Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชีวิตที่เลือกเอง สุดท้ายก็คือเจ็บเอง (เรื่องจริงอุทาหรณ์สอนหญิง) 3{แตกประเด็นจาก L10003317} ติดต่อทีมงาน

...................ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 4 ม.ค. 2552 ดิฉันได้ตัดสินใจเข้าทำงานเป็นพนักงานสปาแห่งหนึ่ง
แห่งหนึ่ง(พริตตี้สปา)ก่อนหน้านั้นดิฉันทำงานถ่ายแบบอิสระรวมถึงถ่ายแบบให้กับนิตยสารเซ็กส์ซี่ๆ
พักหลังเศรษฐกิจที่ออกไปในทางย้ำแย่ บวกกับเลิกกับแฟนหนุ่มพอดี ทำให้ดิฉันตัดสินใจไปสมัคร
เป็นพนักงานนวดในร้านสปาโดยที่ตัวดิฉันเองก็ไม่ทราบถึงรายละเอียดงานเลยสักนิดวันนั้นเป็นวัน
แรกที่ดิฉันลองเข้าไปสมัครดู ร้านสปาเป็นอาคารพาณิชย์5ชั้นตั้งอยู่แถวซอยรามซอยหนึ่งดิฉันเดิน
เข้าไปในร้านแบบกล้าๆกลัวๆและก็เจอกับPRของร้าน พร้อมแนะนำการทำงานลักษณะงานทุกอย่าง
มาถึงตอนนี้ฉันถึงเข้าใจในการทำงานของคำว่าพริตตี้สปาแล้ว

....................หลังจากสมัครทำงานพริตตี้สปาดิฉันก็ตั้งใจทำงานเต็มที่หวังเก็บเงินเลี้ยงแม่และส่งลูกชาย
เรียนนี้คือค่าใช้จ่ายหลักที่ดิฉันต้องทำ
....................การทำงานสปาไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฉัน มันคืองานนวดผ่อนคลายให้ลูกค้าชายที่เข้ามาใช้
บริการและจบลงด้วยการสำเร็จความใคร่ให้ลูกค้าด้วยมือนั้นเอง(ไม่มีการนอนกันกับลูกค้า)
....................ดิฉันทำงานที่ร้านสปาแห่งนี้ได้สักพัก ก็มีการขยายร้านออกไปอีกที่และแน่นอนด้วยจำนวน
น้องๆที่ทำงานสปาที่เยอะจึงจำเป็นต้องคัดแยกไปอีกร้านนึง หนึ่งในนั้นก็คือดิฉันที่ต้องแยกไปทำร้าน
สปาอีกแห่งตั้งอยู่แถวๆเกษตร-นวมินทร์ และที่แห่งนี้คือจุดเริ่มต้น

................................................................................

