ความคิดเห็นที่ 1 “ตัวอย่างของความล้มเหลวในการทำการบ้าน (ภาพจาก FaceBook ซึ่งไม่ทราบต้นตอแรกจริงๆ )” จากคุณ : หมาป่าดำ เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 10:33:24

ความคิดเห็นที่ 2 ในความคิดของผม   ผมคิดว่า การที่เด็กได้รับการบ้าน  ส่วนหนึ่งเป็นการวัดความใส่ใจของพ่อแม่ ที่มีต่อการเรียนของลูก   สำหรับโรงเรียนลูก การบ้านไม่เยอะไม่หนักหรอกครับ  แต่เวลาลูกทำการบ้านแล้วเราไปนั่งดูลูก  เราจะเข้าใจได้ส่วนหนึ่งว่า ลูกเราเรียนวิชานั้น ๆ ได้เข้าใจมากน้อยแค่ไหน  อย่างเมื่อคืนลูกได้การบ้านเลข ป.6   นั่งทำไป ลูกชักไม่แน่ใจในคำตอบ เค้าก็มาถามเพื่อให้เราตรวจคำตอบให้   ซึ่งถ้าผิด เราก็แก้ ก็สอน    ส่วนถ้าเค้าทำถูกแล้ว  ก็เบาใจว่า  ลูกเข้าใจบทเรียน แต่ถ้าการบ้านหนักเกินไป จนขนาดที่ว่า กลับมาถึงบ้าน นั่งทำจนดึกจนดื่น  แบบนั้น ผมไม่เห็นด้วยแน่นอน จากคุณ : สามทับหนึ่ง เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 10:48:04

ความคิดเห็นที่ 3 สมัยที่ยังเรียน...ผมทำการบ้านเสร็จอย่างเร็วเลย และผลการเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วย มันเหมือนช่วยเราทวนความจำในสิ่งที่เพิ่งเรียนมา ผมว่าดีนะ...ถ้าให้แบบพอดีพอดี จากคุณ : tig-tog เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 10:49:43

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องการบ้านกับผลการเรียน คิดว่าขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่ของตัวเด็กเองมากกว่าครับ ถ้าเด็กคนไหนใส่ใจการเรียน การบ้านก็จะช่วยได้มากในการทบทวนบทเรียนที่ผ่านมา รวมถึงเทคนิคการคิดในรูปแบบต่าง ๆ เวลาไปเจอข้อสอบจริงไม่ว่าจะพลิกแพลงไปอย่างไรก็สามารถจัดการได้ แต่ถ้าเด็กไม่เอาใจ ทำแบบขอไปที ถึงเวลาก็ลอกคนอื่นส่งไป ก็คงเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ทางออกของเรื่องนี้ก็คงอยู่ที่ทางสายกลาง ให้การบ้านแต่พอดี ๆ ให้เด็กมีเวลาได้พักบ้าง ไม่ใช่ว่าทำการบ้านแค่วิชาเดียวก็แทบตายแล้ว แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 55 11:14:25 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 55 11:10:44 จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 11:05:33

ความคิดเห็นที่ 5 ลำพังเวลาในห้องเรียนมันไม่พอคิด ไม่พอทำแบบฝึกหัดฮะ เค้าเลยต้องให้เด็กมันนั่งทำที่บ้าน หรือนอกเวลาเรียน เช่น พักกลางวัน หรือหลังเลิกเรียน ซึ่งแบบฝึกหัดเนี่ย เป็นส่วนสำคัญเลยนะฮะ ที่จะทำให้เด็กเข้าใจบทเรียนจริงๆ รวมถึงสร้างทักษะเกี่ยวกับบทเรียนด้วย จากคุณ : Thirdwave เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 11:11:12

