ความคิดเห็นที่ 1 อันนี้อ่านจากคลิป Greetings 1 Vocab & Phrases - English Meeting ESL Lesson จาก EnglishMeeting's Channel บนยูทูป เรื่อง การทักทายอย่างง่ายๆ กด พอส เมื่อต้องการฝึกซ้ำๆ หรือ ฝึกช้าๆ เล่นซ้ำๆ ฟังซ้ำๆ จนกว่าจะเข้าใจ คลิปนี้ โดย Dave Sconda การทักทายอย่างง่ายๆนั้น มีตัวอย่างดังนีั ธรรมดา Hi - เวลาพูดให้ใส่อารมณ์ไปด้วย คำมันสั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น คีย์เวิร์ด อยู่ที่อารมณ์ที่ใส่ไป คนฟังจะได้ทำตัวถูก Hello - พยายาม ลากคำว่า โล่ว์ ยาวๆ สูงๆ อย่าลงต่ำ// เฮ้ลโล้ว์  ไม่ใช่ เฮลโหล่ว// พยายามทำเสียงให้สดใสเวลาพูด แบบ เรารู้สึกดีใจมากที่ได้เจอคู่สนทนา พยายามลากคำทั้ง เฮล และ โล้ว์ ให้ยาวๆ เช่น.... ไม่ทางการ Hey - ใช้พูดกับคนที่เรารู้จัก Yo - ใช้กับเพื่อนสนิทหรือส่วนมากเด็กๆ เค้าจะใช้กันหรือ ไม่ใช้กับผู้หลักผู้ใหญ่ ใช้กับประโยคที่ตามมาเช่น Yo, what's up!!, Yo what's happening? ซึ่งมันฟังดูเป็นมิตรมากและเป็นบวก แต่ไม่ได้ใช้กับทุกคน ใช้กับเฉพาะ เพื่อนสนิท ที่เค้าไม่ถือ โอเค เริ่มจากประโยคพวกนี้ ต่อไป ถ้าเราจะเริ่มบทสนทนาเล็กๆ สั้นๆ เราอาจตามด้วยประโยคเหล่านี้ ใช้ทั่วๆไป หรือ ทางการ How are you? ทุกคนคงเคยเรียนมาเป็นอย่างดี และคงรู้ความหมายเป็นอย่างดี เชิญฝึกออกเสียงตามเค้า เค้าออกเสียงช้าๆ ให้เราฝึกพูดตาม How's it going? How've you been? ประโยคที่ตามหลัง ไฮ้/เฮลโล้ว์ พยายามใช้ประโยคง่ายๆดังตัวอย่างที่ให้ไว้ รู้มั๊ยทำไม//เพราะจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกสบายๆ และรู้สึกว่า เราสนใจเค้า สนใจที่จะไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ ซึ่งมันเป็นบวก ถ้ากับคนที่สนิทมากขึ้น ที่ไม่ใช่แบบทางการ เราสามารถตามด้วยประโยคเหล่านี้ได้//สังเกตการออกเสียง และเชิญฝึกออกเสียงตาม//เวลาพูดให้แสดงความกระตือรือร้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการฝึกพูดภาษาอังกฤษ (ภาษาอังกฤษ ดูที่น้ำเสียง ดูที่การแสดงออก การแสดงความรู้สึก ว่าเรารู้สึกอย่างไร แสดงออกว่าอย่างไร ไม่ได้อยู่ที่สำเนียง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะพูดถูกหรือผิด แต่ขอให้มีน้ำเสียงที่สดใส เป็นบวก อันนี้สำคัญกว่า) คำเหล่านี้ ใช้แล้วดูเป็นมิตรมาก What's new? What's up? What's happening? What's goin on? แบบเป็นทางการ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวัน Good morning. Morning (อันนี้คือ แบบ ไม่เป็นทางการ ของ กูด มอร์นิ่ง  แต่จะไม่มี Afternoon หรือ Evening มาใช้โดดๆนะ มีแต่ Morning แต่ช่วงบ่ายลงไป ถึง หัวค่ำ ถ้าอยากใช้แบบ ไม่เป็นทางการให้ใช้ Hi  หรือ Hello แทน) Good afternoon Good evening ฝึกออกเสียง และ จบเทป แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 11:54:42 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 11:52:13 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 11:40:30 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 11:27:52