.....................ร้านสปาแห่งใหม่เป็นที่ที่ทำให้ดิฉันเป็นที่รู้จักในหมู่นักเที่ยววงการพริตตี้สปาด้วยการทำงาน
ที่จริงใจและซื่อตรงต่อลูกค้า ทำให้ดิฉันเป็นที่รู้จักในนามเจ๊กี้ ป้ากี้ หรือแม้กระทั่งคุณยายวรนาทแล้วแต่
ลูกค้าจะเรียกซึ่งดิฉันไม่เคยโกธร
.....................การทำงานในแต่ละวันของดิฉันถือว่าโดนจองเต็มเกือบทุกครั้งที่เข้าทำงานด้วยความที่มีอายุ
มากกว่าน้องๆคนอื่นในร้าน ดิฉันเป็นที่รักของน้องๆPR เจ้าของร้าน รวมถึงแม่บ้านเพราะโดยปกติเป็นคน
ที่ขี้เล่น เป็นกันเอง รักน้อง รักเพื่อนที่ทำงาน และไม่เคยถือตัวว่าอายุมากกว่า บางครั้งยังไปช่วยแม่บ้าน
เช็ดกวาดถูห้องน้ำจากการใช้งานแล้วด้วยซ้ำไป
.....................และที่สปาแห่งนี้คือจุดเริ่มต้นที่ดิฉันพบเจอลูกค้าท่านนี้(สามีคนอื่น)โดยไม่ได้นัดหมายดิฉัน
จำไม่ได้ว่ามันคือวันอะไร ลูกค้ามาคนเดียวเดินตรงมาที่ร้านหน้าห้องPR ประจวบเหมาะกับที่ดิฉันก็กะลัง
อยู่หน้าร้านเล่นคอมอยู่กับน้องPRพอดี น้องPRก็ถามพี่ลูกค้าว่าเคยมาเที่ยวแบบนี้หรือยังค่ะ คำตอบคือ
ไม่ครับ
.....................น้องPRเลยทำหน้าที่ของเธอคือการนำอัลบั้มรูปของน้องๆที่ทำงานให้ลูกค้าดู แต่ลูกค้ากลับ
มองมาที่ดิฉัน ส่วนตัวดิฉันก็สงสัยว่าลูกค้ามองทำไมบ่อยๆแต่ก็ไม่ได้ถามไปกลัวจะเสียมารยาท
.....................ลูกค้าใช้เวลาในการดูอัลบั้มเลือกน้องอยู่นานมาก ผลสรุปรูปที่ลูกค้าเลือกน้องนวดด้วยก็คือ
ดิฉัน น้องPRเดินมาเรียกเจ้ๆทำงานดิฉันก็ตกใจอ้าวและเลือกตั้งนานทำไมเนี้ยก็งงสักพักนึงและก็ลุกขึ้น
จากโต๊ะคอมและเรียกพี่ลูกค้าเข้าห้องนวด
.....................และนี้คือจุดเริ่มต้นของดิฉันและเค้า(สามีคนอื่น)

................................................................................


.....................ดิฉันและเค้า(สามีคนอื่น)ก็เดินเข้าห้องนวดในห้องมีเพียงเราสองคนเท่านั้นดิฉันถามนั้นนี้
เรื่อยเปื่อยเพื่อเป็นการสนทนาระหว่างการทำงาน
.....................ทุกอย่างในห้องเหมือนมีแต่การพูดคุยแต่เรื่องจริงของชีวิตแต่ละคน เค้าบอกกล่าวกับดิฉัน
ว่าเค้ามีครอบครัวแล้ว เค้ามีทุกอย่างที่พร้อมไม่มีขาดแม้แต่เรื่องภรรยาก็ตามเค้ามีหน้าที่การงานที่ดีมี
ลูกชายสองคนชีวิตถือว่าไม่มีอะไรต้องมีเพิ่มเติมแต่ในใจดิฉันก็ยังสงสัยว่า แล้วเพราะเหตุใดเค้าถึงมา น
เที่ยวดิฉันถามเค้าโดยไม่ลังเลเค้าบอกว่าขับรถผ่านมาบ่อยๆเห็นป้ายก็เลยอยากที่จะลองเข้ามานวด
ดูเท่านั้นเองเค้ายังบอกอีกว่าปกติเค้าเป็นคนไม่เที่ยว4-5โมงเย็นก็ต้องกลับถึงบ้านแล้ว คุยไปคุยมาได้
ใจความประมาณนี้
.....................ดิฉันเริ่มทำการนวดทำงานไปคุยไปเรื่อยจนเสร็จงานเวลาหมด เค้า(สามีคนอื่น)จะต่อเวลา
แต่ก็ไม่สามารถที่จะต่อได้เนื่องจากดิฉันมีคิวลูกค้าต่อ เค้า(สามีคนอื่น)ขอเบอร์โทรศัพท์ดิฉันก่อนกลับ
ดิฉันก็ให้เพราะก็ถือว่าเหมือนกับลูกค้าคนอื่นทั่วๆไปแค่นั้น
.....................หลังจากแยกจากกันเพียงไม่กี่นาทีเค้า(สามีคนอื่น)โทรศัพท์เข้าเครื่องดิฉันทันทียังคงชวน
คุยต่อพร้อมกับนัดดิฉันว่าจะมาใช้บริการกับดิฉันอีก แต่ดิฉันกลับบอกไปว่าการเที่ยวแบบนี้ควรจะเที่ยว
เจอน้องๆหลายๆคนเพื่อจะเลือกคนที่ถูกใจจริงๆและเป็นขาประจำกันไปเลย เค้า(สามีคนอื่น)กับบอกว่า
อยากที่จะนวดกับดิฉันมากกว่าเค้า(สามีคนอื่น)บอกว่าดิฉันเป็นเหมือนผู้หญิงที่เค้าใฝ่ฝัน คือผู้หญิงที่ใช่
ในชีวิตของเค้า(น้ำเน่าเนอะ)
......................และนี้ก็คือครั้งแรกที่ดิฉันและเค้า(สามีคนอื่น)เจอกันเป็นครั้งแรก

