CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เมื่อแม่ผมถูกยายแก่ขับรถชน

    เมื่อคืนวันที่ 14 มีนาคม ผมกลับมาจากโรงพยาบาลราวสามทุ่มกว่าๆ เพราะหิวข้าวและปวดท้องมากๆ ผมเป็นโรคกระเพาะอยู่แล้ว และต้องมานั่งรอหมอทั้งวัน ...เครียด และหิว ยิ่งทำให้ปวดท้องครับ....หมอยังไม่โผล่มาเลยจนป่านนี้...ผมจึงไม่รู้ว่าแม่ผมอาการสาหัสขนาดไหน


    เช้าวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่แม่ของผมกำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปทำงานซึ่งอยู่ไม่ไกลบ้าน และบ้านของผมอยู่ในมหาวิทยาลัย  ขณะที่แม่ของผมไปแวะโรงอาหารเพื่อซื้อขนมไปฝากเพื่อนๆที่ทำงาน (โรงอาหารซึ่งเด็กๆที่นี่เรียกกันว่า "ลานอิฐ") แม่ก็ออกรถไป บริเวณสี่แยกที่ตัดกันหน้าโรงอาหารนั้น มีรถกระบะคันหนึ่งพุ่งมาด้วยความเร็วสูงมาก ทั้งๆที่ด้านนั้น มีหลังเต่าเพื่อให้หยุดหรือชะลอความเร็ว แต่รถคันนั้นไม่หยุดเลย กลับพุ่งมาด้วยความเร็ว หลังจากที่ผ่านหลังเต่ามา รถคันนั้นก็พุ่งมาชนแม่ของผมที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงกลางแยกแล้วพอดี ทำให้รถกระบะคันนั้นมาทับอยู่บนรถแม่ของผม และแม่ของผมกระเด็นออกไปไกลเลยทีเดียว หน้าของแม่ไปฟาดกับต้นไม้ริมทางเท้าอย่างจัง เนื้อตัวถลอกปอกเปิกไปหมด...แว่นตาที่ผมตัดให้แม่หลุดกระเด็น ของในตะกร้าหน้ารถกระเด็นกระจายกันไปคนละทิศละทาง...


    พอดีมีเพื่อนๆของแม่ผมที่ทานข้าวอยู่แถวนั้น รีบวิ่งไปช่วยและพยุง และนำแม่ผมส่งโรงพยาบาลทันที เพราะแม่ของผมลุกไม่ขึ้น และหายใจไม่ออก


    ....ผมเพิ่งตื่นและกำลังทานข้าวเช้าไปได้หนึ่งคำ...ก็ได้รับโทรศัพท์จากน้าสะใภ้ว่าแม่ถูกรถชน และตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว และกำลังอยู่ในห้องเอ็กซ์เรย์....ผมตกใจมาก รีบรุดออกไปทันที จากโรงอาหารที่เกิดเหตุนั้นใกล้บ้านผมมาก...เมื่อผมไปถึง ตำรวจเอารถแม่ไปแล้ว ผมตกใจมาก เพราะเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของแม่พังยับเยินเลย ผมจึงขับรถตามไปที่โรงพยาบาล


    แม่เอ็กซ์เรย์เสร็จแล้ว จึงไปพักที่แผนกผู้ป่วยในซึ่งเป็นห้องรวม เนื่องจากห้องพิเศษไม่ว่างเลย ผมเห็นแม่ไม่บาดเจ็บมากก็หายห่วงไปอย่างนึง เพราะไม่มีฟันหัก หรือแขนขาหัก แต่ก็กลัวอย่างหนึ่งคือ กลัวว่าจะมีอะไรหักข้างในมากกว่าครับ ผมจึงกังวลและรอผลเอ็กซ์เรย์ที่นั่น ซึ่งทราบว่า หมอจะมาอ่านผลให้ช่วงบ่าย ตอนนี้ผมต้องไปรับยาให้แม่ก่อน