ความคิดเห็นที่ 6 คิดว่าการบ้านยังจำเป็นต้องมีตราบใดที่เรียนเป็นห้องไม่ได้เรียนตัวต่อตัว เด็กรับสารไม่เท่ากัน บางคนที่ตามไม่ทันผู้ปกครองจะได้ทราบตอนดูลูกหลานทำการบ้่นว่าไม่เข้าใจตรงไหน จะได้สอนเสริม เด็กๆก็จะตามทันในชม.เรียนต่อไป นอกจากนั้นางวิชาต้องใช้ทักษะจากการฝึกฝน ไม่ใช่เด็กทุกคนจะเป็นอัจฉริยะ เรียนปุ๊บแล้วเข้าใจอย่างถ่องแท้ในทันที อย่างคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์  หรือแม้กระทั่งวชาศิลปะ ดนตรี ถ้าไม่วาด หรือซ้อมบ่อยๆ ก็คงไม่ได้ การบ้านที่มีประโยชน์จะต้องอยู่ที่ครูอธิบายให้เด็กฟังว่าเผิดเพราะอะไร  แต่ถ้าครูไม่มีเวลาผู้ปกครองก็ต่องอธิบายได้ ส่วนการบ้านที่แย่คือการบ้านที่จำกัดวิธีคิด ให้คิดแต่ในกรอบ ถ้าคิดต่างก็ให้ผิด การบ้านในฝันของเราคือโปรเจ็คขนาดย่อมที่เด็กจะได้ใช้ความรู้ในวิชาต่างๆที่เรียนมา เชื่อมโยง เพื่อแก้ปัญหา รูปการบ้านที่คุณจขกท.ยกตัวอย่างมา เราว่าไม่ใช่การบ้านที่มีปัญหา คนทำต่างหากที่มีปัญหา และคนตรวจด้วยถ้าให้ผ่านไปโดยไม่อธิบาย เคยสอนหลานชายทำการบ้านทำนองนี้ บางประโยคเด็กๆก็จะแต่งง่ายๆ เป็นหน้าที่คนสอนจะต้องอธิบายว่า ไม่ผิดไวยกรณ์ แต่ไม่มีความหมาย หรือถ้ายืนยันจะแต่งประโยคแบบนี้ เช่นแม่กินบ้าน ก็ต้องอธิบายว่าทำไมแม่ถึงกินบ้านได้ เพราะคนไม่สามารถกินได้ หลานก็จะบอกว่าสมมติว่าแม่เป็นเอเลี่ยน จึงสามารถกินได้เพราะไม่ใช่คน จากคุณ : simiach เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 11:15:10

ความคิดเห็นที่ 7 จะเรียนอะไรมันก็ต้องทบทวนครับถึงจะได้ความรู้ และการบ้านเป็นวิธีบังคับให้เด็กทบทวนที่เหมาะสมกับการเรียนการสอนดีแล้วครับ สงสัยอะไรประหลาดมาก จากคุณ : J-Renderer เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 11:17:21

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ได้ทำให้ฉลาดขึ้นโดยตรง แต่เป็นการฝึกให้ทบทวนและลงมือทำ ควรมีไม่มากเกินไป และอยู่ที่ตัวเด็ก ทำก็ได้กับตัวเอง ขี้เกียจก็ไม่ได้เท่านั้น จากคุณ : sacrifar เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 11:26:32

ความคิดเห็นที่ 9 อยากให้เด็กสมัยนีั้ นอกเวลาเรียน น่าจะแบ่งเวลาทำการบ้านมาออกกำลังกายทำกิจกรรมนันทนาการ รีครีเอชั่น กพอ สลน จริยธรรม ทำกับข้าว ทำงานบ้านให้มากขึ้นอะค่ะ แบบเรียนให้ใช้ชีวิตเป็นธรรมชาติ รู้จักสิ่งรอบๆตัวและหยิบจับมาใช้เป็น เรียกว่าคิดเป็น แต่เดี๋ยวนี้บ้าเรียนกันมากไป แล้วก็ไม่ได้อะไร วันๆ เจอรถติดทั้งเช้าทั้งเย็น กลับมา ทำการบ้านอีก เอาเวลาที่ไหนพักผ่อน อยู่กับครอบครัว ชีวิตนอกจากเรียนแล้วทำไรเป็นมั่ง สุขภาพย่ำแย่อีก เฮ้อ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 11:47:42

