ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องเพิ่งเกิดไม่นานมานี้ครับ น้องสาวมาเล่าให้ฟังว่า คุณครูได้มีการสั่งให้เด็กทำของพวก DIY ขึ้นมา เพื่ออะไรรู้ไหมครับ เพื่อนำมาขายเมื่อมีงานโรงเรียน ถ้าเกิดครูได้มีการ สอน ตามหน้าที่และจรรยาบรรณของความเป็นครู มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรครับ แต่สิ่งที่ครูสั่งเด็ก คือ ให้ไปเปิดดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ตและหัดทำด้วยตัวเอง (แถมพอเด็กไปถาม ก็บอกว่าฉันให้เธอไปค้นคว้า) โดยบอกว่าเป็นการเรียนรู้ บอกตรงๆนะครับ การเรียนรู้ด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการพัฒนาเด็กไปด้วย แต่สิ่งที่เขาสั่งให้ทำมันเกินศักยภาพเด็กวัยนั้นครับ (ขอไม่บอกนะครับว่าเรียนอยู่ชั้นไหน แต่การประดิษฐ์นี่มีให้ทำแบบนี้หลายห้องและหลายชั้นปีครับ) แน่นอนว่าภาระย่อมตกไปที่ผู้ปกครอง กลายเป็นว่าผู้ปกครอง และเด็กก็มีการบ้านมากมายที่ต้องทำ กลายเป็นว่าคุณแม่ของผมต้องกลายเป็นคนทำซะเอง อย่างที่บอกนะครับ มันยากเกินกว่าเด็กเล็กคนหนึ่งจะทำได้ และครูก็รีบเร่งที่จะเอางานประดิษฐ์ แม่ผมนั่งทำตั้งแต่หัวค่ำถึงตีสามจึงจะเสร็จ นั่นแค่ชิ้นเดียวนะครับ วันต่อมาน้องมาบอกกับแม่ว่าครูต้องการให้ทำเพิ่ม แม่ก็ต้องทำอีก ทำจนปวดคอและก็เครียดมากด้วยต้องไปโรงพยาบาลเพื่อเอายามากินให้อาการมันดีขึ้น งานที่หอบกลับมาทำที่บ้านก็ไม่ได้ทำ เพราะว่าต้องมานั่งทำงานของลูก ถึงตรงนี้ ผมอยากถามว่าจรรยาบรรณของความเป็นครูอยู่ที่ไหนครับ คำว่า ครู หมายถึง  ผู้สั่งสอนศิษย์, ผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ (อ้างอิงตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต) แล้วนี่แค่สั่งแล้วให้กลับไปทำเอง มันใช่ครูที่แท้จริงหรือ จากคุณ : ConFlict เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 00:28:57

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องต่อมาที่ผมฟังแล้วรับไม่ได้คือ การแจกคะแนน ของครูวิชาหนึ่ง น้องผมเป็นเด็กที่ผลการเรียนไม่ได้แย่ครับ ต้องขอบอกก่อนว่า ก่อนที่จะมีการสอบกลางภาคที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้มีนโยบายในการเรียนพิเศษเสริมวันเสาร์ เมื่อไม่นานมานี้มีการประกาศคะแนนของวิชาหนึ่งครับ น้องผมเล่าว่าเพื่อนในห้องบางคนที่ผลการเรียนไม่ค่อยดี แต่พอสอบคราวนี้ได้คะแนนเท่ากับน้องเพื่อนผม เด็กพวกนี้คือเด็กที่ได้มาเรียนพิเศษเพิ่มวันเสาร์ครับ จากที่คะแนนไม่ดี จะสอบตก ตอนบอกคะแนนครูบอกว่าพวกที่มาเรียนเสริมจะได้คะแนนพิเศษ ประมาณคะแนนพิศวาสอะไรประมาณนี้มั้งครับ ห้องอื่นๆในระดับชั้นเดียวกันก็เช่นกันครับ กลายเป็นว่าเด็กที่หัวไม่ค่อยดี กลับได้คะแนนเท่าคนที่ตั้งใจทำข้อสอบ แถมยังมีการบอกเด็กว่าอย่าเอาไปให้เพื่อนที่ไม่เรียนลอกนะ เพราะบอกให้มาเรียนแล้วไม่มาเอง อย่างนี้มันเป็นการปลูกฝังอะไรให้แก่เด็กที่กำลังจะเป็นอนาคตของชาติกันแน่ครับ เคยมีการเอาข้อสอบที่จะออกมาสอนพิเศษเสริมในวันเสาร์ แบบนี้เด็กจะมีความรู้ได้อย่างไรกัน ครูคือแม่พิมพ์ของชาติ ผมไม่แปลกใจเลยที่น้องผมเล่าว่าว่ามีเด็กหลายคนในโรงเรียนไม่เคารพในสถาบันของตัวเอง ซ้ำยังดูถูกและด่าทอ.. นั่นเพราะพวกเขาได้เห็นตัวอย่างที่แย่และเรียนรู้ได้ว่านั่นคือสิ่งที่ผิด (แต่มันก็เกินไปหน่อย) จากคุณ : ConFlict เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 00:29:13

