ความคิดเห็นที่ 1 ดูที่ตัวเองก่อนว่า.........เรามีปัญหาหรือขาดตกบกพร่องเรื่องอย่างว่าไหม จากคุณ : คนทุ่งบางเขน - [ 24 ม.ค. 51 12:21:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ระวังเอดส์ค่ะ จากคุณ : นุชากร (นุชากร) - [ 24 ม.ค. 51 12:34:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อย่าเพิ่งปักใจเชื่อค่ะ ค่อยๆสังเกตพฤติกรรมไปก่อน จากคุณ : sorry about that - [ 24 ม.ค. 51 12:48:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แนะนำตาม คห.1 ค่ะ คุยกับเค้าตรง ๆ เลยว่าเรามีข้อบกพร่องตรงไหนที่เค้ารับไม่ได้จนต้องออกไปเที่ยว เราจะได้ปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น จากคุณ : boonrodjang - [ 24 ม.ค. 51 12:48:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ^^' นิสัยแล้ว จากคุณ : Archimandrite - [ 24 ม.ค. 51 13:15:26 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ...ยิงทิ้งเลยครับ... จากคุณ : โอดิสซีอุส - [ 24 ม.ค. 51 13:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบน่ะคะ ตามที่ คห.3 บอกนั้น คือเราจับได้และมีหลักฐานทุกอย่าง เขาถึงยอมรับในที่สุดค่ะ จากคุณ : คนโดนหลอก - [ 24 ม.ค. 51 13:25:11 A:172.16.120.33 X:203.170.231.232 TicketID:166386 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แค่ไปเที่ยว เป็นครั้งคราวไม่ใช่เหรอคะ ถ้าเค้ารับเลี้ยงเป็นตัวเป็นตน ไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้เหรอเนี่ย คุยกันดีกว่าค่ะ ถ้าเรามีอะไรบกพร่องแล้วไม่สามารถให้เค้าได้ ก็ต้องใจกว้างปล่อยให้เค้านอกลู่นอกทางบ้าง แต่ต้องมีข้อแม้ว่า ห้ามเลี้ยงดูเป็นตัวเป็นตนเด็ดขาด หรืออะไรก็ว่าไป เราก็บอกแฟนแบบนี้เหมือนกัน แต่โชคดีที่เค้าไม่ชอบเที่ยวแบบนี้ ก็เลยไม่มีปัญหา เพิ่มเติมค่ะ กลับไปอ่านอีกรอบ เข้าใจว่าคุณคงน้อยใจที่เค้าโกหกคุณเรื่องไปเที่ยว เห็นใจค่ะ ถ้าไปเที่ยวมา พอเราถาม แล้วบอกตรงๆ นี่ยังทำใจได้เนอะ ลองคุยกันดูนะคะ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 51 13:56:06 จากคุณ : do n dont - [ 24 ม.ค. 51 13:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 บางทีไม่เกี่ยวกับข้อพกพร่องของฝ่ายหญิงหรอกค่ะ มันเป็นความมักมาก ชอบความแปลกใหม่ จากคุณ : CreamCute - [ 24 ม.ค. 51 13:53:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ อืมม พูดอีกก็ถูกอีก จากคุณ : do n dont - [ 24 ม.ค. 51 13:57:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถามเค้าว่า  ไปเที่ยวแล้วป้องกันหรือเปล่า (ถุงยาง) ถ้าไม่  ต่อไปนี้  คุณก็หนาวล่ะ แต่เรื่องแบบนี้  ถ้าเที่ยว ไม่เลี้ยงดูเป็นตัวเป็นตน   คุณน่าจะสบายใจกว่า  (แถมยังเสียเงินน้อยกว่า ที่จะส่งเสียเป็นเมียน้อยนะ จากคุณ : one mind seven guys - [ 24 ม.ค. 51 14:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุยกันก่อนเน้อ ถ้าเกิดของที่บ้านมันชืดชาก็จะได้ปรับปรุง แต่ถ้ามันเป็นอาการมักมาก ก็ทัณฑ์บนไว้ ไม่ไหวก็เลิก เด็กโตได้ครับ เพื่อนผมก็มี ดีๆทั้งนั้น จากคุณ : อาจารย์โยดา - [ 24 ม.ค. 51 14:29:53 ]

ความคิดเห็นที่ 13 บอกยากนะ บางคน เที่ยวมาเยอะๆ พอแต่งแล้ว เลิกเที่ยวไปเลยก็มี บางคน แต่งงานแล้วก็ยังไม่เลิก จนลูกโตแล้ว มันก็ยังหนีไปเที่ยวได้ แฟนไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก อันนี้เพื่อนๆผมนะ ผมไม่เที่ยว ^-^ จากคุณ : journallife - [ 24 ม.ค. 51 14:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าเป็นเราจะให้โอกาสเค้าอีกครั้งในการกลับตัว ทั้งนี้ก็เพื่อลูก แต่ระหว่างอยู่ด้วยกันอาจต้องขอใช้ถุงยางอนามัยด้วย ถ้ายังมีอีกหน เรารับไม่ได้ค่ะ เพราะหลังแต่งงานคือความซื่อสัตย์ ที่ต่างฝ่ายต่างต้องมอบให้กัน กลัวติดเอดส์ ถ้าเป็นทั้งแม่พ่อ ลูกหล่ะ จะอยู่กะใคร??? ทั้งนี้ทั้งนั้นจขกท.ต้องคิดถึงข้อดีและข้อเสีย คิดถึงวันนี้และวันหน้าของลูก... จากคุณ : NN2704 - [ 24 ม.ค. 51 14:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แบบนี้ต้องไปถาม สว ระเบียบรัตน์ก๊าบผม จากคุณ : พ่อบีเกิ้ล - [ 24 ม.ค. 51 15:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นด้วยกะ คห.9 นะ บางทีเราไม่ได้มีข้อเสียอะไรเลยหรอก แต่เค้าอาจจะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ อยากเที่ยวบ้างก็ได้ ขอให้เค้ากลับตัวกลับใจได้ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : meetmeinthebathroom - [ 24 ม.ค. 51 15:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Side Line  :    แพงนะ...บอกเค้าไปอาบน้ำพอแล้ว...เก็บเงินเป็นทุนการศึกษาให้ลูกดีกว่า จากคุณ : เล่าโหงว - [ 24 ม.ค. 51 15:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตราบใดที่เขายังเลี้ยงดูภรรยา ยังทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ไม่ใช่เรื่องน่าวิตกกังวลอะ คุณรู้สึกยังไงล่ะ สมมติว่ามีผู้ชายให้คุณเลือก2ประเภท 1.ออกไปเที่ยวผู้หญิง ไม่กลับบ้านหลายวัน แล้วทิ้งให้เมียเลี้ยงลูกเอง 2.ออกไปเที่ยวผู้หญิงหลังเลิกงาน ยังมีปัญญาเลี้ยงลูก สามารถกลับมาทานข้าวที่บ้านได้ มีเวลาดูแลเมียที่บ้าน ยังจำวันครบรอบแต่งงานเมียได้ จำวันเกิดเมียได้ คุณจะเลือกผู้ชายแบบไหนล่ะ เขาจะมีผู้หญิงกี่คนก็ช่างเขาเถอะ เขาจะไปเที่ยวแค่ไหนเรื่องของเขา ตราบใดที่เขายังส่งเสียเลี้ยงดูไม่ให้อดตาย หรือยังอาศัยบ้านฝ่ายชาย ยังพึ่งพาครอบครัวฝ่ายชายเลี้ยงดูอยู่ สามีก็ยังไม่ทอดทิ้งภรรยาและลูกเพื่อหาความสำราญกับหญิงอื่น ในขณะที่ฝ่ายชายมีอะไรก็ยกให้เมียหมด บ้านให้อยู่ฟรีๆ มรดกยกให้ลูกเมียเพื่อไม่ให้อดตายในอนาคต ทุกอย่างลงชื่อเมียเอาไว้เป็นมรดกตกทอด หรือไม่เอาโรคมาติดครอบครัว ก็ไม่น่ากังวล คนเป็นภรรยายังต้องการอะไรอีกหรอ เขาไม่ปล่อยให้อดตายยังดีไม่พอหรอ ยังทำตัวเป็นเจ้าของสามี หึงไม่เข้าท่า ทำตัวน่ารำคาญ สามีกลับบ้านก็ไต่สวนสามี ทำเหมือนสามีเป็นนักโทษ หรือไม่ก็เป็นคนในปกครอง มันไม่ใช่เรื่องที่เมียควรปฎิบัติต่อสามีอะ ทุกชาติทุกภาษา เมียคือช้างเท้าหลังเสมอ เพรายังไงสามีก็มีหน้าที่เลี้ยงดูภรรยา และภรรยาควรเคารพและให้เกียรติสามีเช่นกัน ไม่ใช่เป็นแค่ภรรยาแต่ทำตัวกร่าง แอบไปค้นห้องสามีงี้ เช็คเบอร์โทรศัพท์มือถืองี้ บลาๆๆ เมียไม่มีสิทธิทำแบบนี้อะ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 51 15:57:44 จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 24 ม.ค. 51 15:42:54 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ....มันอยู่ที่ตัวคุณเองว่ารับได้หรือป่าว.... ....รับได้ก็อภัยแล้วเริ่มใหม่ รับไม่ได้ก็เลิก...... .....แต่มันผ่านมาปีนึงแล้วนะ ถ้าตอนนี้พฤติกรรมดีก็น่าให้อภัย...... ....นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าใช้บัตรเครดิต เวลาไปหาน้องๆ อิอิ..... จากคุณ : คาซีโอเพย่า. - [ 24 ม.ค. 51 16:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 20 #18 เสื่อม ผู้ชายห่วยๆที่บ้ากาเม ทำให้ภรรยาต้องเจ็บช้ำน้ำใจ  ยังต้องมาโดนคนที่มีความคิดเต่าล้านปีแบบนี้ต่อว่าอีก ชีวิตคู่คือชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข  ถ้าจะร่วมแต่สุขแต่ปล่อยให้อีกคนทุกข์บนความสุขของตัวเอง  แบบนี้เค้าเรียกคนเห็นแก่ตัว ถ้าต้องมีสามีเป็นผู้ชายห่วยๆมักมากในกาม  แนะนำว่าให้ผู้หญิงอยู่คนเดียวไปเลยจะมีความสุขกว่า จากคุณ : Queen of hearts - [ 24 ม.ค. 51 16:12:34 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าผู้หญิงคิดว่าอยู่คนเดียวได้ก็เชิญ ตราบใดที่ผู้ชายยังทำงานหาเลี้ยงครอบครัวอยู่ ผู้หญิงยังเรียกร้องอะไรอีกหรอคับ จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 24 ม.ค. 51 16:19:47 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คุณหนุ่มใจy   เป็นผู้ชายที่มีความคิดเห็นแก่ตัวจังค่ะ จากคุณ : จริงๆนะ (หลง เปิ่น เอ๋อ) - [ 24 ม.ค. 51 16:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คนที่ด่าผม ช่วยตอบคำถามที่ผมถามไว้2ข้อด้วยครับ จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 24 ม.ค. 51 16:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมคนหนึ่งและที่อยากไปเที่ยวแบบนี้บ้างแต่ก็ไม่เคยไปเลย เพราะคิดเสมอว่าถ้าแฟนเราไปเที่ยวกับชายอื่นจะรู้สึกยังไง ดังนั้นก็ได้แค่คิดอ่ะครับ... ผมเชื่อว่าถ้าผู้ชายคนนั้นรักคุณจริงก็คงต้องหักห้ามใจได้เหมือนผม ถ้าเขาไม่หยุดเที่ยว...คุณก็ควรตัดสินใจไปเลยว่าคุณสามารถเลี้ยงลูกคนเดียวได้ไหม ถ้าได้ก็เลิกเถอะ...ก่อนที่โรคอ่ะไรมันจะถามหาคุณ...ของแบบนี้ให้ป้องกันดีแค่ไหนมันก็พลาดกันได้ จากคุณ : 321 (team321return) - [ 24 ม.