ความคิดเห็นที่ 2 2 จากคลิปนี้ ฝึกจับใจความ ผู้พูดบอกวัตถุประสงค์สำคัญของคลิปนี้ ว่ายังไงบ้างคะ  ตอบเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ก็ได้ค่ะ Learning English - Lesson One (Introduction) with MisterDuncan Hi Everybody this is Misterduncan in England สวัสดีครับ นี่ มิสเตอร์ดันแคน จากอังกฤษ How are you  today? เป็นอย่างไรกันบ้างครับ Are you ok? I hope so. คุณสบายดีมั๊ย? ผมก็ว่างั้น Are you happy? I hope so. คุณมีความสุขดีมั๊ย? ผมก็ว่างั้น Welcome to the very first episode ยินดีต้อนรับสู่ภาคแรก of my series of English teaching videos ของวิดีโอซีรีส์สอนภาษาอังกฤษของผม Before I begin ก่อนผมจะเริ่ม we will take a look at some เรามาดูที่บาง of the common questions that often arise คำถามประจำที่ชักจะพบบ่อยขึ้น when talking about learning English language เมื่อพูดถึงการเรียนภาษาอังกฤษ and more importantly, และที่สำคัญไปกว่านั้น learning it as a second language. (คือเมื่อเรา)เรียนภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สอง So, the first question must be...  เอาล่ะ คำถามแรก ต้องเป็น.. "Why do we need to learn English?" "เราจำเป็นต้องเรียนภาษาอังกฤษไปทำไม? " Of course, one of the reasons แน่นอน เหตุผลหนึ่งที่ว่า why we need to be able to speak English nowadays ทำไมทุกวันนี้เราถึงต้องสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ is because the world is becoming smaller. ก็เพราะว่า โลกเรากำลังเล็กลงเรื่อยๆ Thanks to the internet ขอบคุณอินเตอเนต and our developing global economy และการที่เศรษฐกิจโลกของเรามีการพัฒนา more and more people are using English ผู้คนจำนวนมากต่อมากได้ใช้ภาษาอังกฤษ as a common way to communicate with each other  เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน So now, it has become unavoidable, ซึ่งตอนนี้ มันกลายเป็น เลี่ยงไม่ได้แล้ว that companies and large businesses ที่บริษัทต่างๆ และ ธุรกิจขนาดใหญ่ต่างๆ will need to employ people จะต้องการจ้างคน who can speak more than their own native language ที่สามารถพูดได้มากกว่า ภาษาที่เขาเป็นเจ้าของภาษา That is where English comes in... นั่นคือที่ที่ภาษาอังกฤษได้เข้ามา It is now officially considered ในปัจจุบัน มันถูกพิจารณาอย่างเป็นทางการ as an international language. ว่าเป็นภาษาสากล Of course, learning anything is difficult แน่นอนว่า การเรียนอะไรก็ตาม มันยาก and English is no exception. และภาษาอังกฤษ ก็ไม่มีข้อยกเว้นด้วย However, there are ways to make the situation easier แม้ว่า มันมีหนทาง ที่จะทำให้สถานการณ์นั้นง่ายขึ้น I have come up with my own list of general rules ผมก็มีรายชื่อของกฎพื้นฐาน for learning English. สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ Do you want to hear them? คุณอยากฟังไหมครับ? Do you want to know what they are? คุณอยากรู้ไหมครับ ว่ามันคืออะไร? OK. Let's go!! ตกลง ไปกันเลย Learning English takes time and patience. การเรียนภาษาอังกฤษ ใช้เวลา และ ใช้ความอดทน It cannot be rushed. รีบๆไม่ได้ Try to relax and take it easy. พยายามผ่อนคลายและทำให้มันง่าย The most important thing you need at the beginning สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่คุณต้องมีตั้งแต่เริ่ม is a good vocabulary. คือ คำศัพท์ที่ดี Without words, you have nothing to work with. ถ้าไม่รู้ศัพท์ คุณก็ไม่รู้จะเรียนอะไร You must start with a strong foundation คุณต้องเริ่มด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง or base, หรือรากฐาน(ที่แข็งแกร่ง) and sl:-) build on it, day by day! และเริ่มเรียนจากนั้น ทีละวันๆ You must view English as a part of your body... คุณต้องมองเห็นภาษาอังกฤษ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายคุณ just as you would, an arm or a leg. แล้วแต่คุณ จะแขน หรือขา It must become a part of your everyday life. มันต้องกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคุณ Daily practice is very important. การฝึกฝนอยู่ประจำในแต่ละวัน สำคัญมาก Do not worry about making mistakes... อย่ากังวลกลัวว่าจะทำผิดพลาด in fact, the more mistakes you make... จริงๆแล้ว ยิ่งใช้ผิดมากเท่าไหร่ the more you will learn from them. เธอก็จะได้เรียนรู้จากมันมากขึ้นเท่านั้น Just like learning to ride a bike. เหมือนเรียนรู้ที่จะขี่จักรยาน Sometimes you fall off. บางครั้งคุณล้มบ้าง So what do you do? แล้วคุณทำไงต่อ? You get back on and try again. คุณก็ลุกขึ้นและพยายามอีก Do not look at English as just another subject. อย่ามองว่าภาษาอังกฤษเป็นแค่อีกวิชานึง Your attitude to English and the way you view it ทัศนคติของคุณและทิศทางที่คุณมอง will decide how well you progress. จะตัดสินว่าคุณก้าวหน้ามากน้อยแค่ไหน just as we say in English... เหมือนที่เราพูดในภาษาอังกฤษว่า "No pain... No gain" ไม่เจ็บ ไม่โต The two most important words to remember มีคำอยู่ 2 คำ ที่สำคัญมากที่สุด ที่ควรระลึก when learning English are... เมื่อเรียนภาษาอังกฤษ คือ Practice and Confidence. การฝึกฝน และ ความมั่นใจ Practice English everyday ฝึกภาษาอังกฤษทุกๆวัน and be confident. และ มั่นใจ You will find that the more you use English... เธอจะพบว่า ยิ่งใช้ภาษาอังกฤษบ่อยเท่าไร The better your English will become. ภาษาอังกฤษก็ยิ่งดียิ่งขึ้นเท่านั้น And the more confident you become... และยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่าไร then the more you will want to use it. ก็ทำให้เธอยิ่งอยากใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นเท่านั้น Make it a rule to tell yourself... ทำเป็นกฏ  บอกกับตัวเอง I can do it... ชั้นทำได้ I can do it... ชั้นทำได้ I   c a  n   d o    i t  ! ! !  . . .  ชั้น ทำ ได้ Please remember, my lessons are aimed at everyone. กรุณาจำว่า บทเรียนของชั้น มีจุดมุ่งหวังไปสู่คนทุกๆคน So hopefully, you will find something useful ดังนั้นก็หวังว่า เธอจะพบบางอย่างที่เป็นประโยชน์แก่เธอบ้าง in each one. ในแต่ละบท May be you will find some of the words I use very easy. หวังว่าเธอจะพบว่าผมใช้คำบางคำอย่างง่ายมากๆ But you also see some words แต่เธอก็ยังเห็นคำบางคำ that may be new to you. ที่อาจจะใหม่สำหรับเธอ Remember... my lessons are aimed at everyone. ระลึกไว้ว่า ... บทเรียนของผม มีจุดมุ่งหวังไปสู่ทุกๆคน Even teacher are very welcome to join in. แม้คุณครู ก็ยินดียิ่งให้เข้าร่วม(ชมคลิป) Learning English should be fun experience การเรียนภาษาอังกฤษ ควรเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน and I hope with the help of my video lessons และผมหวังว่า ด้วยวิดีโอบทเรียนที่ผมช่วย you will discover just how much fun it can be. เธอจะประจักษ์ว่า ที่ว่าสนุกมาก มันเป็นยังไง I hope you've enjoyed my first lesson... ผมหวังว่า คุณได้สนุกสนานกับบทเรียนแรกของผมนี้ This is Misterduncan in England saying... นี่คือคำพูดจาก มิสเตอร์ดันแคนจากอิงแลนด์ Thanks for watching...and bye-bye for now. ขอบคุณมากครับสำหรับการติดตาม และ ตอนนี้ต้องลาไปก่อนครับ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 05:06:58 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 04:44:29 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 04:26:08 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 13:49:33 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:10:26