ความคิดเห็นที่ 10 ตาม คห.6 หลานมีแม่เป็นเอเลี่ยน ส่วนตัวลูก ผมว่า เป็น ศรีธนญชัย นะ การบ้านเด็กที่มากไปหรือยากไป ผมว่าไม่มีประโยชน์จริง ๆ ผมเคยถามหลานที่เรียนแค่ ม.ต้น ว่า ครูให้เงนเดือนเท่าไหร่ ทำไมสั่งงานอย่างกับ นักเรียนเป็น พนักงานออฟฟิศ การบ้านอะไรหนาเป็นปึก บางทีร้อยกว่าหน้า แถมสั่งอย่างนี้เทอมนึงตั้งสิบกว่าหน ค่าหมึก ค่ากระดาษปริ๊นท์ หมดเป็นพัน  นั่นสิ มันมีประโยชน์อะไร จากคุณ : LUCKPOWERRICH เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 12:01:26

ความคิดเห็นที่ 11 ฟังความเห็นน้องๆ จากห้องสยาม http://www.pantip.com/cafe/siam/topic/F12928209/F12928209.html ความคิดเห็นที่ 6   ที่ฟินแลนด์ เด็กห้ามมีการบ้านจนกว่าจะอายุ 16 ผลจากการเทียบคะแนนระดับคุณภาพของการศึกษา ฟินแลนด์ได้อันดับหนึ่ง สอง ทุกๆปี พอเด็กเรียนเสร็จ บ่ายสอง ก็เห็นไปเล่นดนตรี เล่นกีฬา เล่นบ้านเพื่อน เล่นเกมส์ ทำโน่นนี่นั่นกัน จากคุณ : ดี้ เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 10:56:55 A:124.122.248.185 X: TicketID:159640 ^^ จริงหรือ น่าไปดูการเรียนการสอนที่นั่น จากคุณ : หมาป่าดำ เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 12:07:53

ความคิดเห็นที่ 12 การบ้าน สำหรับเด็กผมไม่รู้นะว่าฉลาดขึ้นไหม แต่ การบ้าน สำหรับผัว - เมีย ผมนอนยันว่าสุขภาพดีขึ้นแน่นอน จากคุณ : กามบ้าน (ราชันย์ยาสูบ) เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 12:13:06

ความคิดเห็นที่ 13 ขออนุญาตแสดงความเห็น ประเทศไทยนี้มันแปลกๆ เวลาสอนใน รร ก็มีกรอบการสอนอยู่กรอบหนึ่ง แต่เวลาสอบวัดผล หรือสอบแข่งเรียนต่อ(ใน รร รัฐ) กลับต้องการให้เด็กพลิกแพลง หรือต้องการเด็กที่มีความรู้ความสามารถมากกว่าในกรอบที่สอน ตกลงกรอบการสอนใน รร มันแย่จนไม่ครอบคลุม หรืออย่างไรกัน คนถึงต้องการให้เด็กเก่งกว่าที่สอน จากคุณ : สมุด เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 12:18:53 A:124.120.48.181 X: TicketID:353833

ความคิดเห็นที่ 14 ในห้องเรียนบางทีเวลาไม่พอจริง ๆ ค่ะ ยกตัวอย่างการท่องสูตร ท่องคำศัพท์ ทบทวนลำดับการคำนวณ เคยผ่านตาหนังสือที่มีเกร็ดเกี่ยวกับสมองและการเรียนรู้ เขาว่าควรพักทุก 50 นาที ทบทวนทุก 21 วัน อะไรประมาณนี้ ซึ่งทฤษฎีเหล่านี้ คิดว่าครูรุ่นใหม่ ๆ จะได้เรียน พวกเกี่ยวกับสมองซีกซ้าย-ขวา และงานวิจัยหลายปีก่อนที่บอกว่า การรับรู้อะไรก่อนนอน จะช่วยให้จำได้ดี ถ้าไม่ง่วงเหงาโสลเสลขณะนั่งทำไปซะก่อนนะคะ จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 12:40:54

