ความคิดเห็นที่ 1 อย่าลาออกจากงานประจำ เปิดสอนพิเศษคณิตศาตร์กับวิทยาศาสตร์ในบ้านเล็กๆน้อยๆไปก่อน สมัยนี้หานักเรียนจากเน็ตได้ง่ายมากๆ ถ้าคุณสอนดีๆค่อยลาออกจากงานประจำแล้วขยายธุรกิจสอนพิเศษใหญ่ๆไปเลย อย่าหลวมตัวไปเป็นครูในระบบที่ต้องไปดั้นด้นสอบ 9 มาตรฐานเอาใบอนุญาตครูมาเป็นอันขาด ครูที่สอนเก่งๆจะไม่เลือกทางเดินเส้นนี้เพราะค่าตอบแทนน้อย แล้วก้าวหน้าลำบากมากๆ ครูที่ยิ่งสอนยิ่งพัฒนาการสอนก้าวไกลมากๆส่วนใหญ่จะเป็นติวเตอร์สอนพิเศษกันทั้งนั้น ถ้าคุณสอนไม่เก่งจริงๆถึงค่อยไปสอบเอาใบอนุญาตครูแล้วเข้าไปเป็นครูในระบบการศึกษาแบบไทยๆ โปรดอย่าตอบว่า "เงินไม่สำคัญ เพราะอยากช่วยเด็กด้อยโอกาส" เพราะถ้าคุณเก่งคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มากจริงๆคุณสอนพิเศษให้ร่ำรวยไปเลยแล้วเอาเงินไปบริจาคให้เด็กด้อยโอกาส หรือรับสอนฟรีให้เด็กด้อยโอกาสบ้างเป็นครั้งคราวสลับกับสอนลูกคนรวยๆคิดเงินแพงๆ มันจะเป็นตรรกะที่แม่นยำกว่าตรรกะองุ่นเปรี้่ยวซึ่งครูที่สอนไม่เก่งใช้กัน จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 22:59:30

ความคิดเห็นที่ 2 ในฐานะพ่อของลูก บอกว่ายินดีครับ ที่คนเก่งๆด้านวิทย์ ,คณิต, เคมี จะมาเป็นครู   แต่ในด้านอาชีพ ว่าควรเป็นครู รร เอกชน รัฐบาล ก็ขอให้ลองคิดดูนะครับ ถ้าภาษาอังกฤษดีมากมากมาก แนะนำ รร นานาชาติ ครับ  รับรองรายได้ดี  แต่ว่าภาษาอังกฤษต้องดีมากมากมาก เพราะเด็กๆทุกคนถามด้วยภาษาอังกฤษหมด ผมเชื่อว่า คนเราถ้าเก่งจริง รวยได้แน่ครับ  แค่สอนพิเศษก็ได้เยอะแล้ว เดี๋ยวนี้พ่อแม่ทุกคนลงทุนกับการศึกษาลูกทั้งนั้น   อยากได้ครูที่อธิบายแล้วเข้าใจ ยิ่งในห้องเรียนยิ่งสำคัญ เพราะทำให้ลูกไม่เหนื่อย  รีบสอนพิเศษเลยครับ  ระดับ วิศวะเคมี ทำได้แน่ จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 10:10:03

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านความเห็นคห.1แล้วแหม่งๆๆ จากคุณ : A Boy From The Moon เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 12:31:11

ความคิดเห็นที่ 4 คห.1 เขาแนะนำอะไรของเขาเนี่ย อย่างกับเมายา "ถ้าคุณสอนไม่เก่งจริงๆถึงค่อยไปสอบเอาใบอนุญาตครูแล้วเข้าไปเป็นครูในระบบการศึกษาแบบไทยๆ" สงสัยจะมีปมด้อยทางการศึกษา แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 55 13:08:55 จากคุณ : GO9 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 13:07:59

ความคิดเห็นที่ 5 จขกท ต้องผ่านด่านต่าง ๆ ดังนี้ 1. ต้องไปสอบมาตรฐานวิชาชีพครู 9 มาตรฐาน (แล้วไม่ใช่ว่าจะผ่านได้ง่าย ๆ นะ) 2. สมมติว่าสอบได้ ก็ต้องไปเป็นครูรร.เอกชน เพื่อขอใบประกอบวิชาชีพครู 3. ได้ข้อ 1+2 แล้วถึงไปสมัครสอบรร.รัฐได้ 4. สอบได้รร.รัฐ แต่ใช่ว่าจะได้บรรจุรร.ที่ต้องการนะ (เส้นสาย ใต้โต๊ะ ฯลฯ) 5. ได้บรรจุเป็นครูผู้ช่วย รับราชการได้ดังใจหวังแล้ว    จขกท เจอระบบงาน วัฒนธรรมองค์กร รับมือไหวไหม ทุกข้อที่่กล่าวมา ล้วนมีอุปสรรคและไม่ง่ายดังใจคิด แต่ถ้าคิดว่า ตัวเองมีอุดมการณ์ มีจิตแน่วแน่ เข้มแข็ง รับมือได้ทั้งเงินที่น้อย ระบบ+ลักษณะงานที่ไม่ชวนให้กระตือรือล้น ก็ขอเชิญเข้ามาในระบบราชการได้เลย แต่ จขกท อายุงานก็ค่อนข้างมากแล้วนะครับ กรณีนี้ แนะนำให้ทำแบบความเห็น 1 ครับ จากคุณ : armomo เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 13:10:41