ค. 51 16:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณอีกค่ะ น่ะค่ะ สำหรับคำแนะนำ และกำลังใจ แต่อาจจะทำให้เกิดความแตกแยกเกิดขึ้นอ่ะค่ะ ที่คุณ หนุ่มใจY พูด มันก็จิงน่ะค่ะ แต่ว่าคำว่าเลี้ยงดูครอบครัวคือแบบไหนค่ะ เพราะว่าตอนนี้เราเองก็ทำงานเหมือนกัน ทุกอย่างที่เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน เราแบ่งกันคนละครึ่งตลอด แบบนี้คุณหนุ่มใจY ยังคิดว่า การที่เขาไปเที่ยวมันยังถูกอยู่อีกหรือเปล่าค่ะ อันนี้ไม่ได้เข้าข้างใครน่ะค่ะ เพราะจิงๆ ก็อยากได้หลายๆ ความคิดเห็นค่ะ ตอนนี้สิ่งที่ทำให้คิดมากและไม่กล้าที่จะอยู่ด้วยกันอีกครั้ง คือ กัวการโกหกและความไม่ซื่อสัตย์ ค่ะ จากคุณ : คนโดนหลอก - [ 24 ม.ค. 51 16:36:49 A:172.16.120.33 X:203.170.231.232 TicketID:166386 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่เกี่ยวกับเรื่องเห็นแก่ตัวหรือไม่เห็นแก่ตัวหรอก แต่เป็นเรื่องของความรับผิดชอบที่ควรมีครอบครัว สมมติว่าสามีออกไปเที่ยวผู้หญิงข้างนอก ในขณะที่แต่งงานมา3ปี สามารถอบรมสั่งสอนลูกให้เป็นคนดี สามารถดูแลครอบครัวได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ขณะที่ผู้ชายหาเศษหาเลยข้างนอก แต่ขณะเดียวกันซื้อบ้านให้ผู้หญิงเป็นที่ซุกหัวนอน เลี้ยงดูอย่างดีไม่ให้ลำบาก ไม่ต้องทำงานหนักๆ(แต่ทำบ้างก็ดีนะ) ผู้ชายแบบนี้น่าเอาเป็นสามีมากกว่านะคับ มากกว่าพวกผู้ชายที่เที่ยวผู้หญิง แล้วปล่อยให้เมียเฝ้าบ้าน นั่งรอสามีกลับบ้านแล้วสามีไม่กลับบ้าน ผมว่าผู้ชายแบบนี้เห็นแก่ตัวที่สุด และสมควรตำหนิมากกว่า ผมว่าผู้หญิงควรเอาเวลาตั้งคำถามกับตัวเองแบบนี้มากกว่า เช่น สามีเลี้ยงดูเรารึเปล่า สามีอบรมสั่งสอนลูกยังไง สามีให้เรามากแค่ไหน หรือไม่ก็ยังจำวันครบรอบแต่งงานได้รึเปล่า?????? ผมกลับคิดว่าผู้ชายที่ทำหน้าที่สามีได้ไม่ขาดตกบกพร่อง เป็นผู้ชายที่ควรรักและเคารพที่สุดครับ ส่วนเรื่องหาเศษหาเลย เป็นเรื่องเล็ก เป็นแค่กระพี้ ไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาใส่ใจครับ จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 24 ม.ค. 51 16:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมเข้าใจสิ่งที่คุณหนุ่มใจYนะครับและผมว่าสาวๆก็ควรจะฟังแล้วนำไปคิดนะ ไม่ใช่ว่าคุณหนุ่มฯ ในสังคมที่บริษัทผม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง เงินเดือน 6 หลักทุกคน แล้วผู้ชายที่แต่งงานเกือบทุกคน (ผมไม่ได้สนิทกับทุกคนก็เลยรู้ไม่หมด) ไปเที่ยวอาบน้ำ sideline หมด ไปกันประจำ ผมไม่ได้บอกว่าอะไรถูก อะไรผิด แต่จะบอกว่าคุณสาวๆควรจะฟังไว้ เพียงแต่ว่าทางออกของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรก็ต้องคิดกันเอง จากคุณ : Kiruna - [ 24 ม.ค. 51 16:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณคนโดนหลอก แล้วสามีคุณยังส่งเสีย ยังเลี้ยงดูคุณอยู่รึเปล่าล่ะครับ ถ้ายังเหมือนกับวันที่เพิ่งแต่งงานกัน ก็อย่าเพิ่งเครียดไปครับ ลองดูพฤติกรรมสามีไปก่อน เช่น ไม่กลับบ้าน หรือข้าวของในบ้านเริ่มหายไปทีละชิ้นๆ ไม่ดูแลลูก ฯลฯ ถ้าเป็นแบบนี้ ค่อยกังวลก็ไม่สายครับ จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 24 ม.ค. 51 16:45:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เรอะค่ะ ก็เข้าใจที่คุณหนุ่มใจY อธิบายน่ะค่ะ ว่าผู้ชายแบบนั้นก็จัดว่าดีกว่า(แต่ถ้าตอนนี้ยังสามารถเลือกได้ ขอไม่เลือกดีกว่าค่ะ) แล้วคุณหนุ่มใจY ว่า ถ้าเขาสัญญาว่าจะไม่ไปเที่ยวอีกแล้ว เขาจะทำตามสัญญาไหมค่ะ เพราะก็ไม่รู้ว่าผู้ชายที่เที่ยวแบบนี้เขาจะมีวันเลิกได้หรือเปล่าค่ะ กัวว่าวันนึงถ้าลูกไปเห็นเขากำลังขับรถเข้าม่านรูดกับผู้หญิงคนอื่น วันนั้นคนที่จะเจ็บคงไม่ใช่แค่เราค่ะ กัวลูกต้องเจ็บปวด จากคุณ : คนโดนหลอก - [ 24 ม.ค. 51 16:46:31 A:172.16.120.33 X:203.170.231.232 TicketID:166386 ]

ความคิดเห็นที่ 30 #18 ผู้ชายไม่ได้มีแค่ 2 แบบที่คุณให้เลือกนะครับ มันมีแบบ 3 4 5 6 อีก ผมก็เคยเที่ยว แต่ไม่ชอบ เพราะรู้สึกว่ามัน Fake แต่ไม่ได้รังเกียจพวกเธอเหล่านั้นนะ ทีเนี้ยคนที่เที่ยวต้องรู้อยู่อย่างนึงนะ ว่ามีนมีความเสี่ยง ไม่มีวิธีไหนที่จะป้องกันได้ 100% หรอกครับ จะทำอย่างไรถ้าแจ็คพอทมันมาอยู่ที่คุณ ภรรยาและลูกจะทำอย่างไร ถ้าคนที่รักครอบครัวจริงๆ แต่งงานแล้วผมว่าไม่สมควรเที่ยวแล้วล่ะครับ จากคุณ : journallife - [ 24 ม.ค. 51 16:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมจับได้ ว่าแฟน มีกิ๊ก 2 ครั้ง ครับ แต่เป็นแค่การโทรศัพท์คุยกัน แบบหวานๆ นะ ผมเสียใจมากนะ แต่ก็ยกโทษให้ตั้ง 2 ครั้ง แล้วหละ เพราะใจอ่อน หรือ ว่ารัก ก็ไม่แน่ใจ อะ ครั้งที่ 3 ถ้ามีอีกคงเลิก อะ ส่วนตัวแล้ว  ลองให้โอกาส ก่อนครับ ความระแวง ต้องมีแน่ แต่ถ้าจะให้อภัย ก็ต้องเชื่อใจ กันและกัน ครับ สู้ๆ เป็นกำลังใจ ให้อีกแรง จากคุณ : ^^ (ข้าวเหนียว-หมูย่าง) - [ 24 ม.ค. 51 16:53:05 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอถามเรื่องส่วนตัวหน่อยได้ป่าวอะ ลูกคุณตอนนี้อายุเท่าไร จะได้หาทางแก้ถูก ส่วนเรื่องสัญญาว่าจะไม่เที่ยวนี้ ผมว่าเขาคงลำบากใจที่จะรับปากอะ แล้ววิธีนี้ไม่ใช่หลักประกันว่าเขาจะไม่ทำอีก ดีไม่ดีหนักกว่าเดิม หรืออาจจะไม่กลับบ้านเลยหลายวัน เพราะไม่อยากโดนด่า จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 24 ม.ค. 51 16:53:52 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ค่ะ ลูกสาวอายุ 4 เดือนแล้วค่ะ เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ ว่าที่ยอมสัญญาเป็นเพราะว่า แค่ไม่อยากให้เลิกกันเท่านั้นเอง อย่างงี้ก็คงไม่มีทางจะเลิกเที่ยวใช่ไหมค่ะ จากคุณ : คนโดนหลอก - [ 24 ม.ค. 51 16:57:15 A:172.16.120.33 X:203.170.231.232 TicketID:166386 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตอนนี้เราไม่เหลือความมั่นใจในตัวเองเลยค่ะ กัว และระแวงไปหมด ซึ่งเราก็รู้ว่ามันไม่ดี ยิ่งทำ ผู้ชายก็ยิ่งรำคาญ แต่ทุกครั้งที่เราอยู่คนเดียว เรื่องพวกนั้นมันวิ่งเข้ามาในหัวเราทุกที มันทำให้เราร้องไห้ทุกครั้ง เขาจะรู้ไหมว่าเราเสียใจมากแค่ไหน เรารักเขาและลูกมากแค่ไหน จากคุณ : คนโดนหลอก - [ 24 ม.ค. 51 16:59:55 A:172.16.120.33 X:203.170.231.232 TicketID:166386 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อ่อ ลูกสาวอายุ4เดือน บางทีลูกโตขึ้นก็อย่าเพิ่งให้รู้เรื่องพวกนี้เลย เรื่องเที่ยวของผู้ชาย เดี๋ยวเขาหมดอารมณ์ก็เบื่อเองแหละ ไม่ใช่ว่าจับคุมประพฤติแล้วหาย หรือเรียกตัวมาด่าๆหรือให้สัญญาว่าจะไม่ทำอีก แล้วพฤติกรรมนี้จะเลิกได้ทันทีนะ เรื่องเที่ยวเป็นกับผู้ชายบางคนเท่านั้น บางคนโดนเมียเรียกมาด่าๆเรียกมาเตือน พฤติกรรมดีขึ้น ก็ถือว่าดีแล้ว ผู้ชายบางคนก็ยังเป็นแบบนี้ มีลูกก็ยังเป็นแบบนี้ เมียก็ต้องปล่อยวางแหละ ถ้าแก้ไม่ได้จริงๆอะ คิดซะว่ากรรมสร้างเขาให้เป็นแบบนี้ เป็นผลพวงจากชาติก่อนๆของเขา จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 24 ม.ค. 51 17:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ค่ะ ขอบคุณ คุณหนุ่มใจY และทุกๆ คนน่ะค่ะ เราจะเอาทุกคำแนะนำมาคิดทบทวน และตัดสินใจอีกครั้งค่ะ เราจะคิดถึงลูกให้มากๆ ค่ะ ตามที่คุณNN2704 บอกน่ะคะ ถ้าเราได้คำตอบแล้ว เราจะมาแจ้งให้ทุกคนทราบน่ะค่ะ จากคุณ : คนโดนหลอก - [ 24 ม.ค. 51 17:19:53 A:172.16.120.33 X:203.170.231.232 TicketID:166386 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณโดนหลอก ไม่ได้โดนหลอกหรอกครับ เพียงแต่คุณอาจจะยังไม่รู้จักผู้ชายดีพอ อย่างที่ผมบอกข้างบน ผู้ชายส่วนใหญ่ (ส่วนใหญ่นะครับ) ที่ผมรู้จัก ตั้งแต่พนักงานธรรมดา พนักงานระดับกลาง ระดับสูง ทหาร นักการเมือง นักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ผมเห็นไปเที่ยวตามอาบอบนวดมาหมดแล้ว คุณคิดว่าสถานบริการเหล่านี้อยู่ได้เพราะเด็กหนุ่มหรือคนโสดเหรอครับ ผมว่าแค่ 10% ของคนที่ไปเที่ยวเป็นคนโสด ที่เหลือแต่งงานหมดแล้ว จากคุณ : Kiruna - [ 24 ม.ค. 51 17:26:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คุณหนุ่มใจ Y ตอบด้วยอารมณ์แบบนี้ สงสัยมีประสบกาณ์ตรงกับตัวเองสิค่ะ เพราะอ่านดูแล้ว มีอารมณ์ร่วมไงไม่รู้....... แสดงว่าคุณก็ไม่เข้าใจผู้หญิงดีพอเหมือนกัน เพราผู้หญิงสับซ้อนและมีความคิดมากกว่าที่คุณคิดมาก   ผู้หญิงที่รับแบบที่คุณว่าได้ แสดงว่าผญ.คนนั้นไม่ได้รักสามีมากเท่าไหร่....แค่หาคนเลี้ยงดู หาเงินมาให้ใช้....ก็แค่เท่านั้น .....แต่ไม่ได้รักคุณ  เอามั๊ยล่ะ...... จากคุณ : กุ๊นา - [ 24 ม.