................................................................................


.....................ดิฉันและเค้า(สามีคนอื่น)พบเจอกันอีกหลายต่อหลายครั้งในร้านนวดสปาแห่งนี้
จนวันหนึ่งดิฉันเกิดทะเลาะกับPRที่มาใหม่แทนเพื่อนสาวคนสนิทจึงได้ลาออกจากร้านสปา
แห่งนี้ เพราะการลาออกจากร้านสปาทำให้ดิฉันและเค้า(สามีคนอื่น)นัดเจอกันข้างนอก
.....................และมันก็เป็นที่มาของการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันแระกัน ใช่ค่ะดิฉันทราบว่าตัวเค้า
เองมีภรรยาแล้ว ใช่ค่ะที่ดิฉันยอมเป็นของเค้าโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น
.....................ในตอนนั้นสำหรับดิฉันแล้วเค้าเป็นเหมือนพ่อคนที่2 เลยก็ว่าได้ เค้าเข้าใจดิฉัน
คอยปกป้องดูแลดิฉันให้ความรักแบบที่ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนหยิบยื่นให้มาก่อน หรือเพราะ
ว่าอายุที่ต่างกัน10กว่าปี
.....................เราแอบมีกันและกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เค้าซื้อคอนโดให้ดิฉันเพราะคอนโดนี้ติด
กับโรงเรียนที่ดิฉันนั้นอยากให้ลูกชายได้เข้าศึกษาคอนโดแห่งนี้ที่ได้มาก็เพราะลูกชายดิฉัน
ดิฉันต้องคอยบอกเพื่อนๆ เช่นนั้นเพราะไม่อยากให้เพื่อนๆ มองว่าเป็นความโชคดีของดิฉัน
หรือเป็นความหลงความใคร่ของเค้า(สามีคนอื่น)ที่ซื้อให้ดิฉัน
.....................ดิฉันลืมบอกไปว่าดิฉันมีลูกชายติดมาค่ะ ไม่ใช่ลูกชายกับเค้า(สามีคนอื่น)เพราะ
เค้า(สามีคนอื่น)ทำหมันแล้วค่ะ
................................................................................


.....................คบกันมาเรื่อยๆจากวันนั้นถึง3เดือนชีวิตดิฉันก็เปลี่ยนไปจากผู้ชายที่เข้าใจ อ่อนโยน
ปกป้องดูแลดิฉัน กลายเป็นอีกคนทุกครั้งที่เจอกันเค้ามักจะเรียกร้องแต่การมีเพศสัมพันธ์ ทั้งๆที่
บอกว่ากับภรรยาไม่บกพร่อง ดิฉันคือส่วนเติมเต็มในชีวิตคู่ของเค้าด้วยซ้ำไปทำให้เค้ากับภรรยา
รักและต้องการกันมากขึ้น แต่แล้วการกระทำเช่นนี้เค้าเรียกว่าอะไร
.....................ดิฉันไม่เคยเรียกร้องในสิ่งนี้ไม่เคยระราน รบกวน หรือแม้กระทั้งเบียดเบียนบ้านใหญ่
แต่พอเจอเข้าแบบนี้บอกตรงๆว่ารับไม่ได้ทุกครั้งที่เจอเค้าเป็นแบบนี้อยากแต่เพียงจะมีแค่สิ่งๆนี้
นั้นคือเพศสัมพันธ์
.....................ดิฉันบอกตามตรงดิฉันไม่ได้คิดว่าการที่มีเพศสัมพันธ์จะเป็นการผูกมัดหรือทำให้เรามี
ความเป็นภรรยาน้อยอย่างเต็มตัว ต้องมีเพศสัมพันธ์อย่างเต็มที่เพื่อให้เค้าติดใจหรืออะไรก็แล้ว
แต่  สำหรับดิฉันแล้วมันรู้สึกขยักขแยงเหมือนต้องมีเพศสัมพันธ์เพื่อแลกกับความเป็นอยู่ไม่ต่าง
อะไรกับผู้หญิงหาเงินนั้นเอง