    ที่จริง ผมไม่อยากมาที่นี่เลย....โรงพยาบาลปัตตานี....ขึ้นชื่อมากเรื่องบริการที่ห่วยแตก พยาบาลและหมอหน้าเหมือนส้นเท้า คนไข้เหมือนขอทานที่ต้องมานอนรอส่วนบุญจากท่านๆ เหล่านั้น....เคยมีคนไข้บางคนอาการหนัก หมอมาดู หมอบอกว่า เดี๋ยวก็ตาย....ไม่นาน เค้าก็ตายครับ ดีมั้ยครับ สมพรปาก อย่าให้เป็นพ่อหรือแม่หมอมั่งละกันนะครับ




    ผมไปรับยา แล้วมานั่งนวดให้แม่ ผมหิวข้าวมาก เพราะข้าวเช้ายังทานไม่เสร็จเลย อีกอย่าง ผมเป็นโรคกระเพาะ และทานน้อยเกินไป หรือทานทิ้งห่างเกินไปไม่ได้ซะด้วย ผมจึงต้องกล้ำกลืนนิดนึง

    พยาบาลเอาข้าวเที่ยงมาให้แม่ผม แต่ไม่มีช้อน...ผมไปขอช้อน เขาก็ไม่ให้ ผมว่าจะถามแล้ว ช่วยกินให้ผมดูหน่อยสิคุณ ผมก็ไปขอช้อน ก็ยังไม่มีช้อนมาให้ครับ แต่แม่ผมก็ไม่ยอมทานอะไร เพราะยังจุกๆอยู่ แม่บอกว่า หายใจแล้วมันเสียดๆที่สีข้าง ผมก็ยิ่งห่วง


    ไม่นานนัก คนที่ชนแม่ผมก็มา...เธอเป็นหญิงสูงอายุมากท่าทางเค็มทีเดียว ผมคิดว่า ผมคงได้สู้รบกับนางคนนี้แน่ๆในไม่ช้าไม่นานนี้........เธอมาพร้อมกับลูกสาวซึ่งเป็นอาจารย์และทำงานที่เดียวกับแม่ผม

    เธอพูดว่า “แหม เสียใจด้วยนะคะ สุดวิสัยค่ะ ฮิๆๆๆๆๆๆ มาเร็วกันทั้งคู่นะคะ ฮิๆๆๆๆ”.......เอ่อ ยายครับ ทำไมยายต้องหัวเราะครับ “ต่างคนต่างผิดล่ะค่ะ พอดีพี่เป็นรถใหญ่ เลยยิ่งผิดกว่า”

    ผมจึงพูดว่า “คำว่า สุดวิสัย กับคำว่า ประมาท มันไม่เหมือนกันนะครับยาย อย่าเอามาปนกัน อย่างยายเนี่ย เค้าเรียกว่าประมาทครับ”


    เธอก็เงียบไปนิด แต่ก็พูดต่อไม่หยุด แต่ผมไม่สนใจแล้ว เพราะผมไม่อยากอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ ผมอยากรู้นัก ว่าถ้าผมชนเธออย่างที่เธอชนแม่ผมน่ะ แล้วผมมาพูดว่า “สุดวิสัย” แล้วหัวเราะคิกคักอีกมั้ย....เธอจะรู้สึกยังไง



    ผมหิวมาก จึงไปหาอะไรทาน เพราะรถผมเองก็เสีย โชคดีที่รถผมมาเสียหลังจากที่จอดในที่จอดรถหน้าโรงพยาบาลแล้ว ไม่งั้นคงแย่ ผมจึงไปทำธุระเรื่องรถให้เรียบร้อย และไปหาอะไรทาน กลับบ้านไปเอาของให้แม่ ผมถามแม่ว่า จะเอาอะไรมั้ย แม่บอกว่า จะเอาชาดำเย็น เพราะแม่ชอบชาดำเย็นมากๆ เมื่อเช้า กระติกชาที่แม่พกเพื่อเอาไปดื่มที่ที่ทำงาน แตกและพังหมดแล้ว ผมจึงเอาผ้าขนหนู ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว และของอื่นๆไปให้แม่ เพราะที่นั่นไม่มีอะไรให้เลย....ก่อนผมมา เพื่อนของแม่มาเยี่ยม เห็นแม่นอนไม่มีอะไรคลุม จึงไปขอผ้าห่มจากพยาบาล ซึ่งพยาบาลก็พูดด้วยเสียงห้วนๆว่า “ไม่มีค่ะ ถ้ามี ก็ให้ไปแล้ว”....มันน่า...นัก