ค. 51 18:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมอายุ20 ยังไม่เคยมีอะไรกับใครครับ ******** เอ่อ ผมไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงควรรับได้ แต่ผมหมายความว่าผู้หญิงควรปล่อยวางบ้างครับ ผมหมายความแบบนี้จริงๆ ***** สมมตินะ ถ้าสามีมีเมียมีลูกแล้ว อยู่ๆสามีบอกได้ดวงตาเห็นธรรม อยากไปนิพพาน ไม่ขอมีอะไรกันอีกแล้ว ถ้าผู้หญิงอยากอยู่ก็อยู่ ถ้าอยากไปก็เอาสมบัติกลับไปได้ ไม่ว่าอะไร ผู้หญิงรับได้ป่าวคับ(แล้วขวางทางนิพพานคนอื่น บาปหนักมากนะ รับไม่ได้ก็ต้องรับ) จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 24 ม.ค. 51 18:07:09 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อืม...แค่อยากบอกว่าอัตราการติดเอดส์ในปัจจุบันสูงขึ้นมากค่ะ ส่วนใหญ่คือวัยรุ่นและผู้หญิงวัยมีครอบครัว สามีเอาเอดส์เข้าบ้าน ลูกๆกลายเป็นเด็กกำพร้า... นอกจากประเด็นเรื่องของจิตใจ เรื่องเศรษฐกิจ ก็ควรดูเรื่องติดโรคด้วยค่ะ ถุงยางป้องกันได้ ถ้าถุงไม่เสื่อม ชายไทยสมัยก่อนที่มีอันจะกิน เมียหลวงหาให้เลยค่ะ จะได้ไม่ไปนอกบ้าน... อันตราย ติดโรครักษายาก อาจตายได้ และก็มีเมียหลวงหลายคนที่หวานอมขมกลืนรักษาหน้าตา ปกป้องวงศ์ตระกูล และห่วงเรื่องส่งเสียเลี้ยงดู เนื่องจากผู้หญิงไม่มีศักยภาพเพียงพอจะหารายได้ ไหนจะมีลูกต้องเลี้ยงดู ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องฝืนทนอีกต่อไปแล้ว... อัตราการทนไม่ได้ ลุกขึ้นมาหย่าร้างจึงเป็นเรื่องธรรมดา แนวทางการแก้ไขปัญหาของใครก็ของคนนั้นค่ะ จะมากะเกณฑ์ให้ผู้หญิงปล่อยวางเพียงอย่างเดียว แล้วทนๆกันไปไม่มีความสุขคงเป็นไปได้ยาก มนุษย์ก็ยังมีกิเลสอยู่ดี เลิกกันไปหาคนใหม่ที่ไม่สำส่อนไม่ดีกว่าหรือ คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวแก้ปัญหาด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์และกำลังน่าจะดีกว่า ลูกยังเล็ก ปรับปรุงเรื่องเซ็กซ์ หันหน้าเข้าหากันยังทันอยู่นะ ใครบ้างไม่เคยทำผิด ถ้ายังรักและอภัยได้ก็ควรอภัย แต่ถ้าคุยกันแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้นยังไปหานอกบ้านให้เสี่ยงชีวิตอีก คงใช้วิธีปล่อยวางไม่ได้มั้งคะ ขอเป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้ค่ะ ลองหาหนังสือธรรมะมาอ่านบ้างน่าจะช่วยให้สงบและมีสติมากขึ้นนะคะ จากคุณ : amitambien - [ 24 ม.ค. 51 18:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คนเป็นภรรยายังต้องการอะไรอีกหรอ เขาไม่ปล่อยให้อดตายยังดีไม่พอหรอ ความเห็นที่ 18 จากคุณ : หนุ่มใจY ^^^ คนสองคนที่เค้าอยู่เป็นคู่ชีวิตกัน มันไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่คุณเป็นฝ่ายหาเลี้ยงเค้าให้อิ่มปากอิ่มท้องเท่านั้นหรอกค่ะ ความรักความผูกพันของคนสองคน มันจะยาวนานได้มันต้องเชื่อใจกัน ไว้ใจกัน และที่สำคัญคือต้อง "ให้เกียรติกัน" ค่ะ ถ้าหน้าที่ของภรรยาคือต้องซื่อสัตย์ต่อสามี แล้วในมุมเดียวกันล่ะคะ หน้าที่ของสามีคืออะไร??? คนเราต้องการทั้งความสุขทางกายและความสุขทางใจค่ะ แล้วที่เค้าทำงานนอกบ้านเหนื่อยแทบตายกลับมา ยังต้องมาดูแลบ้าน ดูแลลูก ดูแลคุณ อันนี้นับไหมคะ? คิดว่าเค้าทำเพื่อแลกกับเงินที่คุณให้เหรอคะ? สิ่งที่เค้าทำให้คุณ เค้าทำด้วยหัวใจ เงินแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้ เงินเป็นได้แค่ค่าจ้างสำหรับแม่บ้าน ค่าจ้างสำหรับพี่เลี้ยงลูก "ซื้อแม่ของลูก และซื้อความรักที่เค้ามีต่อคุณไม่ได้ค่ะ" ปล. เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่อีกเหรอคะ ผู้ชายที่เป็นฝ่ายหาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียอยู่คนเดียว โดยที่ภรรยาไม่ต้องทำอะไร จากคุณ : ++ Little Miss Someone ++ - [ 24 ม.ค. 51 18:40:33 ]

ความคิดเห็นที่ 42 หน้าที่ของสามี คือเลี้ยงดูภรรยาให้อิ่มปากอิ่มท้องไง ถ้ามีลูกก็ดูแลลูก กลับมาเล่านิทานให้ลูกฟัง จัดงานวันเกิดลูก วันครบรอบแต่งงานก็พาไปกินข้าว ต่อให้เขาจะมีคนอื่น หรือหาเศษหาเลยที่ไหน แต่ถ้าเขาไม่ทิ้งคุณ และยังรักคุณเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังต้องการอะไรอีกครับ ........ สมมติว่าผมแต่งงาน แล้วผมกลับบ้านมาทานข้าวที่เมียทำทุกวัน จน3-4วันผมทานข้าวจากที่อื่นแล้ว ไม่กลับมานข้าวบ้าน เมียผมน้อยใจ คิดว่าตัวเองทำอาหารไม่อร่อย เลยหงุดหงิด จริงๆที่ไม่ได้ทานข้าวบ้าน เพราะเบื่อ หิวมาก เลยหากินที่มันใกล้ๆบ้าน หรือไม่ก็เปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ได้หมายความว่าข้าวบ้านไม่อร่อยนิครับ ******* เรื่องหาเศษหาเลยเหมือนกัน เขาไปเที่ยวผู้หญิงที่อื่น ไม่ได้หมายความว่าเขารักคุณน้อยลงไปจากเดิม หรือเป็นสิ่งยืนยัว่าเขาจะทอดทิ้งคุณนะ เขาอาจรักคุณเหมือนเดิมก็ได้ กลับบ้านทำหน้าที่ของสามีตามปกติ ไม่ได้ทอดทิ้งไปไหน จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 24 ม.ค. 51 19:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าคุณ หนุ่มใจY เป็นผู้หญิง คุณคงไม่พูดแบบนี้ ยอมรับว่าความคิดคุณมีเหตุมีผลผล น่าคิด แต่เอาเข้าจริงๆ ใครๆก็คงไม่อยากใช้ เจี้ยว ร่วมกับสาวๆ อาชีพนั้น ขยะแขยงคะ จากคุณ : แม่ขนตางอน - [ 24 ม.ค. 51 20:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 44 แล้วถ้าเกิดกลับกันล่ะคะ ภรรยาออกไปเที่ยวแต่ก็ยังเป็นแม่ที่ดีของลูกได้ ยังรักสามีเหมือนเดิม อยากจะรู้ว่าจะยอมรับได้มั้ย จากคุณ : hotmeaw - [ 24 ม.ค. 51 21:55:43 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอเสนอแบบกลาง ๆ คือว่า ควรถามแฟนว่า ยังอยากเที่ยวแบบนี้ใช่ไหม ถ้าตอบว่า คงมีบ้าง หรือเป็นครั้งคราว คุณก็ถามต่อว่า จะมีหลักประกันอะไรไหม ที่จะป้องกันคุณและลูกจากโรคติดต่อร้ายแรง แฟนคุณคงยกแม่น้ำห้าร้อยสายมาสร้างความเชื่อมั่น คุณน่าจะลองเสนอว่า ถ้าตราบใดที่คุณยังไม่มีความเชื่อมั่นว่า เค้าจะหยุดเที่ยว และด้วยความกลัวโรคร้าย นับจากนี้ คุณจะไม่ยอมนอนด้วยอีก แต่ยังคงความเห็นครอบครัว มีพ่อแม่ลูกเหมือนเคย คำถาม คุณทำใจได้ไหม ถ้าขาดพิศวาสไปบ้าง แต่ยังคงความเป็นครอบครัว และปลอดภัยจากโรคร้าย??? ถ้าได้ ก็ทำไปเลยค่ะ อยู่แบบเพื่อน ปรึกษาหารือ ช่วยกันเลี้ยงลูก แต่ไม่มีเซ็กส์ จนกว่า สามีจะเลิกพฤติกรรมเที่ยวเสีย จากคุณ : 11 - [ 24 ม.ค. 51 22:41:22 A:203.118.85.179 X: TicketID:144472 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอยกตัวอย่างนิดได้มั้ยคะ เป็นทัศนคติของเพื่อนเราที่เป็นคนอังกฤษนะ เค้าบอกว่า ทำไมผู้หญิงไทยต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ด้วย การแต่งงานกัน คือหมายถึงต้องซื้อสัตย์ต่อกัน ไม่ควรจะมีการออกไปเที่ยวข้างนอกอีกแล้ว เค้าบอกเราว่าถ้าเป็นผู้หญิงอังกฤษเนี่ย เมื่อจับผิดได้ ทางเดียวที่เป็นทางออกคือ เลิกกัน ไม่ว่าจะมีลูกแล้วหรือไม่ ยังไงซะก็ต้องเลิก ทำให้ผู้ชายอังกฤษส่วนใหญ่มักไม่ค่อยนอกลู่นอกทาง แต่ผู้หญิงไทยมักจะยอมปิดหูปิดตา มันเหมือนการทำให้ผู้ชายได้ใจไปแล้วกว่าครึ่งที่จะนอกใจ เพราะยังไงผู้หญิงก็มักจะคิดว่าทุกอย่างต้องอดทนเพื่อลูกและครอบครัวโดยหวังว่าเค้าจะกลับใจได้ ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ อันนี้เป็นทัศนคติของเพื่อนเรานะคะ จากคุณ : boonrodjang - [ 24 ม.ค. 51 22:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ธรรมชาติจะเป็นตัวตัดสินปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด กล่าวคือ ถ้า คุณผู้ชาย ไปเที่ยว กับ หญิงอื่นข้างนอก อะไรคือ เครื่องประกันว่าจะไม่ติดโรคร้าย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคติดต่อ ก็เน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์ทางเพศมีความเสี่ยงที่จะเกิดโอกาสติดโรคได้ ผู้ผลิตเครื่องป้องกัน (ถุงยางอนามัย) ก็ประกาศว่า สินค้าสามารถป้องกันโรคได้ แต่ไม่ 100% สถาบันวิจัย ติดตาม และทดสอบ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรอิสระ ต่างระบุเป็นเสียงเดียวกัน ว่า การมีเพศสัมพันธ์ "ย่อมมีโอกาส" ที่จะเกิดโรคติดต่อ แม้ว่าป้องกันแล้ว ที่นี้ มาดูต่อว่า ..... เอดส์ ปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาให้หายได้ ต้องเสียชีวิตสถานเดียว++ คนชอบเที่ยวย่อม "เสี่ยงต่อโรค" โอกาสผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้ แม้เพียง 0.001% แต่ทำไมต้องไปเสี่ยงด้วย คนที่ติดโรคร้าย ส่วนใหญ่ก็มักจะทรนง และมีความมั่นใจมาตลอด แต่หากติดขึ้นมา จะมีสักกี่คนที่ยอมรับความจริง และพร้อมจะเผชิญหน้ากับการกระทำที่ตนเองเป็นผู้กำหนดและผู้ก่อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตนเอง ครอบครัว คนใกล้ชิด และทายาทที่เกิดมาอยู่บนโลกใบนี้ ปล. ขอนำเสนอไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ สำหรับการ "กระทำ" เพราะ ท่านคือ ผู้กำหนดชะตาชีวิตตนเอง+++ ขอขอบคุณ จากคุณ : rfu - [ 25 ม.ค. 51 00:13:16 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ออกความเห็นบ้างค่ะ โดยส่วนตัวแล้วคนเราอยู่ด้วยกันก็ต้องออมชอมกันบ้างนะคะเท่าที่ดูแฟนคุณก็สารภาพและสัญญาว่า จะไม่ทำอีก ก็ควรให้อภัยนะคะชีวิตคู่เป็นเรื่องต้องประคับประคอง ดิฉันแฟนคุณไม่ได้เลวร้ายมากหรอก คะ  อย่าคิดมากคะ จากคุณ : Glico_strawberry - [ 25 ม.