ปวดหลังในคนเป็นมะเร็ง.................เรื่องใหญ่ที่อาจถูกมองข้าม
|
 |
ใครไม่เคยปวดหลังยกมือขึ้น......น่าจะแทบไม่เคยมีนะครับ ดังนั้นปัญหาเรื่องอาการปวดหลังนั้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างคุ้นเคยจนบ่อยครั้งถูกมองข้ามไปครับ
มะเร็งส่วนมากก็เกิดในวัยกลางคนหรือผู้สูงวัย ซึ่งมีอาการปวดหลังกันตามอายุเป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะปกติไปแล้ว
แต่ทราบหรือไม่ครับว่าอาการปวดหลังนี้บางครั้งมันก็เป็นเรื่องร้ายแรงอย่างมากสำหรับคนที่เป็นมะเร็งอยู่ เนื่องจากบางครั้งมันอาจเป็นอาการของมะเร็งลามไปที่กระดูกหลัง
มะเร็งลามไปกระดูกหลังแล้วยังงัย เพราะคนไข้ก็อยู่ในระยะสุดท้ายอยู่แล้วนี่นา ปัญหาของมะเร็งลามไปกระดูกหลังก็คือ คนไข้อาจเกิดปัญหากระดูกทรุด หรือ ตัวเนื้องอกไปกดไขสันหลัง ซึ่งจะทำให้คนไข้มีอาการอัมพาตครึ่งตัวล่าง ทำให้คุณภาพชีวิตลดลงอย่างมาก รวมทั้งอาจทำให้คนไข้เสียโอกาสในการรักษาครับ
อ่านถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกรีบพาตัวเองหรือญาติไปหาหมอทันที ลองอ่านส่วนที่เหลือก่อน เพราะเนื้อหาต่อจากนี้คือสิ่งที่อยากให้คนไข้มะเร็งทุกคนทราบครับ
- มะเร็งอะไรที่ชอบลามไปกระดูก ในสมัยก่อนนั้นจะพบว่ามะเร็งเพียงบางชนิดเท่านั้นที่ชอบลามไปกระดูก ซึ่งก็คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งไต และมะเร็งไทรอยด์ แต่ในปัจจุบันคนไข้มะเร็งแม้แต่ระยะสุดท้ายก็มีการรักษาที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากทำให้ปัจจุบันหลายๆชนิดมะเร็งคนไข้ราวๆครึ่งหนึ่งอยู่ได้เกิน 1-2 ปี ทำให้สามารถพบการแพร่กระจายไปกระดูก สมอง และอวัยวะแปลกๆอื่นๆมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลังโพรงจมูก อย่างไรก็ตามโรคที่พบบ่อยก็ยังพบบ่อยอยู่เช่นเดิมครับ
- อาการปวดหลังจากมะเร็งลามไปกระดูก กับ ปวดหลังปวดเมื่อยทั่วไปมันต่างกันอย่างไร คำตอบคือไม่มีทางแยกได้ชัดเจนจากอาการปวด แต่ โดยมากอาการปวดจากมะเร็งลามไปกระดูกนั้นแรกๆจะเกิดจากเซลล์มะเร็งหลั่งสารต่างๆและหรือปฏิกิริยาจากร่างกายทำให้มีอาการปวดเฉพาะจุด ปวดตลอดไม่สัมพันธ์กับท่าทางหรือการเคลื่อนไหว มักเป็นตอนกลางคืน การพักอาจทำให้อาการปวดดีขึ้นแต่มักไม่หายปวด ต่างจาก ปวดเมื่อยซึ่งมักจะดีขึ้นเมื่อพัก และเป็นมากขึ้นเมื่อใช้งาน แต่ต่อมาเมื่อมะเร็งกินกระดูกมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่สามารถคงความแข็งแรงไว้ได้ เมื่อมีการใช้งานเช่นยกของอาการปวดจะมากขึ้น อาจจะเริ่มมีอาการของตัวเนื้องอกไปกดเบียดเยื่อหุ้มไขสันหลังหรือกดทับเส้นประสาททำให้มีอาการคล้ายกระดูกทับเส้นประสาทในคนแก่ๆทั่วไปๆ หรืออาจมีอาการเริ่มต้นของการกดไขกระดูก
- อาการอะไรที่อาจจะเป็นไขสันหลังถูกกดทับที่ต้องรีบมาพบแพทย์แม้จะยังไม่ถึงวันนัด หากเริ่มมีอาการต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์ (แม้จะไม่มีปวดหลังก็ตาม) คือ อาการขาอ่อนแรงสองข้าง เช่น เดินไม่ถนัด ยกไม่ขึ้น อาการชาครึ่งตัวล่าง โดยเฉพาะหากรู้สึกชาจากขาขึ้นมาจนถึงระดับใดก็ตามเช่นบางคนจะบอกว่าชาตามแนวราวนม ชาต่ำกว่าสะดือลงไป หรือแค่ชาที่ขาสองข้าง อาการท้องผูกมากหรือปัสสาวะไม่ออก
อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้มักจะเป็นอาการที่สายเกินไปที่จะป้องกันไม่ให้คนไข้เกิดความพิการได้ ดังนั้นหากเกิดอาการปวดหลังผิดปกติขึ้นอย่าลืมแจ้งแก่หมอที่ดูแลให้ทราบและประเมินความเป็นไปได้ของมะเร็งลามไปกระดูกและภาวะกดทับไขสันหลัง
- รักษาได้อย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการรักษาว่าจะได้ผลหรือไม่คือ ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มมีอาการกดทับไขสันหลังไปจนถึงระยะเวลาที่เริ่มรักษาครับ ยิ่งมาช้าโอกาสที่จะฟื้นตัวก็จะลดลงเรื่อยๆ หากมาตอนที่ขาขยับไม่ได้แล้วโอกาสจะกลับไปเดินได้จะต่ำมากๆ
ก่อนจะเริ่มรักษาจำเป็นต้องยืนยันการวินิจฉัย ซึ่งขั้นตอนนี้บ้านเราใช้เวลานานมาก หากคนไข้ยิ่งมาช้ากว่าจะเริ่มรักษาก็ยิ่งช้าเข้าไปอีกครับ
สำหรับการรักษาจะมีสองอย่างหลักๆคือ การผ่าตัด การฉายแสง ซึ่งอาจทำอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างร่วมกันขึ้นกับระยะเวลา ความพร้อมของแต่ละทางเลือก ตัวโรคมะเร็งของคนไข้
สำหรับหมอมะเร็งอย่างผมก็ทำได้แค่วินิจฉัยให้เร็ว ให้คำแนะนำให้มาได้เร็ว และให้ยาลดบวมด้วยสเตียรอยด์ แต่พระเอกหลักจะยังเป็น ผ่าตัด และหรือ ฉายแสงอยู่ดี บางคนอาจจะยังเหมาะกับการรักษาตัวโรคอยู่ แต่บางคนอาจจะเหมาะแค่ประคับประคองให้ทรมานน้อยที่สุดแทน
- การพยากรณ์โรคเป็นอย่างไร โดยทั่วไปหากเกิดภาวะกดทับไขสันหลังคนไข้มักเสียชีวิตภายในเวลา 3 เดือนหากไม่รักษา อย่างไรก็ตามการรักษาทั้งที่หลังและควบคุมตัวโรคมะเร็งทีอื่นๆสามารถทำให้คนไข้กลับมาเดินได้ส่วนหนึ่งและบางคนอยู่ได้นานหลายๆปีก็เป็นได้โดยเฉพาะกับมะเร็งที่มีการรักษาที่ดีๆอยู่ครับ
รู้แล้วอย่าไปถึงกับกังวลมากเกินไป แต่อย่างน้อยขอให้รู้ไว้ อย่าให้รอจนขาขยับไม่ได้ค่อยมาหาหมอครับ เพราะมันมักจะสายเกินไป หรือถ้าเกิดมันกระทันหันก็ขอให้มาได้เร็วพอที่จะยังรักษาได้ครับ
จากคุณ |
:
oncodog
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ธ.ค. 54 21:27:20
|
|
|
|