ความคิดเห็นที่ 3 Learning English - Lesson Two (Hello/Goodbye) เรียนภาษาอังกฤษ - บทที่ 2 (สวัสดี/ลาก่อน) Learning English with Misterduncan เรียนภาษาอังกฤษกับ มิสเตอร์ดันแคน Lesson Two บทที่ 2 Hi everybody, this is Misterduncan in England สวัสดีครับทุกคน นี่ มิสเตอร์ดันแคน ใน อิงแลนด์ How are you today? คุณเป็นอย่างไรบ้างวันนี้? Are you OK? ... I hope so! คุณโอเคมั๊ย? ชั้นหวังว่าอย่างงั้น Are you happy? ... I hope so! คุณมีความสุขมั๊ย? ชั้นหวังว่าอย่างงั้น In today's lesson, we're going to talk all about ในบทเรียนของวันนี้ ทั้งหมด เรากำลังจะพูดถึง Saying ... "Hello"  and "Goodbye" ... การพูด "สวัสดี" และ "ลาก่อน" Saying ... "Hello"  and "Goodbye" ... การพูด "สวัสดี" และ "ลาก่อน" When we first meet someone... เมื่อเราพบใครเป็นครั้งแรก weather it is a person we know แม้ว่าจะเป็นคนที่เรารู้จัก or someone we are meeting for the first time, หรือคนที่เราพบเป็นครั้งแรก we will normally use a simple sentence ปกติเราจะใช้ประโยคง่ายๆ as a way of greeting them. เพื่อแสดงการทักทายเขา A greeting is a friendly way of opening a conversation, การทักทายเป็นวิธีการที่เป็นมิตรเพื่อจะเปิดบทสนทนา Greeting = ทักทาย or as a way of letting the other person know หรือเป็นการทำให้ผู้อื่นรู้ว่า that we have seen them. เรามองเห็นเขา There are many way to say hello. การกล่าวทักทายมีหลายวิธี "Hi"                      "Hello"                             "Hi there"  "Hello there"                                "Hey, how are you doing?" "Howdy friend"(USA)  ไงเพื่อน  "What's up?" ว่าไง                    "How's it going?" เป็นไงบ้าง  "Wow, it's good to see you!" ว๊าว ดีใจที่ได้เจอเธอนะ We sometimes use a double greeting ... บางครั้ง เราใช้การทักทาย 2 ชั้น for example ... ตัวอย่างเช่น "Hi there, hey how are you doing?" สวัสดีเธอ เฮ้ย์ เป็นไงบ้าง "It's good to see you, how's life been treating you?" ดีใจที่ได้เจอเธอนะ ชีวิตเธอเป็นไงบ้าง If you are meeting someone for the first time ถ้าคุณพบใครเป็นครั้งแรก you can say ... คุณสามารถพูดว่า ... "Good to meet you"  ดีใจที่ได้เจอนะครับ "It's nice to meet you"   ดีใจที่ได้เจอนะครับ "I'm pleased to meet you" ดีใจที่ได้เจอนะครับ "It's a pleasure to meet you" ดีใจที่ได้เจอนะครับ These sentences are often used ประโยคเหล่านี้ถูกใช้บ่อยมาก after the other person has been introduced to you. หลังจากบุคคลที่3 ถูกแนะนำให้คุณรู้จัก If you are meeting someone you have not seen ถ้าคุณได้พบบางคนที่คุณไม่ได้พบ- or heard from them for a long time, หรือไม่ได้ยิน มาเป็นเวลานาน then you can show real surprise and shock. คุณสามารถแสดงความประหลาดใจและช็อคจริงๆได้ "Oh my God, it's you!"  โอ้ว มาย ก้อด มันเป็นเธอ! "Aahh, where have you been?"   อาห์ เธอไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ย? "My goodness, long time no speak(see)"  มาย กู๊ดเนส  ไม่ได้คุย/เจอ กันตั้งนานแน่ะ "Wow, it's so good to see you again"   ว๊าว ดีจริงๆที่ได้เจอเธออีกนะ "Is it really you? When did we last meet?" นี่เธอจริงๆนะเนี่ย? เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่อะ ? "Wow, as I live and breath, it's my best friend from school" ว๊าว ในชีวิตชั้น นี่เพื่อนที่ดีที่สุดสมัยเรียน If you are in hurry ถ้าคุณรีบ there may only be a short time อาจจะมีเวลาเพียงสั้นๆ in which to make your greeting. ที่จะกล่าวทักทาย "Hi, sorry, I can't stop"  สวัสดีครับ ขอโทษนะครับ ผมหยุดไม่ได้ "Oh hi there, look I'm a bit pushed for time... here's my phone number ... give me a call sometime " โอ้ สวัสดีครับ ผมรีบนิดหน่อยครับตอนนี้ นี่เบอร์โทรศัพท์ผมครับ โทรหาผมได้บางเวลานะครับ "Hello there, look I'm on my way to work... maybe catch up with you again soon" สวัสดีครับ ดูสิ เนี่ย ผมอยู่ระหว่างเดินทางไปทำงาน  อาจจะได้คุยกับคุณอีกครั้งเร็วๆนี้นะครับ "Hey' I would love to stop and chat... but I really have to dash" นี่ๆ ผมอยากหยุดและคุยด้วย... แต่ผมต้องรีบจริงๆ This type of greeting is common these days การทักทายเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ ในปัจจุบัน because we are all in such a big hurry เพราะพวกเราทั้งหมดต่างเร่งรีบมากจริงๆ to get some place... fast. เพื่อจะไปถึงที่หมาย ให้เร็ว We sometimes use the word "hello" บางครั้งเราใช้คำ"hello" as a way of showing surprise เพื่อเป็นการแสดงความประหลาดใจ or as a way of expressing a sudden interest in something. หรือเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความสนใจฉับพลันในบางอย่าง "Hello. what's going on here?"    นี่ ที่นี่เป็นไปบ้าง? "Hello, I did not know he had a girlfriend" นี่ ชั้นไม่รู้เลยว่าเค้ามีเพื่อนหญิง "Hello, what's going on over there?"   นี่ ทางนั้น เป็นไงบ้างน่ะ? "Hello, something is wrong here... he took my money!" นี่ ตรงนี้ บางอย่างมันผิดนะ ... เค้าขโมยเงินชั้น! Here in the UK, people will often greet each other ที่นี่ ในอังกฤษ, ผู้คน มักกล่าวทักทายกัน by talking about the weather. ด้วยการคุยเกี่ยวกับสภาพอากาศ "Hello, isn't it a lovely day?"  สวัสดีจ้ะ วันนี้อากาศน่ารักนะ หรือไม่จริง "Hello, what about this terrible weather?" สวัสดีครับ เกี่ยวกับอากาศแย่นี่ ยังไง? "Hello, did you hear the storm last night?" สวัสดีจ้ะ  คุณได้ยินพายุเมื่อคืนมั๊ย? In many countries people will ask about the family. ในหลายประเทศ ผู้คนจะไต่ถามถึงครอบครัว "Hello, how's the family?" สวัสดีจ้ะ ครอบครัวเป็นไงบ้างจ๊ะ "Hello, how's your wife doing?" สวัสดีครับ ภรรยาคุณเป็นอย่างไรบ้างครับ "Hello, how are the kids?" สวัสดีครับ เด็กๆ(ลูกๆ)เป็นอย่างไรบ้างครับ In China, people will often greet each other ในประเทศจีน ผู้คนจะทักทายกัน by asking if they have eaten their lunch or dinner, โดยถามว่า พวกเขาทานมื้อเที่ยงหรืออาหารค่ำแล้วหรือยัง or ask them where they are going. หรือถามว่าพวกเขากำลังจะไปไหน The word "hello" can also be used informally คำว่า "hello" สามารถใช้อย่างไม่เป็นทางการได้ด้วย as a way of expressing sarcasm or annoyance. เพื่อเป็นการแสดงออกว่า ถากถาง เหน็บแนม ประชดเสียดสี หรือ แกล้งกวน ก่อความรำคาญ "Hello, did you understand what I said?" เฮลโล่ว์(นี่)  เธอเข้าใจที่ชั้นพูดมั๊ย? "Hello, was that too difficult for you to read?" เฮลโล่ว์ นั่นมันยากเกินไปสำหรับเธอจะอ่าน รึเปล่า? "Hello, did you see me waving at you?" เฮลโล่ว์(นี่)  เธอเห็นชั้นโบกมือให้เธอมั๊ย? "Hello, do you not recognise me?" เฮลโล่ว์(นี่) เธอจำชั้นไม่ได้หรอ? "Hello, what time do you call this? You are late!" เฮลโล่ว์(นี่)  มันเรียกว่ากี่โมงครับ? คุณมาสายนะครับ! *************************************************************** "Parting is such a sweet sorrow" การจากพรากกันช่างหวานเศร้า "That I shall say goodnight, till it be tomorrow" นั่นฉันอาจกล่าวราตรีสวัสดิ์ กระทั่งวันพรุ่ง That's Shakespeare, that is. นั่นคือเชคสเปียร์, นั่นคือ.. Saying "Goodbye" การกล่าว ลาก่อน. There are many ways to say goodbye. การกล่าว คำลาก่อน มีได้หลายแบบ "Bye" "Bye for now"  "Bye-bye"  "See ya"  "So long"  "Ciao"   "Later"  "Cheerio"  "See you around"  "Farewell"  "Ta-ta"  "See you again" "Ta-ta for now" "Catch you later"  "Goodbye"  You will often hear me say "ta-ta" คุณจะได้ยินผมพูด ทา - ทา บ่อย at the end of my English lessons. ตอนจบบทเรียนภาษาอังกฤษของผม This expression is mostly used in certain parts of the UK. การแสดงความรู้สึกเช่นนี้ ส่วนใหญ่ใช้ในประเทศอังกฤษเกือบทั้งหมด It is a friendly, fun way to say goodbye. มันเป็นวิธีที่เป็นมิตรและสนุกที่จะกล่าวคำอำลานะ Well, I have come to the end of this lesson, เอาละ ผมได้มาถึงตอนจบของบทนี้แล้ว so I must bid you a fond farewell ดังนั้น ผมต้องประมูลคุณด้วยการลาด้วยรัก until next time we meet here จนกว่า ครั้งหน้า เราเจอกันที่นี่ on the super - duper Internet highway. บน ทางด่วนๆบนอินเตอเนต This is Misterduncan in England saying ... นี่คือ มิสเตอร์ดันแคน ใน อิงแลนด์ กล่าว.. thank you for watching me, teaching you  and ... ขอบคุณที่ดูผม สอนคุณ และ Ta-ta for now. ลาก่อนสำหรับตอนนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 12:16:39 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 12:07:19 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 12:12:08 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:11:46

