ความคิดเห็นที่ 1 ถ้ากล่าวถึงสัตว์เทพเจ้าของจีน อย่างแรกที่เป็นที่รู้จักกันดีและมีความสำคัญที่สุดก็คงจะไม่พ้นมังกร คนจีนนับถือมังกรเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ เกียรติยศ โชคลาภ ความมีสุขภาพแข็งแรง และความสำเร็จของชีวิต จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 12:48:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ชาวจีนมีความเชื่อเกี่ยวกับมังกรมาช้านานมากแล้วครับ มีหลักฐานประวัติศาสตร์ที่บันทึกตำนานมังกรจากกำแพงหินแกะสลักในราชวงศ์ฮั่น (22-240 AD) คนจีนโบราณเชื่อว่าเทพเจ้าพังกู (Pangu) ผู้มีร่างกายเป็นงูและมีศีรษะเป็นมังกร ได้ใช้สิ่วและค้อนสร้างจักรวาลขึ้นมา สร้างพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว สวรรค์และโลกมนุษย์โดยมีผู้ช่วยเป็นสัตว์เทพเจ้าทั้ง 4 ได้แก่มังกร หงส์ กิเลน และเต่ายักษ์ (บางตำนานก็ว่ามังกร หงส์ เสือขาวและเต่ายักษ์) และเป็นผู้กำหนดการโคจรของดวงดาวและต่อมาก็มีคนจัดทำกลายเป็นตำราโหราศาสตร์โบราณอ่ะครับ และมังกรเป็นสัญลักษณ์หนึ่งในสิบสองราศีด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 48 20:09:02 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 12:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จากนั้นมาอีกหลายล้านปีก็เกิดมนุษย์หญิงชายคู่แรก ได้แก่นูวา (Nuwa) ที่มีหัวเป็นตัวเป็นงู และฝูซี (Fuxi) ที่มีหัวเป็นคนและตัวเป็นมังกรมีเกล็ดด้วย (ทำนองเดียวกับอาดัมกับอีฟ) คนจีนจึงมีความเชื่อครับว่าตัวเป็นลูกหลานของมังกร แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 48 12:52:25 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 12:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ้าว ทำไมรูปเป็นซะยังงั้น ลองใหม่ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 48 12:57:46 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 12:57:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มาดูรูปผู้ชายคนแรกของโลกบ้างนะคร้าบ ตามความเชื่อของคนจีนโบราณ จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 12:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ของจีน ชาวจีนแบ่งออกเป็นหลายก๊กซึ่งแต่ละก๊กจะมีสัญลักษณ์ของก๊กตัวเองเป็นสัตว์ต่างๆเช่นงู เสือ หมี เหยี่ยว เสือดาว นก เป็นต้น จักรพรรดิหวงตี้ หรือจักรพรรดิเหลือง ได้รวบรวมแผ่นดินฝั่งใต้ของแม่น้ำฮวงโหได้ทั้งหมดและได้นำสัญลักษณ์ของเผ่าต่างๆเอามารวมกัน (เพื่อรวมใจคนอ่ะนะ) เกิดเป็นมังกรขึ้นมาคร้าบ แถมยังมีเรื่องเล่าอีกว่าจักรพรรดิหวงตี้แต่เดิมมาจากเผ่าที่ใช้งูเป็นสัญลักษณ์ และเอาหนังงูมาเป็นเสื้อ ทุกครั้งที่เอาชนะได้แต่ละก๊กก็จะเอาสัญลักษณ์ประจำก๊กมาเป็นเครื่องแต่งตัวเพิ่มไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นมังกรบินขึ้นท้องฟ้าไปเลยครับ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่ามังกรมีลักษณะเป็นสัตว์ผสมคือตัวเป็นงู