ค. 51 00:30:48 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เพิ่มเติม / สนับสนุน คห. 46 ผมทำงานกับชาวต่างชาติจาก 5 -6 ประเทศ เวลาเลิกงานก็ไปคาราโอเกะ (แบบมีน้องๆมานั่งด้วย) และก็ที่แบบอื่นที่คล้ายๆกัน บอกได้ว่า 90 -95 % ของเพื่อนผมจากบ้านมานาน 2 - 3 เดือนแล้วทั้งนั้น บางคนผมก็รู้จักมานานเป็น 10 ปีแล้ว เคยเที่ยวด้วยกันตั้งแต่เรียนจบ/เริ่มงานใหม่ๆ สมัยนั้นไม่เคยปฎิเสธเลยเวลาน้องๆกระพริบตาให้ 4 -5 ปี ผ่านไป ตอนนี้พวกเราจะชูแหวนในนิ้วนางซ้ายให้ดูทุกครั้งที่น้องๆเหล่านั้นชวนไปหามุมสงบส่วนตัวซักครู่หนึ่ง แล้วก็นั่งดื่มต่อไป จากคุณ : พ่อกล้วยปิ้ง - [ 25 ม.ค. 51 01:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คนเรากลับตัวได้ครับอยู่ที่คน เมื่อก่อนผมยิ่งกว่าเที่ยวอีกครับ ภรรยาผมเห็นผู้หญิงคนอื่นเป็นตัวเป็นตน แถมคุยกับคนอื่นยังบอกว่ายังไม่มีใครด้วยซ้ำ หลอกทั้งคนอื่นทั้งภรรยา hereไม่มีที่ติ ตอนนี้แพ้ใจครับ เพราะไม่ว่าจะยังไงเธอก็ยังซื่อสัตย์และน่ารักเหมือนเดิม ผมว่าผมโชคดีมากที่ได้เจอเธอ ทุกวันนี้ขนาดสาวๆในhi5ผม เป็นเด็กนักเรียนทั้งน่ารักแถมบ้านรวย คุยกับ ผมๆยังเฉยๆเลยครับ จากคุณ : Mega Playboy (=Talloot=) - [ 25 ม.ค. 51 05:08:56 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มันไม่ได้เกี่ยวกับแค่ประเด็นความซื่อสัตย์ที่เป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิตคู่ โอเค ชีวิตคู่ ต้อง รัก ซื่อสัตย์ เข้าใจ ให้อภัย ให้อภัย คำนี้อาจฟังดูจะแก้ไขปัญหาคุณได้ แต่ว่าในปัจจุบัน มันมีประเด็นเรื่องโรคติดต่อนี้สิ  คุณจะไว้ใจแค่ไหนว่าจะไม่เที่ยวอีก แล้วผลของการไว้ใจอาจนำมาซึ่งโรคติดต่อในอนาคต  ไม่ได้ยุให้เลิกกัน แต่ให้เผื่อใจประเด็นนี้ด้วยนะ สำคัญมากๆ จากคุณ : (_Ecalos_) - [ 25 ม.ค. 51 05:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 52 จะตัดสินใจทำอะไร ก็คิดถึงลูกให้มาก ๆ นะคะ เจ็บปวด ก็ส่วนนึงถามใจตัวเอง คุณรักแฟนคุณใช่มั๊ย?? เค้าทำผิด จนไม่น่าให้อภัยเลยหรือเปล่า?? แฟนคุณไม่ดี เพราะเค้าทำคุณเจ็บใช่หรือไม่?? เพราะคุณเจ็บ... ความรู้สึกส่วนตัว จึงถูกดึงมาใช้ แก้ไขปัญหาครอบครัว? เอาใจช่วยค่ะ..หากทะเลาะ แล้วเข้าใจกันมากขึ้น จากคุณ : หล่อ รวย โง่ (หล่อ รวย โง่) - [ 25 ม.ค. 51 06:07:24 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ผู้หญิง มีหน้าที่เลี้ยงดูลูก ดูแลให้สามีมีความสุข แบ่งเบาภาระ ดูแลงานบ้าน ยิ่งเป็นแม่ของลูกยิ่งต้องวางตัวเป็นพิเศษครับ อย่าลืมว่าผู้หญิงมีปัญหาเยอะกว่าผู้ชาย(ขนาดผู้หญิงจะบวชภิกษุณี ยังรักษาศีล300กว่าข้อมากกว่าภิกษุ แล้วพระพุทธเจ้าท่านไม่เคยยินดีให้ผู้หญิงมาบวช) ส่วนผู้ชาย มีหน้าที่เลี้ยงดูครอบครัว(จารีตกำหนดให้เป็นแบบนี้) เอาใจใส่ภรรยา(หาเลี้ยงให้ภรรยาสุขสบายที่สุด) ส่วนคนที่ติดโรค คือคนที่ไม่ศึกษาเรื่องโรคนั้น เช่น ผู้ชายสวมถุงยางมีอะไรกับคนเป็นเอดส์ แล้วคึกไปหน่อย จูบปาก ใช้ปาก แต่เขามีความรู้แค่ว่าใช้ปากไม่ติดโรค แต่เขาอาจไม่รู้ตัวว่าเขามีแผลในปาก เลยติดโรคทางปาก หรือทำแรงไป ถุงยางรั่วอะ......คนที่ติดเอดส์แต่สวมถุงยาง เป็นเพราะไม่ศึกษาเรื่องโรคเอดส์มากพอ หรือมีความรู้แค่ว่าสวมถุงยางตรงนั้นแล้วไม่เป็นเอดส์ อยากให้ลองศึกษาเรื่องจารีตการใช้ชีวิตคู่ของแนวคิดแบบตะวันออกดูอะ เช่น แนวคิดฝ่ายอินเดีย กับแนวคิดฝ่ายจีน ที่แสดงทัศนคติเรื่องเพศ คู่ครอง จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 25 ม.ค. 51 08:41:03 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ถ้าเป็นครั้งแรก ก็ให้อภัยและให้โอกาสได้ค่ะ แต่ถ้ามีครั้งที่สอง หรือสาม ... ก็จบกันไปดีกว่า ชีวิตข้าพเจ้าเกิดมาเพื่อมีความสุข ไม่ได้เกิดมาเพื่อมีความทุกข์ ที่สร้างจากคนที่เรารักมากที่สุด ผู้หญิงโลกไหนจะยอมสานสัมพันธ์กับผู้ชายมักมากต่อไปตลอดชีวิตก็เชิญค่ะ ... ... จากคุณ : Spirited A's way - [ 25 ม.ค. 51 09:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เราคิดว่าจขกท.น่าจะให้อภัย ถ้าให้แก่ความเป็นสามี และเห็นแก่ลูก แต่อยากแนะนำว่าอย่าให้เรื่องมันจบง่ายนักน่ะค่ะ... - อยากแนะนำว่าอย่าเพิ่งมี sex กับเค้าและรอให้เค้าไปตรวจเลือดค่ะ อ้อ..ตรวจเอดส์ต้องหลังจากมี พสพ.แล้วสามเดือนนะคะ บังคับให้เค้าไป ตรวจค่ะ ถ้าเค้าไม่ยอมยกเรื่องลูกขึ้นมาค่ะ ว่าคุณกลัว กลัวว่าถ้าติดโรคร้าย แล้วลูกคุณจะอยู่กับใคร - ถ้าคุณมี sex กับเค้าไปแล้วก็ให้ใช้ถุงยางตลอดค่ะ อย่านิ่งนอนใจ เอดส์ ใกล้ตัวกว่าที่คิดค่ะ ปลอดภัยไว้ก่อน และตัวคุณเองก็ต้องไปตรวจเลือดด้วย ค่ะ เอาให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อปลอดภัยแล้วทั้งคู่จริงๆ ค่ะ - ตั้งแต่นี้ต่อไปก็ใช้ถุงยางกับเค้าให้ตลอดไปเลยค่ะ บอกเค้าไปว่าถ้าคุณ มั่นใจในตัวเค้าไม่ได้ ก็ต้องใช้ถุงยางตลอดไปค่ะ เพราะคุณไม่อาจเอาตัว เองเข้าไปเสี่ยงกับเค้าได้ เพราะคุณยังมีลูกที่ต้องดูแลค่ะใจแข็งไว้ แต่ถ้า การใช้ถุงยางทำให้คุณไม่มีความสุข หรือไม่มีอารมณ์ร่วมกับการมีพสพ.กับ สามีก็งดไปเลยค่ะ...มีแล้วไม่ปลอดภัย ก็อย่ามีมันเลยค่ะ หักห้ามใจตัวเอง ให้ได้ค่ะ.. อาจต้องใช้ความอดทนสูงสักหน่อย แต่คุณต้องทำให้เค้าเห็นให้ได้ว่า สิ่งที่ เค้าทำอยู่มันไม่ถูกต้อง และที่สำคัญมันไม่ปลอดภัยต่อคุณและครอบครัว เลย ถ้าเค้าเลือกที่จะไปหาความสุขแบบนั้น เค้าก็ต้องเคารพในตัวคุณ และ ความคิดของคุณ ที่จะไม่ลากคุณไปเสี่ยงกับเค้าด้วย อย่าเอาความเป็นสามี ภรรยามาอ้าง เพราะตอนที่เค้าไปมีอะไรกับสาวไซด์ไลน์นั้น เค้าเอาคุณไป ไว้ตรงไหน? จากคุณ : picmie - [ 25 ม.ค. 51 09:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คุณหนุ่มใจY คุณรู้สึกยังไงล่ะ สมมติว่ามีผู้หญิงให้คุณเลือก2ประเภท 1.ออกไปเที่ยวผู้ชาย ไม่กลับบ้านหลายวัน แล้วทิ้งให้ผัวเลี้ยงลูกเอง 2.ออกไปเที่ยวผู้ชายหลังเลิกงาน ยังมีปัญญาเลี้ยงลูก สามารถกลับมาทำกับข้าวที่บ้านได้ มีเวลาดูแลผัวที่บ้าน ยังจำวันครบรอบแต่งงานผัวได้ จำวันเกิดผัวได้ คุณจะเลือกผู้หญิงแบบไหนล่ะ เขาจะมีผู้ชายกี่คนก็ช่างเขาเถอะ เขาจะไปเที่ยวแค่ไหนเรื่องของเขา ถ้าภรรยาคุณ เป็นภรรยาที่ดีทุกอย่าง ทั้งเรื่องงานบ้าน เรื่องเซกซ์ ไม่มีขาดตกบกพร่อง  เธอจะขอมีอะไรกับชายอื่น  ขอมีชู้บ้าง  เพราะความต้องการของเธอมันไม่ได้พอแค่กับคุณ  คงรับได้เหมือนกันใช่ไหมคะ ขอให้คุณได้ภรรยาแบบนั้นนะ  เพราะดูคุณเป็นคนใจกว้างดี ผู้ชาย ผู้หญิง ก็เป็นคนเหมือนๆกันค่ะ  มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน   สงสารคนที่จะต้องมาเป็นภรรยาคุณในอนาคตจัง  สงสารจริงๆ กับผู้ชายที่มีความคิดแบบนี้ จากคุณ : Queen of hearts - [ 25 ม.ค. 51 11:59:37 ]

ความคิดเห็นที่ 57 มาเล่าให้ฟังค่ะ มีพี่ผู้ชายที่สนิทกันคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เพื่อนเขาเป็นชายมีภรรยาแล้ว แต่ภรรยาเขาไม่ค่อยให้ความร่วมมือเรื่องอย่างว่าเท่าไร ผู้ชายเลยเริ่มเที่ยวและตอนนี้ก็เหมือนจะจริงจังกับน้องที่เขาไปเที่ยวบ่อยๆ แล้วด้วยซี พี่เขาบอกว่าที่ผู้ชายต้องไปหาข้างนอกบางทีก็เพราะภรรยานั้นทำได้ไม่เท่าผู้หญิงที่ทำเป็นอาชีพ ฟังแล้วอึ้งในบทบาทของผู้หญิงที่ต้องทำหลายอย่างทั้ง งานบ้าน เลี้ยงลูก แม้กระทั่งเอาอกเอาใจสามี ต้องถามตัวเองดูค่ะว่าทำใจได้ไหม ก็เปิดใจคุยกันเลยว่าจะให้มันออกมาในทิศทางไหน ถ้าทำใจได้ก็ปล่อยเขาไปแล้วทุ่มเทให้กับลูก แต่ก็ต้องระวังเรื่องโรคติดต่อให้มากๆ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : ViviGold - [ 25 ม.ค. 51 12:05:15 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เพราะผู้หญิงเรียกร้องมากไง อยากได้สิทธิ์เท่าเทียมผู้ชาย ทุกวันนี้ภรรยาเลยไม่ให้ความเกรงใจสามี ค้นกระเป๋าเงิน ค้นห้อง ค้นโต๊ะทำงาน ถ้าผมมีภรรยาแบบนี้ ผมย้ายไปอยู่คอนโดดีกว่าครับ ยกบ้านให้แล้วกัน แต่ถ้าภรรยาผมอยากเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่เลิกกันนะ ผมยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ ยกบ้านให้ ผู้ชายเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เที่ยวกลางคืนเป็นเรื่องปกติ ไปดูมหรสพ การละเล่น เป็นเรื่องปกติของผู้ชายสมัยก่อน แล้วผิดตรงไหนอะ ส่วนผู้หญิง อย่าก้าวล่วงในเรื่องไม่เป็นเรื่องของผู้ชาย ที่ผู้ชายไปมีคนอื่นเพราะคนเป็นเมียไม่ทำหน้าที่เมียให้ดู ไปสอดรู้สอดเห็น ทำตัวขวางโลก เกรี้ยวกราด กลับดึกก็อาละวาด คอยจับผิด ผู้ชายมันถึงไปมีผู้หญิงอื่นไงครับ แล้วผู้หญิงจะไปมีผู้ชายอื่นนอกจากสามีไม่ได้ ตราบใดที่สามียังมีชีวิตอยู่ คนเป็นภรรยาห้ามมีใจให้ชายอื่น เพราะจารีตเขากำหนดมาแค่นี้ อย่าเรียกร้องอะไรมากกว่านี้ ก็ไม่แปลกใจเลยที่สมัยเมื่อ100ปีก่อนหรือเมื่อ1000กว่าปีก่อน สามีภรรยาเขาอยู่กันยืด อยู่กันจนหัวขาว เพราะปฏิบัติตามจารีต ผู้หญิงก็ทำหน้าที่ของผู้หญิงไป แล้วอีกอย่าง ถ้าผมต้องแต่งงานจริงๆ ผมก็ถามเขาว่าผมเจ้าชู้ ชบเที่ยวผู้หญิง คุณรับได้ไหม ถ้ารับไม่ได้ก็เชิญหาคนอื่นเถอะ แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 14:51:28 จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 25 ม.