ความคิดเห็นที่ 6 ตอบ คคห 4 ที่คุณหาว่าเรา "สงสัยจะมีปมด้อยทางการศึกษา" ^ จริงๆแล้วตรงกันข้าม นั่นก็คือ "เราสันนิษฐานว่าคุณเป็นครูมีใบอนุญาตที่ไม่เก่งและคุณมีปมด้อยคุณก็เลยไม่พอใจความจริงที่เราพูด" แต่ "เรามีความมั่นใจในตัวเองสูงมากๆ" ถ้าคุณอยากท้าพิสูจน์ก็ได้ เราลองมาจัดการแข่งขันสอนกันระหว่างครูมีใบอนุญาตกับครูสอนพิเศษดังๆ แล้วดูผลสิว่าสิ่งที่เราพูดใน คคห 1 เป็นจริงหรือเปล่า จะให้เราลงแข่งด้วยเราก็เอา เราทำงานค้นคว้าเรื่องการสอนภาษาอังกฤษมานานหลายปี เราจะพิสูจนให้คุณเห็นว่ากฎเกณฑ์การคัดเลือกครูของระบบการศึกษาแบบไทยๆไม่ได้ครูสอนภาษาอังกฤษที่เก่งๆมา ..................................................................... ข้างล่างนี้คือข้อความที่เราแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษในประเทศเพื่อนบ้านเราเทียบกับประเทศไทย ซึ่งเราแสดงความเห็นไว้ ใน คคห 11 ในกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12733776/K12733776.html ขอชวนกลับเข้าประเด็นเรื่อง "การสอนภาษาอังกฤษ" ที่ จขกท ถาม ความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่ต้องเรียนสะสมกันหลายปี เด็กจะเก่งอังกฤษได้ต้องเรียนกับครูเก่งๆหลายๆคน โดยเรียนสะสมกันหลายๆปีตั้งแต่ประถมถึงมัธยม เราคิดว่าที่ประเทศเพื่อนบ้านเราเก่งภาษาอังกฤษมากกว่าไทยเป็นเพราะ "พวกเขามีวิธีการคัดเลือกครูสอนภาษาอังกฤษที่ดีกว่าไทย" ยกตัวอย่างเช่นเราเคยดูทีวีจีนผ่านเน็ตความเร็วสูงเห็นคนจีนที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษระดับมัธยมออกมาพูดภาษาอังกฤษ เขาพูดได้ดีมากๆ เท่านั้นไม่พอยังอธิบายหลักการด้านการสอนภาษาอังกฤษและวิธีแก้ปัญหาเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีเยี่ยม มีการศึกษาค้นคว้าเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แต่ครูสอนภาษาอังกฤษในระบบการศึกษาแบบไทยๆ เท่าที่เห็นมา กลายเป็น "ไม่เก่งอังกฤษ" คือสอนยังไงก็สอนเก่งสู้ติวเตอร์ดังๆ (ที่อยู่นอกระบบโรงเรียนแบบไทยๆ) ไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ เพราะครูในระบบทำงานเช้าชามเย็นชาม ไม่มีพัฒนาการแบบติวเตอร์ดังๆที่จะอยู่รอดได้ต้องมีการปรับปรุงตัวเองเพื่อให้แข่งขันในตลาดการกวดวิชาได้ ข้อผิดพลาดมันเกิดจากกฎระเบียบที่ว่าใครจะได้ใบอนุญาตครูเพื่อเป็นครูมัธยมได้ต้อง 1. จบศึกษาศาสตร์ หรือ 2. สอบ 9 ผ่านมาตรฐานวิชาครู ^ ซึ่งกฎระเบียบเหล่านี้มันไม่ได้ดึงดูดให้คนเก่งๆอังกฤษเข้ามาสอนเด็กไทยในระดับประถมและมัธยม เมื่อหลายปีมาแล้วเราเดินเข้าไปสมัครเป็นครูสอนภาษาอังกฤษกับโรงเรียนสอนภาษาแถวๆสยาม เจอฝรั่งคนอังกฤษซึ่งเป็นผู้บริหารสัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ และเขาเอา essay คนเรียนปริญญาเอกวิชาไฟฟ้าของมหาลัยปิดแห่งหนึ่งมาให้เรา edit (ตรวจแก้) จากนั้นเขาก็ให้เราเขียนภาษาอังกฤษอธิบายแผนการสอนภาษาอังกฤษว่าถ้าเราเจอนักเรียนที่เขียนภาษาอังกฤษได้แบบนี้เราจะวางแผนการสอนยังไง สร้างสื่อการสอนยังไง และวัดผลยังไง ฯลฯ เราทำทุกอย่างตามที่ฝรั่งทดสอบเรา แล้วเราผ่านการทดสอบได้งานทำ ^ กระบวนการทั้งหมดที่ฝรั่งชาวอังกฤษใช้ทดสอบเรา เขาต้องการดู 1. ว่าเราพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษมี syntactic errors of second language learners (ใช้ภาษาอังกฤษเพี้ยนๆแบบคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2) หรือไม่ เพราะถ้ามี มันคือ "จุดอ่อน" ของคนที่จะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เพราะจะกลายเป็นแม่ปูสอนลูกปูให้เดินไม่ตรง และ 2. ทดสอบความคิดสร้างสรรค์ของคนที่จะมาเป็นครู ถ้าไม่มีความคิดสร้างสรรค์ต่อให้มีใบอนุญาตครูสอนไปยังไงเด็กก็ไม่เก่งอังกฤษ ถ้าจับคนจีนที่เป็นครูในประเทศจีน (ที่เราดูสัมภาษณ์ทางทีวีผ่านเน็ต) กับจับติวเตอร์ดังๆของไทย มาทดสอบแบบที่ฝรั่งทดสอบเรานะ เราว่าคนจีนคนนั้นกับติวเตอร์ดังๆของไทย ผ่านการทดสอบหมด แต่ในทางกลับกันถ้าจับครูสอนภาษาอังกฤษที่มีใบอนุญาตครู (ที่สอนประถมและมัธยม) ทั้งประเทศไทยมาทดสอบแบบที่ฝรั่งทดสอบเรา เราเชื่อว่าครูในระบบที่มีใบอนุญาตต้องสอบตกมากถึง 80% หรือมากกว่านั้น! ^ ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู เราท้าพิสูจน์ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เราพูดเป็นจริง แล้วลองเปลึ่ยนวิธีรับสมัครครูสอนภาษาอังกฤษซะใหม่ อีกไม่กี่ปีไทยก็พัฒนาด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษได้ เพราะได้ครูที่เก่งกว่าเดิมเข้ามาในระบบ ........................................................... เราท้าคุณ คคห 4 พิสูจน์ความสามารถด้านการสอนภาษาอังกฤษ โดยให้ครูมีใบอนุญาตกับติวเตอร์ดังๆไปรับการทดสอบแบบที่ฝรั่งชาวอังกฤษผู้บริหารโรงเรียนสอนภาษาทดสอบความสามารถในการสอนภาษาอังกฤษขอเรา เมื่อผลออกมาแล้วคุณจะรู้ซึ้งว่า "ใครกันแน่ที่มีปมด้อย!" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 16:01:16