ความคิดเห็นที่ 4 4 Learning English-Lesson Three (Please & Thank You) You know the world of English is a fun and exciting place to be. เธอก็รู้ว่า โลกของภาษาอังกฤษเป็นโลกที่สนุกและน่าตื่นเต้น excite=verb  ตื่นเต้น   exciting=adjective น่าตื่นเต้น We're so glad you could join us for another lesson. พวกเราดีใจที่เธอได้มาร่วมกับพวกเราในอีกบทหนึ่ง Learning English with Misterduncan เรียนภาษาอังกฤษกับมิสเตอร์ดันแคน Lesson Three บทที่ 3 Hi everybody... this is Misterduncan in สวัสดีครับทุกคน  นี่คือ มิสเตอร์ดันแคน ใน Englannnnnnnnnnnnnnnnnnnnnd! อังกฤษษษษษษษษษษษษษษษษษษษ Hi everybody, this is Misterduncan in England. สวัสดีครับทุกคน  นี่คือ มิสเตอร์ดันแคน ในอังกฤษ How are you today? Are you OK? I hope so! คุณเป็นไงบ้างวันนี้? คุณสบายดีมั๊ย? ผมก็หวังว่างั้น! Are you happy? I hope so! คุณมีความสุขดีมั๊ย?  ผมก็หวังว่างั้น! In this lesson, we will look at two actions,which many of us do, ในบทนี้, เราจะมุ่งที่ 2 การกระทำ, ที่พวกเราส่วนมากทำกัน although maybe not as often as we should. แม้ว่าบางที อาจไม่บ่อยเท่าที่เราควรจะใช้ (คำเหล่านี้) although=conjunction แม้ว่า ถึงแม้ว่า แม้ Today we will talk about saying... วันนี้ เราจะพูดถึงเรื่อง การพูด... "Please" and "Thank you" "กรุณา" และ "ขอบคุณ" saying   "Please" and "Thank you" การกล่าวคำ "กรุณา" และ "ขอบคุณ" saying   "Please" การกล่าวคำ "กรุณา" We usually say "Please" when asking for something, ปกติ เราจะกล่าวคำว่า  "กรุณา" เมื่อขอบางอย่าง usually=adverb มักจะ ปกติ โดยปกติ ปรกติ เป็นปกติ usual=adjective ตามปกติ เป็นประจำ or as a polite (nice) way of saying yes to an offer. หรือ เป็น วิธีตอบรับข้อเสนออย่างสุภาพ polite=adjective  สุภาพ offer=noun การเสนอ "Please, can I watch some TV?" กรุณาให้ชั้นดูทีวีบ้างได้ไหม? "Can I please go out to play?" กรุณาให้ชั้นไปเล่นข้างนอกได้ไหม? "May I please leave the room?" กรุณาอนุญาตให้ชั้นออกจากห้องได้ไหม? "Could I please have some icecream?" กรุณาให้ชั้นได้ไอศครีมได้ไหม? "Would you like some icecream?" รับไอศครีมไหม? "Oh yes please!" โอ้ รับครับ ได้โปรด! "Do you want something to eat?" คุณจะทานอะไรไหม? "Yes, I would, please!" ทานครับ ได้โปรด! "Can I offer you a cup of coffee?" ให้ผมให้กาแฟคุณแก้วนึงได้มั๊ย? "Oh! please, that would be great! " โอ้ !กรุณาเถอะครับ นั่นจะวิเศษเลยครับ! great=adjective ดี สำคัญ ยิ่งใหญ่ มาก ประเสริฐ เจริญตาเจริญใจ The word please can be used to show satisfaction and pleasure. คำว่า please  สามารถใช้เพื่อแสดงความพึงพอใจและความยินดี satisfaction=noun ความพอใจ pleasure=noun ความสุข ความยินดี ความเพลิดเพลิน ความสบาย ความอิ่มเอิบ ความชื่นชมยินดี "I'm pleased with my new house!" ผมมีความสุขกับบ้านใหม่ของผม! pleased= adjective ยินดี พอใจ ชอบ ถูกใจ "This job pleases me." ชั้นพอใจในงานนี้ "Your music gives me pleasure." ดนตรีของเธอ ทำให้ชั้นพึงใจ "I'm very pleased to meet you." ขั้นยินดีมากที่ได้พบเธอ From those few examples you can see that จากตัวอย่างนิดหน่อย เธอเห็นได้ว่า "please" and "pleasure" are closely related in origin คำว่า "please" และ "pleasure" มีที่มาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด closely= adverb อย่างใกล้ชิด อย่างละเอียด relate=verb สัมพันธ์ เกี่ยวเนื่อง บอกเล่า origin=noun ที่มา จุดกำเนิด รกราก but are sometimes used in completely different ways. แต่บางครั้งถูกใช้ในทางที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง completely = adverb อย่างสมบูรณ์ ครบถ้วน different=adjective ต่าง หลากหลาย ไม่เหมือนกัน If something makes you pleased, ถ้าบางอย่างทำให้เธอพึงใจ you can say that you feel... เธอสามารถ พูดว่า เธอรู้สึก ... 