    บ่ายแก่ๆ ผมจึงกลับมานั่งเฝ้าแม่อีกรอบนึงครับ อากาศร้อนมาก เพื่อนของแม่จองห้องพิเศษไว้ คงจะได้ช่วงเย็นๆ.......ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ผมจึงขอตัวกลับไปอาบน้ำ และไปดูรถแก่ๆอีกคันของผมที่เอาไปซ่อมด้วย...วันนี้ผมจึงไม่มีรถขับ.....ผมไม่อยากเอารถโฟล์คตู้ออกมาเพราะคันใหญ่ไป ไม่สามารถเข้าไปยังที่จอดรถอันน่าสับสนและคับแคบของโรงพยาบาลแห่งนี้ได้......รถของผมที่เอาไปซ่อมอาการหนักใช้ได้ ค่าซ่อมหลายตังค์ทีเดียว เนี่ยนะ.....รถยุโรป(แถมเก่าอีกตะหาก) ไม่เสียก็ไม่เสีย แต่เสียทีนึงเนี่ย ซ่อมกันหนักเลยครับ ผมเซ็งมาก จึงให้เพื่อนไปส่งที่บ้าน แล้วผมก็อาบน้ำด้วย เพราะไม่ไหวแล้ว เมื่อเช้าออกมาจากบ้าน น้ำก็ไม่อาบ เสื้อก็ไม่ได้รีด



    ผมไปถึงโรงพยาบาลอีกครั้งตอนหกโมงครึ่ง ผมนั่งรถตุ๊กๆไป....เมื่อไปถึง แม่บอกว่าเดี๋ยวจะย้ายห้องแล้ว ได้ห้องพิเศษซะที แต่ยังไปไม่ได้ เพราะต้องรอหมอก่อน เดี๋ยวหมอจะมาอ่านฟิล์มและดูอาการให้...เอ...ผมจำได้ว่ามีคนมาพูดคำนี้เมื่อตอนเช้าว่าบ่ายๆหมอจะมาทำแบบนี้นี่ แล้วตอนนี้มันหกโมงครึ่งแล้วนะ อืมม หมอคงงานยุ่งมั้ง .......เราก็นั่งรอต่อไป จนผมเริ่มปวดท้องเพราะหิว ตอนนี้เริ่มปวดหัวด้วยครับ ไม่ไหวแล้ว สองทุ่มครึ่ง หมอยังไม่มาเลย รอมาสองชั่วโมงแล้ว น้าผมจึงไปถาม นางพยาบาล เธอบอกว่า หมอยังอยู่ที่คลีนิค อืมมม หมอมีงานหลักที่คลีนิค งานรองหรือจ็อบคงอยู่ที่โรงพยาบาลมั้ง