ความคิดเห็นที่ 7 ชื่นชมความเพี้ยนของคุณ fortuneteller ด้านภาษามานานแล้วครับ (คำชม 5555) #6 ช่วยแนะนำมาหน่อยสิครับว่า ถ้ามีอำนาจแก้ไขกฏระเบียบได้ จะทำอย่างไรให้กระตุ้นหรือลดอุปสรรคให้คนเก่งๆด้านนั้นจริงๆมาเป็นครู ควรเพิ่มหรือล้างกฏระเบียบข้อใด ? คือตอนนี้เคยฟังมาว่า มันมีกฏตั้งไว้กันท่าคนเก่ง เพื่อให้คนเรียนศึกษาศาสตร์มีที่ยืน จริงหรือไม่อยางไร ครับ? แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 55 17:34:18 จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:34:00

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเคยไปสมัคร ครูสอน คณิตศาสตร์ ระดับมัธยมของรัฐแห่งหนึ่ง ปรากฏว่า เขาไม่รับพิจารณาใบสมัครของผมเลยครับ ผมจบ ตรี โท วิศวะ แห่งหนึ่งแถวสามย่าน มีประสบการณ์เป็นติวเตอร์ เขาให้เหตุผลว่า ผมไม่มีใบ กค. และคุณวุฒิไม่ตรง ซึ่งผมก็ยอมรับครับว่าจริง แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ ผมก็เลยต้องไปเรียน ตรี คณิตศาสตร์ มาใหม่ เพื่อมาสมัคร ? จากคุณ : การศึกษาไทย เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:36:14 A:180.183.10.18 X: TicketID:333918