'Uplifted' (ยกให้ลอย) 'Perked' 'Chuffed' 'Gladdened' 'Overjoyed' 'Over the moon' ************************************************** Saying 'Thank you' พูด ขอบคุณ The action of saying 'Thank you' การแสดงการกล่าวขอบคุณ action=noun การกระทำ การปฏิบัติ การแสดง is seen as the most polite way of showing ถูกมองว่าเป็นวิธีที่สุภาพที่สุดที่จะแสดงออก how grateful you are for receiving something ว่าคุณประทับใจยังไงที่ได้รับบางอย่าง receive=verb รับ ได้รับ รับได้ or as a way of acknowledging an act of kindness. หรือเป็นวิธีตอบรับการแสดงออกถึงน้ำใจ acknowledge=verb รับทราบ ยอมรับ รับรู้ รับรอง ตอบรับ ขอบคุณ We say 'thank you' to show our appreciation. เรากล่าว ขอบคุณ เพื่อแสดงความระลึกถึงบุญคุณ appreciation= noun ชื่นชม การเห็นคุณค่า การสำนึกบุญคุณ การเล็งเห็น By saying 'thank you', you... ด้วยการกล่าว ขอบคุณ   คุณ Show your gratitude. ได้แสดงออกถึงความกตัญญู หรือระลึกถึงบุญคุณ gratitude= noun ความกตัญญู กตเวทิตา ความรู้คุณ You express your appreciation. คุณได้แสดงออกถึงความระลึกถึงบุญคุณ express=noun รถด่วน//verb เอื้อน เปล่ง(เสียง)// adjective ด่วน ชัดเจน โดยเฉพาะ You acknowledge the kindness. คุณรับรู้ถึงน้ำใจ You return the generosity verbally. คุณตอบแทนความใจกว้างนั้น ด้วยวาจา generosity= noun ความใจกว้าง ความไม่เห็นแก่ตัว verbally=ด้วยวาจา You offer your sincerest thanks. คุณได้ให้คำขอบคุณอย่างจริงใจที่สุด sincerest=จริงใจขั้นมากที่สุด  ซื่อสัตย์มากที่สุด sincere=adjective จริงใจ ซื่อสัตย์ You are grateful. คุณรู้คุณคน grateful=adjective ขอบคุณ กตัญญู รู้คุณ ปลื้มปีติ กตเวที There are many ways to say 'thank you' การกล่าวขอบคุณ ทำได้หลายแบบ 'Thank you' ขอบคุณนะ "Thank you very much." ขอบคุณมากๆ "Thanks a lot." ขอบคุณมากๆ "Thank you so much." ขอบคุณมากๆ "Thanks a bundle." ขอบคุณมากๆ bundle= noun ช่อ กำ มัด ช่อดอกไม้ "You are too kind." คุณมีน้ำใจมากๆ "Thanks ever such a lot." ขอบคุณมากที่สุด "Cheers!" เชียรส์ "Ta very much!" ขอบคุณมาก Sometimes, we may express surprise and joy, บางครั้ง เราอาจแสดงความเซอร์ไพรส์และปลาบปลื้ม surprise=noun ความแปลกใจ ความรู้สึกประหลาดใจ //verb แปลกใจ joy = noun ปิติ ความสนุกสนาน ความสุขสบาย ความรื่นเริง//verb ปลาบปลื้ม as well as showing our thanks. พร้อมๆกับการแสดงความขอบคุณ as well as= conjunction ตลอดจน "Wow! how kind... thank you!" ว๊าว! ช่างมีน้ำใจ ขอบคุณครับ! "That's good of you... cheers!" นั่นดีกับเธอ เชียร์ส์ "I don't know what to say...  thanks a lot!" ชั้นไม่รู้จะพูดอะไร  ขอบคุณมากๆนะ "I'm overwhelmed...  thank you so much!" ชั้นตื้นตัน.. ขอบคุณมากๆเลย! "What can I say?" ชั้นจะพูดอะไรดี "You're the best!" เธอดีที่สุดเลย! "Thank you very much!" ขอบคุณมากๆเลย! "This present is so nice!" ของขวัญนี่วิเศษมาก! "Oh you shouldn't have!" โอ้ เธอไม่น่า(ลำบาก)เลย! Oh dear... โอ้ ที่รัก.. I appear to be in the wrong lesson... ผมมาปรากฎตัวผิดบทน่ะ mmm, how embarrassing... อืมมมม, ช่างน่าอาย... embarrassing=adjective ที่น่าอาย I suppose I had better go. ผมคิดว่าผมควรจะไป ดีกว่า suppose =verb/conjunction สมมติ Saying "Thank you" is the best way การกล่าวขอบคุณ เป็นวิธีการที่ดีที่สุด to show your gratitude to another person. ที่จะแสดงความกตัญญู รู้คุณ ต่อคนอื่น gratitude =noun ความกตัญญู  ความรู้คุณ การขอบคุณ It is a polite thing to do. เป็นการกระทำที่สุภาพ To acknowledge someone's kindness is a nice thing to do. การตอบแทนความมีน้ำใจเป็นการกระทำที่ดี acknowledge = verb รับทราบ kindness = noun ความเมตตา น้ำใจ And don't forget... และ อย่าลืม ...kindness creates more kindness. น้ำใจ สร้าง น้ำใจมากขึ้น I hope. ชั้นหวังว่าอะนะ Well that is all from me for today. เอาล่ะ นั่นคือ ทั้งหมดจากชั้น สำหรับวันนี้ may I offer you my sincerest thanks ขอให้ฉันเสนอความขอบคุณที่จริงใจที่สุดของชั้น แก่คุณ offer=noun การเสนอ การมอบให้ การประมูล ความพยายาม sincerest=จริงใจขั้นมากที่สุด  ซื่อสัตย์มากที่สุด sincere=adjective จริงใจ ซื่อสัตย์ for watching me, teaching you. สำหรับการดูชั้นสอนคุณ This is Misterduncan in England saying... นี่คือ มิสเตอร์ดันแคน ใน อิงแลนด์ Ta-ta for now. ตอนนี้ ลาก่อนนะครับ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 10:49:38 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 10:18:06 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 09:16:29 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:12:51

