ความคิดเห็นที่ 1 1. เรียนเพื่อเอาตัง (เยอะ) 2. เรียนเพื่อเอาหน้า (ตา) บางคนไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน (เลย) แต่เรียกเงินเดือนสองหมื่นเพราะเห็นว่าแค่จบโท อันนี้จากที่แฟนผมที่เขาเป็นคนรับสมัครคัดคนเข้าทำงาน มีอยู่คนหนึ่งข้างหอผม เรียนโทจนจะจบแล้ว แต่วันๆไม่ทำอะไร เอาแต่แทงบอล แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 14:53:21 จากคุณ : hijack02 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:51:05

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ายังไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียนหรอก ไม่เห็นต้องตามเทรนด์เลย ตอนแรก ๆ เราก็ไม่เคยคิดว่าจะเรียนหรอก แต่ว่า ทำงานไปจนถึงจุด ๆ หนึ่งอาจจะเปลียนความคิดก็ได้ ในเมื่อมีศักยภาพที่จะจ่ายตังค์เรียน แล้วยังมี passion ที่จะเรียน เรามาเรียนเมื่อทำงานไปแล้วเกือบ 10 ปีอะค่ะ เมื่อก่อนไม่เคยคิดอยากจะเรียนเลย เสียดายตังค์อะ แต่ตอนนี้อาจจะพร้อมแล้วมั้ง เลยเรียน แต่ก็ได้อะไรเยอะนะ จากที่อาจจะเคยคิดว่าตัวเองแก่กล้าแล้ว พอดีเรียนของ มหาวิทยาลัยอังกฤษด้วย เลยได้เปิดโลกทัศน์เยอะมาก ขนาดที่ว่าทำงานอยู่ต่างประเทศอยู่แล้วอะ   อีกอย่างการเรียนโทของเราไม่ได้จะเพื่อเอามาหางาน เพราะเรายังเชื่อว่า ความสามารถของแต่ละคนที่บริษัทจะรับเข้าทำงาน ในการเริ่มต้นเข้าทำงาน เช่นพวกอายุ 20 ต้นๆ  หรือ กลาง ๆ  ป โท ไม่จำเป็นหรอก (ถ้าไม่ใช่เฉพาะทางจริงๆ  เช่นสาย วิทยาศาตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์) และเราก็ไม่สนับสนุนคนที่เรียนตรีจบแล้วต่อโทเลย อันนี้ คห ส่วนตัวนะ แล้วก็ไม่ค่อยเห็นด้วยซักเท่าไหร่กับ คนทีคิดว่า เรียนโท เพื่อจะได้เงินเดือนดี ๆ นั่นก็ยากอะ ถ้าไม่เก่งจริง คือ ถึงแม้ว่าจบจริงๆ แต่ก็ต้องเก่งจริงด้วย ไม่ใช่สักแต่ว่าเอาวุฒิมาประดับใน เรซูเม่อะ คือมันคนละอย่างกับความคิดที่ว่า ไม่เรียนโท ก็รวยได้ ทำงานดี ๆ ได้ (คือไม่ได้คิดจะเอามาเป็นใบเบิกทางในการหางานเพราะ ปัจจุบันก็พอใจกับองค์กร ตำแหน่ง รายได้ของตัวเองแล้ว อาจจะไม่ได้เงินเดือน 2 แสน แต่ก็พอใจแล้วไงกับศักยภาพของตัวเอง ในการทำงาน) หรือไม่เรียนโท ก็เป็นเจ้าของธุรกิจได้ มีเงินล้านได้ อันนั้นคนละอย่างนะ อย่าเพิ่งเอามาปนกัน บอกไว้ก่อนเดี๋ยวจะมีคนมาขัด  คือ เรียนมันก็พัฒนาความคิดเรานะ มันได้อะไรเยอะเลยแหละ  (เอาหลักสูตรที่ดีจริงๆ  นะ ไม่นับพวกหลักสูตร จ่ายครบ จบแน่) จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:51:31