ความคิดเห็นที่ 3 อย่างที่หลายๆบอกว่าเด็กก็เปรียบเสมือนผ้าสีขาว มันสมควรแล้วหรือที่เด็กที่บริสุทธิ์ต้องมาถูกสั่งสอนด้วยครูแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่อาชีพครูในโรงเรียนกลายเป็นอาชีพที่ใครๆก็ไม่อยากเป็น ครูดีๆที่ยังมีอยู่คงเป็นผู้ที่มีใจรักและมีอุดมการณ์ที่แน่วแน่จริงๆ อันนั้นผมต้องขอชื่นชมไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่บ้านผมตอนนี้หมดศรัทธาไปแล้วกับโรงเรียนนี้ ผมไม่อยากให้ใครต้องมาเจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอย อยากให้น้องของผมเป็นตัวอย่างให้ท่านได้พิจารณาก่อน และหวังว่าหากมีท่านใดที่ผ่านมาได้อ่านแล้วพอจะช่วยแก้ไขได้ อย่าให้อาชีพครูที่เคยเป็นที่เคารพและบูชาจากนักเรียนต้องมาแปดเปื้อนเพียงเพราะคนที่ไม่ได้มีใจรัก สักแต่ว่าจะหาเงินเลี้ยงชีวิตไปวันๆ อยากให้เราช่วยกันดูแลและแก้ไขเพื่อให้เด็กโตไปเป็นอนาคตที่ดีของชาติครับ จากคุณ : ConFlict เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 00:30:31

ความคิดเห็นที่ 4 เดาว่าเดี๋ยวใครซักคนต้องมา จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 03:30:45

ความคิดเห็นที่ 5 คนที่จะมา เขามาโม้เรื่อง dictionary หรือเปล่าครับ ? แต่เรียนคุณเจ้าของกระทู้ เป็นเหมือนกันทุกที่ครับ รัฐบาลก็เป็น สั่งงานประดิษฐ์ที่มันยากมาก ครูก็เลือกสอนเป็นคน ๆ ไป สมัยผมเรียนที่เอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ครูเขาก็อวยพวกลูกครูบาอาจารย์กันไป ถ้าเด็กไม่แกร่ง ก็แย่ครับ จากคุณ : นักแปลผู้แพ้อาหารทะเล เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 06:58:54

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นทุก ที่เชื่อเหอะ รร ต้องการผลงาน มาบีบที่ครู ครูก็มาบีบนักเรียนต่อ  ภาพที่โชว์ออกมา เด็ก รร นี้เก่ง เรียนชั้นประถม ทำงานได้สวย ละเอียด เกินตัว โรงเรียนนี้ สอนดีนะ เรียนพิเศษคง ไม่ได้ให้คะแนนเพิ่มหรอกครับ ผิดระเบียบกระทรวง แต่การออกข้อสอบ โดย อิงเ้นื้อหา ในช่วงเรียนพิเศษ ประกอบกับติวเข้ม เกร็งข้อสอบในเวลาเรียนพิเศษ โดยอาจารย์ที่ออกข้อสอบ ก็ช่วยให้เด็กเรียนพิเศษได้คะแนนแบบน่าทึ่งนั่นแหละครับ จากคุณ : ลมธรรม (ลมธรรม) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 08:36:43