ค. 51 12:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขออนุญาตไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณหนุ่มใจ Y หน่อยนะคับ แต่ขอให้เป็นในเชิงสร้างสรร ไม่ใช้อารมณ์นะคับ ผมว่าการที่เรามองแบบนั้น เหมือนมองผู้หญิงเป็นหุ่นยนต์ ไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์รับใช้ ที่ไม่มีจิตใจ แนวคิดแบบนั้นเหมือนเรามองว่าทุกอย่างเป็นหน้าที่ เหมือนโปรแกรมมาให้หมดว่าคุณจะต้องทำอะไรบ้าง(เช่นคุณเปิดคู่มือว่า คุณจะต้องชมกับข้าวที่แฟนคุณทำ คุณต้องหาเลี้ยงแฟนคุณ) ถ้าคุณทำได้ครบทุกข้อ หุ่นยนต์มันก็ทำงานได้ และคุณผู้เป็นเจ้าของก็อยากทำอะไรก็ไปทำ (เช่นไปเที่ยวอ่าง) ซึ่งผมมองว่ามันไม่ใช่ ภรรยาคุณมีจิตใจ ไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่ใช่เครื่องปั้มลูก แล้วก็ใช้กรรมไปที่ทำให้ลูกเกิดขึ้นมา ขอเอาเรื่องการเมืองมาเปรียบเล็กน้อย(แต่ว่าเราจะไม่ถกเรื่องการเมืองกันนะคับ) มีอาจารย์ท่านนึงพูดให้ฟังในวิทยุว่า ตอนนี้ในสังคมเราชอบคิดกันว่า เลือกนักการเมืองคนที่ทำให้เศรษฐกิจเราดี เฟื่องฟู มันจะโกงกินขนาดไหนก็ให้มันโกงกันไป อาจารย์ท่านนั้นบอกว่า แนวคิดแบบนี้จะทำร้ายเด็กรุ่นหลัง ซึ่งเค้าจะโตขึ้นมากับแนวความคิดเช่นนี้ ไม่สามารถแยกแยะความถูกต้องได้ ศีลธรรมในจิตใจจะถูกบิดเบือนไป คือคุณจะไปทำความชั่วแค่ไหนก็ได้ ขอให้คุณทำประโยชน์ให้สังคม กลับมาที่เรื่องครอบครัว ถ้าคุณจะไปเที่ยว บอกให้ภรรยาคุณทำใจเถอะ ผมทำหน้าที่สามีอย่างถูกต้องที่สุด ครบถ้วนแล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนทำหน้าที่ได้ดีเท่านี้อีกแล้ว เหมือนคุณได้เกียรตินิยมเหรียญทองทางด้านสามีดีเด่น แฟนคุณต้องทำใจและปล่อยให้คุณไปเที่ยว แฟนคุณจะเสียใจแค่ไหนก็ไม่เกี่ยว เพราะคุณทำหน้าที่ครบถ้วนแล้ว จากคุณ : ตระกูลซ่ง - [ 25 ม.ค. 51 12:36:57 A:172.16.195.41 X:202.6.107.51 TicketID:160947 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เห็นด้วยกับความเห็นข้างบนมากๆ ค่ะ ถ้าผู้ชายคิดแบบนี้ได้ทุกคน ก็คงจะดีนะคะ จากคุณ : ผู้ชายดีๆหายาก (milkplus) - [ 25 ม.ค. 51 12:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 61 คุณตระกูลซ่ง พูดซะเราน้ำตาไหลเลยค่ะ ทำให้เรารู้สึกว่า สามีเราคงคิดว่าเราเป็นหุ่นยนต์ แน่เลยค่ะ ถึงทำกับเราแบบนี้ จากคุณ : คนโดนหลอก - [ 25 ม.ค. 51 13:04:43 A:172.16.120.33 X:203.170.231.232 TicketID:166386 ]

ความคิดเห็นที่ 62 มันอยู่ที่แต่ละฝ่ายทำข้อตกลงกันยังไงอ่ะครับ คนที่ผมรู้จัก บางคู่ภรรยาเค้าก็ไม่ว่าไรหากสามีจะไปเที่ยวบ้าง แต่มันก็เป็นส่วนน้อยนะครับ คือ ไม่ว่าภรรยาจะตอบสนองเรื่องเซ็กส์ได้ดีหรือไม่ แต่บางทีการที่สามีจะตัดสินใจไปเที่ยวไม่เที่ยว มันก็อยู่ที่เราอดทนได้หรือไม่ เรามีความเห็นใจเอื้ออาธรณ์แก่ภรรยาอย่างไร เห็นใน คห.53 อ้าง เรื่องภิกษุณี กับแนวคิดแบบตะวันออก ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า มีศีลข้อ3 ห้ามกาเม ในศีล5น่ะครับ ศีลธรรมดาที่สุดของฆราวาสน่ะครับ รู้จักป่ะครับ? ผู้ชายไม่ได้มีหน้าที่"ไม่อดทน"นะครับ จริงอยู่ คนเรามันมีความอยากอยู่แล้ว แต่ ความอดทน มันเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่งของมนุษย์ ความอาธรณ์แก่กัน ก็เป็นจริยะของผู้ครองเรือนประการหนึ่ง อ้างหน้าที่ชายหญิง แต่ไม่อ้างศีลธรรม เขาไม่เรียก"ชอบธรรม" แต่เรียกว่า "ชอบทำ" ครับ แถวบ้านมีชื่อเล่นว่า "เห็นแก่ตัว" ต่อให้เมียที่บ้านเป็นอีแก่ปลาร้าก็ตาม อยากกินของอาหารฝรั่งแปลกๆใหม่ๆก็เลิกของเก่าให้เรียบร้อยสิ แฟร์ๆหน่อย มานั่งเคี้ยวพาสต้ากับปลาร้าในคำเดียวกัน อ้วกตายห่าน แต่ดันบอกว่า นี่แหละ ชายชาติทรนง ถรุยครับ แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 13:06:34 จากคุณ : อาจารย์โยดา - [ 25 ม.ค. 51 13:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อาจจะติดเรท นิดนึง เนื่องจากเห็นหลายคนพูดถึงเรื่องบนเตียง คือเราก็ไม่รู้ว่าเก่งของแต่ละคนมันคือแค่ไหน แต่เราว่าเราก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดที่จะทำให้ต้องไปหานอกบ้านน่ะค่ะ (เราเปรียบเทียบตัวเอง กับที่เคยแอบดูหนัง X กับเพื่อนสมัยที่เรียนอยู่อ่ะค่ะ ) จากคุณ : คนโดนหลอก - [ 25 ม.ค. 51 13:15:51 A:172.16.120.33 X:203.170.231.232 TicketID:166386 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เรื่องนั้นช่างมันเหอะครับ ร้อยละร้อยของคนเที่ยวผู้หญิง คือ มันอยากเที่ยวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ อ้างนั่นอ้างนี่ไปงั้นแหละ จากคุณ : อาจารย์โยดา - [ 25 ม.ค. 51 13:19:02 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คห ที่ 18 คุณหัวโบราณมากๆ สัมยนี้ไม่ต้องง้อผู้ชายเลี้ยงแล้ว หมดสมัยแล้ว มีศักดิ์ศรีหน่อยคุณผู้หญิง จากคุณ : Janhi - [ 25 ม.ค. 51 13:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขอเดาว่า คุณหนุ่มใจ Y คงจะยังไม่เคยมีความรักจริงๆๆ ไม่เคยรักถึงขั้นที่รักเค้าได้มากกว่าตัวเอง หรือว่าอาจจะยังไม่เจอผู้หญิงที่สามารถทำให้รู้สึกแบบนั้น ผมเองประสบการณ์ชีวิตก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่พอหลังจากเริ่มทำงานแล้ว เพื่อนๆก็ค่อยๆหายไป ทำให้ได้รู้ว่า จริงๆแล้วผมก็มีแฟนคนนี้อยู่แค่คนเดียวแหละ ที่สามารถอยู่ด้วยได้อย่างสบายใจจริงๆ เหมือนเป็นที่พักเหนื่อยจากการทำงาน เพื่อนที่สนิทที่สุดขนาดไหน จะกี่คน ก็ไม่สามารถทดแทนได้ เรื่องพฤติกรรมที่แย่ๆของผู้หญิง ผมมองว่าเป็นลักษณะนิสัยของแต่ละคน ซึ่งถ้าคุณจะตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกับใคร ก็เป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องเลือกให้ดีก่อน ไม่ใช่ว่าใครเดินผ่าน ขอให้เป็นผู้หญิง ก็จับมาทำภรรยาได้หมด ถ้าเค้ามีนิสัยที่เข้ากับคุณไม่ได้ คุณก็ไม่ควรจะเกินเลย เลิกกันไปหาใหม่ หรือต่อให้ก่อนแต่งเค้าไม่เป็น แล้วตอนหลังเค้าเกิดทำนิสัยแย่ๆ ยิ่งต้องพิจารณาที่ตัวสิ่งแวดล้อมของครอบครัวเลย ว่าอะไรเป็นต้นเหตุ ตัวสามี ลูก สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ต่างบ้านต่างเมือง ฯลฯ ถ้าคุณได้ลองรักใครจริงๆ แล้วคุณจะไม่ถามหรอกว่า ถ้าต้องเลือกระหว่างเป็นคนเจ้าชู้ หรือแฟนคุณที่คุณรักเค้ามากมาย คุณจะเลือกใคร ที่พิมทั้งหมดนี้ ไม่ได้จะโจมตีคุณหนุ่มใจ Yนะคับ และขออภัยคุณหนุ่มใจ Y หากข้อความทั้งหมดนี้ทำให้คุณหนุ่มใจ Y ไม่สบายใจ แต่อยากเสนอแนวความคิดอีกทาง และกลัวว่าสังคมจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติซะหมด ทำให้ผมไม่กล้ามีลูกสาวในอนาคต จากคุณ : ตระกูลซ่ง - [ 25 ม.ค. 51 13:49:39 A:172.16.195.41 X:202.6.107.51 TicketID:160947 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ ผมสมมติว่าผมแค่ถามผู้หญิงที่จะแต่งงานกับผม ถามความพร้อมของเขา แล้วบอกก่อนว่าผมเป็นคนเจ้าชู้ เป็นเกย์ด้วยนะ ผมชอบเที่ยว คุณรับได้รึเปล่า ถ้าเขารับไม่ได้ หรือทนไม่ได้ หรือแสดงพฤติกรรมกระด้างกระเดื่องต่อผู้ชาย ผมก็จะไม่รั้ง ผมจะบอกผู้หญิงคนนั้นว่า"ถ้ารับไม่ได้ ก็ไม่ขอรั้งตัวไว้ ก็จะแบ่งสมบัติให้ส่วนนึง และยกบ้านนี้ให้อยู่เอง อย่าได้ข้อเกี่ยวกันอีก" ถ้าเขายืนยันจะแต่งงานกับผม ทั้งที่รู้ว่าผมชอบเที่ยวผู้หญิง แต่ผู้หญิงก็จะยืนยันแต่งงาน ผมก็บอกไว้ก่อนว่าให้เขาทำใจ ผมเป็นคนเจ้าชู้ คุณรับได้ไหม ถ้ารับได้ก็อย่าเสียใจภายหลังนะ ผมอาจบอกทิ้งท้ายไว้ก่อนว่าถ้าไม่เต็มใจแต่งงาน ไม่ต้องแต่งก็ได้ ถ้าผมมีบ้านผมอาจจะยกกรรมสิทธิ์ในบ้านนี้ ทุกสิ่งในบ้านนี้ ให้เขาดูแลเอง ส่วนผมก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นไปอยู่คอนโด........