.....................หลังจาก3เดือนแรกที่คบกันมาดิฉันมีแต่ความทุกข์มาตลอดก็เพราะเหตุผลเช่นนี้เหตุ
ผลที่ว่าเค้าต้องการแค่เพศสัมพันธ์กับดิฉัน(หลังจากนี้อาจจะมีภาษาหรือวาจาที่ไม่สุภาพต้องขอ
อภัยมา ณ.ที่นี้ จากใจจริงค่ะ)

.....................เพศสัมพันธ์อย่างเดียวที่เค้าต้องการดิฉันก็ดูจะย่ำแย่แล้ว ก็ต้องมาเจอเหตุการณ์นก
เขาไม่ขันสู้ของเค้าอีก ความต้องการของเค้ามีมากแต่สภาพนั้นไม่ไหวแล้วที่บอกว่ากับภรรยาไม่
เคยขาดและกับดิฉันเป็นแบบนี้หมายความว่า เกิดความสงสัยงงๆในตัวดิฉันเอง
.....................บางครั้งเค้าก็หลุดมาว่าก่อนจะมาเจอดิฉันต้องทำการสำเร็จด้วยตัวเองมาก่อน ทำให้
ดิฉันเริ่มสงสัยว่าที่เค้าพูดว่ากับภรรยาไม่เคยขาดถ้าจะไม่เป็นความจริงสะแล้ว
.....................ทุกครั้งที่เค้าจะนัดเจอดิฉันทำให้ดิฉันหวาดกลัวกะการมีเพศสัมพันธ์กับเค้ามากเพราะ
ทุกครั้งมักเป็นเช่นนั้น ถ้าวันใดที่นัดเจอกันและไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ เค้าจะหาเรื่องทะเลาะตลอด
หรือพูดง่ายๆคือทะเลาะกันทุกเดือนๆเพราะดิฉันไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วยแค่นี้จริงๆ

................................................................................