ความคิดเห็นที่ 7 สมัยเราเป็นเด็กๆเวลาครูให้ทำงานฝีมือยากๆ เราทำไม่ไหวหรอกเพราะมันเครียด เราก็เลยไปซื้อพวกงานฝีมือที่ทำสำเร็จรูปแล้วมาส่ง อ้าวคุณนักแปลผู้แพ้อาหารทะเลวันนี้ไม่โม้เรื่องคุณทดสอบเด็กอักษรศาสตร์จุฬาเรื่องการแปลแล้วคุณไล่กลับบ้านหมดเพราะพวกเขาแปลเก่งไม่เท่าคุณหรอกหรือไง? แล้วไปลบกระทู้ที่คุณโม้ไว้ทำไมล่ะ น่าเสียดายออก คุณจะได้ประกาศเกียรติคุณผลงานอันดีเด่นคุณยังไงล่ะ ถ้าจะพูดจาให้ร้ายใครน่ะ ทำใจให้กล้าๆ พูดตรงๆกับเจ้าตัวเขาเลยจะดีกว่า อย่าพูดอ้อมๆ เรี่ยราดมันไปตั้งหลายกระทู้ แต่เอ่อนี่คุณยังไม่ได้ไปตอบคุณ K.Senior เรื่องที่เขาต่อว่าคุณว่าคุณพาดพิงถึงเขาอย่างจาบจ้วงเลยนะ รู้สึกคุณจะเที่ยวพาดพิงถึงคนนั้นคนนี้อ้อมๆเรื่อยไป แล้วก็ได้แต่หลบหน้าโจทก์อยู่เรื่อยๆ การกระทำอย่างนี้เขาไม่เรียกว่า "วาทะศิลป์หรอก" แต่เขาเรียกว่า "ปากพล่อยขี้ขลาดตาขาว" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 09:21:55

ความคิดเห็นที่ 8 พูดตรงๆเลยน่ะ ตั้งแต่มี กฎหมายใบประกอบวิชาชีพครู คุณภาพครูต่ำลงเรื่อยๆ จากการวิจัยทั่วโลก ยืนยันตรงกันว่า คุณภาพการศึกษามีความสัมพันธ์อย่างมากกับคุณภาพครู แต่ประเทศไทย เจอทั้งคุณภาพครูและคุณภาพนักการศึกษาตกต่ำ ครูมีความรู้น้อยมีแ่ต่ใบประกอบวิชาชีพครู นักการศึกษาคิดแก้ปัญหาคุณภาพการศึกษาโดยวิธี เพิ่มเงินสวัสดิการให้ครู แล้วก็ออกกฎระเบียบ สงวนอาชีพครูให้ครูคุณภาพต่ำ จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 09:43:57 A:58.11.182.77 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ ^ ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวก็แห่มากันเป็นโขยงหรอก เรื่องพวกนี้เราไม่ค่อยอยากถกมัน ไม่ใช่เพราะกลัวแพ้ด้วยเหตุผลนะ แต่เราขี้เกียจคอยชี้แจงฝ่ายตรงข้ามว่า "คุณไม่ได้ใช้เหตุผลพิสูจน์ว่าคุณพูดถูกแต่เราพูดผิด คุณได้แต่ใส่ร้ายป้ายสีให้เเราในเรื่องต่างๆที่มันไม่เกี่ยวกับญัตติที่ถกกันเลย ซึ่งกลยุทธ์อันนี้เขาเรียกว่า poisoning the well (ตีปลาหน้าไซ) ซึ่งมันเป็นกลยุทธ์ที่นักการเมืองในประเทศด้อยพัฒนาใช้เถียงกับฝ่ายตรงข้าม คือแทนที่จะหาเหตุผลมาพิสูจน์ว่าฝ่ายตรงข้ามผิด แต่กลายเป็นสาดโคลนใส่ฝ่ายตรงข้ามไปเรื่อยๆ" เรื่องแบบที่คุณคนไทยคิด มันต้องไปถกกันในที่เปิดกว้าง แบบมีประชาชนและกรรมการคอยควบคุมกติกาการโต้วาที ให้ยุติธรรมโดยให้ใช้เหตุผลให้ถูกหลักวิชา logic ใครสาดโคลนโดยพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นความจริงต้องโดนหักคะแนนหรือปรับเป็นแพ้ไปเลย ถ้าโต้วาทีใน pantip น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เพราะใน pantip มีครูมีใบอนุญาตเยอะมากกว่าคนที่คิดอย่าคุณคนไทย จริงๆแล้วถ้ายังมีใครที่คิดเหมือนๆคุณคนไทยก็ควรระดมพลกันล่ารายชื่อให้ได้ 50,000 คน เพื่อเสนอให้มีการยกเลิกกฎหมายใบอนุญาตครู แต่ถ้านักการศึกษาหรือครูที่มีใบอนุญาตครูจะคัดค้านกลุ่ม 50,000 คน ก็ให้ไปโต้วาทีกันบนเวทีเปิด ที่มีกรรมการเป็น logicians (ผู้เชี่ยวชาญด้านตรรกวิทยา) คอบควบคุมดูแลการโต้วาทีดำเนินไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชา logic แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 55 10:21:32 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 55 10:19:32 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 10:13:25