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยกับ จขกท ในหลายประเด็น และจากมุมมองของเรา เราก็คิดดังนี้ค่ะ 1 สายงานที่เราทำ วุฒิการศึกษาไม่ใช่สิ่งจำเป็นสักเท่าไหร่ เพราะเป็นองค์กรระหว่างประเทศ สายงานภาคสนาม เน้นกันที่ความสามารถ ประสบการณ์ และ "กึ๋น" ที่แต่ละคนมี งานทีเคยทำมาหัวหน้างานจบตรี ลูกน้องจบโทเป็นเรื่องปกติ เพราะการตัดสินใจของคนทำงานมากกับคนไม่เคยทำงานเลยนั้นต่างกัน 2 แต่เราก็ได้เลือกจะเรียนป.โท เพราะคิดว่าสาขาที่เรียนจะเหมาะกับอนาคต ประกอบกับได้ทุนเต็ม เลยเรียนแบบไม่เสียตังค์กันเลยทีเดียว 3 ในความคิดเรา การเรียนป.โท ในสาขาเฉพาะทางที่คุณชอบ จะทำให้คุณได้รับรู้อะไรที่กว้างขึ้น มีมุมมองที่หลากหลายขึ้น แต่ไม่ได้การันตีว่าคุณจะเอามันไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งหมด 4 สำหรับเรา ค่อนข้างต่อต้านการเรียนโทนิดๆ เพราะเอาเข้าจริงๆ เราว่ามันพยายามทำให้เรา westernize เพราะแนวคิด ตำรา การมองโลกทุกอย่างคือภาษาอังกฤษ หรือมาจากตะวันตกทั้งนั้น แนวคิดบางแนวคิดเราคิดว่าไม่เหมาะกับเอเชียด้วยซ้ำ แถมการทำวิจัยโดยจะต้องอยู่ใน Framework ทำให้เราอึดอัดมาก 5 เมื่อเรียนจบแล้ว เราคิดว่า เราได้ความอึด การใฝ่หาความรู้ แต่สิ่งที่เราจะโยนทิ้งคือ Conceptual framework กรอบวิธีวิจัย เพราะเราคิดว่าเป็นการตีกรอบทางความคิดอย่างมาก เหมือนปกติเราชอบว่ายน้ำหาปลาโดยธรรมชาติ แต่จู่ๆ มีคนมาบอกว่าเธอจะต้องเลือกระหว่าง ใช้แห ให้อวน หรือใช้อุปกรณ์ที่เราจัดให้เท่านั้น 6 เมื่อกลับมาสู่โลกการทำงาน ความรู้เหล่านั้นก็เสริมได้แค่นิดๆ หน่อยๆ สิ่งสำคัญจริงๆ คือความตั้งใจที่จะทำงานและการคิดแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งไม่มีหลักสูตรไหนสอนได้นอกจากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง 7 ข้อเสียการเรียนโท จะทำให้โอกาสหางานของคุณกลายเป็น "ยิ่งสูงยิ่งหนาว" เพราะ HR อาจติงเรื่อง overqualified เนื่องจากบางตำแหน่งไม่จำเป็นต้องจบโทเลย (แต่ถ้าคุณไม่ลาออกจากงานเพื่อเรียน ก็คงไม่ต้องกลัว แต่ถ้าคิดว่าจบโทแล้วโอกาสงานง่ายขึ้น สำหรับเราไม่ใช่ค่ะ) จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:37:52