ความคิดเห็นที่ 5 Learning English - Lesson Four  (Response to 'Please'/'Thank You') Response = noun การตอบ คำตอบ ผลตอบ ปฏิกิริยาสะท้อน You know, the world of English is fun and exciting place to be. คุณรู้มั๊ย, โลกของภาษาอังกฤษนั้นสนุกและเป็นที่ที่น่าตื่นเต้น exciting=adjective น่าตื่นเต้น I'm so glad you could join me for another lesson. ผมดีใจมากที่คุณได้มาร่วมกับผมในอีกบทหนึ่ง Learning English with Mister Duncan. เรียนภาษาอังกฤษกับมิสเตอร์ดันแคน Lesson Four บทที่ 4 Hi everybody, this is Misterduncan in England. สวัสดีครับทุกคน  นี่คือ มิสเตอร์ดันแคน ในอังกฤษ How are you today? Are you OK? I hope so! คุณเป็นไงบ้างวันนี้? คุณสบายดีมั๊ย? ผมก็หวังว่างั้น! Are you happy? I hope so! คุณมีความสุขดีมั๊ย?  ผมก็หวังว่างั้น! In my last lesson ในบทเรียนที่ผ่านมา I talked about saying 'please' and 'thank you'. ผมได้พูดถึง การกล่าว 'please' และ "ขอบคุณ" Today we will look at the different ways of replying to these sentences. วันนี้ เราจะมองที่วิธีการต่างๆ ในการตอบประโยคเหล่านี้ different = adjective ที่แตกต่างกัน หลากหลาย ไม่เหมือนกัน replying = ตอบกลับ Making your response. การทำการตอบกลับของคุณ 'Please' 'Thank you' When a person asks you a question, เมื่อมีคนถามคำถามคุณ question = noun คำถาม ปัญหา you will normally give a reply. คุณจะให้คำตอบตามปกติ normally = adverb ปกติ ธรรมดา A sentence with the word 'please' in it, normally needs a response. ประโยคที่มีคำว่า 'please' ในประโยค ปกติต้องการคำตอบ sentence = noun ประโยค The reply can be either... คำตอบ สามารถเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง... either = adjective อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ละ yes, no, or maybe. ใช่, ไม่ใช่, หรือ  อาจจะ maybe = adverb อาจจะ บางที They could also be much longer sentences, ประโยคนั้นอาจจะยาวขึ้น including a reason for the reply or an added condition. เพราะใส่เหตุผลสำหรับคำตอบ หรือใส่เงื่อนไข(yes, no, หรือ maybe.)เพิ่มเข้าไป including = adjective รวมทั้ง added = adjective เพิ่ม condition = noun เงื่อนไข สภาพ "Please can I watch some TV?" "กรุณาให้ชั้นดูทีวีบ้างได้มั๊ย" "Yes, but only for an hour." "ได้, แต่แค่ชั่วโมงเดียวนะ" hour = noun ชั่วโมง "No, you can not, you have to do your homework" "ไม่อะ, เธอไม่สามารถ, เธอต้องทำการบ้านของเธอ" homework = noun การบ้าน งานบ้าน "Maybe after dinner you can." "อาจจะนะ หลังมื้อค่ำ เธอสามารถ(ดูทีวีได้)" dinner = noun ข้าวเย็น มื้อค่ำ อาหารมื้อค่ำ "Can I please go out with my friends?" "กรุณาให้ผมไปข้างนอกกับเพื่อนๆได้ไหมครับ" "Yes,you can... but be home before it gets dark." "ได้นะ, เธอสามารถ.. แต่ถึงบ้านก่อนมันเริ่มมืดล่ะ" dark  = noun ที่มืด สีดำ ลึกลับ /adjective มืด ดำ สีเข้ม คล้ำ "No, you can not, it is too late." "ไม่อะ, เธอไม่สามารถอะ, มันช้าไปแล้วนะ" "Maybe, after you have done your chores." "อาจจะอะ, หลังจากเธอทำงานบ้านของเธอเสร็จอะนะ" chores = งานบ้าน "Please may I leave the room?" "ได้โปรดเถอะ ชั้นขอออกจากห้องได้มั๊ยอะ?" leave = noun การลา การจากไป /verb ออกจาก ปล่อย ทิ้ง ยกเลิก "You may." "เธออาจจะนะ" "No, sorry, you may not." "ไม่อะ, ขอโทษนะ, เธออาจจะไม่ได้(ออกจากห้อง)" "Maybe after you have finished eating your food." "อาจจะหลังจากเธอทานอาหารของเธอเสร็จนะ" "Could I please have some ice cream?" "โปรดให้ชั้นได้ไอศครีมบ้างได้มั๊ย?" "Yes, you can, but not too much." "ได้สิครับ, คุณสามารถ, แต่ไม่มากเกินไปนะครับ" "No. you can't, you've had some already today." "ไม่ได้นะ เธอไม่สามารถ เธอได้ไปบ้างแล้วนี่วันนี้" "Maybe later, if you are good." "อาจจะทีหลังนะ, ถ้าเธอดี" Of course, you can just reply with a simple... แน่นอน,  เธอสามารถแค่ตอบง่ายๆด้วย... 'Yes' 'No' 'Maybe.' But if you do say 'no', then the other person will probably ask... แต่ถ้าเธอตอบ "ไม่", ดังนั้น บางทีคนอื่นอาจจะถามว่า... "Why not?" "ทำไมถึงไม่ล่ะ?" Saying 'no' to someone can be a very difficult thing to do. การตอบ "ไม่" แก่บางคน อาจะเป็นเรื่องที่ทำยากมาก There are many different ways of responding to a request, มีวิธีการแตกต่างมากมายเพื่อตอบต่อคำถาม request = noun ความต้องการ ข้อเรียกร้อง/ verb ขอร้อง เรียกร้อง which we will be taking a closer look at in a later lesson. ซึ่งเราจะมาดูกันอย่างใกล้ชิดในบทต่อไป take a look = verb เฝ้ามอง Replying to 'thank you' การตอบ  "ขอบคุณ" replying = ตอบกลับ After you have said 'thank you' หลังจากคุณกล่าว "ขอบคุณ" the other person may offer you a response. คนอื่นอาจเสนอให้คุณตอบกลับ (ให้บอกเหตุผลว่าขอบคุณอะไร) "Thank you very much for the meal." "ขอบคุณมากสำหรับมื้ออาหาร" "It's my pleasure." "มันเป็นความยินดีของชั้นน่ะ"   pleasure = noun ความสุข ความยินดี ความเพลิดเพลิน ความสบาย ความอิ่มเอิบ ความชื่นชมยินด "Thanks a lot for letting me stay with you." "ขอบคุณมากที่อนุญาตชั้นให้อยู่กับคุณ" letting = noun การให้ การปล่อย การขอให้ การอนุญาต "You are very welcome." "ยินดียิ่งนะเธอ" "Thank you for the special award." "ขอบคุณสำหรับรางวัลพิเศษ" "You deserve it" "คุณสมควรได้รับมัน" deserve = verb สมควรได้รับ ควรค่า "That was a great meal! ... cheers!" "นั่นเป็นมื้อที่มีคุณค่า! ... ขอบคุณนะ!" "It's quite alright." "มันไม่เป็นไรจริงๆ" quite = adverb ทีเดียว เชียว แท้ๆ alright = ไม่เป็นไร "I appreciate your kindness...thank you so much." "ชั้นระลึกถึงน้ำใจของคุณ..ขอบคุณมากๆ" appreciate = verb ชื่นชม  เห็นคุณค่า kindness = noun ความเมตตา น้ำใจ "The pleasure is all mine." "ความประทับใจเป็นทั้งหมดของชั้น" "Oh thank you for the lovely birthday present...." "โอ้ ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดที่น่ารัก..." "... it must have been expensive,...." "... มันต้องแพง..." expensive = adjective แพง ".... oh you shouldn't have." "... โอ้ว เธอไม่ควรจะ.." "That's OK... " "นั่นก็โอเค..." "YOU ARE WORTH IT!!" "เธอก็คู่ควรมัน!!" worth = noun คุณค่า/ adjective คุ้มค่า สมควร Saying  'please' and 'thank you' are very simple actions, การกล่าว 'please'และ "ขอบคุณ" เป็นการกระทำที่ง่ายมาก and by using them, you are showing that you are a polite person, และด้วยการใช้คำเหล่านี้, คุณก็แสดงออกว่าคุณเป็นคนสุภาพ polite = adjective สุภาพ เรียบร้อย who is willing to show respect to other people, เป็นคนมีใจจะแสดงความเคารพให้เกียรติต่อผู้อื่น respect = noun ความเคารพนับถือ/ verb เคารพ นับถือ อ่อนน้อม which... is quite a nice thing really. ซึ่ง.. เป็นเรื่องที่ดีอย่างแท้จริง จริงๆ Well, another lesson has...  flown by. เอาหละ, บทเรียนอีกบทนึงก็.. ผ่านไปละ Please come back real soon for another one. กรุณากลับมาให้เร็วเลยนะ เพื่อบทเรียนต่อไป Before I finish today, ก่อนที่ชั้นจะจบ วันนี้, I would like to say a special 'hello', to one of my online English students. ชั้นอยากจะกล่าว 'hello' เป็นพิเศษ แก่นักเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์คนนึงจากหลายๆคน Diego, and also a big 'hello' to his family ดิเอโก้, และ กล่าว 'hello' อันใหญ่ๆ ไปถึงครอบครัวของเค้า watching in Canicatti, which is in Sicily. ที่กำลังดูอยู่ใน คานิแคตติ ซึ่งอยู่ใน ซิชิลี่ (เขตเล็กๆเขตหนึ่ง ในหมู่เกาะซิชิลี่ ของอิตาลี่ (อยู่ทางใต้) อ่านเพิ่มเติม ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/แคว้นปกครองตนเองซิซิลี) This is definately it from me. นี่คือ มันเป็นมั่นเหมาะ จากชั้น definately = adverb มั่นเหมาะ แน่ ๆ until next time, จนกระทั่ง ครั้งหน้า, This is Misterduncan in England saying... นี่คือ มิสเตอร์ดันแคน ใน อิงแลนด์ thank you for watching me, teaching you... ขอบคุณสำหรับการดูชั้น สอนคุณ ...and of course...Ta-ta for now. และแน่นอน ตอนนี้ ลาก่อนนะครับ แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 13:35:22 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 13:20:20 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 11:46:51 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 08:13:30 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:14:30