ความคิดเห็นที่ 9 ติดตามอ่านกระทู้ห้องสมุดแบบ เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ  ตอบ คห 3 และ คห 4 ได้เลยว่า คำตอบของ คุณ fortuneteller ไม่ "แหม่ง ๆ" และ ไม่เกี่ยวกับ "ปมด้อยทางการศึกษา"  ทว่า ประโยคสุดท้ายของ คห 4 เปิดคางให้ ชกเบาะ ๆ ซะหนึ่งหมัด  อาจมึนเล็ก ๆ   หากโต้ตอบ กระทู้นี้จะยืดยาวเป็นกระทู้แนะนำได้ง่าย ๆ จนทุกคนลืมคำถามของ จขกท "จบปริญญาตรีวิศวะ อยากเป็นครู ต้องทำยังไงบ้างคะ ? "  จากคุณ : lazyflood เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:58:53

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่า คห.1 เกินไปนะครับ คนอื่นเตือนก็ ฟัง ๆ ไว้บ้างก็ดีครับ ในสังคมเรามันมีคำว่าเหมาะสม ไม่เหมาะสมอยู่ กลับไปท้าครูในระบบซ้ำหนักเข้าไป จะเสียผู้ใหญ่นะครับ ผมว่า เมื่อสมัยเรียนมัธยมผมไม่ได้กวดวิชา ก็เอนทร้านซ์เข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่มีตรรกะวัดความเก่งระหว่าง ครูสอนพิเศษ กับ ครูในระบบหรอกครับ ครูสามจังหวัดชายแดน ครูตามเขาตามดอย แค่ใจเขาอยากเขายอมเป็นครูอยู่ที่นั่น ครูสอนพิเศษในเมืองก็ไม่ติดฝุ่นแล้วครับ คำว่าครูคงไม่ใช่แค่ เก่งกว่าไม่เก่งกว่ากันอย่างเดียวเท่านั้นหรอกครับ ตรรกกะว่าสอนไม่เก่งค่อยให้ไปเป็นครูในระบบ มันแหม่ง ๆ อย่าง คห.3 ว่าไว้จริง ๆ  หัดเคารพคนอื่นไว้บ้างก็ดีนะครับ ที่คุณพูดนี่ เท่ากับด่าครูทีเดียวทั้งประเทศเป็นแสนคนเลย แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 55 18:19:03 จากคุณ : LUCKPOWERRICH เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 18:15:50

ความคิดเห็นที่ 11 คห 1 ถ้าพ่อแม่ เข้าโรงพยาบาล เนี้ย เดือนละ 1 แสนก็คงจะไม่พอ จริงๆ เป็นครู พ่อแม่ ลูกรักษาฟรี จากคุณ : mak2010 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 18:27:40

ความคิดเห็นที่ 12 ทั้งหมดดูได้ที่เว็บและเว็บบอร์ดของคุรุสภา ลองใช้ google ค้นดูนะครับ ปล. สมาชิกขาประจำห้องสมุด รู้คำตอบของคุณ  fortuneteller ล่วงหน้าอยู่แล้วล่ะครับ ว่าจะตอบว่าอย่างไร เรื่องนี้มันมีหลายมิติให้มองครับ ขึ้นอยู่กับว่าอุดมการณ์กับความจริงของคุณมันบรรจบกันที่ตรงไหน มันก็ถูกที่ควรส่งเสริมคนเก่งเข้าไปในระบบ แต่ถ้าคุณรู้ความจริงจากการคำนวณคร่าว ๆ ว่า ในเวลาอย่างน้อย 300-30000 ปี ถ้ายังส่งเสริมด้วยวิธีปัจจุบันอาจจะเป็นไปได้ที่จะมีครูที่มีคุณภาพสักโรงเรียนละ 1 คน (สมมติว่าครูเป็นอมตะไม่ตาย) ดังนั้นก็ต้องมาตั้งคำถามว่าจริง ๆ แล้วคุณอยากทำอะไรแน่ แค่อยากสอนหรืออยากให้ความรู้หรืออยากทำอะไรตรงจุดไหน จากคุณ : mrgon เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 22:44:22