ความคิดเห็นที่ 4 หลานเอย ลุงก็ถูกกดดันให้เรียนปริญญาโทเมื่อ 30 ปีก่อนเหมือนกัน ทั้งที่หน่วยงานที่ลุงทำงานอยู่ขนาดคนจบปริญญาเอกเมืองนอกนักเรียนทุน ภาษาอังกฤษยังสู้ลุงไม่ได้เลย ก็เลยสอบชิงทุนไปเรียนต่อโทที่สหรัฐ มีอยู่ 3 ทุน คนสมัคร 1750 คน ข้อสอบภาษาอังกฤษและ Aptitude Test ก็เป็นภาษาอังกฤษ ลุงติด 1 ใน 3 ไปปี 1983 ก่อนไปต้องสอบ Toefl, GRE ได้คะแนน Toefl 640+, GRE verbal 80 percentile. ภาษาอังกฤษระดับลุงยังถูกกดดันให้ไปเรียนปริญญาโทเลย เก่งที่สุดในหน่วยงานแล้ว แต่เขาว่าปริญญาตรีไม่พอใช้งาน 555 แล้วทำไมไม่ให้พวกปริญญาเอกแปล เป็นล่ามเมื่อมีการประชุมนานาชาติ แต่ใช้คนจบแค่ปริญญาตรีแบบลุง มันบ้าปริญญามาตั้งแต่ 30 ปีก่อนโน้นแล้ว ความรู้ ความสามารถจริงๆ เขารู้ แต่เขาก็ยังอยากให้เราโชว์เศษกระดาษ 555 ถ้าหน่วยงานหลาน เจ้านายไม่กดดันให้เรียนโท ไม่ต้องเสียเงินครับ ขนาดลุงชิงทุนได้ง่ายๆ ยังไม่อยากไปเลย เพราะภาษาอังกฤษระดับลุงเรียนวิชาด้วยตนเองได้สบายอยู่แล้ว จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:52:56

ความคิดเห็นที่ 5 อยู่ที่ความจำเป็นครับ ว่าเราต้องการอะไร จากคุณ : คิดถึงเธอ ตลอด ตลอด เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:59:28

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าคุณจขกท.ยังไม่เห็นประโยชน์ของการเรียนป.โทก็ไม่ต้องเรียนครับ ไม่จำเป็นต้องฟังคนอื่น เพราะว่าถ้ามาเรียนโทเพื่อปรับวุฒิเอาเงินเอากระดาษโดยไม่ได้นำความรู้ไปใช้ต่อ ก็เสียเวลาทั้งคนเรียนทั้งคนสอนครับ ความรู้ที่ได้จากการเรียนป.โทป.เอกก็เป็นส่วนหนึ่ง ความรู้จากประสบการณ์การทำงานก็อีกส่วน คงเอามาเปรียบเทียบกันลำบากนะครับ สิ่งสำคัญก็คือว่าคุณมีแผนการเพื่อความก้าวหน้าในงานของคุณในอนาคตหรือเปล่า และรู้หรือเปล่าว่ายังขาดความรู้อะไรเพื่อที่จะก้าวหน้าได้ตามที่วางแผนไว้ และรู้หรือไม่ว่าจะหาความรู้ที่ยังขาดอยู่ได้จากที่ไหน และได้ลงมือหาความรู้นั้นหรือยัง จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:32:23

ความคิดเห็นที่ 7 เพราะสิ่งที่อยากทำ จะได้ทำเมื่อเรียนโทค่ะ สมัยเรียนตรี เครื่องไม้เครื่องมืออะไรก็ไม่ให้ใช้ (..การศึกษาไทยก็ยังงี้แหละ) พอจะสมัครงานทางนี้ ไม่มีประสบการณ์ ..ก็ไม่รับ สุดท้าย ก็ต้องเรียนโท เพื่อให้ได้ทำในสิ่งที่อยากลองทำ (ชอบไหม? ไม่รู้ค่ะ 555) และเผื่ออนาคตจะลองสมัครไอ้ที่อยากทำนั่นอีกที (ปรากฎว่า คราวนี้ต้องการป.เอก..555) แค่นี้เองค่ะ เรียนเพื่อสนองกิเลส ล้วน ๆ (เรียนเพราะป๊าอยากให้เรียน ก็เลยเรียนในสิ่งที่ตัวเองจะไม่ต้องทนเรียนมากมาย) จากคุณ : varavari เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:34:53