ความคิดเห็นที่ 6 6. อันนี้ขอเอามาลงครั้งหน้าจ้ะ มันเยอะพอ แล้ว แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 22:32:08 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 22:31:22 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:15:49

ความคิดเห็นที่ 7 7.  พักฟังเพลงกันซักครู่ Twinkle, twinkle, little star ดาวน้อยระยิบระยับวับวาว How I wonder what you are  ชั้นช่างอัศจรรย์เธอ Up above the world so high,  เป็นของสูงเหนือใด Like a diamond in the sky. เป็นเพชรประดับฟ้า Twinkle, twinkle, little star ดาวน้อยระยิบระยับวับวาว How I wonder what you are  ชั้นช่างอัศจรรย์ใจในเธอ When the blazing sun is gone, เมื่อแสงอาทิตย์พร่อง When there's nothing he shines upon,  หมดสิ่งที่ส่อง Then you show your little light, เธอส่งแสงน้อย Twinkle, twinkle, through the night. คอยพริบพร่างคืน Twinkle, twinkle, little star ดาวน้อยระยิบระยับวับวาว How I wonder what you are  ชั้นช่างอัศจรรย์ใจในเธอ In the dark blue sky so deep ในกลางคืน ฟ้าเข้มสนิท Through my curtains often peep แสงลอดม่านเพียงนิด For you never close your eyes เธอมิรู้นิทรา Til the morning sun does rise จวบจนรุ่งอรุณยาม Twinkle, twinkle, little star ดาวน้อยระยิบระยับวับวาว How I wonder what you are ชั้นช่างอัศจรรย์ใจในเธอ Twinkle, twinkle, little star  ดาวน้อยระยิบระยับวับวาว How I wonder what you are  ชั้นอัศจรรย์เธอเพียงใด แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 06:26:48 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 05:35:34 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:31:03

ความคิดเห็นที่ 8 8. ทีนี้เราก็จะมีวิธีขอบคุณหลายๆแบบ พูดขอบคุณเป็น และเลือกใช้ให้เข้ากับสถานการ์และกาละเทศะ เป็น ลองแต่งประโยค 8 ประโยค จาก 8 วิธีพูดขอบคุณ Polite English - 8 ways to say Thank You   8 วิธีพูดขอบคุณ สวัสดีค่ะ ชั้นชื่อ รีเบคก้า วันนี้จะมาพูดถึงการพูดแสดงความรู้สึกขอบคุณเมื่อมีคนทำอะไรให้เรา ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการ 1. Thanks! 2. Thanks a lot!  ถ้าเขาช่วยคุณอย่างมาก ในสถานการณ์ที่เป็นทางการ ประโยคสุภาพ 3. Thank you very much. 4. Thank you so much. (3 กับ 4 ความหมายเหมือนกัน ใช้แทนกันได้) 5. Thank you kindly. (สุภาพ) 6. I can't thank you enough. = thank you very very very much. 7. I don't know how to thank you.  = ขอบคุณมาก ไม่รู้จะพูดยังไง(ตื้นตัน) 8. Thank you for your all your help.  ขอบคุณสำหรับ........... หรือ ขอบคุณว่าเขาช่วยอะไรมา  = Thank you for....(ตามด้วย.. เขาช่วยอะไรมา)......  เช่น - Thank you for your corporation on this project.ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ ในโครงการนี้ - Thank you for your encouragement.ขอบคุณสำหรับกำลังใจ/การสนับสนุน/ส่งเสริม - Thank you for your inspiration. ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจ - Thank you for your friendship. ขอบคุณสำหรับมิตรภาพ จะเห็นได้ว่า ประโยคขอบคุณสามารถกล่าวแสดงความรู้สึกได้หลายแบบ ถ้าอยากฝึกเพิ่มเติม ดูคลิปเพิ่มเติม หรือทำแบบฝึกหัด เชิญได้ที่ http://www.engvid.com/ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 05:33:01 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:50:36

ความคิดเห็นที่ 9 9.  Basic English Grammar - Have, Has, Had หลักภาษาอังกฤษเบื้องต้น - Have, Has, Had สวัสดีค่ะ ชั้นชื่อ รอนนี่ นะคะ และวันนี้ เราจะเข้าสู่บทเรียนสำหรับทุกๆคน ที่ง่ายมากๆเลยค่ะ บทนี้จะขึ้นตามคำขอค่ะ ถ้าจะว่าไปแล้ว  ขอบคุณนะคะ to have  ซึ่งต้องเปลี่ยน ถ้าใช้กับ he และ she  (และ it)  ส่วนที่เหลือ (I, we, you, they) ไม่ต้องเปลี่ยนนะคะ I               ใช้  have He/She     ใช้ has      เพราะเป็น คนจำนวนเอกพจน์  (Singular people) They/We  ใช้  have   เพราะเป็นจำนวนพหูพจน์ ในรูปประโยคปฏิเสธ เราใช้ดังนี้ I have   -->    I don't have.... I don't have a cat. ชั้นไม่มีแมว(ไม่ได้เลี้ยงแมว) I don't have a dog. ชั้นไม่มีสุนัข(ไม่ได้เลี้ยงสุนัข) They have     -->   They don't have... They don't have any hamburger. We  have      -->    We don't have... He has         -->     He doesn't  have.. She has       -->     She doesn't  have.. ทุกตัวจบด้วยคำว่า have หมดเลย ถ้าเป็นประโยคปฏิเสธ Past อดีต to have --> had I had He/She had They had We had มีไฟไหม้อะ (เสียงแทรกในคลิป) Past อดีต เปลี่ยนเป็นประโยคปฎิเสธ to have --> had I had --> เมื่อก่อนในอดีต เราเคยใช้ I had not (แต่ตอนนี้ไม่ใช้แล้ว) I had            --> I didn't have He/She had-->  He/She didn't have They had     --> They didn't have We had        --> We didn't have ยิ่งเรียนภาษาอังกฤษมาก ยิ่งรู้มากนะคะ เธออาจคิดว่ายากและจำยาก แต่เธอก็ได้ทริค วิธีการจำ ที่ชั้นสอนไปแล้วนะคะ หวังว่าจะจำได้ และทุกคนคะ เจอกันใหม่เร็วๆนี้ ลาไปก่อนนะคะ แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 01:15:38 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 01:13:33 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:51:30

ความคิดเห็นที่ 10 10. ตั้งใจทำความเข้าใจ จนจบนะคะ ท้ายคลิป มีลิงค์ให้ไปทำควิซ แบบทดสอบง่ายๆ ด้วยค่ะ English Grammar - SO & NEITHER หลักการใช้ภาษาอังกฤษ  - SO & NEITHER สวัสดีค่ะ ชั้นชื่อวีเลน และนี่คือ หลักการใช้ภาษาอังกฤษ  เรื่อง SO & NEITHER เราใช้  SO & NEITHER เพื่อบ่งชี้ความเหมือนหรือความต่างระหว่าง คนและ สิ่งของ เราใช้ SO ในประโยคเพื่อแจ้งให้ทราบ (หรือแสดงความเหมือนกัน) และใช้ NEITHER ในประโยคปฏิเสธ                                                                                           NEITHER = ไม่ มาดูตัวอย่างกันดีกว่า Mary has a car. So does John. แมรี่มีรถคันหนึ่ง จอห์นก็เช่นกัน ถ้าเป็นประโยคปฏิเสธ Mary doesn't  have a car. Neither does John. แมรี่ไม่มีรถ จอห์นก็ไม่มี .....  doesn't .......... .  Neither ............. . doesn't  กับ Neither มันแมทช์กัน doesn't เป็นรูป ปฏิเสธ จึงใช้เข้าคู่กับ Neither ส่วน ......  has ............... . So ............... .  has  กับ So มันแมทช์กัน has  เป็นรูปบอกเล่า จึงใช้เข้าคู่กับ So ดังนั้น ถ้าประโยคแรกคือ Mary swims everyday. So does john. แมรี่ว่ายน้ำทุกวัน เช่นกันกับจอห์น does = swims ไม่ต้องกล่าวคำว่า swims 2 ครั้ง (แทนที่จะเป็น Mary swims everyday. So swims john.) ถ้าเราพูดว่า Mary and John swim everyday. So   .............   Nancy and Bob. แมรี่และจอห์น ว่ายน้ำทุกวัน เช่นกันกับแนนซี่และบ๊อบ So does Nancy and Bob ผิดนะคะ (เพราะNancy and Bob เป็นพหูพจน์(มี 2 คน มากกว่า 1) ไม่สามารถใช้กับ does ได้ เพราะ does ต้องใช้กับเอกพจน์ ผิดแกรมม่า ค่ะ ) เราใช้ Mary and John swim everyday. So  do   Nancy and Bob. ซึ่งเป็นคำที่เหมาะสม ในประโยคค่ะ  (swim ก็ไม่เติม s นะคะ) ถ้าเรามี คำกริยา(Verb) เหล่านี้ can   could  may might shall should แทนคำกริยา do ท้ายประโยคนี้ Mary can swim. So can John. Mary can swim. So .........  John. ลองทำดู ลองใส่เองนะคะ ถ้ามันเป็นประโยคปฏิเสธ Mary couldn't lift the box. Neither could John. แมรี่ไม่สามารถยกกล่อง  จอห์นก็ยกไม่ได้ (มันมี Neither เป็นรูปปฏิเสธอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ต้องใส่ not ตามอีก จะกลายเป็น ปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ ซึ่ง ผิดรูป ผิดความหมาย คำที่ตาม Neither จึง ไม่ใส่ not อีก ) ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.engvid.com/ นะคะ ครั้งนี้เก๋ค่ะ  เชิญตามไปทำควิซ ที่นี่นะคะ  โชคดีค่ะ http://www.eflnet.com/grammar/soneither1.php แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 02:09:40 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 02:08:51 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:52:06