มีเกล็ดและหางเป็นปลา มีเขาเหมือนกวาง มีศีรษะเป็นกิเลน มีตาเป็นกระต่าย มีหูเป็นโค มีอุ้งเท้าเป็นเสือ และมีกรงเล็บเป็นเหยี่ยวคร้าบ จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 13:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อีกความเชื่อนึงคือว่า มังกรเกิดมาจากปลา โดยที่บริเวณเหนือน้ำตกหรือแก่งต่างๆจะเป็นที่อยู่ของประตูมังกร ถ้าปลาที่ว่ายทวนข้ามน้ำตกผ่านประตูมังกรไปได้ก็จะอัพเกรดไปเป็นมังกร อันนี้เป็นความเชื่อซึ่งคนจีนเอาไว้ใช้สอนลูกหลานให้รู้จักฝ่าฟันไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค...คร้าบผม จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 13:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่กล่าวนั่นเป็นตำนานยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ไม่มีจารึกไว้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามังกรก็คือจระเข้ยักษ์โบราณ (crocodile perosus) ยาวประมาณ 5 เมตรกว่าๆซึ่งสูญพันธ์ไปตั้งแต่ 3,200 ปีก่อนแล้วครับ แต่ลักษณะของมังกรที่เป็นที่ยอมรับก็มาจากตำนานของหวงตี้แหล่ะครับซึ่งใช้กันมาตั้งแต่ราชวงศ์ชาง ต่อมาจิ๋นซีฮ่องเต้ก็เปลี่ยนบัลลังก์ของตัวเองให้เป็นมังกรครับ แล้วเรียกบังลังก์ฮ่องเต้ว่าเป็นบัลลังก์มังกร นอกจากนี้ยังเป็นผู้ริเริ่มการแต่งชุดมังกรและใช้รูปมังกรเป็นสัญลักษณ์ของธงประจำชาติ จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 13:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วก็มีความเชื่อกันอีกว่า หลิวปังผู้รวบรวมแผ่นดินสถาปนาราชวงศ์ฮั่น (พระเจ้าฮั่นโกโจ) ถือกำเนิดจากมารดาที่เป็นมนุษย์และบิดาที่เป็นมังกร จึงถือกันมาตั้งแต่นั้นว่าฮ่องเต้เป็นโอรสสวรรค์ เชื้อสายเทพมังกรจุติลงมาในเมืองมนุษย์ครับ จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 13:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คนจีนยังนับถือมังกรเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ซึ่งมีอยู่ 4 ทิศ เป็นผู้บันดาลฝนฟ้าให้ตก ให้เกิดความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ เมื่อใดที่มังกรพิโรธว่ากันว่าจะเกิดภัยแล้งอย่างหนัก หรือไม่ก็เกิดพายุใหญ่น้ำท่วมทำให้ผู้คนเดือดร้อน เสียหายและล้มตาย ด้วยเหตุนี้จึงเกิดมีประเพณีการเชิดมังกรขึ้นมา (ประเพณีการเชิดสิงโตและมังกรจะขออนุญาตนำมากล่าวทีหลังนะครับ.... ^o^) จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 13:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คนจีนเชื่อว่าเลข 9 เป็นเลขมงคลซึ่งก็สอดคล้องกับมังกรเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปมังกรจะมี 117 เกล็ดครับ เป็นเกล็ดธาตุหยิน 81 เกล็ด (9x9) และเกล็ดธาตุหยาง 36 เกล็ด (9x4) ในตำนานยังว่า มังกรมีบุตรเป็นสัตว์เทพเจ้าทั้ง 9 พี่น้องซึ่งมักพบในรูปสลักโบราณของจีนได้แก่ 1. บีซี (bixi) คล้ายๆเต่ายักษ์ มักพบรูปสลักตามฐานของเสาหิน 2. ชีเหวิน (chewen) รูปร่างเป็นอสูร มักพบรูปตามเพดาน 3. พั่วเล้า (pulao) คล้ายมังกรตัวเล็กๆ มีนิสัยชอบคำราม มักพบตามระฆัง 4. ปีอาน (bi’an) รูปร่างเป็นเสือ มีพละกำลังอำนาจมาก คนจีนมักมีรูปปีอานไว้ที่ประตู 5. เทาที (taotie) มีนิสัยชอบกิน มักพบรูปสลักในเครื่องสำริดโบราณ 6. กองฟู (gongfu) อาศัยอยู่ในน้ำ มักพบรูปสลักที่สะพานข้ามน้ำ 7. ไยซี (yaizi) มีนิสัยดุร้าย ชอบฆ่าคน ฆ่าสัตว์ 8. ซูอิน (suanni) รูปร่างคล้ายๆเสือ 9. เจียวตู (jiaotu) รูปร่างคล้ายๆต้นไม้ จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 13:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นอกจากนี้ในตำนานจีนยังจัดแบ่งมังกรออกเป็น 9 ประเภทอีกครับผมได้แก่ 1. เทียนหลง (Tianlong) เป็นมังกรที่อยู่บนสวรรค์ มังกรฟ้า 2. เชนหลง (Shenlong) เป็นมังกรแห่งจิตวิญญาณ ควบคุมลมและฝน 3. ฝูคังหลง (Fucanglong) เป็นมังกรเฝ้าขุมทรัพย์ 4. ตี้หลง (Dilong) เป็นมังกรใต้พิภพ ในยมโลก 5. หยิงหลง (Yinglong) เป็นมังกรที่มีปีกเล็กๆเหมือนค้างคาวตรงต้นขาคู่หน้า 6. ฉิวหลง (Qiulong) เป็นมังกรที่มีเขา 7. พานหลง (Panlong) เป็นมังกรที่มีตัวขดๆ อาศัยในน้ำ 8. หวงหลง (Huanglong) หรือมังกรเหลือง เป็นมังกรที่แสดงตนขึ้นมาจากแม่น้ำและถ่ายทอดวิธีการอ่านเขียนหนังสือรวมทั้งสรรพวิชาความรู้ต่างๆให้แก่ฝูซี (Fuxi) 9. ไต้อ๋องมังกรทั้ง 4 ประจำมหาสมุทรทั้ง 4 ทิศ เป็นราชาในหมู่มังกรทั้งหมด แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 23:39:41 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 13:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มังกรของจีนและเกาหลีจะมีนิ้วเท้าข้างละ 5 นิ้วครับ ในขณะที่มังกรของอินโดนีเซียจะมี 4 นิ้วและมังกรของญี่ปุ่นจะมี 3 นิ้ว ตำนานจีนอ้างว่ามังกรมีต้นกำเนิดมาจากจีนเมื่อเดินทางไปยังที่ไกลขึ้นเรื่อยๆจะทำให้มีนิ้วเท้าลดลง แต่ตำนานญี่ปุ่นก็แย้งว่ามังกรมีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่นและเมื่อยิ่งเดินทางไปไกลก็จะยิ่งทำให้มีนิ้วเท้ามากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้มังกรจีนแต่ดั้งเดิมมี 4 นิ้วยกเว้นแต่มังกรที่บัลลังก์ฮ่องเต้จะมี 5 นิ้ว จีนก็อ้างว่าเป็นเพราะฮ่องเต้สูงศักดิ์กว่าคนธรรมดาสามัญมังกรจึงต้องมีนิ้วเท้ามากกว่า และไม่มีมังกรที่ไหนที่เป็นที่ยอมรับว่ามีนิ้วเท้ามากกว่านี้อีกแล้ว แต่เกาหลีก็อ้างว่ามังกรที่พระราชวัง Gyeongbok มีนิ้วเท้าข้างละ 7 นิ้วซึ่งสูงศักดิ์กว่าฮ่องเต้จีนซะอีก....เอ้า เถียงกันเข้าไป จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 13:16:29 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มังกรของฝรั่ง คล้ายๆไดโนเสาร์มีปีกบิน มีลมหายใจเป็นเปลวไฟมีพิษและพ่นไฟได้ด้วย เป็นตำนานของฝรั่งอ่ะครับว่ามังกรมักจะเฝ้าสมบัติหรือไม่ก็จับเจ้าหญิงไปแล้วก็รอให้วีรบุรุษขี่ม้าขาวไปปราบ ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดมากนะคร้าบ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 48 13:24:56 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 13:17:56 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อันนี้มังกรของไทยเราครับ หรือก็คือพญานาคนั่นเอง จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 13:19:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แค่นี้ก่อนละกันนะครับ ขอตัวไปทำงานก่อน อิอิอิ แล้วดึกๆจะมาโพสคำถามของท่านจิวไต้ซือนะครับ เรื่องตำนานของเสือและสิงโตจีน .....^o^ ผู้น้อยขอคารวะทุกท่านหลายๆจอกคร้าบ จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 มิ.ย. 48 13:21:57 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณครับ จากคุณ : จิวไต้ซือ - [ 1 มิ.ย. 48 13:33:43 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากขอรับ ที่แบ่งปันความรู้ จากคุณ : เซียวสี่บ้อ (rynekel) - [ 1 มิ.ย. 48 15:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอคารวะท่านกระบราหัก1,000จอก ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : ฟังเสียงฝนในหอน้อยเพียงลำพัง - [ 1 มิ.ย. 48 15:39:28 A:203.156.42.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ว่ากันถึงเรื่องมังกรแบบนี้ก็ดีนะคับ ..... เรารู้จักจากหนังจีนมาหลายเรื่องแต่พอมาฟังตำนานก็ได้ความรู้เพิ่มเติมเข้าไปอีก ...... เด๋วจะรอดูตำนานของเสือและสิงโตต่อนะคับ ( ถ้าแถมกิเลนหรืออื่นๆก็จะดีมากคับ ) จากคุณ : จื่อหลิง - [ 1 มิ.ย. 48 18:15:02 A:58.10.8.184 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 จะรออ่านตำนานเสือ สิงโต แล้วก็กิเลนค่ะ จากคุณ : ชอเฮียงยี้ - [ 1 มิ.ย. 48 20:14:38 A:130.88.179.150 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอคารวะ จากคุณ : ฮิวเยียก - [ 1 มิ.ย. 48 21:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ยอดเยี่ยมคับ ข้าน้อยนับถือ คารวะด้วย ชีวาส 1 แก้ว เอิ๊กๆ จากคุณ : โจโฉ เม้งเต้ - [ 1 มิ.ย. 48 21:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แปลและเรียบเรียงได้เยี่ยม จากคุณ : K.Senior - [ 1 มิ.ย. 48 23:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอขอบคุณทุกท่านนะครับผม ผู้น้อยยินดีน้อมรับขอผิดพลาดและพร้อมจะแก้ไขครับผม ต้องขอคำชี้แนะด้วยนะคร้าบ ขอขอบคุณท่าน ฟังเสียงฝนในหอน้อยเพียงลำพัง ครับ สุรา 1 พันจอกนี้เล่นเอาข้าผู้น้อยได้ออกกำลังบริหารตับจนแข็ง(แรง) ทีเดียวครับ ผู้น้อยยิ่งไม่มีกำลังภายในเหมือนนักพรตคิวชู่กีที่ขับสุราออกทางนิ้วเท้าด้วยน่ะสิครับ มาต่อด้วยเรื่องของสิงโตกันดีกว่าครับ อันที่จริงแล้วตามหลักฐานทางชีววิทยา แถบบริเวณเอเชียตะวันออกไม่ได้เป็นถิ่นกำเนิดของสิงโตเลยครับ สิงโตในทวีปเอเชียมีอยู่สายพันธุ์เดียวคือสิงโตสายพันธุ์เปอร์เซีย  (Panthera leo persica) ซึ่งปัจจุบันก็ใกล้จะสูญพันธ์แล้วครับ เมืองจีนเริ่มมีสิงโตตัวแรกในสมัยจักรพรรดิชุนแห่งราชวงศ์ฮั่น (ค.ศ. 126-145) ซึ่งเป็นของกำนัลมาจากประเทศเปอร์เซีย ขนส่งผ่านมาทางเส้นทางสายไหม เมื่อสิงโตมาถึงจีนก็ถูกเอาไปเลี้ยงไว้ในวัง เนื่องด้วยประเทศจีนตอนนั้นไม่มีสวนสัตว์ ประชาชนคนทั่วไปก็ไม่มีสิทธิ์ได้ดู ไม่เหมือนกับแพนด้าช่วงช่วงกับหลินฮุ่ยที่เข้าเมืองไทยนี่ครับ ชาวบ้านก็เลยได้แต่สอบถามลักษณะเอาจากพวกทหาร มหาดเล็กในวัง แล้วก็จินตนาการเอาเองจึงทำให้ได้ลักษณะสิงโตจีนที่ค่อนข้างต่างออกไปจากความเป็นจริงครับ จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:14:21 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คนจีนโบราณมีความเชื่อว่าสิงโตเป็นบุตรของมังกร ซึ่งมีอำนาจและทรงพลังมากที่สุดในบรรดาบุตรทั้งหมด ได้รับมอบหมายจากสวรรค์ในฐานะผู้พิทักษ์ สิงโตจึงถือเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ ความกล้าหาญ และความจงรักภักดี นอกจากนี้ยังเชื่อว่ากันว่าสิงโตเป็นสัตว์เทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้เพียงเสียงคำรามก็สามารถปัดเป่าวิญญาณและสิ่งชั่วร้ายได้ครับ จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:16:52 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ด้วยเหตุนี้เองชาวจีนจึงนิยมสร้างรูปสลักสิงโตไว้ตรงหน้าพระราชวัง ตามหน้าบ้านหรือสถานที่ต่างๆเพื่อเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์คอยคุ้มครองป้องกันภยันตราย ภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่างๆ โดยจะสร้างสิงโตไว้ตรงหน้าประตูทางเข้าเป็นคู่ สิงโตตัวผู้จะอยู่ทางด้านขวามือ (ของผู้ที่เดินเข้านะครับ) และสิงโตตัวเมียจะอยู่ทางด้านซ้ายครับ จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:17:48 ]

ความคิดเห็นที่ 28 นอกจากนี้ประเพณีความเชื่อที่สำคัญของจีนซึ่งมีมาแต่ช้านานจนถึงปัจจุบันก็คือประเพณีการเชิดสิงโตครับผม ตำนานที่มาของการเชิดสิงโตมีหลากหลายแตกต่างกันมากครับ ในที่นี้จะขอยกเอามาบางส่วนที่เป็นที่ยอมรับกันนะครับผม จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มีตำนานหนึ่งกล่าวว่าในประเทศจีนสมัยห้าราชวงศ์ในวันตรุษจีน (หรือบางที่ก็ว่าวันไหว้พระจันทร์) จะปรากฏสัตว์ร้าย ชื่อว่าเหนียน (Nien) ซึ่งจะคอยทำร้ายผู้คน สัตว์เลี้ยงและทำลายพืชผลไร่นาเสียหาย ผู้คนจึงต้องบวงสรวงต่อเทพเจ้าบนสวรรค์ เง็กเซียนฮ่องเต้จึงส่งเทพสิงโตมาขับไล่เจ้าตัวเหนียนนี่ไป ในวันตรุษจีนปีต่อมา เจ้าตัวเหนียนก็กลับมาสร้างความเดือดร้อนอีก แต่คราวนี้เทพสิงโตไม่ลงมาช่วยอีกแล้ว และเป็นเช่นนี้ทุกๆปีในวันตรุษจีน ผู้คนจึงต้องร่วมกันแต่งตัวทำเลียนแบบสิงโต จึงสามารถขับไล่ตัวเหนียนไปได้และเกิดเป็นประเพณีเชิดสิงโตขึ้นมา แต่บางที่กล่าวไว้ว่าตัวเหนียนนั้นมีตัวยาวแปดฟุต ศีรษะใหญ่ มีฟันแหลมคม มีตาเหมือนระฆังทองแดง มีใบหน้าสีเขียว และมีเขาบนศีรษะ เที่ยวออกทำร้ายผู้คนทุกๆวันตรุษจีน ต่อมาพระยูไลได้เสร็จมาปราบพยศตัวเหนียนจนเชื่องและพากลับไป ชาวบ้านจึงเฉลิมฉลองและจัดทำการแต่งตัวเลียนแบบท่าทางตัวเหนียนเพื่อบูชาพระยูไล จึงเกิดเป็นการเชิดสิงโต (พูดง่ายๆว่าสิงโตก็คือตัวเหนียนนั่นแหล่ะครับ) แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 02:58:25 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:21:08 ]

ความคิดเห็นที่ 30 บางตำนานก็ว่าการเชิดสิงโตเริ่มขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ้อง แม่ทัพจงอวี่ (Zhong Yue) ยกทัพไปออกรบที่ดินแดนหลินหยี (Lin Yi) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีนแถวๆประเทศลาวและพม่า ข้าศึกชาวพื้นเมืองได้ใช้กองทัพช้างทำให้แม่ทัพจงอวี่ต้องรับศึกหนัก จึงใช้อุบายให้ทหารกองหน้าแต่งตัวเป็นสิงโต กองทัพช้างจึงแตกตื่นและแตกพ่ายไป ประเทษจีนจึงมีประเพณีเชิดสิงโตเพื่อฉลองชัยชนะ แต่มีบางตำนานก็กล่าวไว้เช่นนี้เหมือนกันแต่เป็นสมัยที่ขงเบ้งยกทัพไปปราบเบ้งเฮกและได้ใช้สิงโตปลอมทำลายกองทัพช้างของบกลกไตอ๋อง แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 02:30:11 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อีกตำนานที่เป็นที่ยอมรับคือในสมัยพระเจ้าถังเม่งหวาง พระองค์ได้สุบินว่าพระองค์แตกทัพ หลงทางตามลำพังอยู่ในป่า และได้สิงโตช่วยเหลือนำทางกลับสู่วังหลวง เมื่อตื่นขึ้นมาจึงเรียกราชเลชามาจดลักษณะสิงโตที่เห็นในความฝัน และได้ให้มีการเชิดสิงโตตั้งแต่นั้นมา แต่ก็มีบางตำนานกล่าวว่าพระองค์ฝันเห็นสิงโตและเกิดความประทับใจในรูปร่างกิริยาที่สง่างามเท่านั้น จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ประเพณีการเชิดสิงโตยังแบ่งออกเป็นแบบเหนือ (ปักกิ่ง) ซึ่งเลียนแบบท่าทางของสุนัข (ก็เพราะว่าคนจีนไม่เคยเห็นนี่ครับว่าสิงโตจริงแล้วมีท่าทางอย่างไร) รูปข้างล่างกับรูปที่ คห.ที่แล้วเป็นสิงโตสไตล์เหนือครับผม เอ....ผมว่ามันหน้าตาคล้ายๆเจ้าเอี้ยก้วยมากเลยนะครับ (หมายถึงชื่อสุนัขพันธุ์ปักกิ่งที่มารักษากับผมเป็นประจำไม่ได้ว่าวีรบุรุษในดวงใจใครนะครับ...O^O) จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:36:53 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สิงโตแบบใต้จะเลียนแบบท่าทางของแมว ซึ่งยังแบ่งเป็นแบบกวางตุ้งและฮกเกี้ยนด้วยครับ นอกจากนี้การเชิดสิงโตแบบใต้ ยังมีการแบ่งประเภทตามสีของหน้าสิงโต ได้แก่สีเหลืองจะหมายถึงเล่าปี่ สีแดงจะหมายถึงกวนอูและสีดำจะหมายถึงเตียวหุยครับ และแบ่งตามลักษณะของขนและพู่ด้วยนะครับ ที่จริงยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายที่ไม่ได้ลงไว้ในนี้ครับ ท่านใดสนใจติดต่อหลังไมค์ได้นะครับผม จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ไหนๆเมื่อกล่าวถึงประเพณีการเชิดสิงโตแล้ว ผู้น้อยขอแถมประเพณีการเชิดมังกรด้วยล่ะกัน ...