ความคิดเห็นที่ 8 อนาคตของคุณ ต้องตัดสินใจเอง ถ้ามีเหตุผลส่วนตัวที่แน่วแน่ ในเรื่องการเรียน ไม่มีใคร บังคับใครได้ คิดว่า คุณรู้ตัวดีว่า กำลังทำอะไร และจะทำอะไรในอนาคต ........เราเคยถามคำถามนี้กับตัวเองแล้ว คำตอบของเราคือ เราไม่อยากเรียนอะไรที่เป็นวิชาการอีก ถ้าเราอยากมีความรู้เพิ่ม เราขอมีความรู้ด้านวิชาชีพ.......... จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:50:37

ความคิดเห็นที่ 9 ขอตอบคุณ ณ พิชา นิดนึงนะครับ ว่ากรอบวิธีวิจัยนั้นมีไว้เพื่อให้ผู้วิจัยทำการทดลองอย่างมีหลักการ ได้ผลลัพธ์ออกมาแล้วสามารถสรุปได้ว่าสมมติฐานที่ตั้งไว้นั้นถูกต้องหรือเปล่า มันอาจจะอึดอัดนิดนึงแต่สุดท้ายสรุปผลได้ ดีกว่าทำแบบลูกทุ่งแล้วสุดท้ายสรุปอะไรไม่ได้เลย หรือสรุปแบบคิดเองเออเอง นักวิจัยไม่ได้ต้องการที่จะจับปลานะครับ แต่ต้องการจะศึกษาธรรมชาติของปลานั้นว่าที่อยู่อาศัยเป็นอย่างไร หาอาหารอย่างไร ทำไมถึงมีพฤติกรรมแบบนั้น อุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษานั้นก็ทดลองมาแล้วว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งที่เราจะศึกษา ถ้าไปว่ายน้ำศึกษาเองตัวเรานั่นแหละอาจทำให้พฤติกรรมของปลาผิดแปลกไปจากธรรมชาติ นี่คือประเด็นของกรอบวิธีวิจัยครับ ส่วนผู้ที่ต้องการจะจับปลาก็จะเอาองค์ความรู้ที่นักวิจัยค้นคว้ามาได้เพื่อนำไปสร้างอุปกรณ์หรือวิธีจับปลาต่อ ซึ่งตรงนี้แหละที่พอจะดัดแปลงแก้ไขใช้วิธีลูกทุ่งได้พอสมควร เพื่อให้ได้เป้าหมายตามที่ต้องการ (แต่ทำได้เพราะอะไรอาจจะไม่แน่ใจ รู้แต่ว่าทำแบบนี้แล้วได้ผล) คนกลุ่มนี้ก็คือพวกวิศวกรทั้งหลาย นักวิทยาศาสตร์กับวิศวกรนั้นพื้นฐานความคิดต่างกันมากนะครับ งานวิจัยกับงานพัฒนาก็ต่างกันมากเช่นกัน แต่ความแตกต่างตรงนี้นั้นหลายๆคนมองไม่ออก งานหลายอย่างที่เรียกกันว่างานวิจัยนั้นโดยลักษณะเนื้อแท้แล้วเป็นงานพัฒนามากกว่า และจะเอากรอบวิธีวิจัยไปใช้กับงานพัฒนามันก็ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:51:38

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่จำเป็นต้องเรียนหรอกครับถ้าคนเราเชื่อมั่นในตนเอง ทุกวันนี้คนเราขาดความเชื่อมั่นในตนเองครับ และจิตใจหวั่นไหวง่าย อะไรเป็นกระแสก็คล้อยตามแล้ว เรื่องธุรกิจเราศึกษาเองได้ มีหนังสือให้อ่านมากมาย ลองทำ ผิดถูกเป็นครูไปเรื่อย ๆ สักวันก็เก่งได้เองครับ สู้ ๆ นะครับ จากคุณ : Mr.Learning เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 18:40:48