โทษเขานั่นแหละที่รู้ว่าเจ้าชู้ แล้วยังยืนยันแต่งงาน ///////// เหมือนรู้ว่าเรือรั่วอะ รั่วหลายรู แต่เรือลำนั้นเป็นลำโปรด มันสวยดี แต่มีข้อเสียคือมันรั่วเร็ว ซ่อมยาก อยู่มานานแล้ว พออุดรูนี้ ก็ไปรั่วรูใหม่ แต่ถ้ายืนยันจะนั่งเรือนี้ก็ต้องทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตนะคับ คุณต้องคอยเอามืออุดรูเองนะ เรื่องสามีเจ้าชู้เหมือนกัน นี่ไม่ได้ตำหนิผู้หญิงหรือด่านะ แต่บอกว่าเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาก่อนแต่งงาน ถ้ารู้ว่าเขาเจ้าชู้แล้วยังยืนยันแต่งงาน ก็ต้องรับสภาพในอนาคตด้วย แล้วเรื่องเจ้าชู้อะ มันไม่ใช่แค่เรียกมาด่าๆ หรือให้สัญญา แล้วมันจะเลิกไปได้ใน1อาทิตย์ แต่มันควรเป็นพฤติกรรมที่ควรพูดก่อนแต่งงาน หรือตอนเป็นเพื่อนหรือไม่ก็เปนแฟนกัน เรียกมาด่าตอนแต่งงานมีลูกกัน ไม่สายเกินไปหน่อยหรอคับ พฤติกรรมพวกนี้มันจะเลิกได้ ขึ้นอยู่กับความรู้จัก"พอ"ของผู้ชายคนนั้นแล้วก็นิสัยเดิมๆที่ติดมาจากชาติก่อนๆของเขา จนฝังในใจ แล้วก็เป็นพฤติกรรมติดไปตั้งแต่ชาติก่อนๆแล้วก็ชาติหน้า ก็ต้องทำใจแหละคับ ส่วนผู้หญิง ถ้าไม่จนใจจริงๆ ก็อยู่ต่อเถอะ แยกห้องนอนก็ได้ ถ้าหนักจริงๆก็เป็นแค่เพื่อนกันดีกว่าคับ จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 25 ม.ค. 51 14:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เหรียญมีสองด้านเสมอ ไม่มีใครที่ดีเลิศโดยไม่มีข้อเสียหรอกครับ เพียงแต่ว่าข้อดีมากกว่าข้อเสียหรือเปล่า บางคนไม่เที่ยวผู้หญิง แต่ติดการพนัน บางคนติดเหล้า บางคนชอบใช้ความรุนแรง บางคนความสามารถไม่ดี บางคนไม่รับผิดชอบ เยอะแยะไปหมด ต้องถามตัวเราว่าในสิ่งอื่นๆเขาดีพอไหม โดยรวมแล้วเรามีความสุขไหมที่อยู่กับเขา และที่สำคัญเรื่องในครอบครัวมันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะมากๆ คนนอกอย่างผมคงไม่สามารถไปบอกได้ว่าคุณควรทำอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือลูก คุณสองคนสร้างเขามาแล้ว ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้เขาเป็นคนที่ดีได้ จากคุณ : kai - [ 25 ม.ค. 51 16:09:16 A:124.120.243.101 X: TicketID:126518 ]

ความคิดเห็นที่ 69 แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 16:53:03 จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 25 ม.ค. 51 16:50:02 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ท่านพุทธทาสเคยพูดเรื่อง"มองแต่ข้อดีเถิด" ยังจำได้ป่าวคับ เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา..................จงเลือกเอาส่วนที่ดีเขามีอยู่ เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู................ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย จะหาคนมีดีโดยส่วนเดียว.....................อย่ามัวเที่ยวค้นหาสหายเอ๋ย เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเอย....ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง๛ พุทธทาสภิกขุ จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 25 ม.ค. 51 16:52:26 ]

ความคิดเห็นที่ 71 จับตรวจเลือด และทำหมันเป็นการด่วน จากคุณ : ส้มตำปลาร้า - [ 25 ม.ค. 51 17:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เริ่มกลัวการแต่งงานขึ้นมาแล้วสิคะ เห็นปัญหาเยอะเหลือเกิน   เราเป็นคนที่กลัวผู้ชายเจ้าชู้มากๆ สำหรับเราการที่ไปเที่ยวในสถานที่แบบนั้น มันร้ายแรงมากเลยค่ะ เหมือนกับการนอกใจเลย อย่างไรก็ตาม  เราว่าคุณน่าจะให้โอกาสเค้าก่อน(เข้าใจค่ะ ที่คุณระแวงเพราะเค้าเคยผิดคำพูดมาแล้ว) ถ้าให้โอกาสแล้วยังทำซ้ำๆ เราว่าอยู่ที่คุณจะเลือกแล้วค่ะ ว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หรือเลิกไป จากคุณ : ~\MINKU/~ - [ 25 ม.ค. 51 18:59:20 ]

ความคิดเห็นที่ 73 คุณหนุ่มใจY มีมุมมองที่แปลกดีครับ แต่ดูเหมือนจะยังไม่ใช่สำหรับวัฒนธรรมไทยนะครับ คล้ายจะเป็นเหมือนสมัยก่อนมากกว่า แต่นั่นก็คือสมัยก่อนผู้หญิงอยู่บ้านอย่างเดียว ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา จึงอยู่ด้วยตัวเองไม่ค่อยได้ ก็คงจะเป็นแบบว่าก้มหน้ารับสภาพที่สามีจะไปมีบ้านน้อยข้างนอก (หรือข้างใน) โดยปริปากไม่ได้ แต่ปัจจุบันมันก็คงจะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ทุกคนได้เรียนรู้เท่า ๆ กัน มีความคิด มีความภูมิใจในตัวเอง รักเกียรติและศักดิ์ศรีเหมือน ๆ กัน จะให้ผู้หญิงสมัยนี้ตามใจผู้ชายเหมือนสมัยก่อนคงจะยากนะครับ ไม่เชื่อลองให้ผู้หญิงมีชู้สิ ผู้ชายก็คงจะไม่ยอมเหมือนกันแหละ จากคุณ : XXX - [ 25 ม.ค. 51 22:50:42 A:124.120.246.238 X: TicketID:165628 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เห็นใจคุณ จขกท. ครับ... เรื่องแบบนี้ ผู้ชายกับผู้หญิงมีความคิดเห็นแตกต่างกันค่อนข้างมาก ผู้ชายจำนวนมาก มีเซ็กส์ได้โดยไม่ต้องมีความรัก... แต่ผู้หญิงเกือบทั้งหมดความรักมาก่อนเซ็กส์ ถ้าจะให้มองในแง่ดี สามีของคุณ จขกท. ไปเที่ยว... อาจจะเป็นชั่วครั้งชั่วคราวตามนิสัยเดิม (คุณรู้มาก่อนอยู่แล้วถูกมั้ยครับว่าเค้าเคยเป็นแบบนี้) และแน่นอนว่า ไม่มีใครเค้าบอกกันหรอกว่าเดี๋ยวนี้เค้ายังไปเที่ยวอยู่... คราวนี้มันก็อยู่ที่คุณแล้วครับ... ว่าจะตัดสินใจไปทางไหน... จากประโยคนี้... "เราบอกเขาว่ายกโทษให้เขาน่ะ จะลืมเรื่องทั้งหมด แต่ขอว่าอย่าไปเที่ยวอีก เขาก็สัญญา แต่เราก็ไม่มั่นใจในคำพูดเขาอีกแล้ว เพราะมันเหมือนเราเคยโดนหลอกมาแล้ว กัวว่าจะโดนหลอกอีก และทุกครั้งที่อยู่คนเดียว ก็จะนึกถึงแต่เรื่องที่เขาโกหก และไปเที่ยวมาทุกที ใจนึงก็อยากเลิก แต่ใจนึงก็สงสารลูก" ถ้าเป็นแบบนี้... ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกครับ ไม่ว่าเค้าจะยังไปเที่ยวอยู่ หรือเลิกเที่ยวตามคำพูดจริงๆ ก็ตาม.... เพราะความเชื่อมั่น ความไว้ใจที่เคยมี มันมีรอยร้าวซะแล้ว... ยังไงคุณเองก็คงไม่มีความสุข.... เดี๋ยวก็หาเรื่องทะเลาะกันจนได้... ไม่ใครก็ใครล่ะน่า... ถ้าคุณสงสารลูก... และยังทำใจรับไม่ได้...อย่าบอกเค้าเลยครับว่าให้อภัย... รับได้ ... ไม่เป็นไร... บอกเค้าไปตรงๆเลย ว่ารับไม่ได้.. ไม่ชอบ ขอร้องกันดีๆ ให้เลิกเถอะนะ.... ... และถ้าเค้ารับปาก.... ก็ต้องเชื่อใจครับ... เป็นทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตของคุณมีความสุขได้จริงๆ... ถึง (อาจจะ) ต้องกลายเป็นคนโดนหลอกอีกครั้งในภายหลัง แต่มันก็ยังมีเปอร์เซ็นต์ให้ชีวิตคู่รอดต่อไปได้... ถ้ามัวแต่นั่งระแวงกัน ชีวิตคู่ก็พังแน่นอน... แล้วถ้าเค้ายังไม่ทำตามสัญญา... อันนี้ค่อยว่ากันอีกที ใครเคยบอกไว้ซักคนครับ.... "ให้โอกาสคนอื่นเพียงครั้งที่สอง... อย่าให้มีครั้งที่สาม" ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : รายทาง (Waterman) - [ 25 ม.ค. 51 23:51:20 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ไม่อยากแต่งงานแล้วอ่ะ. จากคุณ : ไข่เจียวชุบชะอม - [ 26 ม.ค. 51 00:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เห็นแล้วทนไม่ไหว ขอแจมในฐานะที่เป็น ผู้ชายครับ (ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นพนัน ไม่เที่ยวหญิง) แต่ชอบเหล่หญิง ดื่มเบียร์ เล่นกีฬา.... เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับหนุ่มใจY ผมเองมีครอบครัวแล้ว (จดทะเบียน) ลูก 6 ขวบกว่าครับ และยืนยันอย่างหนึ่ง ผมเลี้ยงภรรยา ลูก น้องภรรยา 2 คน ผมส่งเสียหมด โดยให้มาอยู่ที่บ้านทั้งหมด ไม่รวมที่ผมให้เงินเดือนทุกๆ คน นี่แค่ฝั่งภรรยานะ ยังไม่ได้นับฝั่งทางผมเลย 1.ตอบในฐานะผู้นำครอบครัว ผมขอไปเที่ยวบ้าง บางครั้งเพื่อปลดปล่อย เพราะบางครั้งนั้น ความอดทน เกินขีดจำกัดเช่นกัน 2.ตอบในฐานะที่ให้เกียรติ์ฝ่ายภรรยา ผมบังคับทุกคนให้เรียนจนกว่าจะจบ ป.ตรี หลังจากนั้น ผมให้สิทธิในการตัดสินใจ เกือบจะทุกๆเรื่อง แต่อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวเป็นอันขาด เช่น มารื้อกระเป๋าสตางค์, แอบดูโทรศัพท์ ฯลฯ. ผมเองไม่เคยยุ่งความเป็นส่วนตัวกับแฟนแบบนี้เลย การที่จะคุยกัน ผมอนุญาต แต่ต้องไม่เลยเถิด...และผมเองรายงานเธอทุกครั้งที่เที่ยว เพราะไม่ชอบปิดบังครับ ที่สำคัญผมมองว่าถ้าไม่เลยเถิดขนาดเลี้ยงดู แล้วทำให้ครอบครัวมีปัญหา ก็ต้องไม่เที่ยวเด็ดขาด ใครจะเป็นกิ๊กผมต้องยอมรับ เพราะ ผมถือภรรยาเป็นใหญ่ 3.ผมเองยังถือจารีตเก่าๆ ในบางครั้ง เพราะการตัดสินใจในบ้านโดยเฉพาะเรื่องใหญ่ ผมต้องรับผิดชอบ เรื่องนี้ ผมยอมรับว่าผู้หญิงเองก็สามารถทำได้ในสังคมปัจจุบัน เนื่องจาก ไอ้ผู้ชายที่ไปเกี่ยวดองนะ มันไม่มีความรับผิดชอบ และการทัดเทียมกันทางเพศ ถือว่าดี แต่ผมไม่เห็นด้วยเต็มร้อย เพราะความสัมพันธ์ด้านการค้าผู้ชายสามารถเจรจาได้เด็ดขาดกว่า ผมเองมองว่าคุณควรพุงเป้า ไปที่ความสุขของครอบครัว มากกว่ามาจู้จี้กับเรื่องนี้ เนื่องจากคุณมีลูกแล้ว การมีครอบครัวต้องประคับประคองทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เอาแต่ข่มเอาๆ ผมเองตั้งแต่มีภรรยามา ผมแทบไม่เที่ยวเลยในระยะ 7 ปี(สมัยก่อน เรอะเด็กใหม่ตู้ไหน ลีลายังไง...ไม่รอด..) อันนี้ผมเองถือคติเลย "คำสอนหญิง" คำไทยโบราณ แต่ใช้ได้ทุกสมัย เพราะมันเป็นจิตใต้สำนึกในเพศชาย ไม่เชื่อไปถามไอ้พวกจบโท ด้านจิตวิทยา หรือไม่ก็มนุษยศาสตร์...(ถ้าหยาบ ขออภัย) ที่สำคัญ ก่อนแต่ง หลังแต่ง การปฏิบัตตัวอย่างไร? จากคุณ : nuynui - [ 26 ม.