ความคิดเห็นที่ 10 มีคน โพสในเวบ ครูแห่งหนึ่งก่อนสอบครู บอกว่า อยากเป็นครูเพราะจะกู้เงิน ครูให้กู้เยอะ เหอะๆ จากคุณ : mak2010 เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 12:41:05

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านแล้วเศร้าใจ แต่จริงครับ ประสบการณ์ตรงเจออาจารย์มหาวิทยาลัยแย่ๆ มาเยอะ จากคุณ : ShoeShiner เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 13:38:20

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ จขกท คะ เราคิดว่าเราเองก็เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ คือ เราไม่ได้มีความสามารถทางศิลปะเลย วาดรูปไม่สวย ประดิษฐ์ของไม่เป็น งานฝีมือห่วย ครูรร.เราก็ให้ทำอะไรทำนองนี้แหละค่ะ แต่สมัยนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ต(หรือว่ามีแต่เราไม่รู้จักหว่า) บ้านใครมีคอมพิวเตอร์ถือว่าค่อนข้างรวย เราเป็นพี่คนโตค่ะ การปฏิบัติของพ่อแม่ก็จะต่างกับน้องของเรา ทำให้เราต้องทำงานฝีมือเอง วาดรูปเอง ทำทุกอย่างเอง โดยที่พ่อกับแม่ได้ชี้แนะอะไรเท่าไหร่เลย (ถ้าไปปรึกษา แม่คงบอกแหละคะ แต่เราคงไม่เข้าไปหาเอง) เพราะฉะนั้นชม.ศิลปะเราเลยไม่ได้อยู่ในสายตาครู ทำงานประดิษฐ์แบบห่วยๆ อยู่ป.4 งานประดิษฐ์คิดเองเราทำเป็นแค่หมูออมสินจากกระป๋องน้ำพลาสติกห่อกระดาษสี ในขณะที่เพื่อนทำบ้านตุ๊กตา ซึ่งสวยมาก แต่เราก็ไม่ซีเรียสอะไร รู้สึกว่าของตัวเองแย่ แต่ก็ทำเอง จนเราย้ายรร.มาอีกที่หนึ่ง ทีนี้ครูเขาเน้นประดิษฐ์และตกแต่งของง่ายๆ ซึ่งเด็กพอจะทำได้ เราก็ได้ใช้ไอเดียเต็มที่ พอครูชมว่าความคิดสร้างสรรค์ดีเราก็ปลื้มค่ะ และรู้สึกดีกับงานศิลปะมาอีกนิดนึง (นิดเดียว แต่ฝีมือยังห่วยเหมือนเดิม) ในตอนนั้นน้องเราก็ต้องงานศิลปะส่งเหมือนกัน แม่เราช่วยน้องเราทำงาน เราไม่เข้าใจเลย ทำไมแม่ต้องช่วยน้องด้วย ง่ายจะตายไป ถึงไม่สวย น้องก็ต้องทำเอง เราเลยถามแม่ และพูดกับแม่ ตอนนั้นแม่ก็แก้ตัวให้น้องนะคะว่าน้องยังเล็ก ยังเด็ก เราเลยบอกว่า ตอนเราเด็กเท่าน้องเราก็ทำเอง ไม่เห็นแม่ช่วยเลย หลังจากนั้นแม่ไม่เคยทำงานให้ลูกคนไหนอีกเลยค่ะ มีแต่สอนกับให้คำแนะนำ แต่ไม่เคยลงมือทำเอง และลูกแม่ทุกคนก็ต้องเรียนรู้ขีดสามารถของตนเองด้วย ครูจึงไม่ต้องมายุ่มย่ามกับครอบครัว และร้องขอให้ผู้ปกครองหรือเด็กทำงานให้ตนเองมีผลงานมากๆ อีก ที่สำคัญครูก็จะได้รู้ด้วยค่ะว่า เด็กคนนี้มีความสามารถแค่นี้ เชื่อไหมคะครูแย่ขนาดไหนถ้าเด็กทำงานส่ง คะแนนเต็ม 10 ให้ไม่ต่ำกว่า 6 แน่นอน หากเราให้น้องเห็นถึงความซีเรียสของคะแนน ทำทุกอย่างให้เกรดดี คะแนนดี ระวังนะคะเขาจะกลายเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์กับตนเองในอนาคต จากคุณ : hippogift เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 14:08:53