.....................ในการทะเลาะแต่ละครั้งดิฉันก็ได้แต่เก็บตัวเงียบเพราะส่วนหนึ่งมาจากการ
ที่เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ว่าเค้าจะโทรมาง้อหรือส่งข้อความใดๆมาดิฉันจะไม่รับฟัง
เดี๋ยวนั้นหรือตอนนั้นเพราะดิฉันรู้สึกแย่มันเหมือนกับการตบหัวและลูบหลัง
.....................แรกๆเค้าเคยถึงกับสัญญาว่าขอคบอยู่แบบนี้แบบที่ไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์กัน
เลยก็ได้ แต่พอนานไปก็เข้าแบบเดิมค่ะ มีเพศสัมพันธ์ และพอไม่ได้ ถูกปฎิเสธก็มีอัน
ต้องทะเลาะกันอีก หาเหตุผลต่างๆนาๆมาทะเลาะ ทั้งๆที่ ดิฉัน แม่ดิฉัน พี่สาวดิฉัน แม้
แต่เพื่อนสนิทดิฉันต่างก็รู้กันหมดว่ามีอยู่แค่เรื่องเดียวคือเพศสัมพันธ์
.....................ดิฉันเริ่มเข้าสู่ภาวะหวาดระแวงเค้า เพราะเรื่องๆนี้ทุกครั้งที่เค้าทำการนัดว่า
จะมาหาแค่เสียงจากปลายสายทางโทรศัพท์ ก็ทำให้ดิฉันถึงขนาดกลัวได้เลยทีเดียว
บางครั้งซึ่งเป็นส่วนน้อยมากที่ดิฉันปฎิเสธว่าวันนี้ขอนะ ร่างกายไม่พร้อมจริงๆต่อหน้า
เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไรเข้าใจว่าไม่พร้อมแต่เชื่อไหมค่ะพอเค้ากลับไปเท่านั้นละสิ่งที่ตาม
คือเค้าหาเรื่อง108มาทะเทาะกับดิฉันจนได้นี้หรือค่ะเข้าใจ
.....................จาก3เดือนแรกที่คบกันแบบมีความสุข ณ.วันนี้มันกลายเป็นความทุกข์ทรมาน
ของตัวดิฉันเองจากที่เคยอยู่ในห้องแบบปกติๆเพราะถือเป็นโลกส่วนตัวต้องกลายมาล็อค
ขังตัวเองในห้องเพราะกลัวว่าเค้าจะมา(ล็อคประตูแบบในรูปภาพที่แสดงค่ะ)
.....................ห้องที่เคยคิดว่าปลอดภัยที่สุดแล้วในชีวิต กลายเป็นห้องขังตัวเองไปสะแล้ว
ดิฉันเริ่มคุยกับพี่สาวรวมถึงเพื่อนสนิทเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาตัวกับหมอจิตเวชครั้ง
หนึ่งแต่พี่สาวกับเพื่อนก็คุยเป็นเชิงเล่นว่าไม่ต้องรักษาหรอกพวกเค้าว่าดิฉันน่ะเป็นบ้า

................................................................................


