ความคิดเห็นที่ 1 คลื่นการอพยพใหญ่ครั้งสุดท้ายของชาวยุโรปเริ่ม ในศต.ที่๘ และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างตื่นเต้นในศต.ที่๙และ๑๐ . เวลานี้ มีความสัมพันธ์กับชนเผ่าที่พูดตระกูลภาษาเยอรมันนิคที่ยังคงหลงเหลืออยู่ทางตอนเหนือของยุโรป คือ พวกนอร์สแมน. นี่ไม่ใช่กลุ่มเผ่าพันธุ์เดียวจริงๆ , แต่เป็นที่รวมของคนหลายเผ่าพันธุ์ที่พูดภาษาต่างๆกัน . จากพวกนี้ นอร์แมนพวกหลัก ที่เที่ยวปล้นและอพยพออกจากยุโรปตอนเหนือคือพวกนอร์เวย์และพวกเดนส์. อย่างไรก็ตาม นี่ก็อีกครั้งหนึ่ง พวกนี้ก็ไม่ใช่กลุ่มเผ่าพันธุ์เดียว ตัวอย่างเช่น กลุ่มพวกเดนส์ เป็นกลุ่มที่รวมผู้คนที่แตกต่างกัน และในขณะเดียวกันตัวพวกเดนส์เองก็ยังประกอบด้วยเผ่าพันธุ์ที่หลากหลาย พูดภาษาของสกุลเผ่าที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามพวกนี้ก็คล้ายๆกัน. จากคุณ : watch (watchh) - [ 29 พ.ย. 46 07:35:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ภาษาที่พวกเขาพูดมาจากตระกูลภาษาเดียวกัน สังคม เผ่าพันธุ์และโครงสร้างทางการเมืองของพวกเขา คล้ายกันไม่มากก็น้อย และพวกเขายังมีความเชื่อในเรื่องศาสนาร่วมกัน แต่กระนั้น คงผิดพลาด ที่จะกล่าวว่าพวกนอร์สเป็นกลุ่มเผ่าพันธุ์เดียวหรือเป็นคนกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากเผ่าพันธุ์ของคนนั้น เผ่าพันธุ์จะไม่คงที่และยังคงหลงเหลือในระดับต่างๆ คนจะไม่ระบุว่า ตนมีเผ่าพันธุ์ใด จะบอกว่ามาจากสกุลเผ่าใด แต่ลักษณะเผ่าพันธุ์ ที่ไม่เหมือนใครในระดับที่กว้างกว่า จะอยู่เหนือระดับเผ่าพันธุ์แบบสกุลเผ่า เผ่าพันธุ์ที่กว้างกว่านี้จะเป็นทั้งทางภาษาและการเมือง และพวกนอร์สที่พูดภาษา ตระกูลเยอรมันนิค นี้อาจแยกตนเองออกต่างหากจากเผ่าอื่น โดยใช้เกณฑ์โครงสร้างทางการเมืองที่กว้างกว่า และบางครั้งขึ้นอยู่กับตระกูลภาษาที่พวกเขาพูด จากคุณ : watch (watchh) - [ 29 พ.ย. 46 07:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อพวกนอร์ส  อพยพออกจากมาตุภูมิของพวกเขา   เผ่าพันธุ์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวอยู่ในตอนแรก       ก็เริ่มสับสนมากขึ้น  พวกนอร์สที่อพยพเป็นผู้พวกที่เริ่มรับเอาภาษา,วัฒนธรรมและแม้แต่ศาสนา ของพื้นที่ที่พวกเขาไปตั้งถิ่นฐาน   จากโครงสร้างทางเผ่าสกุลที่เคยกำหนดลักษณะชีวิตและความคิดของพวกเขา   ก็เหลือเพียงช่วงเดียว(คือช่วงอพยพเข้า)   และพวกเขาก็เริ่มรับเอาและขยายโครงสร้างทางสังคมที่มีอยู่ในพื้นที่ที่พวกเขาเข้าไป   พวกนอร์สเป็นผู้ที่ปรับตัว   รับเอาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของท้องที่ ที่พวกตนเข้าไปตั้งถิ่นฐาน การสืบค้นหลักฐานของพวกนอร์ส ตามท้องถิ่นนั้นๆ    จึงมีข้อจำกัด  เพราะหลักฐานที่เหลืออยู่จะไม่สมบูรณ์   มีเพียงพวกนอร์สที่ตั้งถิ่นฐานในไอซ์แลนด์เท่านั้น     ที่ยังคงยึดถือประเพณีการดำรงชีวิตและโครงสร้างทางสังคมไว้ อย่างไรก็ตาม  ชาวไอซ์แลนด์  ก็ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ที่ไม่มีวัฒนธรรมเดิมอยู่   เมื่อเป็นอย่างนั้น  พวกนอร์สที่อพยพเข้าไปจะปรับตัวให้เข้ากับพื้นที่ที่อพยพเข้า และพวกเขาจะคงความแตกต่างนั้นไว้   แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 46 07:39:57 จากคุณ : watch (watchh) - [ 29 พ.ย. 46 07:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนพวกนอรส์แมนในอังกฤษและฝรั่งเศส แม้ว่าได้ปรับตัวเข้ากับท้องถิ่น ในหลายเรื่อง แต่ก็พบว่าตนเองเป็นประชากรที่ต่างจากพวกอื่น สิ่งที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับการอพยพของพวกนอร์ส คืออาณาเขตของพื้นที่ และอาณาจักรตั้งถิ่นฐานของพวกนอร์ส แม้ว่าพวกนอร์ส จะขยายอำนาจออกไปตลอดน่านน้ำทั้งหลายและไปทั่วยุโรป ด้วยเรือซึ่งมีรูปร่างเพรียวและเหมาะสมกับการออกทะเล ในสมัยนั้นจะพบเห็นได้ทุกแห่ง ตั้งแต่ชายฝั่งนอร์เวย์ถึงชายฝั่งของแอฟริกาเหนือ พวกนอร์สพิชิต ภาคเหนือของอังกฤษ,ภาคเหนือฝรั่งเศส, รัสเซีย ,ไอร์แลนด์,สก็อตแลนด์,ออร์นีย์,ไอซ์แลนด์,กรีนแลนด์ และแม้แต่ไปตั้งถิ่นฐานไกลถึงทางตะวันตกของอเมริกาเหนือและตะวันออกของไบแซนไทน์, มีเฉพาะในไอซ์แลนด์และนอร์มันดีของภาคเหนือฝรั่งเศสเท่านั้นที่ถาวร สามารถคงกิจกรรมทางการเมืองภายใต้ชาวนอร์สผู้ตั้งถิ่นฐานไว้ได้ จากคุณ : watch (watchh) - [ 29 พ.ย. 46 07:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อย่างไรก็ตาม ที่นี่ พวกนอร์สที่ตั้งถิ่นฐานในนอร์มันดีก็รวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกันตั้งเป็นสถาบัน ,ภาษาและสร้างวัฒนธรรมของฝรั่งเศส .ส่วนอาณาจักรไวกิงที่ยิ่งใหญ่ในอังกฤษ, ออร์นีย์ และไอร์แลนด์ เลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ เราทราบเรื่องราวทางศาสนาและความคิดของพวกนอร์สก่อนรับเอาศาสนาคริสต์ จากวรรณคดีของชาวไอซ์แลนด์ ที่ได้บันทึกรายละเอียดเรื่องราวของพระเจ้าของชาวนอร์ส (ภาพเรือจำลอง ที่พวกนอร์ส ใช้เดินทาง-ด้านล่าง) จากคุณ : watch (watchh) - [ 29 พ.