่านอยู่ เปลี่ยวเฉพาะซอกเล็กๆที่ไม่ใช่ถนนใหญ่) ก็เลยรอดมาได้ เพราะความมีสติ (ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี) นั่นเอง ^ พอคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเราเลยคิดว่าเรื่องแบบนี้ต้องเป็นเหมือนหนังสือ The Secret (เล่มที่ฝรั่งเขียนนะ ไม่ใช่ที่เล่มที่หมอฟันไทยเขียนเลียนแบบฝรั่ง) ที่กล่าวถึงเรื่อง The Law of Attraction (กฎแห่งแรงดึงดูด) นั่นเอง (หมายเหตุ แคล้ว ธนิกุล ถูกยิงตายหลายสิบปีก่อนจะมีหนังสือ The Secret แต่นี่เราคิดย้อนหลัง) เราจึงตีความจากประสบการณ์ในอดีตของเราว่า "พระเครื่องศักดิ์สิทธิ์ได้เพราะพลังจิตของมนุษย์นี่เอง" ^ เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วเราจึงเอาพระองค์ที่เราแขวนอยู่บนคอ กลับไปคืนพ่อเรา แล้วพูดกับพ่อว่า "ผมเปลี่ยนจากการนับถือพุทธแบบเถรวาทไปเป็นนับถือพุทธแบบนิกายเซนเหมือนพระวัดเส้าหลินแล้วครับ และต่อไปนี้จุด tantian คือพระของผม ผมเลยเอาพระองค์นี้มาคืนพ่อครับ" พ่อเราโกรธเรามากๆในวันนั้น เพราะพระองค์นั้นพ่อเราให้เราไว้แบบหวังให้ปกปักษ์รักษาเราไว้ให้แคล้วคลาดจากภัยพิบัติทั้งปวง! (ซึ่งจริงๆแล้วเมื่อคราวที่เราแคล้วคลาดมาหลายที เราก็ยังไม่ได้แขวนพระองค์นั้น) แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 15:37:52 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 13:50:45 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 13:40:15