ความคิดเห็นที่ 11 11. ฝึกออกเสียง จำความหมาย ฝึกเขียน รู้ว่าอะไรคือPresent Tense //Past Tense  รู้ความหมาย                 Present Tense                ความหมาย                  Past Tense  is                 was            เป็น อยู่ คือ are              were           เป็น อยู่ คือ begin           began         เริ่ม เริ่มต้น blow            blew           เป่า พัด break           broke         แตก แตกหัก เลิก build            built         สร้าง  ผลิต buy              bought     ซื้อ catch           caught      จับ come           came         มา  มาถึง มาเยือน cut               cut            ตัด ลด do                did              ทำ draw            drew           วาด drive           drove           ขับ(รถ) แรงขับ   แรงผลักดัน พลัง eat              ate               รับประทาน fall             fell               ตก หล่น feed          fed                เลี้ยง ป้อน find          found             find - หา ค้นหา   found - ค้นพบ เจอ fly             flew              บิน (เช่นนกบิน เครื่องบิน บิน) get            got                 ได้รับ เข้าใจ give          gave              ให้ go            went                   ไป have        had                      มี hold         held                    ถือ ยึดถือไว้ รอสาย ถือสาย keep        kept                    เก็บ(ของ, ความลับ) know       knew                   รู้ ทราบ เข้าใจ รับรู้ lead           led                    นำไปสู่ ตัวนำ(ไฟฟ้า) (leader = ผู้นำ) leave         left                    จาก let              let                     นำ    ....กันเถอะ make         made                 ทำ กระทำ ทำอาหาร ผลิต ประดิษฐ์ สร้าง mean         meant                ความหมาย meet         met                      พบ (meeting = ประชุม) pay           paid                     จ่าย put           put                       วาง ride          rode                     ขี่ (จักรยาน) run          ran                        วิ่ง (วัตถุหรือของใช้)ยังทำงาน say          said                       พูด กล่าว บอก see          saw                       พบ เห็น sell          sold                       ขาย send       sent                        ส่ง (ของ, คน, พัสดุ) set          set                          จัด  เป็นชุด sit                sat                     นั่ง sleep           slept                  หลับ นอนหลับ smell           smelt                 กลิ่น ดมกลิ่น ได้กลิ่น speak          spoke                 พูด speed          sped                   ความเร็ว spend          spent                  ใช้(เวลา,เงิน) ใช้จ่าย swim           swam                  ว่ายน้ำ teach          taught                  สอน tell              told                      บอก think           thought               คิด throw           threw                  ขว้าง ปา โยน win              won                     ชนะ write            wrote                   เขียน แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 07:10:28 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 06:35:37 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:52:58

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ ขอฝากถึงเพื่อนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤาเข้าไปเรียนเพิ่มเติมได้ใน page http://www.facebook.com/pages/AEC-Campaign/250018565061146?sk เป็น club ของเพื่อนๆที่ใช้อังกฤษคุยกัน และมาเจอกันเพื่อคุยอังกฤษกันจริงๆอาทิตย์ละครั้งด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 14:54:21 จากคุณ : Chud S. (Chud S.) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 14:52:49

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณคับ ^^ จากคุณ : ผมจะอยู่เพื่อคุณสองคน เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 15:29:59

ความคิดเห็นที่ 14 จัดไป... จากคุณ : backsubport เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 23:05:23

ความคิดเห็นที่ 15 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 10:26:35 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 10:20:04 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 09:15:18

ความคิดเห็นที่ 16 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 13:37:44 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 10:49:07 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 08:15:35 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 07:22:29 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 05:04:56 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 12:09:02 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 11:53:36 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 10:25:48

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : fondakelly เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 22:24:19

ความคิดเห็นที่ 18 ขอแนะนำลิงค์นี้นะ สำหรับ -ฝึกทำควิซ แกรมม่า -ฝึกอ่าน -ฝึกฟังเสียงอ่านจากเทป แล้วตอบคำถาม -ฝึกคำศัพท์ ฝึกออกเสียงคำศัพท์ตามเทป -เล่นเกมส์ -และอื่นๆ http://www.eflnet.com/listening/curry.php จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 54 02:18:00

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณคนใจดี มีน้ำใจค่ะ จากคุณ : สวยวันเว้นวัน เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 54 11:27:41

ความคิดเห็นที่ 20 .           (◕‿◕✿)(◕‿◕✿)(◕‿◕✿) Thanking you so much for sharing ”THIS” จากคุณ : ปาดศรี เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 54 14:16:38

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณมากค่ะ เจ๋งมากๆ กำลังอยากฝึกภาษาอังกฤษอยู่พอดี จากคุณ : SimpleSmooth เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 00:50:21

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับ จากคุณ : น้ำปลาพริกรสหวาน เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 05:20:44

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ฮิปโป-โป๊ เตมัส O.,o เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 10:12:44

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณมากค่ะ ^^ จากคุณ : KUNLambo เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:57:39

ความคิดเห็นที่ 25 โห สุดยอดเลยค่ะ กำลังคุยกับชาวต่างชาติอยู่เลย จากคุณ : จักรยานล้อหลุด เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 20:13:27

ความคิดเห็นที่ 26 ยอดเยี่ยมมากค่ะ ขอบคุณ จขกท มากๆๆๆๆๆๆ ค่ะ จากคุณ : เส้นขอบฟ้าลายสีรุ้ง เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 12:30:34

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : sue_nite เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 55 10:43:53

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณมาก การเสียสละมานั่งพิมพ์เนี่ย คุณใจดีจัง Happ New year ขอให้พบพานแต่ความสุข พบเจอแต่กัลยาณมิตรนะ จากคุณ : rain&ant เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 55 13:06:22

ความคิดเห็นที่ 29 OH! THANKS A LOT! จากคุณ : เพื่อมหาชน เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 55 20:06:39

ความคิดเห็นที่ 30 เรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นง่ายๆ จากยูทูป ตอนที่ 3 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 09:12:42

ความคิดเห็นที่ 31 oh, thank you and you're very welcome ja :)) จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 00:00:46