ความคิดเห็นที่ 11 เรียนเถอะครับ.. ดีกว่าไม่เรียน..ถ้าจะต้องกู้หนี้ยืมสิน หรือต้องก่อความเดือดร้อนให้กับคนอื่นนั่นก็ไม่ต้อง..แต่ถ้าทำได้ไม่เดือดร้อนมาก เรียนนะดีกว่าไม่เรียน จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 18:57:40

ความคิดเห็นที่ 12 แฟนเป็นครู ถ้าจะเป็นผอ.ต้องจบโท จึงต้องไปเรียน ^^ ถ้าจขกท. ไม่ได้อยู่ในสายงานที่ไม่ได้บังคับวุฒิการศึกษา ก็ไม่ต้องเรียนหรอกแต่เรียนแค่ 2 ปีเองนะ ก็ได้โทแล้ว ถ้าเงินถึง เรียนไปไม่เสียหลายค่ะ จากคุณ : ก็โลกมันหนาว เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 19:55:47

ความคิดเห็นที่ 13 ผมไม่อยากเรียนโทเลย อยากทำงานมากกว่า แต่ที่บ้านไม่ยอม ไม่รู้จะทำไงดี จากคุณ : แมลงภู่บนหูกระต่าย เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 19:56:01

ความคิดเห็นที่ 14 ปริญญาโทใบแรก --> เรียนตามกระแส ใครๆก็เรียน จบโทแล้วเท่ คงมีงานดีๆ เงินเยอะๆ ตอนนั้นยังไม่ประสีประสากับการดำเนินชีวิตทั้งการงานและชีวิตจริงๆ ปริญญาโทใบที่สอง --> เรียนเพราะในที่สุดก็ค้นเจอว่า แท้่จริงตัวเราเองสนใจเรื่องอะไรและลุ่มหลงที่จะทำงานในสายงานนั้นจริงๆ ซึ่งมาคิดได้หลังจากผ่านไปเกือบสิบปีนับจากใบแรก แต่ก็คุ้มค่าอย่างที่สุด จากคุณ : เคนตะซัง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 23:05:01

ความคิดเห็นที่ 15 คนไทยมันบ้าปริญญาครับ ต้องเข้าใจ จากคุณ : duck_88 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 23:14:45

ความคิดเห็นที่ 16 เราว่าคนส่วนมากรู้ตัวดีนะว่าอยากเรียนป.โทรึเปล่า เรียนแล้วได้อะไร หรือเพราะอะไรถึงไม่เรียน แต่ที่น่ารำคาญคือคนรอบข้างนี่แหละที่จะคอยถามตลอด คือบางคนก็ถามด้วยความเป็นห่วง เช่นพ่อแม่ อันนี้เข้าใจ แต่บางคนถามเหมือนกับมันเป็นค่านิยมว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทยเดี๋ยวนี้คือป.โทแล้ว น่ารำคาญมากกกกกที่สุดในสามโลก ไม่ได้ตอบจขกท.เลย แค่มาระบาย ขอโทษทีค่ะ ^^" ตอบซักนิดแล้วกัน เราว่าทุกวันนี้คนเรียนป.โทกันก็เพื่อ 1.เรียนเพื่อเอาวุฒิไว้เลื่อนขั้น 2.เรียนเพื่อเปลี่ยนสายหรือเพิ่มโอกาสในการทำงาน 3.เรียนเพราะอยากได้ความรู้เพิ่มเติมหรือเจาะลึกด้านใดด้านหนึ่งมากขึ้น 4.เรียนเพราะเพิ่งเรียนจบและยังไม่อยากทำงาน 5.เรียนเผื่อๆไว้ อาจจะมีจุดประสงค์อื่นๆอีกมากมาย แต่นี่คือเท่าที่เราพอจะนึกออกค่ะ เราว่าเรียนเพราะอะไร เพื่ออะไร ไม่ผิดหรอกนะคะ จะเรียนเพราะอยากได้วุฒิโก้ๆก็ยังไม่ผิด เพียงแต่ว่าถ้าเรียนไปตามค่านิยมของสังคมโดยที่ไม่รู้ว่าตนเองชอบอะไร อยากเดินไปทางไหน อย่างนั้นเราว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าของตัวผู้เรียนนะคะ และระบบการศึกษาไทยคงมีปัญหาแ้ล้วล่ะค่ะ จากคุณ : ทาสผู้ซื่อสัตย์ของท่านซิเรียส เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 01:35:23