.....................ตอนที่ดิฉันและเค้า(สามีคนอื่น)ยังคุยกันดีๆดิฉันก็ปรึกษาถึงเรื่องนี้กับเค้าเช่น
กันว่าจะไปพบหมอจิตเวช เค้าก็บอกว่าไปสิไม่มีอะไรน่ากลัวโดนส่วนตัวเค้าเองก็เคยเข้า
ทำการรักษามาแล้วเช่นกัน(ดิฉันแอบตกใจในใจตกลงเค้าเป็นมาก่อนเราหรอเนี้ย)
.....................การที่ดิฉันได้รับรู้ว่าเค้าเคยรักษาด้านจิตเวชมาก่อนทำให้ดิฉันยิ่งคิดมากหรือ
ว่าทุกวันนี้เค้าพยายามอยากให้ดิฉันเป็นโรคจิต หรือคนบ้ารึเปล่าถึงชอบหาเรื่องมาไซโค
ดิฉันตลอดเวลา
.....................ก่อนหน้าที่ดิฉันจะตัดสินใจเข้ารับการรักษาจิตเวช มันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงที่สุด
ในชีวิตเลยก็ว่าได้ ดิฉันทะเลาะกับเค้า(สามีคนอื่น) และดูเหมือนว่าการทะเลาะครั้งนี้เค้า
อยากให้ดิฉันฆ่าตัวตายมันดูจะสาแก่ใจเค้าที่สุด
.....................น้ำยาล้างห้องน้ำคือสิ่งเดียวที่ดิฉันจะกรอกเข้าปากเพื่อจบชีวิตตัวเอง ดิฉันไม่
กล้าบอกแม่และพี่สาวได้แต่บอกเพื่อนสนิทคนนึงเท่านั้นว่าวันนี้ดิฉันจะฆ่าตัวตายอย่างไร
ช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องคอนโดนี้ให้ลูกชายดิฉันด้วยรวมถึงรถที่ยังผ่อนอยู่ถ้าเค้า(สามีคนอื่น)
ไม่ผ่อนต่อก็ให้ไฟแนนซ์มายึดไปสะ
.....................เพื่อนสนิทได้ยินแบบนั้นก็รีบขับรถมาพร้อมกับด่าว่าดิฉันว่าตกลงจะตายใช่ไหม
ถ้าจะตายก็ให้กินยาล้างห้องน้ำเลยถ้าฉันไปถึงและเธอยังไม่กินฉันจะตบปากเธอ นี้คือประ-
โยคที่เพื่อนสนิทกล่าวมาทางโทรศัพท์
.....................พอเพื่อนสนิทขับรถมาถึงคอนโดเธอขออนุญาตเข้าห้องน้ำในห้องเพราะเธอปวด
ปัสสาวะ ดิฉันจึงเปิดประตูให้เพื่อนสนิทเข้ามาเมื่อเธอเห็นดิฉันยังไม่ได้กินยาล้างห้องน้ำเพื่อ
ฆ่าตัวตายเธอก็เงียบเมื่อเธอทำธุระเสร็จ เธอเปิดประตูห้องออกไปพร้อมบอกว่า ใครจะคิดกับ
แกยังไงฉันไม่รู้ แต่ฉันเป็นคนหนึ่งที่รักแกฉันจะนั้งเฝ้าแกอยู่ข้างล่างคอนโดมีอะไรก็เรียกละ
.....................แล้วเพื่อนสนิทก็ปิดประตูห้องไปพร้อมทั้งน้ำตาดิฉันที่เริ่มไหลริน เริ่มรู้สึกว่านี้ดิฉัน
ทำร้ายความรู้สึกเพื่อนสนิทคนนี้ใช่ไหม เธอเป็นเพื่อนคนเดียวที่ดิฉันมีอยู่ เธอคือเพื่อนสนิท
ที่ดิฉันถือว่าเป็นเพื่อนตายสำหรับดิฉัน ดิฉันทำร้ายความรู้สึกเพื่อน ดิฉันแย่มาก
.....................หลังเหตุการณ์วันนั้น ดิฉันตัดสินใจแน่วแน่ในการเดินเข้าไปหาหมอจิตเวชเพื่อ
ให้หมอรักษา วันที่ 22พ.ย.2553 ดิฉันเดินทางไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใกล้คอนโดและเป็น