    แม่ยังบอกอีกว่า ตอนที่ผมไม่อยู่ ยายแก่คนที่ชนแม่ มาเยี่ยม บอกว่า ซ่อมรถให้จะเสร็จแล้ว แม่ผมก็งงๆ เพราะรถพังยับเยินขนาดนั้น แถมรถต้องไปซ่อมที่ศูนย์ ซ่อมที่ศูนย์มันก็ต้องนานอยู่แล้วแต่อย่างน้อย อะไหล่ที่ได้ คืออะไหล่แท้ ไม่ใช่อะไหล่โหลยโท่ยที่มีขายกันเกลื่อน เธอบอกว่า พรุ่งนี้รถจะเสร็จแล้ว แม่บอกผมว่า ยายนี่นะ ท่าทางจะไปซ่อมร้านถูกๆที่ขายอะไหล่ปลอม เพราะมันไม่นาจะซ่อมได้เร็วขนาดนั้น ขนาดแม่ไปเปลี่ยนโช้ครถอันเดียว ยังต้องรออะไหล่อีกนานเลย แล้วเนี่ย อะไร แม่บอกว่า รถเสียขนาดนั้น ซ่อมแล้ว จะกลับมาเหมือนเดิมอีกมั้ย ไม่รู้ว่าจะต้องมาซ่อมอีกต่อไปจนต้องซื้อใหม่ในที่สุดหรือไม่ แล้วแม่เอง วันนี้อาจไม่เป็นอะไร แล้วหลังจากนี้ล่ะ เกิดเป็นอะไรที่เกิดจากผลพวงของ “การสุดวิสัย” ครั้งนี้ ใครจะมารับผิดชอบชีวิตแม่ของผม...น้าผมบอกว่า ตำรวจให้เบอร์ไว้ และบอกว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ ให้โทรหา ซึ่งผมมองว่า ท่าทางจะตกลงกันไม่ได้แน่ๆ เพราะรถแม่ผมเสียเกินซ่อมขนาดนี้ ผมคงไม่ให้แม่ต้องมาใช้รถคันนี้อีกแล้ว เค็มๆอย่างยายคนนี้ ซึ่งเป็นคุณนายนายอำเภอเก่าเนี่ย คงไม่ยอมแน่ๆเรื่องจะซื้อคันใหม่ ส่วนเรื่องตกลงไม่ได้แล้วให้โทรหาตำรวจนี่...เฮ้อ ผมไม่เห็นประโยชน์เลย เพราะ ผมเคนถูกรถเมล์มาชนรถผม เห็นจากรูปการณ์ชัดๆว่ารถเมล์ผิด ซึ่งผมไม่ยอม เพราะยังไง ทางนู้นน่ะ ผิดเห็นๆ แต่ตำรวจมาด่าผม และว่าผมประมาท เข้าข้างทางฝ่ายนั้น ผมก็งงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้ แถมตำรวจพูดอีกว่า นัดผมแล้ววันรุ่งขึ้น แต่ผมไม่มา จึงโมฆะเรื่องนี้ไป ผมงงมาก นัดตอนไหน วันนั้นผมนั่งที่โต๊ะสารวัตรที่ทำเรื่องทั้งวัน ผมยังไม่ได้ยินหน้าไหนพูดสักคำว่า “พรุ่งนี้นัดสิบโมง” หรือเขาพูดภาษาต่างดาวกัน ทำให้ผมไม่เข้าใจ

    ประเทศไทยครับ.......


    ผมหมดศรัทธาจริงๆ.....นี่คือเหตุผลหนึ่ง ที่ผมไม่ชอบออกไปไหน ผมทำงานอยู่ที่บ้าน ออกไปเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ออกไปข้างนอกแล้ว เฮ้อ.....อยู่กับหมาดีกว่า หมาไม่โกง ไม่หลอกลวง ไม่โกหก ไม่แทงข้างหลังเราอย่างที่คนทำ

    ...สามทุ่มแล้ว ผมปวดท้องมาก และเริ่มปวดหัวมากๆ หน้าผมเริ่มซีดเหมือนจะเป็นลม ผมจึงไม่ไหวแล้ว ต้องไปทานข้าวก่อน น้าผมถามพยาบาลว่า “ให้คนไข้ไปรอที่ห้องพิเศษก่อนไม่ได้หรือคะ เพราะห้องเปิดไว้นานแล้ว ของก็อยู่ที่นั่นหมดแล้ว ถ้าหมอมา ก็ให้หมอตามไปก็ได้นี่คะ” พยาบาลบอกว่า “ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวหมอจะหาว่าข้ามหน้าข้ามตา” ผมก็งงๆ ว่าอะไร ข้ามหน้าข้ามตา

    พยาบาลก็พยายามโทรหาหมอ ก็โทรไม่ติด และ ในที่สุด เธอก็ทำเรื่องให้แม่ผมไปนอนที่ห้องพิเศษที่เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วก่อน ผมจึงเอาของที่เอามาให้แม่อีกรอบนึงนี้ไปวางๆจัดๆให้ครับและต้องกลับบ้านมาก่อน เพราะไม่ไหวแล้ว ปวดท้องมาก ผมเคยปวดท้องหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว ผมไม่อยากเข้ามาอีก มันน่ารำคาญมากครับ...เนื่องจากผมไม่มีรถกลับ จึงต้องนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมา ซึ่งเป็นคันสุดท้ายพอดี