ความคิดเห็นที่ 13 ฮ่าๆๆ พอเป็นเรื่องครูทีไร ต้องมีกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโชยมาทุกที แนะนำให้ลองสอนดูจริงๆ ก่อนค่ะ สมัครโรงเรียนเอกชนก่อน ลองงานครูจริงๆ ดู งานครูไม่ได้มีแต่สอนค่ะ ที่เหนื่อยจริงๆ (สำหรับเรานะ) ไม่ใช่การสอนเด็ก ไม่ใช่การเตรียมการสอนหรืออกข้อสอบ ตรวจงานเด็ก แต่เป็นเรื่องงานเอกสารอื่นๆ ที่ต้องทำเพื่อหน้าตาโรงเรียน และระบบโรงเรียน(บางโรงเรียนนะ อย่าเพิ่งกลัวไป)ที่ไม่ช่วยให้พัฒนาตนเอง หรือแม้แต่จะสนับสนุนครูที่จะทำกิจกรรมเพื่อนักเรียน แล้วถ้าโอเค ค่อยขยับขยายไปก็ได้ค่ะ ครูเอกชน...ถ้าได้เป็นครูเอกชนใหญ่ๆ เงินเดือนไม่น้อยทีเดียว พออยู่ได้ แม้จะไม่ได้บรรจุราชการ แต่ก็ได้ขึ้นกับ สช. มีสวัสดิการในอีกแบหนึ่งเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าจะบรรจุจริงๆ หลังได้สอนจริงแล้ว ต้องสอบมาตรฐานวิชาชีพค่ะ 9 ข้อให้ได้ใบประกอบก่อน แล้วค่อยสอบบรรจุได้ค่ะ (แต่จะติดกำหนดเรื่องเอกวิชาหรือเปล่าไม่แน่ใจนะคะ ไม่รู้เรื่องนี้ค่ะ) จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 22:53:15

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกๆความเห็นมากนะคะ จริงๆ แล้ว จขกท เติมโตมาจากครอบครัวครูเลยค่ะ ทั้งพ่อ แม่ ลุง ป้า ในบ้านมีครู 5 คนเลยค่ะ ทุกคนรับราชการกันหมด มีสอนตั้งแต่อนุบาล ประถม ม.ต้น ม.ปลาย ขาดแต่อุดมศึกษาค่ะ พอทุกคนเห็นเรามีผลการเรียนค่อนข้างดี ทุกคนก็เลยสนับสนุนให้เรียนวิศวะ ที่จริงตอนเอนทรานซ์ จขกท ได้สอบวิชาวัดแววความเป็นครูด้วยค่ะ ได้คะแนน 89 เต็มร้อยด้วย แต่ที่บ้านไม่อยากให้เรียนครุศาสตร์ค่ะ ตอนนี้ครูๆ ที่บ้านรีไทร์กันหมดแล้วค่ะ และการสมัครเข้าเป็นครูเดี๋ยวนี้ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน จทกท เลยมาตั้งกระทู้ถามค่ะ ยังไงคงต้องเริ่มจากการสอนพิเศษก่อน คงจะง่ายที่สุด แล้วค่อยศึกษาระบบไปด้วยค่ะ ขอบคุณทุกความเห็นอีกครั้งค่ะ จากคุณ : via iPhone (glassheart02) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 23:16:05

ความคิดเห็นที่ 15 หากอยากมีอาชีพเป็นครู แบบสบายขึ้นมาหน่อย ขอสนับสนุนให้เรียนจบ ป โท ป เอก แล้วเข้าไปทำงานในมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบแล้วเช่น ม เทคโนโลยี สุรนารี  ม แม่ฟ้าหลวง ที่เงินเดือนสตาร์ตค่อนข้างสูง   เวลาสอน ก็ไม่มากเท่ากับ ใน รร มัธยม หรือ ประถม โอกาสที่จะได้ไปดูงาน เสนองาน วิจัยงานในต่างประเทศ ก็มีอยู่ ทุนให้เรียนต่อก็มากมายจะให้เลือก  จบเอกแล้ว โปรแกรม โพสต์ด็อก ก็ยังรออยู่ เอาไว้พิจารณา เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งก็แล้วกัน จากคุณ : ปากกัดตีนถีบ จีบไม่ลง (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 23:36:57