โรงพยาบาลที่มีประวัติของดิฉันในการรักษาอยู่แล้วเพราะส่วนใหญ่ดิฉันจะรักษาที่นี้ประจำ
.....................วันนั้นดิฉันนั้งรอหมอตรวจคนไข้นานเป็นชั่วโมง ดิฉันยอมรับว่ายังจะมีการโทร
ติดต่อกับเค้า(สามีคนอื่น)แต่นั้นคือสำหรับดิฉันนั้นเลิกกันแล้ว แต่สำหรับเค้ายังคงหลอกตัว
เองว่ายังไม่ได้เลิกกับดิฉัน
.....................เพราะดิฉันคิดว่าเค้าน่าจะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการรักษาแต่กับ
เป็นว่าเค้าเองก็คิดเสมอว่าดิฉันอ่ะเป็นโรคจิตไปเองแนะนำให้ดิฉันถามหมอว่าการอยู่คนเดียว
แปลกไหมการที่คนเรามีสองอารมณ์ถือว่าผิดปกติไหม(ดิฉันก็คิดว่าคนปกติเค้ามีอารมณ์เดียว
หรอกรึ)
.....................ถึงคิวดิฉันพบหมอแล้วดิฉันออกอาการกล้าๆกลัวๆอีกแล้วและหมอก็ถามว่าเคยมา
พอและปรึกษาหมอจิตเวชไหมครับ ดิฉันตอบทันทีว่าไม่ค่ะ คุณหมอถามต่อว่าแล้ววันนี้มีอะไร
ให้หมอช่วยครับแค่ประโยคนี้เท่านั้นละคะดิฉันเล่าอาการและความหวาดระแวงต้องล็อคกุญแจ
ขังตัวเองในห้องเพราะกลัวว่าเค้าจะมากลัวแต่เค้าจะมามีเพศสัมพันธ์กับดิฉัน
.....................กลัวการทะเลาะซึ่งนำมาซึ่งความปวดหัวนอนไม่หลับฝันร้ายถึงกับละเมอพูดออกมา
ดังมากๆจนบางครั้งเพื่อนสนิทมานอนค้างด้วยถึงกับตกใจกลัวเป็นแบบนี้มาเป็นเดือนและดิฉัน
ก็เล่าอาการอีกมากมาย จนหมอลงความคิดเห็นว่า ดิฉันเป็นโรคซึมเศร้า และยังแนะนำให้เลิก
กับผู้ชายคนนี้อย่างเด็ดขาด ทำไมหมอถึงแนะนำให้เลิกใช่ไหมค่ะ เพราะดิฉันขอเลิกมาเปง10ๆ
ครั้งแล้วพอเค้ามาง้อก็อ่อนทุกที และก็ต้องรับความเจ็บปวดเข้ามาทุกครั้งๆ
.....................เพราะทุกครั้งที่ดีกันสุดท้ายเค้าก็ลงที่เรื่องเดิมคือเรื่องเซ็กส์ ทะเลาะกัน และก็พูดจา
ไซโคดิฉันคือง่ายๆเค้าไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นทางรักษาที่ดีนอกจากหมอจะช่วย ยาจะช่วย
ตัวดิฉันเองจะเข็มแข็งก็ต้องเลิกเอาคนที่ทำให้เราป่วยออกไปจากตัวเราด้วยนั้นคือเลิกอย่างเด็ด
ขาด
.....................ดิฉันเริ่มคิดลำพังแค่ดิฉันบอกเลิกเค้าไม่เลิกง่ายๆหรอกค่ะ เค้ามักหลอกตัวเองเสมอ
ว่าดิฉันพูดไปเพราะอารมณ์ไม่ดีตอนนั้น เดี๋ยวง้อก็คงหายเหมือนเดิมซึ่งเค้าคิดผิดครั้งนี้ดิฉันจะ
จำเป็นต้องบอกภรรยาเค้าให้รู้เพื่อหยุดเค้าสักที
.....................พอดิฉันบอกเค้าว่าจะบอกภรรยา เค้ากับคิดว่าดิฉันข่มขู่เค้ากลายเป็นไม่เชื่อมันก็สม-
ควรที่เค้าจะไม่เชื่อเพราะดิฉันเคยใช้วิธีนี้มาแล้วแต่ก็ไม่ได้บอกภรรยาเค้าจริงๆ(เพราะตอนนั้นดิ-
ฉันเห็นแก่ลูกชาย2คนของเค้าไม่อยากทำร้ายครอบครัวเค้าเพราะดิฉันเองก็มีลูกชาย)