ความคิดเห็นที่ 15 การเรียนที่ดีต้องมีการทบทวนเป็นระยะๆ ครับ ถ้าแค่ฟังในห้องครั้งเดียวแล้วไม่ได้ทบทวนต่อเดี๋ยวเดียวก็ลืม การทบทวนไม่จำเป็นต้องเป็นรูปแบบการบ้านก็จริง (เช่น อาจจะเป็นการอ่านแบบเรียนซ้ำ) แต่การบ้านมักจะมีเคสแปลกๆ ที่นอกเหนือไปจากเนื้อหาหรือตัวอย่างในหนังสือครับ และการบ้านทำให้นักเรียนต้องนำสิ่งที่เรียนมาใช้เพื่อแก้ปัญหาจริงๆ ด้วยตัวเอง ดังนั้น มันจึงเป็นการฝึกฝนการคิดและประยุกต์ใช้ได้มากกว่ามาทบทวนเลคเชอร์หรืออ่านหนังสือเรียน ข้อดีอีกอย่างก็คือ การบ้านเป็นการกึ่งๆ บังคับให้นักเรียนต้องกลับไปทบทวน ที่บอกว่า "กึ่งๆ" ก็เพราะว่าสุดท้ายแล้วถ้าคนมันขี้เกียจจริงๆ ก็มีหลายวิธีที่จะหลีกเลี่ยงการทำการบ้าน (อย่างเช่น ลอก หรือไม่ทำมันซะเลย) แต่สำหรับคนที่ขยันอยู่แล้วหรือคนที่อาจจะไม่ได้ขี้เกียจแต่ต้องมีอะไรมากระตุ้นจึงจะลงมือทำ มันมีประโยชน์แน่ๆ แต่ก็เห็นด้วยว่าการบ้านมากเกินไปมันส่งผลเสียมากกว่าผลดี อย่างแรกเราน่าจะยอมรับกันอยู่แล้วว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (หรือคะแนนสอบ) มันเป็นส่วนที่สำคัญเพียงส่วนหนึ่งในชีวิต แต่ส่วนอื่นๆ อย่างการปฏิสัมพันธ์, ครอบครัว, สุขภาพกาย, ความรู้อื่นๆ นอกห้องเรียน ฯลฯ นั้นก็สำคัญพอๆ กัน ถ้าการบ้านมันมากจนไปเบียดบังสิ่งเหล่านี้มันก็ไม่ดีแน่ๆ จากคุณ : ขุนพลวรมันต์ เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 13:32:31

ความคิดเห็นที่ 16 การบ้านเห็นด้วย แต่กวดวิชาไม่เห็นด้วย จากคุณ : tanacar เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 14:11:39

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยกับบทความนี้อย่างเต็มที่ ตอนเรียนประถมเรียนโรงเรียนฝรั่ง ให้การบ้านแต่ละวันวางหนังสือเรียงกันสูงเกือบเป็นศอก เราทำไม่ทัน ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ถ้าไม่ทำก็ถูกหวด ที่สุดก็คือการลอกการบ้านเพื่อน โดยไปโรงเรียนเร็วหน่อย การเรียนสมัยเด็กเป็นอะไรที่ขมขื่นมาก  หนีเรียนไปยิงนกตกปลา อ่านหนังสือห้องสมุดสาธารณะเป็นประจำ เคยสงสัยว่าทำไมเพื่อนมันทำการบ้านเสร็จแล้วให้เราลอกได้ทุกวัน มารู้ตอนแก่ๆ นี้เองว่าทางบ้านจ้างครูมาสอนพิ้เศษที่บ้าน :-)เอ๋ย... (รร นี้ได้ชื่อว่าเศรษฐีเมืองไทยส่งลูกมาเรียนจองกันตั้งแต่เพิ่งคลอด) การบ้านคือ... -- ครูพลักภาระการสอนที่เร่งรีบให้นักเรียน หรือบางทีห่วยแตกด้วยซ้ำ ให้นักเรียนไปรับผิดชอบกันเอง  ยัดกันเข้าไป แข่งกันเข้าไปให้เหนือคนอื่นผลผลิตที่ได้ก็คือนักธุรกิจ นักการเมืองที่เห็นแต่ตัว อย่างที่เห็นกันอยู่ ธุรกิจตามมาของการบ้านคือ สำนักกวดวิชา ที่ย้อนกลับมากัดกร่อนการศึกษาเอง -- สถาบันการศึกษาแทรกแซง ครอบงำสถาบันครอบครัวอย่างเผด็จการที่น่ารังเกียจที่สุด ทำให้เด็กหลุดลอยออกจากสัมพันธภาพครอบครัว พี่น้องบาดหมางกันเพราะผลการเรียนที่แตกต่างกัน  โดยมีการบ้านเป็นกำแพงทมึนขวางกั้น มันคือหอคอยงาช้างที่ทำให้เด็กหลุดลอยจากสังคมความเป็นจริง บางคนอายเพื่อนว่าที่บ้านมีอาชีพอะไร เด็กชาวนาทำนาทำนาไม่เป็น มาสุมกองกันที่เมืองใหญ่ ด้วยหวังว่าเรียนสูงๆ เก่งๆ จะได้งานทำดี ๆ ไม่ลำบาก อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น การบ้านทำให้คนแปลกแยกจากครอบครัว สังคม ตัวเอง ไหนบอกว่าครอบครัวเป็นโรงเรียนแห่งแรก ที่สำคัญที่สุด -- ทำให้องค์ความรู้เป็นแบบเหมาโหล หรือความรู้แบบโหลๆ ซ้ำซาก ความรู้แบบนี้ไม่ใช่ความรู้ที่แท้จริง การบ้านทำให้ผุ้เรียนเป็นผุ้ตามตลอดเวลา ความรู้ที่แท้จริงต้องเป็นความรู้ที่แปลกใหม่ และสดตลอดเวลา สอดคล้องกับสถานการณ์ พลิกแพลงและเปลี่ยนแปลงได้ตลอด มีความหลากหลายเช่นเดียวกับผู้เรียนรู้ การบ้านขังคนให้อยู่ในกรอบ และเป็นปฎิปักษ์อย่างรุนแรงต่อความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนไทยจึงต้องซื้อทุกเทคโนโลยี แม้จะมุ่งเปิดสถาบันเทคโนโลยีมาตั้งหลายสิบปีและมีเปิดทุกสถาบัน แต่ก็ยังไม่มีนวตกรรมแปลกใหม่ที่เป็นของตนเอง ครูครับเมื่อไร ครูจะเลิกคิดว่าวิชาตัวเองสำคัญที่สุด ดีทีสุดเสียที เลิกยัดเยียดบังคับขู่เข็ญเด็กด้วยการบ้านเสียที ให้เวลาเด็กได้เรียนรู้ด้วยตนเองในสังคมด้วยตนเอง และค้นหาแนวทางชีวิตของเขาเอง ดีกว่าที่ครูจะได้ยินเสียงบ่นจากนักเรียนว่า จบตรี จบโท แล้วยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร หรือเป็นอะไรดี ครูเป็นผู้สร้างคนนะครับไม่ใช่หุ่นยนต์ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 55 15:01:30 จากคุณ : นกเถื่อน เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 14:52:02

ความคิดเห็นที่ 18 เคยทำการบ้านไม่ทันแล้วต้องมาปั่นตอนเช้า กับก่อนคาบเรียนที่จะส่ง ทรมานมากก จากคุณ : Rule_Of_Rose เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 14:54:31