ย. 46 07:46:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แต่กระนั้น  แหล่งข้อมูลจากชาวไอซ์แลนด์  ก็ถูกเขียนโดยคริสเตียน หลังจากชาวไอซ์แลนด์เปลี่ยนไปนับถือคริสต์ศาสนาแล้ว ๒๐๐ ปี   มีกวีนิพนธ์เล่าเรื่องจำนวนหนึ่ง ที่เรียกว่า เอดดาส ซึ่งบอกเรื่องราวพระเจ้าหลายองค์ของพวกนอร์ส  ว่าได้แก่ V?lusp? , H?vam?l, Hymiskvitha , Alv?ssm?l , และพระเจ้าอื่นๆ เรื่องเล่าเหล่านี้อาจรวบรวมจากงานร้อยแก้วจำนวนมากๆ ,เอดดาเขียนโดย  "สนอรรี  สตูรลูซัน" (ปี๑๑๗๘-๑๒๔๑) และเรียกว่า Snorra Edda ในภาษาไอซ์แลนด์   จากงานประพันธ์นี้ เราทราบว่า พวกนอร์ส ก็เหมือน พวกเยอรมันก่อนนับถือศาสนาคริสต์    คือนับถือพระเจ้าหลายองค์  พระเจ้าสูงสุดเป็นพระเจ้าแห่งท้องฟ้า,ชื่อ "โอดิน" , มีเครื่องหมายเป็นเสียงร้องแหลม  การกระทำที่โดดเด่นท่ามกลางพระเจ้าอื่นๆคือ เสียงฟ้าร้องและเป็นพระเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์, "ทรอ"  ซึ่งเป็นบทกวีหลักในเรื่องวีรบุรุษ  ของชาวไอซ์แลนด์เรียกว่า บทกวีวีรบุรุษ   . วิหารของพระเจ้าอยู่ไกลจากที่พวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่  สังคมของพระเจ้าเริ่มแรกอยู่ที่สกุลเผ่าและถูกทำลายด้วยความขัดแย้งภายในและการทะเลาะวิวาท แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 46 07:51:03 จากคุณ : watch (watchh) - [ 29 พ.ย. 46 07:50:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ต่อไปเป็นวัฒนธรรมและการดำรงชีวิต ของพวกนอร์ส บนเกาะไอซ์แลนด์ -iceland) สถานที่เดียว ที่วัฒนธรรมของพวกนอร์สแมน คงอยู่ยาวนาน เหมาะแก่การค้นคว้าที่สุด "เกาะไอซ์แลนด์" ชาวนอร์สที่อพยพออกมีความยืดหยุ่นในเรื่องการรับเอาภาษา และวัฒนธรรมอื่น กลุ่มพวกปล้นที่ไปๆมาๆ จะคงภาษา,ศาสนาและองค์การทางสังคมไว้ แต่ชาวนอร์สที่ย้ายถิ่น จะพยายามปรับตัวให้เข้ากับประชากรท้องถิ่น  อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ใช้ไม่ได้กับชาวนอร์สที่ตั้งถิ่นฐานในไอซ์แลนด์  ด้วยเกาะที่ห่างไกลห้ามตั้งถิ่นฐาน  นั้น  ไม่มีผู้อาศัยมาก่อน พวกนอร์สที่กล้าหาญล่องเรือไปทางตะวันตกของชายฝั่งอังกฤษพบว่าเกาะอบอุ่นจากหินภูเขาไฟ และกระแสน้ำในอ่าวก็เหมาะแก่การเลือก  ชายฝั่งของไอซ์แลนด์มีฟยอซ์ ที่สวยงามเป็นแผ่นดินที่เหมาะกับการกสิกรรมและใช้ชีวิตชนบทที่สงบสุข  ดังนั้นผู้อพยพจึงตั้งถิ่นฐานที่พื้นที่แห่งนี่ (อย่างไรก็ตาม พื้นที่ภายในของไอซ์แลนด์ก็เอื้อประโยชน์มาก เพราะดินจากภูเขาไฟที่อุดมสมบูรณ์ ) ดังนั้นพวกนอร์สที่ตั้งถิ่นฐานในไอซ์แลนด์    จึงคงภาษาและวัฒนธรรมที่เป็นของผู้อพยพแต่เดิม   ไว้อย่างสมบูรณ์มากที่สุด เป็นชาวไอซ์แลนด์นี่เอง   ที่ศาสนาของพวกนอร์สตั้งมั่นยาวนานที่สุด- ชาวไอซ์แลนด์ไม่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์จนกระทั่งปีที่ ๑๐๐๐ เมื่อกษัตริย์ชาวนอร์เวย์พระเจ้าโอลาฬ  ทรายก์วาสัน  ส่งผู้ประกาศศาสนาไปไอซ์แลนด์ และจับตัวประกันชาวไอซ์แลนด์ไว้หลายคนเพื่อบังคับให้เปลี่ยนศาสนา   แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 46 07:58:53 จากคุณ : watch (watchh) - [ 29 พ.ย. 46 07:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โครงสร้างทางสังคมยังคงรวมตัวกันแบบหลวมๆของกลุ่มเผ่าสกุล การจัดองค์การทางกฏหมายและสังคมอยู่ที่การปกป้องสกุลเผ่าและกฎการแก้แค้นทางสายเลือด ทั้งที่โครงสร้างทางสังคมของพวกเขาเป็นแบบหลวมๆ ชาวไอซ์แลนด์ยังพยายามที่จะสร้างการปกครองจากศูนย์กลาง    ทุกๆปี ผู้นำของสกุลต่างๆ อาจประชุมกันที่ "ทิง"หรือ"สถานประชุม"ที่นี่สกุลต่างๆ อาจเริ่มต้นเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างสมาชิกของสกุล  และกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อชดเชยสิ่งที่สูญเสีย เพื่อที่จะป้องกันการแก้แค้นทางสายเลือด   อย่างไรก็ตาม  จากสิ่งนี้  ภาพทางประวัติศาสตร์ที่ชาวไอซ์แลนด์ให้เราคือเรื่องความยุติธรรมตามปกติอย่างหนึ่ง,การสู้รบระหว่างบุคคลและเผ่าสกุล  มีในระดับต่ำ  พวกนอร์สในไอซ์แลนด์ไม่ได้อยู่ต่างหากจากยุโรป-จากพวกนอร์สอื่น พวกเขายังคงออกสำรวจทางทะลและใช้ทักษะที่ได้จากบรรพบุรุษของพวกเขา การเดินทางไปสำรวจที่นอร์เวย์และดินแดนส่วนอื่นของยุโรปเหนือเป็นความจริงของชีวิตชาวไอซ์แลนด์อย่างแน่นอน- เหตุผลธรรมดามากที่สุดคือเพื่อไปเอาไม้เนื่องจากไม่มีต้นไม้ขึ้นบนเกาะไอซ์แลนด์  อย่างไรก็ตามชาวไอซ์แลนด์ไม่หยุดการอพยพ เมื่อพวกเขาตั้งถิ่นฐานที่ไอซ์แลนด์ . จากไอซ์แลนด์ ชาวนอร์สไปเกาะกรีนแลนด์ที่อยู่ทางตะวันตกในทศวรรษปี ๑๑๐๐  เหมือนที่พวกเขากระทำที่ไอซ์แลนด์  ชาวนอร์ทตั้งถิ่นฐานตามดินแดนฝั่งทะเลเท่านั้น-แผ่นดินภายในของเกาะกรีนแลนด์ถูกปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็ง (การตั้งถิ่นฐานของพวกนอร์ส  บนเกาะกรีนแลนด์ จะเป็นอย่างไรต่อไป -ยังมีต่อ) แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 46 08:06:29 จากคุณ : watch (watchh) - [ 29 พ.ย. 46 08:04:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อย่างไรก็ตาม ที่นี่ไม่เหมือนไอซ์แลนด์ พวกเขาพบว่า เกาะกรีนแลนด์มีพวกไอนุตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนแล้ว มีการติดต่อกันทางวัฒนธรรมเกิดขึ้นมากเท่าไรและมีลักษณะตามธรรมชาติอะไร นั้น ยากที่จะกล่าว- ประวัติศาสตร์ของชาวไอซ์แลนด์ ไม่ใช่เกี่ยวกับชีวิตของชาวกรีนแลนด์เป็นการเฉพาะเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ,จากหลักฐานทางโบราณคดี มันดูเหมือนว่า พวกนอร์สติดต่อกับชาวไอนุน้อยมาก นอกจากมีความขัดแย้งไม่กี่ครั้ง มีการตั้งถิ่นฐานบนเกาะกรีนแลนด์ โดยเริ่มจากตอนกลางศต.ที่๑๓ จนถึงกลางศต.ที่๑๕ เท่านั้น ประชากรของพวกนอร์ส ลดลงอย่างรวดเร็ว เราไม่ทราบจริงๆว่าทำไม แต่เราทราบว่าหลุมฝังศพของพวกนอร์ส (ชาวไอนุไม่ฝังศพ)ตื้นขึ้นๆ เมื่อเวลาผ่านไปหลายทศวรรษ จากคุณ : watch (watchh) - [ 5 ธ.ค. 46 15:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ชาวไอซ์แลนด์ ตั้งถิ่นฐานในเกาะกรีนแลนด์ในช่วงที่มีอากาศอบอุ่น นับแต่ยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย ประมาณ ศต.ที่๑๔ บรรยากาศโลกเริ่มหนาวเย็น จนกระทั่งถึงศต.ที่๑๖ เรียกยุคนี้ว่า "ยุคน้ำแข็งขนาดเล็ก" ขณะที่โลกมีความหนาวเย็น ดินที่เย็นแข็งตลอดปีบนผิวหน้า ที่หนาหลายนิ้ว ทำให้ ขุดหลุมฝังศพได้ตื้นๆ ชาวนอร์สไม่ได้ดำรงชีพด้วยการล่าสัตว์ แต่ทำการเกษตร และเนื่องจากมีการติดต่อทางวัฒนธรรมกับชาวไอนุเพียงเล็กน้อย เกือบเรียกได้ว่าชาวไอนุมีพื้นฐานการดำรงชีพเพียงการล่าสัตว์ แม้ดินจะปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ชาวไอนุก็ยังอยู่ได้ เพราะชาวไอนุไม่ได้ทำการเกษตร พอชาวกรีนแลนด์ (พวกนอร์ส ที่ย้ายถิ่นไปอยู่ ) ทำเกษตรกรรมไม่ได้ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น ชาวกรีนแลนด์ก็อดอยากตายไปเรื่อยๆ เกาะกรีนแลนด์ไม่ใช่จุดไกลที่สุด ที่พวกนอร์สอพยพไปถึง จากเกาะกรีนแลนด์, พวกนอร์สไปทางตะวันตก เลฟ อีริกสัน ผู้ค้นพบดินแดนที่เรียกว่า วินแลนด์,หรือไวน์แลนด์(ดินแดนแห่งเถาองุ่น) ผู้คงแก่เรียนส่วนใหญ่เชื่อว่า วินแลนด์อยู่บนชายฝั่งนิวฟันแลนด์ในประเทศแคนาดา ทำให้เรารู้จัก เลฟฟ์ อีริกสัน คนยุโรปคนแรก ที่เหยียบทวีปอเมริกา เขาสร้างบ้านและออกจากวินแลนด์ กลับไปยังกรีนแลนด์ ปีต่อมา การสำรวจที่นำโดย ทรอฟิน การ์เซนี ก่อให้เกิดการตั้งถิ่นฐานที่ถาวรของชายจำนวน ๖๐ คนและหญิง ๕ คน พวกเขาไม่พบบ้านที่เลฟ ได้สร้างไว้ แต่ก็มีความพยายามตั้งถิ่นฐานในพื้นที่นั้น อย่างไรก็ตาม การตั้งถิ่นฐานในวินแลนด์ไม่ประสบความสำเร็จ เราไม่ทราบว่าทำไม ชาวนอร์สอยู่ในวินแลนด์ครั้งหลังสุด ไม่กี่ชั่วคน (ยังไม่ชัดเจนว่า วินแลนด์อยู่ ที่ไหน บางทีวินแลนด์คือส่วนใดส่วนหนึ่งของทวีปอเมริกา)ในหลายๆทางชาวไอซ์แลนด์ ก็ได้เป็นตัวแทนแสดงถึงความสำเร็จทางวัฒนธรรมของชาวยุโรปยุคกลาง ขณะที่พวกเขาคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดั้งเดิม นั่นอย่างน้อย พวกเขายังเป็นชาวยุโรปที่มีวัฒนธรรมยุโรป ระหว่างช่วงเวลายาวนานที่วัฒนธรรมอันหลากหลายประกอบกันอยู่ใต้วัฒนธรรมยุโรป จากคุณ : watch (watchh) - [ 5 ธ.ค. 46 15:36:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 และแม้ว่าโครงสร้างทางสังคมของพวกเขา ยังไม่มีโครงสร้างที่เป็นทางการ พวกเขาผลิตวัฒนธรรมบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่า ในจิตใจของมนุษยชาติ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาอยู่ในวรรณคดี ชาวไอซ์แลนด์เองอาจสร้างบทกวีเกี่ยวกับเรื่องเล่าสืบปาก ที่เรียกว่า บทกวี สแกลดิค ตามแบบนักกวีที่เชี่ยวชาญ , "สแกล" เป็นผู้เขียนบทกวี บทกวีสแกลดิค เป็นบทร้อยแก้วที่ชาวไอซ์แลนด์แต่งได้ยอดเยี่ยม ประวัติศาสตร์ร้อยแก้วของไอซ์แลนด์และครอบครัวชาวไอซ์แลนด์จะเรียกว่า ตำนาน(ซากาส-sagas), เป็นงานวรรณคดีชิ้นสำคัญที่สุดของยุโรป จนกระทั่งถึงยุคฟื้นฟู ตำนานบางชิ้น บอกเล่าประวัติศาสตร์ขนานยาวเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานบนเกาะไอซ์แลนด์หรือกรีนแลนด์ แต่ผู้บอกเล่าตำนานที่ยิ่งใหญ่แท้จริงนั้นเน้นที่ตัวบุคคลและลักษณะชีวิตที่ไม่ย้อท้อของพวกนอร์ส ในตำนานเล่าเรื่องบางชิ้นเช่น เลกแดลลาซากา ,และตำนานเล่าเรื่องของ นจาล(Njal) เป็นประวัติศาสตร์ของพวกนอร์ส เล่าแฝงในรูปเรื่องความปรารถนาของบุคคล , วีรบุรุษ,และการแก้แค้น ,ความปรารถนาและลักษณะทางโลกของผู้คน นิยายเล่าเรื่องเหล่านี้บางทีช่วยให้เราทราบความคิดของพวกนอร์ส ต่างจากความคิดของพวกยุโรป ที่เน้นเหตุการณ์ความไม่ย้อท้อของมนุษย์ในด้านเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ และบอกสาเหตุทางประวัติศาสตร์และความรุนแรงที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจมนุษยชาติและอารมณ์ของมนุษย์ เรื่องของตำนานเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ และเป็นเรื่องของการทำสิ่งต่างๆ ตามอำเภอใจ ในที่ที่ระเบียบทางสังคม เกี่ยวพันอย่างบางเบา ยุโรป ยังไม่พบความเสมอภาคนี้อีก จนกระทั่งวิลเลียม เซกสเปียร์นั่งลงและจรดปากกาบนกระดาษ จากคุณ : watch (watchh) - [ 5 ธ.ค. 46 15:38:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มาให้กำลังใจนะคะ ตามอ่านอยู่ ขอบคุณที่โพสต์เรื่องดีๆ ให้อ่านค่ะ จากคุณ : maruDJz - [ 6 ธ.ค. 46 06:14:24 ]