................................................................................


.....................แต่ครั้งนั้นกับครั้งนี้ต่างกันเสียแล้ว ดิฉันหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตและได้พบเวปไซต์
เวปไซต์หนึ่ง ซึ่งเป็นเวปไซต์ที่ภรรยาเค้ามีไว้ติดต่อกับลูกชาย2คนที่เค้าส่งไปเรียนต่างประเทศ
แต่จริงๆแล้วดิฉันรู้ว่าบ้านเค้าอยู่ไหนและภรรยาเค้าทำงานที่ไหนแต่ดิฉันไม่กล้าขนาดนั้นเกรงว่า
ภรรยาเค้าจะเสียในที่ทำงาน เกรงว่าแถวบ้านเค้าจะมองดูภรรยาเค้าไปในอีกแบบนึง
.....................เวปไซต์จึงเป็นสิ่งที่ดิฉันคิดว่าทำให้รู้กันแค่วงแคบๆในครอบครัว ดิฉันได้ทำการแอด
เป็นเพื่อนกับภรรยาเค้าและเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับตัวดิฉันและสามีเค้า ดิฉันไม่มีเจตนาให้ครอบครัว
เค้าต้องแตกแยกหรือเลิกกัน ดิฉันได้แต่ขอโทษพร้อมทั้งบอกกับภรรยาเค้าว่าดิฉันต้องพบเจอกับ
การทำร้ายทางจิตของสามีเค้าจนดิฉันต้องรักษาจิตเวช ไม่ได้หวังว่าภรรยาเค้าจะให้อภัยแต่เพียง
หวังว่าขอเพียงเศษของความเห็นใจของมนุษย์คนนึงที่มีลูกชายต้องดูแล
......................ภรรยาเค้ารับรู้ดิฉันพอทราบจากการส่งข้อความมากจากสามีเค้าถึงแม้ตอนนั้นเค้าบอก
ว่าภรรยาทราบแล้วแต่เชื่อไหมค่ะ เค้ากลับส่งข้อความมาว่า เรากลับมารัก กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ได้ไหมเอาอดีตที่เคยผิดพลาดนำมาแก้ไข
.....................พระเจ้าช่วยใจเค้าทำด้วยอะไร ดิฉันตอบกลับไปไหนบอกว่าภรรยารู้และไง ภรรยาไป
ไหนที่ถามไม่ใช่อะไรดิฉันแค่ตกใจกับคำพูดของเค้า ดิฉันต้องกลับมานั้งนึกต่อและจะทำไงถ้าว่า
ภรรยารู้และยังหยุดเค้าไม่ได้
.....................ตอนนั้นที่ดิฉันคิดเอาละเป็นไงเป็นกันขยายวงกว้างอีกนิดแอดญาติพี่น้องที่ต่างจังหวัด
ให้คุณแม่ของเค้าทราบเลยละกันถ้าถึงภรรยาและยังหยุดเค้าไม่ได้
.....................ผลปรากฎว่ารับรู้ถึงญาติพี่น้องถึงคุณแม่ที่ต่างจังหวัดจริงๆค่ะ เค้าหยุดแระเงียบหายไป
เลย พร้อมกับข้อความสุดท้ายที่ดูเหมือนจะโยนความผิดมาที่ดิฉันคนเดียวทั้งๆที่ถ้าคุณหยุดตั้งแต่
แรกมันจะไม่บานปลายขนาดนี้ ดิฉันไม่มีเจตนาอยากทำร้ายใครเลยจริงๆแต่คุณไม่ยอมหยุด
.....................ข้อความที่ว่า ชีวิตผมพังหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว อโหสิกรรมให้จริงๆ(ไม่ใช่ลมปาก)
จะไม่ติดต่ออะไรอีกแล้ว(จริงๆ)นี้คือข้อความสุดท้ายจากเค้า(สามีคนอื่น)
.....................และดิฉันผิดด้วยรึที่เรียกร้องค่ารักษาทางจิตเวชกับเค้าซึ่งเค้าเป็นคนทำร้าย ซึ่งตอนนี้
ดิฉันไม่ได้มีรายได้อะไรเลย แถมป่วยต้องรักษาต่อเนื่องหาหมอทุกอาทิตย์ และทุกวันนี้ดิฉันก็ยัง
คงปิดล็อคประตูขังตัวเองเช่นนี้อยู่เพราะคิดว่ามันปลอดภัยที่สุด แม่มาเห็นถึงกับร้องไห้ ไปเยี่ยม
ลูกชายก็ไม่ได้กลัวภาวะจิตใจที่ขึ้นๆลงๆ นี้และค่ะคงเป็นเวรกรรมของดิฉันแล้วที่ทำกับครอบครัว
เค้าถ้าเป็นเช่นนั้นจริงดิฉันก็ดีใจขอรับเวรกรรมไว้เอง อย่าได้ตกไปถึงลูกชายดิฉันเลยค่ะ
**************และนี้คือเรื่องจริงที่ดิฉันตั้งใจเขียนมันผ่านลงคอม ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ติดตามอ่าน**************                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                               ปล.ชีวิตที่ต้องแอบอยู่ในห้องแบบนี้ หวาดระแวง ซึมเศร้า ถ้าเกิดขึ้นกับคุณหรือกับคนรอบข้างคุณจะรู้สึกเช่นไร จะสมน้ำหน้า ด่าว่า หรือเหยียบให้จมดิน









แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 08:38:09

แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 08:37:19

แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 08:36:34

แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 18:37:12

แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 17:31:51

แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 16:53:07

 
 

จากคุณ : หลีหลี่
เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 12:30:46




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com