ความคิดเห็นที่ 19 ความเห็นส่วนตัวของผมนะ การบ้านยิ่งมากยิ่งดี เมื่อก่อนผมก็คิดว่าการบ้านเยอะจะไม่เป็นผลดีกับเด็ก แต่ที่ไหนได้ เคยส่งลูกไปเรียนใน รร.ที่มีนโยบายไม่ต้องมีการบ้าน กลับเรียนอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ทุกวันนี้เรียนแบบ รร.ปกติแล้ว ผมต้องไปซื้อแบบฝึกหัดมาให้ลูกทำเยอะๆ(บังคับทำ) ผลการเรียนดีขึ้นมาก มาลองคิดดู เด็กเกาหลี เด็กเวียดนาม เขาเรียนกวดวิชากันโน่น ห้าทุ่มเที่ยงคืน กว่าจะกลับบ้าน แล้วประเทศของเขาก็พัฒนาแบบก้าวกระโดดกันทั้งนั้น ส่วนพี่ไทย กลัวลูกจะลำบาก กลัวลูกจะสมองระเบิด แล้วเป็นงัย ไปทีละคืบ ๆ บางทีถอยหลังอีกต่างหากนั่น............. จากคุณ : kidsaren เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 14:56:28 A:223.206.48.151 X: TicketID:359770

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นบอกผู้นำฝรั่งเศสจะประกาศให้เลิกมีการบ้านนักเรียน เลยสะกิดใจเมื่อสัปดาห์ก่อนระหว่างรอรถออกจากเวียงจันทร์จะเข้าหนองคายตอนค่ำ เจอนักท่องเที่ยวหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่นั่งรถคันเดียวกันถือถุงผ้ายาวประมาณวามาด้วย สงสัยเลยชวนคุยถามว่า ในนี้มีไรเหรอ หนุ่มบอกว่าเป็นกระบองไฟ พูดเสร็จก็ดึงกระบองออกมารำโชว์ บอกว่าตอนเด็กไม่ชอบเรียนหนังสือ การบ้านแยะ ไม่เคยทำหลับในชั้นเป็นประจำ เลยหนีไปอยู่กับคณะละครสัตว์ เป็นนักกายกรรม(ที่เห็นห้อยโหนหวาดเสียวกันกลางเวหานั้นแหละ) เดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว เมื่อมีโอกาส ที่สำคัญคือ หนุ่มไปเรียนหลักสูตรยอดมนุษย์ทองคำจากสำนักเส้าหลินเมืองจีน ตั้งแต่นั้นออกรำกระบองไฟหากินไปทั่ว ที่ดูไบเล่นตามสถานบันเทิงได้วันละ 500 ยูโร(ประมาณสองหมื่นบาท) วันหนึ่งเล่น 2 ชม หรือ 4 -5 รอบ ละ 15 นาที ที่อินเดียได้วันละ 16000 เราบอกอินเดียจนๆ เนี่ยนะ หนุ่มบอก โห้ย แขกนี้พวกรวยๆ มีแยะนะ นี่เป็นหนึ่งตัวอย่างเร็วๆ นี้ ที่น่าทึ่ง ของผู้ที่ปฎิเสธการศึกษาในระบบ ที่ผมพบเห็นเสมอระหว่างการเดินทาง  ความจริงมีอีกแยะ โชว์รูปสักหน่อย หมอไม่อายที่จะแสดงความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ในที่สาธารณะ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 55 16:06:23 จากคุณ : นกเถื่อน เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 15:57:14

ความคิดเห็นที่ 21 การบ้านไม่ทำให้เด็กฉลาด แต่ทำให้เด็กหลาย ๆคนรู้ว่าตัวเองยังไม่ฉลาด จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 17:43:14

ความคิดเห็นที่ 22 การบ้าน ถ้าพูดบ้านๆ มัน เหมือนการฝึกฝนความสามารถแหละ... ไม่ต้องอื่นไกล แค่ วิชาเลข ถ้าไม่หัดทำโจทย์จะเข้าใจมัยละ? แค่เรียนอย่างเดียว ไม่มีการฝึกลองทำเลย ไปวัดดวงเอาตอนสอบอย่างเดียวจะทำได้มัย?... การบ้าน อาจจะไม่เกี่ยวกับการทำให้ฉลาดขึ้น มันวัดไม่ได้อยู่แล้ว...เพียงแต่การบ้านช่วยทำให้เข้าใจ และชำนาญในวิชานั้นกๆมากยิ่งขึ้น จากคุณ : ปู่ตัวกลม เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 18:44:55

ความคิดเห็นที่ 23 1 ตอนอยู่ประถม      ครูจะให้การบ้านเยอะมาก      ยิ่งถ้าเป็นวันศุกร์   การบ้านจะเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า   ด้วยเหตุผลว่าเป็นวันหยุด 2 ยิ่งการบ้านปิดเทอมยิ่งหนักเข้าไปใหญ่    ทำออกมาเล่มหนึ่งใหญ่+หนากว่าหนังสือเรียนอีก      คำนวณว่าถ้าทำวันละ 2 หน้า      คงต้องใช้เวลาปิดเทอมราวๆ 4-5 เดือน 3 ที่เด็กใช้เวลาทำการบ้านนาน    สาเหตุอย่างหนึ่งคือผู้ปกครอง     ที่ชอบนักเวลาเห็นเด็กทำการบ้านก็เข้าไปนั่งดู    แล้วก็คอยกำกับให้ทำนู่นทำนี่   ขีดเส้นต้องให้ตรง    เขียนโย้เย้สั่งลบเขียนใหม่    ใช้ตัวย่อไม่ได้ต้องเขียนตัวเต็มทุกคำ      บรรทัดไหนเขียนไม่สวยสั่งลบเขียนใหม่       คอยไปยุ่งตลอดเวลามันก็เลยเสร็จช้า    แถมทำให้เด็กเบื่อและรำคาญที่จะทำการบ้านเพราะมีคนมาคอยจู้จี้     เด็กเขาจะทำการบ้านมันก็ต้องให้อยู่ในดุลยพินิจของเขาว่าจะทำให้ออกมาดี+สวย+เป็นระเบียบแค่ไหน   เขาพอใจกับผลงานที่ออกมาแค่ไหน    ไม่ใช่ให้คนอื่นไปกำกับว่าต้องออกมาดีตามที่ตนต้องการ      เด็กที่ไหนก็อยากจะทำการบ้านให้เสร็จเร็วๆจะได้ไปเล่นอยู่แล้ว     แต่พอมีคนมาคอยกำกับก็ยิ่งเสี่ยเวลา      พลอยทำให้เด็กเบื่อการเรียนไปด้วย แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 55 19:59:08 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 19:58:23

ความคิดเห็นที่ 24 ถามว่า......ทำไมต้องไปเรียนพิเศษ เกือบทุกวัน เด็ก...ในเวลาเรียนทำไมไม่เรียนให้เต็มที่ ทำไมจึงต้องไปเรียนกหล้ังเลิกโรงเรียน ครู...ในเวลาเรียน ทำไมไม่สอนให้เต็มที่ ทำไมต้องขยักไว้สอนพิเศษ หลังเลิกเรียน...? จากคุณ : ผู้ปกครองน้ำลายเหนียว เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 21:24:03 A:1.0.168.62 X: TicketID:286511