ความคิดเห็นที่ 16 กรณีของ จขกท.ซึ่งไม่ได้จบสายครูมาโดยตรง และเป็นเคสเดียวกับผม ผมได้ศึกษาลู่ทางมาแล้วมันเป็นแบบนี้ครับ กรณีถ้าจขกท.จะเป็นข้าราชการครู ซึ่งหมายถึงทำงานในโรงเรียนรัฐ ถ้าไม่มีใบประกอบวิชาชีพครูมาก่อนยากครับ เค้าจะไม่รับ  ผมจะแนะนำคือ 1.ให้จขกท.ไปสมัครครูที่โรงเรียนเอกชนก่อนครับ เพราะสังกัดเอกชนเค้าจะอนุโลมให้คนที่จะมาสมัครไม่จำเป็นต้องมีใบวุฒิครูมาก่อน แต่ว่าเค้าอนุโลมให้ได้ 2 ปีเท่านั้นครับ หลังจากนี้คุณต้องมีใบประกอบวิชาชีพครู 2.เมื่อจขกท.ได้งานที่โรงเรียนเอกชนแล้ว ทางโรงเรียนต้นสังกัดจะทำเรื่องไปยังคุรุฯเพื่อทำเรื่องขอใบอนุญาตการสอนชั่วคราวให้กับเรา ซึ่งทาง สช.เค้าจะส่งหนังสือมายังโรงเรียนเพื่อขอรายชื่อครูที่จะขอใบอนุญาตการสอนแล้วจะส่งไปยังสช.ครับ 3.หลังจากจขกท.ได้สอนเป็นงานเป็นการแล้ว  การที่จะมีใบประกอบวิชาชีพครูมี 2 แนวทางครับ   3.1 สอบมาตรฐานวิชาชีพครู 9 มาตรฐาน ซึ่งเปิดสอบทุกปี เข้าดูได้ที่เว็บคุรุสภาครับ ล่าสุดครั้งที่ 10 เพิ่งสอบไปหละมั้ง สอบผ่านจะได้ใบอนุญาตการสอน แล้วไปสอนในโรงเรียน สอนครบ 1 ปี กลับมารับใบประกอบวิชาชีพครู   3.2 เรียน ป.บัณฑิต  หลักสูตรนี้ยกเลิกไปแล้ว แต่ว่าเปิดเป็นกรณีพิเศษครับสำหรับคนที่เป็นครูโรงเรียนเอกชนแล้วเท่านั้น และต้องมีประสบการสอนมาแล้วอย่างน้อย 1 ปีและหลักสูตรต้องเรียน 2 ปีครับ - ข้อ 3.2 นี่ต้องลองเช็คข้อมูลบ่อย ๆ ครับ เพราะหลักเกณฑ์ที่ออกมาอาจมีการเปลี่ยนแปลง บางปีไม่เหมือนกัน เค้าว่ามางั้นนะ เลือกเอาครับจะเอาข้อไหน ที่จริงยังมีอีกทางนึงคือไปเรียนใหม่อีก 5 ปี ผมเชื่อว่าคุณคงไม่เอาแน่ ๆ .....555555 ที่จริงจะแนะนำว่าเป็นครูเอกชนไปก็ได้ครับ ดีเหมือนกัน แต่เลือกโรงเรียนใหญ่ ๆ ดี ๆ หน่อยครับ เพราะตอนนี้เค้ามีการปรับเงินเดือนกันแล้ว หมื่นต้น ๆ กันแล้วครับสตาร์ท และเค้าพยายามปรับสวสดิการเค้าดีเหมือนของรัฐ ต่อไปในอนาคตครูเอกชนคงไม่ใช่ลูกเมียน้อย เค้าว่างั้นนะ ถ้าให้ดีก็สอนพิเศษไปด้วยครับรายได้ดีมาก เพื่อนผมก่อนหน้านี้เรียน ป.โทไปด้วย สอนพิเศษไปด้วย รายได้ดีเกิน พักเรียนไว้ก่อนสอนอย่างเดียว สอนอยู่ราว 2 ปีได้ ออกรถป้ายแดง 1 คัน ส่งให้เมียเรียนโทอีกต่างหาก.....5555 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 55 23:40:40 จากคุณ : Davinciza เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 23:37:45

ความคิดเห็นที่ 17 สำหรับ คำตอบของ คห. 1 อย่างที่ คห. 12 บอก นะคะ สำหรับตัวเองแล้ว อยากให้ดู คห. 1 ว่า เขาเป็นคนที่เก่งมากทีเดียวในเรื่องการค้นคว้าภาษาอังกฤษและโลกอินเทอร์เนต  ถามกลับไปยังผู้อ่านว่า หากท่านได้คนเก่งอย่างมากเช่น คห. 1 เป็นครูสอนลูกท่าน ท่านยินดีหรือไม่?   ท่านจึงจะได้รับคำตอบว่า ครูที่ดีที่วิชาชีพครูต้องการนั้นเป็นอย่างไร สำหรับเจ้าของโพส  แนะนำให้ เรียน ป.ตรีทางการศึกษาใหม่ค่ะ แต่หากมีความคิดว่า เมื่อได้บรรจุเข้าเป็นครูแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนรัฐหรือเอกชน แล้วจะหารายได้พิเศษจากการสอนพิเศษ ได้โปรดหยุดความคิดที่จะเข้ามาเป็นครูในระบบเถิด   ไปสร้างงานพิเศษข้างนอกจะดีกว่า การเข้าเป็นครูในระยะเริ่มต้น ยุคใหม่เงินเดือนอยู่ที่ หมื่นห้าอยู่แล้ว และยิ่งมีอายุงานมากขึ้น เงินเดือนครูแต่ท่านเหยียบแสนทั้งนั้น  อย่ามองแค่แรกเข้า  ไหนจะสวัสดิการของท่าน  ไหนจะเงินสะสม เงิน ชพค. ฯ  ถ้าครูไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หลงใหลวัตถุ  ครูทุกท่านในบั้นปลายชีวิต ถือว่ามีฐานะในระดับหนึ่งทีเดียว ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า สิ่งที่วิชาชีพครูอยากเห็น ไม่ใช่ คนที่คิดอยากมีอาชีพครู  แต่วิชาชีพครูอยากเห็นคนที่เป็นครูโดยจิตวิญญาณ  ซึ่ง หลายคนมองไม่เห็น "จิตวิญญาณแห่งความเป็นครู" นั้น ดังนั้นวิชาชีพครูจึงต้องพยายามสร้างและพัฒนาสิ่งเหล่านั้น ผ่านกระบวนการผลิตบัณฑิตทางการศึกษา นั่นเอง จากคุณ : somkamol เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 08:50:19