^0^   ประเพณีการเชิดมังกรเริ่มมีตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (200 BC) โดยมีตำนานเล่าว่าไต้อ๋องมังกรแห่งทะเลตงไห่มีอาการปวดหลังอย่างรุนแรงและไม่สามารถรักษาหายได้ เมื่อได้ยินว่าเมืองมนุษย์มีหมอเทวดา จึงจำแลงกายเป็นคนไปฝากตัวรักษา ฝ่ายหมอเทวดาเห็นก็ทราบได้ทันทีว่าไม่ใช่มนุษย์และขอให้ไต้อ๋องมังกรคืนร่างเดิม จากนั้นก็ทำการรักษาโดยการคีบเอาตะขาบพิษซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเกล็ดออก อาการโรคของเทพมังกรก็หายเป็นปลิดทิ้ง และไต้อ๋องมังกรต้องการจะแทนคุณจึงให้คำมั่นสัญญาว่าเมื่อใดก็ตามที่ผู้คนทำการเชิดมังกร ไต้อ๋องมังกรจะประทานฝนฟ้าและทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ชาวจีนจึงมีประเพณีการเชิดมังกรในฤดูใบไม้ผลิเพื่อขอฝนและเพื่อความเป็นสิริมงคลในการเพาะปลูก สีของมังกรที่เชิดก็มีความหมายแตกต่างกันไปครับ สีเขียวหมายถึงการเพาะปลูกเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์ สีเหลืองหมายถึงความเข้มแข็งและความมั่นคงของประเทศ สีแดงหมายถึงความสนุกสนานร่าเริง ส่วนสีเงินและสีทองหมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวยคร้าบ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 48 14:40:51 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ส่วนการที่มีสิงโตคาบแก้วและมังกรไล่แก้วก็มีความหมายนะครับ โดยแก้วนั้นเป็นตัวแทนของแก้วมุกวิเศษ ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์ สติปัญญาและความฉลาดครับ ในปัจจุบันนี้ประเพณีการเชิดสิงโตและมังกรยังคงมีอยู่และมีไว้เพื่อปัดเป่าภูตผีปีศาจ ความชั่วร้าย สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย และเพื่อความเป็นสิริมงคลนำมาซึ่งโชคลาภและสิ่งดีๆในชีวิต เสริมอีกนิดว่า การเชิดสิงโตและการเชิดมังกรนั้นคล้ายๆกันครับ ต่างกันตรงที่การเชิดมังกรต้องใช้คนจำนวนมาก (14 คนขึ้นไป) ส่วนการเชิดสิงโตแค่ 2 คนก็ได้แล้วครับ แต่ต้องอาศัยทักษะฝีมือกังฟูสูงกว่าการเชิดมังกรนะครับ เช่นจอมยุทธหวงเฟยหงแห่งเป่าจือหลินงัยคร้าบ... แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 48 14:41:56 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:50:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ฝรั่งก็มีตำนานสิงโตนะครับ เป็นบุตรของยายทวดจีอาที่เทพธิดาจูโนแม่เลี้ยงใจโหดส่งมาฆ่าเฮอร์คิวลิส สิงโตมาทำความเดือดร้อนในเมืองมนุษย์และแล้วก็ถูกเฮอร์คิวลิสสังหารซะ เมื่อสิงโตตายแล้วเทพธิดาจูโนจึงนำไปไว้บนท้องฟ้าเป็นกลุ่มดาวสิงห์ (Leo) ในกลุ่มดาวจักรราศีครับ จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:52:02 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ของคนไทยเราก็มีตำนานสิงห์นะครับ เป็นสัตว์หิมพานต์ สามารถจำแนกออกได้เป็น 2 ชนิดหลักๆ คือ ราชสีห์ และ สิงห์ผสม ราชสีห์เป็นสัตว์ที่มีพละกำลังสูง ราชสีห์มีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิดคือ บัณฑุราชสีห์ กาฬสีหะ ไกรสรราชสีห์ และ ติณสีหะ ส่วนสิงห์ผสมนั้นมีอยู่มากมาย โดยปกติสิงห์ผสมคือสัตว์ประสมที่มีลักษณะของ ราชสีห์กับสัตว์ประเภทอื่น เช่นไกรสรนาคา คชสีหะ และอื่นๆ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 02:55:54 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 02:55:13 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เด๋วพรุ่งนี้จะมาต่อเรื่องตำนานของเสือ และสัตว์เทพเจ้าทั้ง 4 ทิศที่ท่านเอี้ยก้วย-เกียมม้อถามมานะครับผม ขอคารวะทุกท่านอีกหลายๆจอกคร้าบ จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 03:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ยอดเยี่ยมครับท่าน.. คารวะ 3 จอก ดื่มเยอะเด๋วไม่โพศต่อ..555 จากคุณ : มังกรเดียวดาย2 - [ 2 มิ.ย. 48 10:24:47 A:58.11.0.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 ยอดเยี่ยม  ยอดเยี่ยม ขอบคุณอีกทีครับ จากคุณ : Ginobili,20 of spurs (จิวไต้ซือ) - [ 2 มิ.ย. 48 11:01:13 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เยี่ยม ครับ ขอคารวะในเจตนาดีที่จะเผยแพร่ความรู้และ ความพยายามครับ จากคุณ : นายจัน หนวดเขี้ยว - [ 2 มิ.ย. 48 16:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 42 QiuLong อ่านว่า ฉิวหลงครับ จากคุณ : สมป๊อป - [ 2 มิ.ย. 48 22:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอขอบพระคุณท่าน สมป๊อปมากนะครับ ผมได้เข้าไปจัดการแก้ไขแล้วนะครับ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 23:45:45 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 23:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณทุกท่านมากครับผม ขอคารวะหลายๆจอก ท่านมังกรเดียวดาย2 และท่านโจโฉเม่งเต้ ครับสุรา 1 พันกะอีก 3 จอกแล้วก็ชีวาสกับอีก 1 แก้วข้าผู้น้อยยังไม่เมา โพสต่อได้อยู่คร้าบผม ผมขออนุญาตมาโพสต่อโดยตั้งเป็นกระทู้ใหม่นะครับ เพราะกลัวว่าถ้าโพสต่อไปมันจะทำให้โหลดนาน http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K3518705/K3518705.html แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 48 23:47:42 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 มิ.ย. 48 23:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เยี่ยมจริงๆครับ  อ่านเพลินดีครับ  ได้ความรู้ด้วย ขอบคุณที่อุตส่าห์พิมให้ได้อ่านกันครับ จากคุณ : ควานหา - [ 3 มิ.ย. 48 00:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มาตามอ่านครับ จากคุณ : อ๊อดน้อยใส่แว่น - [ 3 มิ.ย. 48 18:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ทำได้ดีครับ จากคุณ : กระเทืองแก่ - [ 3 มิ.ย. 48 19:57:44 A:10.90.5.86 X:202.28.181.7 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อยากให้ เป็นกระทู้แนะนำ ของ ห้องสมุด จัง :) สุดยอดมากๆครับ จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า - [ 5 มิ.ย. 48 12:53:43 ]