ค. 51 14:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เราโชคดีมากที่แต่งกับผู้ชายที่ไม่ใช่คนหัวโบราณที่ชอบทำตัวเป็นใหญ่ (ที่ผู้หญิงให้เกียรติยกให้เป็นผู้นำมาตลอด) ในบ้านโดยไม่เคยถามความคิดเห็นของผู้หญิงว่าคิดยังไง คิดแต่จะเอาความคิดตัวเองเป็นหลักแบบคุณ ใจ Y คิดว่าเป็นผู้ชายที่ดี เพราะแค่เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียแค่นั้น ทุกวันนี้ทุกบ้านทั้งสามีภรรยาทำงานหนักพอกัน รายจ่ายในบ้านก็แชร์กัน ผู้หญิงช่วยแบ่งเบาภาระให้ทุกเรื่อง แต่เท่าที่อ่านมาทั้งหมดทั้งหมดไม่เคยเห็นว่าคุณคิดว่าภรรยาต่างจากหุ่นยนต์หรือตุ๊กตาที่ไม่มีความรู้สึก มีจิตใจสักนิด สามีเราเค้าเป็นคนไม่เที่ยว ไม่ยกตัวข่มภรรยา  และให้เกียรติเสมอโดยเราไม่ต้องร้องขออะไร ไม่เคยทำอะไรให้ไม่สบายใจเลย  มีอะไรก็จะปรึกษากันตลอด เป็นสุดยอดสามีที่ดีจริงๆ  สงสารคุณที่เหมือนพยายามยกเอาธรรมะมาประกอบการอธิบาย  แต่มันไม่เข้ากันเลยสักเรื่อง คือคุณคงเป็นพวกมีอคติในจิตใจมาก แล้วอีกอย่าง บางครั้งผู้หญิงหลายคนก่อนแต่งไม่รู้หรอกว่าพฤติกรรมเรื่องเที่ยวเป็นเรื่องปกติของผู้ชายที่จะแต่งงานด้วย  เพราะเล่นโกหกกันมาตั้งแต่ยังไม่แต่งงานจนมีลูกมีเต้า  โกหกจนเป็นเรื่องปกติ ก็ไม่ต้องหวังว่าผู้หญิงจะรับได้  คือถ้ารู้ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะไม่แต่งอยู่แล้ว แนะนำให้ไปผลงานบางส่วนของครอบครัวที่ติดเอดส์ได้ที่วัดพระบาทน้ำพุ คือผู้นำครอบครัว  ภรรยา ลูก  อยู่กันครบครอบครัวเลยที่นั่น  แล้วลองใช้ธรรมะไตรตรองดูว่าเหตุเกิดขึ้นเพราะอะไร จากคุณ : SnOw BunnY - [ 26 ม.ค. 51 18:41:38 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ถ้าขอได้อยากให้เกิดสมดุลแบบ... ผู้ชายที่พร้อมจะซื่อสัตย์กับภรรยา ได้อยู่คู่กับภรรยาที่ดีเช่นเดียวกัน (ถ้าพลาดก้อพร้อมจะยอมรับ และแก้ไข) และผู้ชายที่มองเรื่องเที่ยวเป็นเรื่องต้องรับให้ได้ แบบคุณหนุ่มใจy ได้อยู่คู่กับภรรยา ที่นิสัยเหมือนกัน..... จะได้อยู่โลกใคร โลกมัน ไม่มีใครต้องเสียใจ... จากคุณ : Aries&Pisces - [ 26 ม.ค. 51 18:53:42 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ฟังจากที่เล่า เค้าไปเที่ยวช่วงที่คุณท้อง-อยู่ไฟนี่ครับ ช่วงนั้นคุณกับเค้ามี sex กันไม่ได้นี่นา  เค้าก็คงอัดอั้นอยากปลดปล่อยบ้างแหละ ตอนท้องไม่ได้มี sex กันกี่เดือนล่ะครับ ? ถ้าเรามองข้ามการนำเสนอ การพูดจาแบบฮาร์ดคอร์ของคุณหนุ่มใจYออกไป จะเห็นว่าแท้จริงแล้วเค้าก็เสนอให้ทำใจยอมรับ,อดทน,อะลุ้มอะหล่วย กันนี่ครับ หรืออยากเลิกกันไปเลย ? คนเราไม่ใช่จุดศูนย์กลางของจักรวาล ไม่สามารถได้ทุกอย่างดังที่ต้องการหรอกครับ เพราะขนาดตัวเราเองยังไม่สมบูรณ์แบบเลย ลองทำใจให้สบาย สงบ ปล่อยวางทุกอย่าง (ลองนั่งสมาธิก็ได้) แล้วใช้เวลาช่วงนั้นคิดให้ดี คิดให้หนัก ซักทีครับ จากคุณ : ขอซักชื่อเหอะ - [ 27 ม.ค. 51 00:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เรื่องของเราก็คล้ายๆกับ จขกท เพียงแต่เค้าไม่ได้ถึงขั้นไปมีอะไรกับใคร เท่าที่จับได้นะคะ ตอนแรกเีราคิดจะเลิกทันที ไล่เค้าออกไปอยู่ที่อื่นซักพักด้วยซ้ำ ระหว่างที่แยกกันอยู่ เค้าก็มาง้อขอโอกาสตลอด ส่วนเราก็คิดแล้วคิดอีก ก็เลยสรุปว่า ถ้ามีอีกครั้งทุกอย่างจบนะ สำหรับเราคงไม่สามารถให้โอกาสได้หลายๆครั้ง ครั้งเดียวก็เกินพอ เพราะเราคิดเสมอว่า เราไม่ใช่ของตายของเค้า คิดจะทำอะไร ถ้าไม่แคร์ความรู้สึกกันและถ้าไม่ซื่อสัตย์ก็ไปเหอะ เราไม่เสียดายคนแบบนี้ถึงแม้จะเสียใจมากก็ตาม ทุกวันนี้อยู่กับเค้าก็ไม่มีความเชื่อใจให้เหมือนเดิม แล้วก็ไม่ได้มานั่งจับผิดอะไรให้เค้าได้รู้สึก แต่ก็แอบคอยจับตาดูอยู่เรื่อยๆ เตือนตัวเองตลอดเวลาว่า ไม่ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ตาม เราก็จะไม่มีวันเสียใจแบบที่ผ่านมาและจะเดินหน้าต่อไปอย่างคนเข้มแข็ง พูดเหมือนง่ายเลยเนอะ แต่เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว มันปลงได้แล้วมั้งคะ โชคดีที่เรายังไม่มีลูก แต่ถึงมีก็คงให้โอกาสเค้าแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากคุณ : Syd-Sider - [ 27 ม.ค. 51 02:01:36 ]

ความคิดเห็นที่ 81 มาเพิ่มเติมครับ ลองคิดดู ว่า การทำทุกอย่างให้ถูกต้อง กับ การทำสิ่งที่ถูกต้อง(แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง) อันไหนควรทำมากกว่ากัน ผมเห็นหลายกระทู้ส่งเสริมและแนะนำให้เลิกเด็ดขาด อันนี้ผมถือว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายของการมีครอบครัว ส่วนผู้ชายการที่ไปเที่ยวช่วงที่คุณผู้หญิงไม่ว่าจะท้องแก่ หรืออยู่ไฟก็ตาม ผมถือว่าเป็นข้ออ้างมากกว่า มันไม่ใช่เ้หตุผล เพราะในสองช่วงเวลานี้ต่างหากที่ฝ่ายหญิงต้องการกำลังใจในการใช้ชีวิตมากกว่าปกติ (ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดเที่ยวช่วงนี้เลย ซ้ำยังพยายามอยู่ใกล้ภรรยามากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้) แต่บางครั้งในภาวะการทำงานปกติ เช่นพวกที่ต้องมีอาชีพที่ต้องพบปะผู้ฅนสม่ำเสมอนั้น จะหลีกเลี่ยงอารมณ์ดิบด้านเพศ ทำได้ยากมากๆ ยิ่งในยุคนี้(สาวๆ สมัยนี้แต่งตัว..อื้อฮือ) ผมแนะนำว่าควรเปิดเผยบางส่วนบ้างกับคู่ชีวิต ย้ำเป็นรอบที่สอง การใช้ชีวิตคู่และครอบครัว อย่าเอาความคิดตนเองเป็นใหญ่ตลอดเวลา แต่ต้องรู้จักการอยู่ร่วมกัน ทำอย่างไรให้เขาเกรงใจคุณไม่ใช่ใช้ข้ออ้างว่า เฮ้ยชวนแล้วคุณไม่ยอมอย่างโน้นอย่างนี้ หรือเธอมีอารมณ์ แต่ฉันหมดมู้ดแล้ว อย่างนี้เป็นต้น จากคุณ : nuynui - [ 27 ม.ค. 51 07:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ผมขออนุญาตแย้งคุณ XXXหน่อยน๊ะครับ เรื่องที่ว่าความคิดคุณหนุ่มใจY จะไม่ใช่วัฒนธรรมไทย ผมว่าถ้าพูดถึงวัฒนธรรมไทยแท้ หรือจะเป็นของเอเซียแท้ๆ ฝ่ายชายจะมีภรรยาได้หลายคนน๊ะครับลองดูในประวัติศาสตร์ซิครับ แต่วัฒนธรรมเรื่องภรรยาคนเดียวนี่ ผมว่าเรารับมาจากฝรั่งดูเหมือนน่าจะเป็นอเมริกาน๊ะครับ จากคุณ : kai - [ 27 ม.ค. 51 15:49:00 A:125.24.26.244 X: TicketID:126518 ]

ความคิดเห็นที่ 83 หนุ่ยY อายุ 20 หนทางอีกยาวไกล เปิดใจไว้กว้างๆ ไม่ได้อ่านคห.ท่านอื่นนะคะ แค่อยากจะบอกว่า ถ้าแต่งงานกันแล้วภรรยาเป็นผู้ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว สามีเลี้ยงลูกอยู่บ้าน ภรรยาไปเที่ยวโฮสต์หรือว่ามีกิ๊กเป็นเด็กหนุ่มอายุ20ได้ไหมคะ? แค่ลองถามมุมกลับกันดู ไม่ได้หาเรื่องนะคะ **** จขกท. เป็นเราถ้าเราสามารถเลี้ยงลูกได้ พ่อแม่เราสามารถช่วยเลี้ยงลูกได้ก็เก็บผ้าผ่อนอุ้มลูกออกมาเลยค่ะ หายไปเลย เพราะถ้าเค้าตามได้ก็ใจอ่อน แต่เราว่ามันคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายหรอกค่ะ ถ้าคุณรับได้ก็โอเค แต่ถ้ารับไม่ได้ ก็ไปเลยดีกว่าเพราะเราว่าถ้าลูกโตเค้าจะมาได้ยินได้รับรู้อะไรที่มันไม่ดีไม่งาม อาจจะเสียใจหลายคนกว่านี้ แต่ไม่ได้ยุให้เลิกนะคะ ถามความต้องการของตัวเองดีกว่า ถ้ารักเค้ามากพอที่จะให้อภัยได้จริงๆ วันนึงสามีคุณคงเห็นความดีคงหยุดจริงๆ แต่เรื่องแบบนี้ยากเกินสำหรับผู้หญิงจะทำใจ ถามเค้าดูดีกว่าคุณสามีเห็นคุณเป็นคนที่ใช่จริงๆหรือไม่ แต่สำหรับเราคนคงไม่.....เราอาจจะไม่ได้รักใครมากขนาดนั้นก็เท่านั้นเองค่ะ คำตอบที่คุณมีอยู่ในใจ ฟังให้ดีๆ ทำใจนิ่งๆแล้วคุณก็จะเห็น..เชื่อว่าทุกคนทีคำตอบในทุกเรื่อง แต่ว่าจะเปิดตาเปิดใจยอมรับหรือไม่มากกว่าค่ะ ทำใจนิ่งๆ ให้ตะกอนทั้งหมดมันนิ่ง แล้วคุณจะเห็นเหรียญบาทก้นแก้วแน่นอนค่ะ ขอให้ผ่านมรสุมครั้งนี้ไปได้นะคะ จากคุณ : Norma Jeanss - [ 28 ม.ค. 51 19:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เห้อ ยิ่งอ่านก็ยิ่งเครียด ของคุณ สามีซื้อบริการ แต่ของแฟนเรา ไม่ต้องซื้อเลยค่ะ มีโทรเข้ามา ชวนให้ไปนอนด้วยตลอด และเราเองก็ดันไปได้ยิน และอยากรับรู้ซะทุกครั้งไป มันเป็นปัญหาโลกแตกนะ แต่สำหรับเรา ถ้าคุณคิดว่า การเป็นสามีที่ดี คือการให้เงินใช้ การพาไปทานข้าวนอกบ้าน การไม่ลืมวันสำคัญ ๆ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปยัง พ่อ แม่ฝ่ายหญิง และการไปนอนกับคนอื่น ทั้ง ๆที่คุณมีคนที่เลือกแล้ว ขอเถียงหัวชนฝาเลยค่ะว่า ผู้หญิงบางคน ก็ไม่ได้ต้องการเงิน หรือสิ่งอื่น ๆ เสมอไป ไม่ต้องการคำหวาน ไม่ต้องการ การกระทำที่แสนจะโรแมนติก แต่สิ่งที่ต้องการจริง ๆ นั้นก็คือ "การรักเดียว ใจเดียว" เพราะเดี๋ยวนี้ผู้หญิง (บางคน) ก็เก่งไม่แพ้ผู้ชายหรอกค่ะ ถึงแม้จะเก่งกันในบางเรื่อง แต่ก็สามารถดูแล หาเลี้ยง พ่อ กับแม่ได้ ไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกหรอกค่ะ ขอให้คุณ จขกท. จะทำอะไรก็ใจเย็น ๆ นะคะ เพราะกรณีของคุณคือ มีลูกด้วยกันแล้ว จะทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้ดี (แต่ถ้าเกิดขึ้นกับเรา แบบบ่อย ๆ ซ้ำซาก เราคงแย่นะคะ)   เตือนคนอื่น เตือนได้ แต่ไม่เคยทำได้สักที จากคุณ : ^_^ Rita - Narak ^_^ - [ 28 ม.ค. 51 23:01:01 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เข้ามาอ่านกระทู้ทุกวันเลยค่ะ ขอบคุณทุกคนน่ะค่ะ ทั้งที่ให้กำลังใจและให้คำแนะนำ ตอนนี้เราไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิดเหมือนกัน แต่เราตกลงที่จะเลิกกับสามีแล้วค่ะ เพราะหลังจากที่สัญญากัน เขาก็ยังที่จะทำผิดอีก ถึงจะไม่ได้ไปมีอะไรกัน แต่การกระทำของเขามันก็เหมือนเขายังไม่นิ่ง เขายังมีความต้องการเรื่องแบบนี้อีก เราก็เสียใจที่ต้องเลือกทำแบบนี้ ในใจอยากให้เขาเลิกนิสัยนี้ เราจะได้กลับมาเป็นครอบครัวกัน แต่มันคงไม่มีหวังเลยค่ะ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่ะ จากคุณ : คนโดนหลอก(จขกท) - [ 29 ม.ค. 51 10:22:14 A:172.16.120.33 X:203.170.231.232 TicketID:166386 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เห็นหลายคนสนับสนุนให้เลิกกัน ผมฝากข้อคิดไว้นิดน๊ะครับ เราไม่รู้รายละเอียดภายในครอบครัวเขามากพอ การตัดสินใจในเรื่องครอบครัว มันไม่ใช่แค่คำถามเดียว หรือเหตุผลในเรื่องเดียว ผมคิดว่าเราไม่สมควรบอกหรือสนับสนุนให้เขาทำอะไรที่มันรุนแรงสำหรับชีวิตครอบครัวอย่างนั้นได้ แล้วที่สำคัญ ชีวิตอีกอย่างน้อยหนึ่งชีวิตจะต้องขาด พ่อ หรือแม่ไปแล้ว ถ้าคุณเป็นเด็กคนนั้นคุณจะคิดว่าอย่างไร ใครก็ไม่รู้มายุให้พ่อแม่เขาเลิกกัน แต่ปัญหามาตกอยู่ที่เขา บาปกรรมน๊ะครับ จากคุณ : kai - [ 29 ม.ค. 51 14:48:11 A:124.121.206.82 X: TicketID:126518 ]

ความคิดเห็นที่ 87 อ่านแล้วกลุ้มครับ กระทู้นี้ เรื่องผู้ชายเที่ยวนี่ผมตอบไม่ได้ครับ ผมไม่เที่ยว 100% แต่เคยเห็นหลายคนติด เหมือนกินเหล้า สูบบุหรี่ อยากจะบอกว่าถ้าสามีคุณยังมีมือครบทั้งซ้ายและขวา ผิดแน่นอนครับ เมียไม่ว่าง มือมีไว้ทำไมครับ หาทางออกเองไม่เป็นหรอครับ โดยไม่เดือดร้อนน่ะ แล้วแต่พิจารณาครับ แต่ไม่อยากให้เลิกกันครับ ลองให้เขียนหนังสือสัญญาไว้เลยครับ ถ้ามีครั้งหน้าแล้วมีหลักฐานเพียงพอ ฟ้องหย่าเลยครับ ให้จ่ายค่าชดเชยด้วย ผมอยากให้ให้โอกาสอีกซักครั้งครับ อาจเกิดจากความเหงาในช่วงที่คุณท้องหรือคลอดลูกก็ได้ เคยอ่านเจอในห้องนี้ แก้ปํญหาง่ายครับ จับรูดเช้าเย็น รีดให้หมดตัว ดูซิจะมีแรงไปทำอะไรที่ไหนอีก จากคุณ : Mr. Coffee - [ 31 ม.ค. 51 23:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ถึงคุณ Y ดิฉันขอตอบว่าไม่เลือกทั้ง2 ข้อค่ะ เพราะดิฉันมั่นใจว่าดิฉันสวยและมั่นใจว่าดิฉันสามารถเลี้ยงดูตัวเองและบุพการีได้ดีไม่แพ้ชายใดในหล้า ยืนยันว่าสวยเลือกได้..เลือกที่จะไม่เป็นฝ่ายเลือกทางเดินชีวิตโดยไม่มีความจำเป็นเลยสักนิดที่จะพึ่งเพศชายเยี่ยงคุณ ขอบคุณและกรุณามองผู้หญิงซะใหม่ จากคุณ : Nothing Girl - [ 1 ก.พ. 51 11:09:02 A:122.152.142.114 X: TicketID:160588 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เราไม่รู้รายละเอียดของครอบครัวเค้าจริงค่ะ แต่หนทางชีวิตเค้าต้องเลือกเองอยู่แล้ว ที่ให้คำแนะนำไปส่วนใหญ่ก็ให้ในฐานะที่คิดว่า "ถ้าเป็นเรา" จขกท.หากคุณตัดสินใจอะไรลงไปโดยได้ไตร่ตรองแล้ว จงคิดเสียว่า นั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณและลูกค่ะ แม่สามีดิฉันก็เลิกกับสามีประเภทเดียวกะสามีคุณ แถมมีลูกติดมาตั้ง 5 คน การศึกษาของแม่ก็ไม่มี แต่ลูกแม่ทั้ง 5 คน เป็นวิศวกรจากสถาบันมีชื่อ 3 และผู้สอบบัญชี 2 ตอนนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวของแม่แล้ว ให้กำลังใจเหมือนเดิม คิดถึงลูกมาก ๆ วันนึงลูกต้องเข้าใจ ยังแอบหวังว่าสามีคุณจะคิดได้ อ่านมาแทบทั้งหมดแล้วรักสามีตัวเองจังเลย เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ แถมไม่ค่อยได้นอนกะเมียอีก คือถ้าเค้าจะหาเหตุเลิกหน่ะเลิกได้เลย แถมเค้าเลี้ยงดูดิฉันกะลูก 2 คนได้อย่างสบาย ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กะแต่ละคน คำว่าคนเหมือนกันแต่มันก็ไม่มีแพทเทิร์นเป๊ะ ๆ จงอยู่กับวันนี้ เพราะในอดีตเรากลับไปแก้ไขไม่ได้  หอมลูกแล้วจะมีพลังสู้ ๆ ค่ะ จากคุณ : NN2704 - [ 1 ก.พ. 51 11:46:40 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เข้ามาอ่านแล้วรู้สึกเกิดความเหลื่อมล้ำทางเพศยังไงก็ไม่รู้ ทำไมผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายทน ทน ทน และก็ทน ผู้ชายออกไปเที่ยวผู้หญิง เมาหัวราน้ำ เมียก็ต้องทน เพราะ ก็ผู้ชายหนิิ ...นี่คือสันดานผู้ชาย ธรรมดาจะตายไป ยากดีมีจน ก็ไม่พ้นเหล้ากับผู้หญิง แกเป็นเมียก็อยู่บ้านเลี้ยงลูกไปให้ดีๆสิ...คือ ต้องให้คิดอย่างงี้ใช่มั้ยอะคะ ทำไมผู้ชายเลือกได้ เลือกที่จะเป็นตัวเองได้ แต่ทำไมผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายเลือกที่จะทน ผู้หญิงก็มีสิทธิ์เลือกเหมือนกัน คุณ จขกท เองก็มีงาน มีการศึกษา เราว่าคุณสามารถเอาตัว (คุณและลูก) ให้รอดได้อยู่แล้ว มีทั้งสมองและสองมือ จะกลัวอะไรคะ สำหรับเราผู้หญิงกับผู้ชายเท่าเทียมกันค่ะในการเลือกที่จะมีชีวิตแบบที่เราต้องการ คุณมีความต้องการในชีวิตคู่แบบนี้ แต่เค้ากลับเป็นอย่างงี้ แล้วสิ่งที่เค้าทำมันทำร้ายจิตใจคุณมาก คุณเองยังไม่แน่ใจเลยว่าตอนนี้เค้าปิดบังอะไรคุณ หรือไปเที่ยวหญิงที่ไหนอีกรึเปล่า เวลาไปออฟหญิงใส่ถุงยางรึเปล่า ตัวคุณเอง คุณพร้อมที่จะมีชีวิตคู่ และคุณต้องการมีคู่ที่เคารพและซื่อสัตย์ต่อกันและกัน แต่เค้าทำได้มั้ย คุณรู้สึกพอใจมั้ย ดีมั้ย คุณลองถามตัวเองดีกว่าค่ะ ว่าสิ่งที่คุณต้องการจริงๆคืออะไร แล้วสิ่งที่เค้าทำ ตัวตนของเค้าคุณรับได้จริงๆมั้ย คนเราไม่ใช่จะเปลี่ยน( กมลสันดาน )กันได้ง่ายๆ ถ้ารับได้ หมายถึงว่า คุณต้องรับได้จริงๆนะคะ ไม่ใช่กล้ำกลืนฝืนทน กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างงี้ อย่าไปทนเลยค่ะ ไม่ได้สนับสนุนให้หย่า แค่อยากจะบอกว่า ผู้หญิงก็มีิสิทธิ์เลือกเพื่อตัวเองได้เหมือนกัน ไม่ืใช่เป็นช้างเท้าหลังอย่างเดียว ป.ล. เรื่องลูก เราว่าตอนนี้คุณก็พยายามอยู่กับเค้าให้มาก ทุ่มความรักไปให้เค้าไปเลยค่ะ เราเชื่อว่าคุณเป็นแม่ที่ดี และไม่ว่าในอนาคตอะไรจะเกิดขึ้นกับคุณและสามีคุณ (ไม่ว่าจะหย่าหรือไม่หย่า )พยายามให้ความรัก ความเข้าใจกับลูกให้มากที่สุดนะคะ เด็กสมัยนี้เราว่าเค้าเก่งและเข้าใจอะไรง่ายค่ะ คงไม่ยากถ้าคุณให้ความรักเค้า ดูแลเอาใจใส่เข้าใจเค้าอย่างถูกวิธีอะค่ะ สู้ๆนะคะ จขกท จากคุณ : mysticcat - [ 1 ก.พ. 51 18:47:22 ]

ความคิดเห็นที่ 91 หง่ะ  เลิกกันจนได้  - - จากคุณ : ขอซักชื่อเหอะ - [ 2 ก.พ. 51 06:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เฮ้อ เอาใจเขาใส่ใจเราเหอะนะ จากคุณ : M.F.Luder - [ 3 ก.พ. 51 00:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 93 พูดยากค่ะ ของเรา ณ ตอนนี้ให้อภัยเป็นครั้งที่ 4 แล้วสิ หรือว่าความรู้สึกเราเหมือนคนที่ชาชินกับสิ่งที่ถูกกระทำ เคยค่ะ ....เคยถูกถามว่า ถ้าเค้าเป็นคนแบบนี้ เธอต้องรับให้ได้ อ้าว...ไมพูดงั้นล่ะ ตอนที่ฉันแต่งงานกับคุณ คุณถือว่าเป็นคนดีคนนึงเลยนะ เพราะ 13 ปีที่เป็นแฟนกัน คุณเป็นคนดีสำหรับฉันเสมอ แล้วไงล่ะ 7 ปีที่อยู่ด้วยกัน พอคุณมีเงิน มีกิน มีใช้ จากน้ำพักน้ำแรงที่เราสองคนร่วมสร้างกันมา แล้วตัวตนที่แท้จริงก็ถูกเปิดเผย มันไม่แฟร์กับเราค่ะ กับคำถามที่บอกว่า เราต้องยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็นให้ได้ โอ้ยยย....มันคิดก่อนถามเราป่าวเนี่ยะ ตอนนี้ยังแก้ปมไม่ออกค่ะ เพราะคนที่เค้าพูดว่าไม่มีอะไร แค่เที่ยวเฉยๆ แต่...แต่ว่า ผู้หญิงมันจะจับไงค่ะ มันบอกว่าท้องแล้วสิ แล้วไงล่ะ ฉันจะทำยังไง ถึงแม้ตอนนี้ ฉันยังไ่ม่มีลูกก็เถอะ มันรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเป็นที่สุด คนที่เคยบอกว่า ถ้าเราไม่มีลูกด้วยกัน ชีวิตคู่ก็ยังดำเนินต่อไปได้ เหมือนที่เราเคยสัญญากันไว้ ตอนนี้ค่ะ ....เราแพ้ค่ะ เราแพ้โชคชะตาที่ลิขิตชีิวิตให้เราแบบนี้ เราผู้ซึ่งให้อภัยกับคนที่ทำร้ายเราตลอด ให้อภัยแบบเต็มร้อย ไม่เคยเอาเรื่องเก่าๆ มาขุดคุ้ย หรือว่าบุญที่เราเคยสร้างร่วมกันมามันหมดซะแล้วสิ เราจะปล่อยเค้าไปค่ะ ให้ไปอยู่กับสิ่งที่เค้าเลือก ถึงแม้ว่า เค้าจะพูดว่า เค้าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเรา ...เฮ้อ ใครล่ะที่เป็นคนทำให้คำตอบเป็นแบบนี้ แต่ก็อีกนะ ยิ่งรักมาก ก็ช้ำมากและก็แค้นมากเหมือนกัน ตอนนี้กำลังทบทวนชีวิตอยู่ว่า ทนอยู่เพื่ออะไร ...ทนอยู่ตามคำขอร้องของคนที่เคยรัก ว่าให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน หรือเพื่อคนรอบ ๆ ข้าง ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่น้อง และเพื่อน ไม่รู้ว่าชีวิตคู่จะมีความสุขหรือไม่ สุดท้าย....สุดท้ายคำตอบมันต้องอยู่ที่คนสองคน ว่าใครกันแน่ที่จะหลอกตัวเองได้นานแค่ไหน ได้แต่หวัง...หวังว่าสักวัน ชีวิตของฉันจะสวยงาม และสามารถอยู่ได้ถึงแม้ปราศจากคนที่ฉันเคยรัก จากคุณ : ข้าวเหนียว กะ ไข่เจียว - [ 6 ก.พ. 51 15:55:59 ]