ความคิดเห็นที่ 18 อืมมม !!  คิดได้หลายแง่น่ะ  สำหรับความเห็นของ คห.1 และ 6 1. ถ้าครูที่สอนเก่ง ๆ ไปสอนพิเศษกันหมด แล้ว ร.ร. ของรัฐจะมีครูเก่ง ๆ ที่ไหนมาสอนล่ะ ? 2. ที่บอกว่า " ไปสอนพิเศษให้รวยไปเลย แล้วเอาเงินไปช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส " กับ ไปสอนเด็กด้อยโอกาส โดยที่ไม่ต้องช่วยเรื่องเงิน (ให้ช่วยสอนแทน) อย่างไหนน่าจะดีกว่ากัน (ในด้านคุณธรรม) 3. เก่งอย่างเดียว แต่ไม่เสียสละ ไม่คุณธรรม ก็กระไรอยู่ ? ยอมรับว่าคุณ fortuneteller เขาเก่งเรื่องภาษาอังกฤษมาก ๆ อาจเป็นเพราะได้ไปคลุกคลีใช้ชีวิตอยู่ในทางประเทศเป็นเวลานาน  เลยอาจติด-ซึมซับความเห็น ค่านิยม หรือวัฒนธรรมของชาวต่างชาติมาบ้างในบางเรื่อง  แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรลืมเรื่องการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม หรือคุณธรรม จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 16:40:22

ความคิดเห็นที่ 19 ผมรับราชการครู เป็นครูทุนรุ่นใหม่ไฟแรง ร้อนวิชา และเป็นติวเตอร์สอนเด็กเข้ามหาวิทยาลัยมากมาย และอีกด้านคือครูที่สอนในห้องเรียน ผมจะบอกติวเตอร์ทั้งหลาย ที่ไม่ใช่ครูและชอบดูถูกครูว่าสอนไม่ดี ผมเคยเป็นแบบนั้น แต่เมื่อผมมาเป็นครู ต่อให้เราสอนดีแค่ไหนทุ่มเทในห้องเรียนแค่ไหน ผลลัพธ์ที่ได้ต่างจากการสอนในสถาบันราวฟ้ากับดิน ผมพยายามลบคำสบประมาทว่า ครูที่สอนกวดวิชาจะชอบกั๊กวิชา ผมสอนทุกสิ่งทุกอย่าง สูตรทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี ทั้งวิธีเต็มวิธีลัด ทั้งสูตรและไม่สูตร ผมทำให้เด็กในห้องเรียนปกติ เก่งไม่เท่ากับในสถาบันได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร(เด็กในห้องไม่ได้เรียนพิเศษเลยแม้แต่ที่เดียว) เด็กจำได้วันนี้ และพรุ่งนี้ลืม จะมีเพียงความประทับใจต่อครูผู้สอนว่าทุ่มเทเท่านั้น แต่การสอนในสถาบัน เด็กจำได้ดีกว่ามาก คงเป็นเพราะวันหนึ่งเรียนแค่วิชาเดียว ในห้องแอร์เย็นๆ และที่สำคัญเสียเงิน(ผมเคยสอนฟรีจ่ายแค่ค่าเอกสาร แต่เด็กนักเรียนไม่ให้ความสำคัญ มาบ้างไม่มาบ้าง ติดนั่นนู่นนี่) ดังนั้น คุณ fortuneteller ดูถูกครู คุณพลาดแล้ว เพราะคุณไม่ได้เผชิญการสอนในห้องเรียนอย่างครูในโรงเรียน ผมกล้าพูด ผมไปสอน นักเรียนประทับใจผมมากครับ ฮากันกระจาย และนักเรียนไม่ลืมผม แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมจึงอยากบอกว่า อย่าดูถูกครูในโรงเรียนให้มากนัก เพราะผมกับคุณก็คงจะเก่งไม่ต่างกัน แต่ที่ผมมีเหนือกว่า ก็คือผมไม่เคยคิดจะดูถูกคนอื่นครับ และผมให้เกียรติอาชีพอื่นเสมอ... แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 23:07:03 จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:04:47

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านคห1แล้วมันขอสักนิดแล้วกัน.. .ขอตอบแทนเด็กๆๆนะคะว่าเด็กก็อยากได้ครูภาษาอังกฤษที่เก่งๆๆมาสอนคะ..ยิ่งถ้าได้คนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงอย่างคุณด้วยนี่จะดีมากๆๆเลยคะ..แต่ถามหน่อยโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษามีนักเรียนอ1-ม.3สภาพโดยรวมของโรงเรียนนักเรียนยากจน ใช้น้ำปะปาหมู่บ้าน ถนนดินลูกรัง รร.ห่างจากตัวอำเภอ6กิโลเมตร เข้าจากถนนใหญ่อีก4กิโลเมตร นักเรียนใช้ภาษาถิ่น(โคราช) ในการสื่อสาร. เอาแค่นี้แล้วกันเดี๋ยวยาว.เราก็อยากท้าความสามารถเรื่องภาษาอังกฤษของคุณเหมือนกันว่าไหวเปล่า..(ปกติเราสอนกัน22ชั่วโมงต่อสัปดาห์)เพราะสอนทุกวิชา .. แต่ถ้าคุณสนใจเราให้คุณสอนแค่ป.1-ป.6ชั้นละ2ชั่วโมงต่อสัปดาห์คะ.สนใจหลังไมค์หาเราได้เลยนะคะเราชอบคนเก่งๆๆยังงี้มาช่วยโรงเรียนเราด้วยเพราะโรงเรียนเราคะแนนต่ำสุดในเขตพื้นที่เลยคะ..ไม่เกี่ยงเรื่องใบประกอบวิชาชีพ. จากคุณ : สมครือ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:14:07

ความคิดเห็นที่ 21 ถามเจ้าของกระทู้ว่าเรื่องต่อไปนี้ -ที่มีเด็กไม่ชอบเรียนวิชาของเรา นั่งเล่น นั่งคุย เรียนไปก็ไม่รู้เรื่อง -งานอื่นที่ไม่ใช่งานสอน ทั้งพัสดุ งานกิจการนักเรียน ไล่ล่าเด็กนั่งดูดบุหรี่ในห้องน้ำ -วัฒนธรรมองค์กร คนทำงานแทบตาย อีกคนไม่ทำอะไรเลย นั่งเล่นไปวันๆ สอนก็ไม่ค่อยจะสอน กลับได้ขั้นเงินเดือนเท่ากัน -เด็กประถม สั่งอะไรก็ทำ หลอกง่าย แค่บอกว่าจะให้ดาว ทำกันลืมตาย แต่เด็กมัธยมเริ่มฉลาด(ในทางโง่ๆ) ไม่ชอบก็จะไม่เรียนเลย ท่านรับได้หรือไม่ - ถ้ารับได้ ก็มาเป็นครูในระบบครับสำหรับมัธยมนะ - แต่ถ้ารับไม่ได้ ไม่แนะนำ ควรไปเป็นติวเตอร์ดีกว่า รายได้ดีกว่า แถมเจอเฉพาะเด็กที่อยากเรียนเท่านั้น ไม่ต้องเจอพวกเกกมะเหรก เกเร แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 55 03:40:50 จากคุณ : ICBM (ICBM) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 02:52:28

ความคิดเห็นที่ 22 คห21ถูกต้อง..เราทำปพ11เล่มอีกคนทำ4เล่มแต่ก็ไม่เคยส่งเลยเป็นเวลาเกือบ2ปี.แต่ผู้บริหารก็มิมีปัญญาทำอะไรได้.เอาแค่เบาะๆๆไม่รวมหนี  แอบเนียน ลาบ่อย. หายประจำ กลับก่อนมาหลัง. เอาเปรียบทุกช่องที่มีโอกาส.    รับไหวเปล่าคะ จากคุณ : สมครือ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 16:08:12

ความคิดเห็นที่ 23 ตาม คห.16 ค่ะ ดีทีสุด ถ้าอยากเป็นครูจริงๆ และเผลอๆ เป็นครูเอกชนทำงานหนักกว่าครูรัฐบาลอีกนะคะ แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 11:27:43 จากคุณ : ยิ้มหน่อยน่า เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 11:27:00