ความคิดเห็นที่ 1 เพลงเพราะจังนะครับ ดอก....เอื้อง กล้วยไม้ ได้แค่นี้ครับ จากคุณ : toyui เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 16:36:27

ความคิดเห็นที่ 2 ลองลิสต์ดู เดี๊ยนว่าถามผู้แต่งจะดีที่สุดค่ะ ไม่ก็โต๊ะจตุจักร -_-" สารปี = สารภี จุ๋มปี๋ = จำปี กุหลาบ ราตรี มะลิซ้อน ภู่ระหง เอื้องผึ้ง (ไม่ทราบ) เอื้องแซะ (ไม่ทราบ) บัวระวง (ไม่ทราบ) กาหลง = เสี้ยวดอกขาว กระมัง ลองเสิร์ชดูเพิ่มค่ะ เดี๊ยนเสิร์ชมาได้ประมาณนี้ จ๊างน้าว (ไม่ทราบ) จ๊างแดง (ไม่ทราบ) ต๋ายเหิน (ไม่ทราบ สงสัยว่ามันชื่อ จ๊างแดงต๋ายเหิน รึเปล่า) เอื้องเงิน (ไม่ทราบ) ดอกเป้า (ไม่ทราบ สงสัยว่าจะเป็นอันเดียวกับ ต้นเป้า คือ เปล้า ในภาษากลาง) ตะเคียน ดู่ = น่าจะประดู่ แงะ (ไม่ทราบ สงสัยว่ามันชื่อ ดู่แงะ รึเปล่า) เอื้องสา (ไม่ทราบ) ไทร ผิดพลาดก็ขออภัยนะคะ สรุปพวกดอกเอื้องนี่ตอบไม่ได้เลย แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 16:52:07 จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 16:50:01

ความคิดเห็นที่ 3 เอื้องผึ้ง เอื้องแซะ เป็นดอกกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง เดาว่าเอื้องสา เอื้องเงินคงเป็นดอกกล้วยไม้ตระกูลเอื้องเช่นกัน จากคุณ : pumpond เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 17:32:27

ความคิดเห็นที่ 4 เอื้องผึ้งค่ะ จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:10:29

ความคิดเห็นที่ 5 เอื้องเงิน แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 05:25:18 จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:12:47

ความคิดเห็นที่ 6 จ๊างแดง - ช้างแดง จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:13:41

ความคิดเห็นที่ 7 ในเพลงต๋ายเหิน จริงๆชื่อดอกต๋าเหินเจ้า (มหาหงษ์) จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:17:52

ความคิดเห็นที่ 8 ที่บอกว่าเอื้องสา จริงๆมันคือเอื้องสายเจ้า มีหลายสี จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:20:39

ความคิดเห็นที่ 9 เอื้องสาย จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:21:42

ความคิดเห็นที่ 10 ดอกก๋าหลง จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:22:56

ความคิดเห็นที่ 11 ดอกบัวละวง (พุทธรักษา) จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:24:52

ความคิดเห็นที่ 12 นอกจากในเพลงนี้แล้วขอแนะนำ ดอกเก็ดถะหวา แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 05:24:45 จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:31:09

ความคิดเห็นที่ 13 ก๋าสะลอง (ดอกปีบ) จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:31:56

ความคิดเห็นที่ 14 ดอกแก้ว (พิกุล) จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:35:21

ความคิดเห็นที่ 15 ซอมพอ(หางนกยูง) จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:37:24

ความคิดเห็นที่ 16 ส่วนดอกระมิงค์(ชื่อเพลง)นั้นเป็นนัยยะแฝงเจ้า ระมิงค์คือ ชื่อน้ำปิง ดอกระมิงค์ที่ว่าคือดอกไม้ทั้งหลายในลุ่มน้ำปิง ยินดีที่สนใจ๋ภาษาเหนือเจ้าท่านเจ้าของกระทู้ ^_^ จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:39:57

ความคิดเห็นที่ 17 หางนกยูงฝรั่ง น่าจะเรียก ซอมพอหลวง รึเปล่าคะ จริง ๆ บ้านเดี๊ยนก็เรียกรวมว่า ซอมพอ สำหรับทั้งไทยทั้งเทศ หรือถ้าหางนกยูงฝรั่ง ก็จะเรียกดอกหางนกยูงไปเลย สำหรับเก็ดถะหวาควรเป็น พุดซ้อน คุณ ผู้หญิงเลือดเย็น เจ๋งมากอะ แต่เดี๊ยนให้กิฟว์แค่ 3 คะแนนพอนะคะ งกค่ะ 555 จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 19:09:46

ความคิดเห็นที่ 18 จ๊างน้าว  คือช้างน้าว  หรือเอื้องจ๊างน้าว มีสองอย่างค่ะ ถ้าเป็นช้างน้าว เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดมุกดาหาร  ส่วนเอื้องจ๊างน้าวเป็นกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง ดูจากบริบทแล้วน่าจะเป็นเอื้องจ๊างน้าวนะคะ จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 20:35:25

ความคิดเห็นที่ 19 ลืมราชินีดอกเอื้อง เอื้องแซะ เจ้า เอื้องแซะ เอื้องแซะ ของสูงล้ำค่า......คนต่ำใต้ลุ่มฟ้าอย่าหมายได้ชมเชย ตำนานความรักที่ข้องเกี่ยวกับดอกไม้มีอยู่มากมาย เรื่องที่นำมาเล่าครั้งนี้คือเรื่องของ “เอื้องแซะ” แต่เดิมเบื้องโบราณแต่ก่อนมา เอื้องแซะถูกจัดว่าเป็นไม้ต้องห้ามของราชวงศ์ล้านนาเมื่อ ๗๐๐ กว่าปีที่แล้ว เป็นเครื่องสักการะชั้นสูง เป็นบรรณาการ (ส่วย) อย่างหนึ่งที่ชาวลัวะที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอนส่งให้เจ้ามหาชีวิต หรือกษัตริย์ผู้ครองล้านนาแทนการเกณฑ์แรงงาน เป็นของสูงค่าจากผืนป่าสู่คุ้มหลวงแลหอคำ คนต่ำใต้ลุ่มฟ้า อย่าหมายว่าจะได้ยล เอื้องแซะจัดเป็นไม้ตระกูลหวาย ดอกบานในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม ดอกมีกลิ่นหอม กลีบดอกมีสีขาว เมื่อบานแล้วนานวันเข้าจะกลายเป็นสีแสดแกมเหลือง ชาวแม่สะเรียงนิยม นำมาบูชาพระ หรือประดับบ้านเรือน โดยปักใส่กระถางที่มีดินทรายพอให้ชื้น ดอกเอื้องแซะจะส่งกลิ่นหอมอยู่ได้เป็นเวลานาน สาวเมืองเหนือนิยมนำดอกเอื้องมาแซมผม ชายใดที่เอาเอื้องแซะแซมผมให้คนรัก จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนรักรู้ว่า เขารักเธอจริง ยกย่องเธอเสมอเหมือนที่เอื้องแซะเป็นของสูงก็ต้องคู่ควรกับสาวเจ้า ตำนานนั้นบอกว่ามีหนุ่มสาวคู่หนึ่ง รักกันมาก วันหนึ่งผู้บ่าวของสาวเจ้าบอกว่าจะไปหาเงินทองของหมั้นมาหมายมั่นสาวเจ้า สาวเจ้าเข้าใจในเหตุผลของคนรักจึงบอกว่าไปเถิดข้าเจ้า (น้อง) จะรอ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ผู้บ่าวก็ไม่กลับมาแม้แต่ข่าวคราวสาวเจ้าก็ไม่ได้รับ เธอไม่แม้แต่สักนิดที่จะคลางแคลงใจว่าคนรักจะลืมเลือนหรือแปรใจให้คนอื่น เสียแล้วหรือแม้แต่ว่าเขาได้ล้มหายตายจาก เธอยังคงรอด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ทุกคืนก่อนนอนเธอจะไหว้พระ อธิษฐานให้คนรักกลับคืน จนถึงเวลาที่เธอต้องละสังขาร ด้วยจิตที่ยังผูกพัน วิญญาณเธอจึงลอยไปหุ้มห่มเป็นขนสีดำเหมือนความเศร้าในจิตใจกับกิ่งก้านดอกเอื้องแซะ ยามดอกบาน จะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกพิกุล แต่ไม่ใช่แต่หอมแบบลึกลับ ชวนหลงใหล กลิ่นหอมจะขจรขายไปตามสายลม สาวใดได้กลิ่นนั้นก็เหมือนกับว่าได้มาไว้แซมผม ข้อมูลจาก http://www.chiangmai-thailand.net จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 05:26:54

ความคิดเห็นที่ 20 คห. ๑๙ มิน่าเล่า.. ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสจัดงาน ปอยข้าวสังก์ ถวายตานหาพญามังราย เมื่อ เจียงใหม่เข้าปีที่ ๗๐๕ ก่อนวันงาน.. เพื่อนบอกว่า.. รู้สึกว่า งานนี้แรงมากๆ เกิดเรื่องไม่ดีที่บ้าน แปลกๆ (เราไม่เข้าใจง่ะ) แต่ได้ฝันถึง สงคราม คนนอนตายเต็มไปหมด และมีทหารตัวโต ท่านหนึ่งมาต่อว่าเรา อวดดียังไงมาจัดงานทำบูญให้พญามังราย.. เราตอบว่า เราไม่ได้แสดงความอวดดี แต่ต้องการแสดงความกตัญญูต่อพระองค์ท่านและแผ่นดินเกิด ก็รู้สึกตกใจ ชวนเพื่อนไปสูมาคารวะในสถานที่ต่างๆของพญามังราย ต่อมาได้มีเจ้านาง ๒ พระองค์มาเข้าฝัน คืนแรก ท่านมีใบหน้างดงามมาก เกล้าผมแบบเปิดหน้าผากแบบคนเมือง แซมมวยผมด้วยดอกเอื้องแซะ หรือ เอื้องคำ สีเหลือง ทรงภูษาสีเหลืองอร่าม ห่มสไบ และในคืนต่อมา ก็เป็นเจ้านางอีกพระองค์ ใบหน้าเปลี่ยนแปลง พระองค์นี้จะตาเรียวเล็กกว่า แต่แต่งกายเหมือนกันทุกประการ ทั้ง 2 ท่านยิ้มให้เรา อย่างให้กำลังใจ ว่าทำดีแล้ว ตอนหลังได้ทราบว่า พญามังราย มีพระมเหสี 2 พระองค์ ที่ปรากฎในหลักฐาน และอาจมีเพียง 2 พระองค์ เพราะมีพระโอรส 7-8 คนเท่านั้น พระนางหนึ่งสวรรคต ตั้งพระศพไว้ที่เวียงกุมกาม พญามังรายเศร้าพระทัยมาก จึงไปรบพะโค(หงสาวดี) แต่เจ้าเมืองกลับยกพระธิดา เรียกว่า นางปายโค พร้อมช่างฝีมือถึง 500 ครอบครัวให้พญามังราย จากคุณ : กุหลาบแวร์ซาย เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 12:46:20

ความคิดเห็นที่ 21 คห. ๒๐ จริงๆแล้วไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เราไม่ได้อวดดีอะไร เราทำด้วยความเคารพ ไว้ได้ไปเวียงกุมกามก็ลองเข้าไปวัดช้างค้ำ แล้วไปไหว้สาพญาท่านได้เจ้า ข้าเจ้าไปทุกครั้งที่กลับเชียงใหม่ เมื่อปลายปีก่อนข้าเจ้าเขียนนิยายเกี่ยวกับล้านนา คืนหนึ่ง..อยู่ดีๆก็ฝันว่า พระราชชายาดารารัศมีมาตรัสถาม "เป๋นจะไดพ่อง" ข้าเจ้ารู้สึกดีเจ้า พอกลับเชียงใหม่ ก็จะไปไหว้กู่ของพระองค์ที่วัดสวนดอก แต่แปลกนักไปกี่ครั้งๆ ก็หากู่ของเจ้าน้อยศุขเกษมบ่เจอ จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 18:41:21