ความคิดเห็นที่ 17 เราว่ามันก็แล้วแต่วิถีชีวิตคนน่ะนะ เราทำธุรกิจส่วนตัว ก็ไม่คิดจะเรียนเหมือนกัน ไม่ได้จะเอาไปปรับวุฒิ ปรับขั้นเงินเดือนกับใคร ที่ไหน แต่เราหาคอร์สสั้นๆ หลายๆอย่าง ที่เราสนใจอยากเรียน อยากรู้ เรียนแบบไม่ได้สนใจ วุฒิ หรือ ใบประกาศ ก็สนุกดี  ชีวิต จากคุณ : bejinpao เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 10:48:11

ความคิดเห็นที่ 18 สำหรับผมเองนั้น เรียนเพื่ออยากรู้ และ ลดจุดด้อยในการทำงาน ในบางกรณี "ปริญญา" ในสายงานนั้นก็สำคัญ ซึ่งเวลาติดต่องานกับลูกค้าเค้าชอบถามว่าจบอะไรมา เวลาบอกว่าจบ "บริหาร" กับจบ "IT" การตอบสนองของลูกค้าจะแตกต่างกันมาก (แล้วแต่กรณีว่าติดต่อกับลูกค้าในส่วนงานไหน) เช่น เข้าไปคุยกับลูกค้าที่เป็นระดับผู้บริหาร ก็จะคุยเรื่อง การลงทุน จุดคุ้มทุน ความคุ้มค่าของเทคโนโลยี และถ้าบอกว่าเราจบบริหารมาเค้าจะให้ความเชื่อถือ ขณะเดียวกันพอไปคุยในส่วนของผู้ดูแลโครงการหรือฝ่ายเทคนิค ก็สามารถพูดคุยลงรายละเอียดของงานได้ ซึ่งถ้าฝ่ายเทคนิครู้ว่าเราจบ IT ก็จะสามารถคุยและเข้าใจกันเร็วขึ้น *หากเราจบไม่ตรงสายงานความน่าเชื่อถือก็จะลดลง (เวลาติดต่องานคุณไม่มีเวลามานั่งพูดหรือแสดงสิ่งที่ให้เค้าเชื่อว่าคุณเก่งหรือรู้จริงหรอก) ดังนั้นการเรียน ป.โท ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญในการทำงานเหมือนกัน (คุณไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะต้องไปทำงานอะไรแบบไหนต่อ การเตรียมความรู้เผื่อไว้ก็เป็นการดี) จากคุณ : Rabbit Fire เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 12:23:22

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ ได้หลายมุมมองมาก ๆ เลย จะนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปนะคะ จากคุณ : พูดแล้วเศร้าเล่าแล้วขำ เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 11:38:14

ความคิดเห็นที่ 20 มาเก็บข้อมูลค่ะ ตอนนี้เรามีปัญหาอยากเรียนแบบไม่อยากเรียนอะค่ะ คืออยากเรียนเพราะอยากรู้ แต่ไม่อยากเพราะเปลืองเงินมากๆ จะเรียนนอกเวลา ก็แพงบานเบอะ จะลาออกมาเรียนก็ทำใจไม่ได้ที่รายได้จะน้อยลง แถมจบมาเงินก็ไม่ขึ้นอีกต่างหาก (เป็นสถาปนิกค่ะ เงินขึ้นตาม exp.) แต่คนรอบข้างจบโทกันหมดแระ ขอใช้เวลาคิดอีกนิดนึง จากคุณ : โคอาล่าบ้องแบ๊ว เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 16:31:07