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องนี้แก้ปัญหาเบื้องต้น อันดับแรกคือ เข้าไปสอบถามกับทางโรงเรียน หรือครูผู้สอน ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร บางทีการฟังเด็กเล่าเพียงอย่างเดียว ก็ยังไม่สามารถตัดสินอะไรได้จ่ะ หากได้ฟังทั้งสองทางแล้ว  ตัวเราจะได้รู้ว่าควรจะดำเนินการ ร้องเรียน หรือปรับแก้ที่ใด เพราะเรื่องแบบนี้ที่บ้านก็เคยเจอจ่ะ  หลานมาเล่าให้ฟัง คุณปู่ก็ต้องมานั่งทำให้หลาน  แล้วพี่ชายก็ไปสอบถามทางโรงเรียน ปรากฏว่า ตัวหลานเองเข้าใจไปอีกแบบ พอมาเล่าให้ที่บ้านฟังก็เป็นอีกแบบจ่ะ จากคุณ : ลาช่า เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 16:08:11

ความคิดเห็นที่ 14 8i   8i^ ครู  รร ผม ดีกว่า มาจากจีน    เงินเดือน 50000    ไม่ทำอะไร เลย... สอน ไม่สอน  อู้ๆ ๆ  ยืนดู เด็กจนหมด ชม.   ว่างก็ นั่งเล่น มือถือ... ฟังเพลง เล่นเนต   ไม่ต้องทำงานอะไรเพิ่ม ....ส่วนครู ไทย 8000  1 ทำทุกอย่าง... สอน   เย็นๆ ต้องมาเก็บขยะ   รดน้ำ ต้นไม้.. จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 17:06:31

ความคิดเห็นที่ 15 อืม...เราว่าเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่เราทำ เราจะให้เด็กทำเอง ทำได้ไม่ได้ ไม่รู้ เอาแค่ว่าทำได้เอง แล้วเราเป็นคนสนับสนุนเรื่องความคิดหรือข้าวของวัสดุอุปกรณ์ให้ งานนี้อาจต้องการให้สวยๆ ครูก็รู้ว่างานไหน เด็กทำ หรือพ่อแม่ ทำ แต่ถ้าต้องการผลงานสวยเพื่อโชว์หรือขาย เขาก็จะไม่สอนหรอก อาจขึ้นอยู่กับนโยบายโรงเรียน และทัศนคติครุที่สอนวิชานี้ด้วย โรงเรียนอาจสนับสนุนให้มีกิจกรรมทำนองนี้ เพื่อโชว์ หรืออะไรก็ว่าไป แต่ไม่เคยสนับสนุนวิชา ครูก็หมดมุกไม่รู้จะทำยังไง ผู้บริหารว่ามา ครูน้อยว่าไป ครูขี้เกียจด้วย นักเรียน (หรือพ่อแม่) กลัวไม่เริ่ดด้วย เลยลงมือทำให้เอง ผลงานดี แต่กระทบคนไปทั้งบาง...หรือเปล่า นี่เป็นวัฎจักร โรงเรียนดีๆ ที่ไหนส่วนใหญ่ก็เป็น ในวิชางานประดิษฐ์ หรือพวกวาดเขียน ถ้าจะไม่ให้เป็น เราว่าคงต้องสมัยก่อนโน้นนนนน ครูพานักเรียนไปตัดใบตอง พาทำกระทงไรงี้ ทำตามงานเทศกาล ประดิษฐ์สานปลาตะเพียน สนุก ทำได้จริง มีความสุข ส่วนเรื่องเรียนพิเศษ ให้คะแนนเพิ่มไหมปายู่ว่าไม่น่า แต่เรื่องที่ครูเอาเนื้อหาสอนพิเศษไปออกข้อสอบ หรือเอาข้อสอบไปเน้นสอนพิเสษ มันเป็นไปได้ที่สุด เพราะเห้นผลชัดเจนว่า เรียนพิเศษแล้วได้ประโยชน์จริง พ่อแม่ก็จะส่งเรียน แต่ถามว่ารู้เรื่องมากขึ้นไหม...ไม่รู้ รู้แต่ว่าทำข้อสอบได้ล่ะ  ปาบู่ว่าวิธีการสอนพิเศษแบบนี้ไม่ผิด เพราะผลที่ออกมา พ่อแม่เองก็ชื่นใจ ลูกทำข้อสอบได้ ส่งเรียนแค่นี้ไม่มีปัญหา แต่เป็นปัญหาที่ระบบเอง เรียนพิเศษ เพื่อะไร??? มากกว่า เพราะตอบสนองใคร ครู นักเรียน พ่อแม่ ถ้าจะแก้ ต้องแก้ที่ค่านิยมเรื่องเรียนพิเศษทั้งหมดนั่นแหละ จากคุณ : ปาบู่ผู้หาทางสว่าง (PaBo) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 17:38:59

ความคิดเห็นที่ 16 พอดีได้คุยกับครู มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง อาจไม่เกี่ยวกับกระทู้ คือ เด็กเก่งนี่ครูจะแย่งตัวกันเลยนะคะ ส่วนเด็กแสบนี่มันก็แสบจนน่ากลัวอะ ซุงแหลกับครูได้สุด ๆ จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 18:06:19

ความคิดเห็นที่ 17 สมัยเราอยู่มัธยมก็เจออะไรอย่างนี้เหมือนกัน คาดว่าคงไม่ได้แค่ 'ครูสมัยนี้' หรอก เรื่องเรียนพิเศษนี่จิ๊บ ๆ อาจารย์เราให้นักเรียนทำโครงงาน ทำเล่ม แล้วตอนพิมพ์ก็ใส่ชื่ออาจารย์เป็นคนทำเลยด้วยซ้ำ พอเรื่องแพร่กระจายออกไป ก็มีการสอบสวนกัน จากนั้น เมื่อเราเรียนจบออกจากโรงเรียนมา ก็พบว่าอาจารย์คนนั้นได้เลื่อนเป็นหัวหน้าภาคฟิสิกส์อย่างมีความสุข ฮ่า ๆ ป.ล. พวกที่มาทะเลาะกันในกระทู้ของคนอื่นนี่ เกรงใจเจ้าของกระทู้บ้างนะคะ จากคุณ : Beauty&Stupid เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 21:00:16

ความคิดเห็นที่ 18 หลงทางมานะครับ ไม่มีความเห็นใดๆ เพราะกลัว แต่มีประสบการณ์ในวัยเด็กมาเล่าให้ฟัง ผมไปเรียนพิเศษแล้วทำข้อสอบได้มากขึ้นจริง ตัวอย่างเช่น ข้อสอบที่จะออกสอบจริงทั้งหมด 50 ข้อ ครูที่สอนพิเศษจะให้ตัวอย่างข้อสอบเพื่อเตรียมตัวสอบจากโรงเรียนสอนพิเศษที่ตัวเองเปิดสอนอยู่มาให้ 100 ข้อ แล้วในตัวอย่างข้อสอบ มีเนื้อหาเดียวกันกับที่จะออกสอบประมาณ 20 ข้อ ถ้าผมจำได้หมด ผมทำเพิ่มอีกนิดหน่อยคะแนนก็สวยแล้ว ผมทำคะแนนดีขึ้น เกรดสูงขึ้น พ่อแม่ผมดีใจ 5 5 5 แต่จำความรู้สึกตอนนั้นได้ว่า จริงๆผมจำข้อสอบได้มากกว่าเข้าใจข้อสอบ จากคุณ : LS14ROMEO เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 13:57:48

ความคิดเห็นที่ 19 ครูดีก็มี ครูแอบแฝงก็มี ถ้ามองอีกแง่มุมหนึ่งก็ดีผู้ปกครองได้เข้ามามีส่วนร่วม บางครั้งให้งานไปไม่ได้คิดว่าเด็กจะทำได้หรอกครับ จุดประสงค์ให้ไปสืบค้นวิธีการที่ทำเช่นไปศึกษาการทำตุ๊กตาออมสินจากภูมิปัญญาท้องถิ่น (ถ้าทำได้ก็คงไม่ไปดู) อีกอย่างที่สำคัญคือส่งไปเรียนโรงเรียนที่ดี ผู้ปกครองสบายใจก็ปล่อยเด็กไม่ได้มาสนใจเพราะว่ามีภาระมาก ไม่ว่าจะส่งไปเรียนที่ไหนต้องให้ความสนใจดูแลให้ดีนะครับ การสอนเด็กสมัยนี้ค่อนข้างต้องใช้จิตวิทยามาก บางเรื่องใช้วิธีสมัยก่อนไม่ได้เพราะในสมัยนี้เป็นการละเมิดสิทธิเด็ก จากคุณ : นกกระทาแว่น เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 55 08:59:24