ความคิดเห็นที่ 25 การบ้านเป็นการเพิ่มทักษะ ทดสอบว่า ที่เรียนไปแล้ว รู้เรื่องแค่ไหน สมัยเรียน พอครูสอนจบ ก็ให้ทำแบบฝึกหัดในห้อง ถ้าทำไม่สร็จ ค่อยกลับเอาไปทำเป็นการบ้าน ชีวิตนี้เรียกได้ว่า มีการบ้านน้อยมาก แต่ต้องทำรายงาน ครูให้ทำรายงานตั้งแต่ป. 1 สอนให้รู้จักค้นคว้าเอง ในห้องสมุด ตอนนี้ลูกเรียนอยู่ high school ในอเมริกา มีการบ้านน้อยมาก เมื่อเทียบกับตอนเรียนที่เมืองไทย บางวันที่จนสี่ ห้าทุ่ม ยังไม่เสร็จ ยิ่งเสาร์ อาทิตย์ วันหยุด ครูแทบไม่ให้การบ้านเลย ครูให้พัก หรือทบทวนที่เรียนไปแล้ว ทั้งอาทิตย์ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 55 21:54:04 จากคุณ : กบใต้กะลา เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 21:51:35

ความคิดเห็นที่ 26 11 เคยทราบมาว่า ฟินแลนด์มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก จากคุณ : กบใต้กะลา เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 21:55:35

ความคิดเห็นที่ 27 จะฉลาดขึ้นหรือเปล่าไม่รู้ๆแต่ว่า เด็กไ้ด้ทบทวนความจำ และ นำเวลามาใช้ประโยชน์ ดีกว่าไปเล่นเกม(อายุ 8-15) จากคุณ : greeram (greeram) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 09:18:00

ความคิดเห็นที่ 28 ตอนเด็กๆ เราชอบทำการบ้านนะคะ สนุกดี รู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมไขปริศนาอะไรงี้ แต่พอเข้ามหาลัย ไม่ค่อยชอบทำเท่าไหร่แฮะ จากคุณ : ป อ น ด์ จ้ ๅ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 11:29:44

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่ควรมี สมัยผมเรียนม.ปลายเมื่อ10ปีที่แล้ว แม่เจ้า ครูภาษาอังกฤษให้การบ้าน ครูคณิตก็ให้ ครูสังคม ครูภาษาไทย  ในวันเดียวกัน นี่ไม่รวมวิชาอื่นที่ให้บ้างไม่ให้บ้างนะครับ   ผมต้องทำการบ้านวันละ3ชั่วโมง  ไม่รวมรายงานอีกต่างหาก กลับจากโรงเรียน ผมสลบไปก่อน ตื่นมา2ทุ่มกินข้าว แล้วทำการบ้านไปถึง23-24น.  ถ้ามีรายงานด้วย ผมนอนตี2 จากคุณ : Ninjax เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:56:09

ความคิดเห็นที่ 30 ความจริงพวกครูต้องมานั่งตกลงกันว่าจะสั่งการบ้านเด็กมากน้อยแค่ไหนไม่ให้มากเกินไป ไม่ใช่ต่างคนต่างสั่งให้มันทับตัวเด็ก จากคุณ : oryze เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 19:17:02

ความคิดเห็นที่ 31 การบ้านที่โรงเรียนลูกทำอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติในเมืองไทยคือ อ่านหนังสือตามระดับความสามารถทุกวัน ฝึกฝนการทำโจทย์คณิตศาสตร์อาทิตย์ละครั้ง(โจทย์ไม่มาก) ถ้ามีโอกาสให้แข่งขันคิดเลขเร็วทางอินเตอร์เนต มีการบ้านให้ส่งภายใน 3 สัปดาห์ เป็นการ assign งานครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การแก้ไขปัญหา การจินตนาการ การค้นคว้า การปรับปรุงตนเองในด้านที่อ่อน การฝึกฝนการออกกำลังกาย การทำกิจกกรมกับครอบครัว คณิตศาสตร์ การบ้านเหล่านี้ใช้การท่องจำน้อยมาก แต่จะใช้การพัฒนาตนเอง การค้นคว้าการเรียนรู้ด้วยตนเอง นี่คือการบ้านของเด็กอายุ 6-7 ขวบ จากคุณ : Small Wonder เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 21:55:49

ความคิดเห็นที่ 32 การบ้านเป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ปกครองหรือเปล่า???? รายงาน >>>>>>>> จ้างพิมพ์  +  ค่าปริ้น + ค่าเย็บเล่ม จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:48:47