    ผมกลับมาถึงบ้าน ก็รีบทานข้าวก่อนเลย แล้วก็ให้หมาๆทั้งหมดด้วย เพราะทุกตัวหิวมาก นายโจโวยวาย เห่าเสียงดัง น่าสงสาร คงคิดถึง และหิวมั้ง

    วันนี้ การนั่งรอหมออย่างไม่มีวี่แววของหมอเนี่ย มันน่าเบื่อมากครับ เพราะผมกังวลมาก ว่าแม่จะเป็นอะไรมากมั้ย ผมยังไม่เห็นและไม่รู้เลยว่าผลเอ็กซ์เรย์เป็นยังไง แม่จะมีกระดูกหักข้างในมั้ย จะมีแผลข้างในอวัยวะอื่นๆหรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้


    ห้าทุ่มกว่าๆ ผมโทรไปหาแม่ แม่นอนแล้ว น้าผมบอกว่า หมอคงไม่มาแล้ว.....ผมโกรธมาก แล้วถ้าแม่ผมต้องนอนรอที่หมอห้องนั่นทั้งคืนโดยที่หมอไม่มาก็ไม่บอก ถ้าเราไม่คิดที่จะย้ายแม่ไปเองเนี่ย คงไม่มีไอ้หน้าไหนมาคิดให้เลยว่า เออ นะ คุณไปนอนห้องพิเศษดีกว่ามั้ย เพราะห้องก็พร้อมตั้งนานแล้ว แม่ผมจะต้องนอนรอหมอที่ห้องนี้จนพรุ่งนี้เช้ารึไง

    อยากรู้นัก ว่าถ้าเป็นพ่อหรือแม่ของคนพวกนี้ คงได้รับสิทธิพิเศษแน่นอน อีกอย่าง คนพวกนี้มีเงินมากพอที่จะส่งพ่อส่งแม่เค้าไปโรงพยาบาลเอกชนอย่างน่นอน คงไม่มาหรอก โรงพยาบาลบ้านนอกอย่างนี้

    พรุ่งนี้ ผมคงดูอาการแม่ก่อน ว่าเป็นยังไง ถ้าไม่ค่อยดี ผมคงจะให้แม่ไปโรงพยาบาลที่หาดใหญ่ดีกว่า

    ผมกลับบ้านมานั่งเขียนเรื่องนี้ พร้อมกับคิดถึงประโยคที่เพื่อนๆหมอบางคนของผมเคยพูด..... “ เมื่อก่อน สมัยเรียนนะ ก็เวลาเย็บแผลก็ตั้งใจเย็บดีๆนี่แหละ แต่หลังๆชักเบื่อ เย็บซ้ำไปซ้ำมา เลยเย็บส่งๆไปยังงั้นแหละ”....ก้องอยู่ในหูของผมอยู่ตลอดครับ ผมไม่เคยลืมสีหน้าและน้ำเสียงของเพื่อนผมที่เป็นหมอใหญ่ ณ โรงพยาบาลแห่งนึงแถวๆนี้ได้เลยครับ........พร้อมกับข้องใจคำว่าสุดวิสัยของยายคนนั้นมาตงิดๆ ว่าเธอพูดออกมาได้ยังไง เพราะผมจำได้ว่า ตอนที่เธอมา เธอพูดว่า “ป้ามัวแต่ดูด้านซ้าย ไม่ทันได้ดูด้านขวา เห็นไม่มีรถ เลยพุ่งไปเลย” ทั้งๆที่แม่ผมอยู่ด้านขวาของยายนะครับ อย่างนี้ สุดวิสัย หรือประมาทครับยาย....

    แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 49 12:58:02

    จากคุณ : พ่อน้องโจ - [ 3 เม.ย. 49 21:40:33 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป