ความคิดเห็นที่ 15
ในแคว้นบอร์คโดซ์ก็เถอะ..ครอบครัวของตระกูลเมลห์ ที่เป็นเจ้าของไร่ไวน์ อยู่หลายไร่เช่น Chateau Pichon-Longueville, Siran, Coufran, Dauzac และ Citran ซึ่งตระกูลนี้จัดว่าเป็นผู้ผลิตรายใหญ่รายหนึ่งในแคว้น..แต่ภายในปีแห่งสงครามนั้น สภาพพวกเขาก็ไม่ผิดอะไรกับคนอื่นๆ.. May-Eliane Miailhe ตอนนั้นอายุได้เพียง สิบสี่ปี เธอเล่าว่า..พวกเขาเชื่อว่าสนธิสัญญาที่เมืองมิวนิคน่าจะมีผลบังคับใช้..และ..ทุกอย่างคงจบลงด้วยสันติ..จึงไม่ได้ตรียมตัวมากมายอะไรเหมือนอย่างชาวเมืองในแคว้นแชมเปญ..แต่แล้ว ในปีนั้น..การขาดแคลนแรงงานได้เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด..เพราะชายฉกรรจ์แทบทั้งหมดถูกเรียกตัวเข้าประจำการ มิหนำซ้ำ..เพื่อนรักจากอิตาลีที่เป็นชาวยิวที่ค้าขายไวน์ด้วยกัน..ได้หนีข้ามแดนมาขอความช่วยเหลือ มากันแบบว่ายกครอบครัว..พวกชาวยิวกลุ่มนี้ได้เล่าให้ฟังว่า.. "รัฐบาลอิตาเลี่ยน ได้ขับไล่ชาวยิวให้ออกไปให้พ้นประเทศ เพราะไม่สามารถรับรองความปลอดภัยให้ได้ " เขาทั้งหมด เจ็ดชีวิต ชายหญิงสองคู่ และเด็กอีกสาม มาขออยู่หลบลี้สักชั่วคราวจนกว่าจะหาที่ไปต่อได้..
เรื่องนั้นเป็นที่รู้ๆกันว่า ตั้งแต่ฮิตเล่อร์ได้มีอำนาจขึ้นมาตั้งแต่ปี 1933 ได้สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้แก่ชาวยิวในทั่วทวีปยุโรป..หลายคนพากันหลบหนีเข้าไปในประเทศอังกฤษ,ฝรั่งเศส, อาเยนตินา,ปาเลสไตน์, และที่โชคดีหน่อยก็ได้ไปถึงอเมริกา เหตุการณ์ระทึกสยองขวัญชาวโลกอย่างที่สุดนั่นก็คือ..ในคืนที่ได้ถูกเรียกว่า Kristallnacht ( The night of the broken glass) November 1938 ที่ชาวยิว 91 คนถูกเผาทั้งเป็นในเยอรมัน.. แม่เฒ่า Renee Miailhe ได้ฟังก็สั่งการให้ช่วยเหลือชาวยิวที่น่าสงสารพวกนี้โดยปราศจากเงื่อนไข เพราะอดีตนั้น..เธอเองก็เคยเป็นผู้อพยพหนีตายในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมาก่อน..May-Elaine เล่าว่า..ป้าเรเน..บอกว่า..ให้พวกนี้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ ไร่ไวน์ Chauteau Palmer (ที่ครอบครัวมาลห์มีหุ้นส่วนอยู่) ปัญหาก็มีอยู่แต่เพียงว่า...แล้วจะทำยังไงต่อไป..แล้วชาวยิวพวกนี้จะรอดเงื้อมมือนาซีได้นานเท่าไร? เพราะเพียงแค่ระยะเดือนเดียวที่ทหารนาซีบุกเข้าไปในโปแลนด์ มีการสังหารผู้คนล้มตายไปนับหมื่นคน สามพันในนั้นคือพวก Polish Jews ที่โดนสังหารหมู่
Baron Robert de Rothschild หนึ่งในเจ้าของไร่ไวน์ Chateau Lafite-Rothschild อันขึ้นชื่อนั้น ได้เฝ้าติดตามมอง สถานะการณ์มาตั้งแต่ต้นปี 1933 เพราะเขาคือหัวหน้ากรรมการโรงสวดของชาวยิวในปารีส { Great Synagogue) และท่านบารอนต้องพบกับความประหลาดใจต่อท่าทีของชาวยิวปารีเชียน ที่ต่างก็มาบ่นพร้อมปรับทุกข์ว่า.. พวกยิวจากที่อื่นๆพากันหลั่งไหลเข้ามาในฝรั่งเศสมากมาย จะทำอย่างไรดี จะขับไล่ออกไปดีไหม? ท่านบารอน โรแบรต์ ถึงกับอึดฮัดขัดใจ จนต้องสวนออกไปว่า "อยู่เฉยๆเถอะ..ถ้า"มัน"เข้ามาจริงๆ ไม่ว่ายิวไหนก็ตายด้วยกันทั้งนั้น" ว่าแล้ว..ท่านบารอนก็คิดหาทางช่วยชาวยิวเหล่านั้น โดยติดต่อกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่พอมีอำนาจในรัฐบาลอยู่บ้าง เขาคือ..ท่านผู้บัญชาการ ฟีลีป เปเตน..(Mashal Phillipe Petain เอาเป็นว่า เปเตนนะ สำนวนอเมริกัน เขียนง่ายดี ขี้เกียจเขียนว่า เปอะแตง..) อดีตวีรบุรุษสงคราม อดีตท่านฑูตฝรั่งเศสประจำประเทศสเปน สิ่งที่ท่านบารอนร้องขอจากเพื่อนรัก นั่นก็คือ ขอให้ผลักดันกฏหมาย ที่ให้ความเอื้ออาทรต่อชาวยิวอพยพ.. แต่..คำตอบคือ NO !! Eric de Rothschild หลานปู่ท่านบารอนเล่าด้วยความขมขื่นว่า "ตอนนั้น ท่านผบ.เปเตน คงประมาณการณ์ได้แล้วว่า ขืนคบกับพวกเชื้อสายยิวอย่างปู่ผม..เห็นจะมีแต่เสียกับเสีย.." และภายในฤดูหนาวของปี 1939 ..กองทัพของฮิตเล่อร์ ได้กวาดต้อนชาวยิวจำนวนมากไปกักกันกึ่งทรมานในค่ายผู้อพยพ..ในสภาพที่น้อยคนนักที่จะมีสิทธิได้รอดออกมา..!!
จากคุณ :
WIWANDA
- [
24 ก.ค. 47 12:12:31
]
|
|
|