ความคิดเห็นที่ 1 ประกันอุบัติเหตุหรือประกันชีวิต+สุขภาพน่าทำเผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ลดภาระ ส่วนประกันแบบออม ไม่น่าทำ ผลตอนแทนต่ำ คิดแล้วไม่เกิน 2% ต่อปี แม้ว่าจะใช้ลดหย่อนภาษีได้ก็ไม่น่าสนใจเพราะเงินจมนาน จ่ายก็ยาวนานยกเลิกก่อนกำหนดก็ไม่ได้ ยกเว้นอันนึงน่าสนใจมาก ประกันของออมสิน 10/2 จ่ายเบี้ย 2 ปี คุ้มครอง 10 ปี หักภาษีได้ 2 ปี ผลตอบแทนปันผลเฉลี่ยปีละ 4.8% ตลอด 10 ปี จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 16:41:44 A:124.121.3.40 X: TicketID:140846

ความคิดเห็นที่ 2 ในฐานะคนเคยอยู่วงการประกันนะครับ ดีใจที่คุณเห็นความสำคัญของการทำประกันครับ คำแนะนำคือถ้าต้องการทำประกันสำหรับคนที่อยู่ข้างหลังกรณีเราซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักเป็นอะำไรไป แนะนำให้ทำประกันชีวิตแบบคุ้มครองตลอดชีพครับ (Whole life) เอาแบบไม่ต้องมีเงินคืน ไม่ต้องมีปันผล จะจ่าย 10 ปี 20 ปี แล้วแต่สะดวกครับ แต่ประกันประเภทนี้ตัวแทนไม่ค่อยอยากขาย เพราะเบี้ยน้อยได้คอมน้อยประมาณนี้ ส่วนประกันแบบเงินออมทั้งหลาย แบบมีเงินปันผลทั้งหลาย ไม่ควรทำครับอย่างที่ คห. 1 ว่าไว้ แต่อย่างที่บอกตัวแทนชอบขายแบบนี้ครับเบี้ยแพงคอมเยอะ จริงๆเราเอาเงินส่วนนี้ไปออมทางอื่นหรือลงทุนอย่างอื่นอาจจะได้ผลตอบแทนดีกว่าครับ ถ้าไม่อยากเสี่ยงมากก็ฝากธนาคารไว้พวกเงินฝากระยะยาวปลอดภาษี ซึ่งการลงทุนพวกนี้จะทำให้เรามีวินัยในการออมครับ หรือถ้ารับความเสี่ยงได้มากหน่อยก็ซื้อ LTF ทุกเดือนเดือนละเท่าๆกันก็เป็นอีกทางเลือกครับ อีกอย่างที่น่าสนใจคือประกันสุขภาพครับลองดูว่าที่ทำงานคุณมีพอครอบคลุมหรือยัง ถ้ายังควรหาซื้อเผื่อไว้ก็ดีนะครับ หรือจะซื้อสำหรับลูกชายด้วยก็ดีนะครับ เพราะเด็กๆโอกาสป่วยเยอะอยู่ โรคเดี๋ยวนี้ก็แปลกประหลาด ค่ารักษาก็แพง จากคุณ : janghauw เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 20:55:34

ความคิดเห็นที่ 3 ขอโทษนะครับ พอดีจะเข้ามาหาข้อมูล จะพาลูกค้าไป โรงพยาบาล เห็นกระทู้นี้จึงอยาก comment ผมเป็นตัวแทนประกันชีวิต AIA สิ่งที่เจ้าของกระทู้ ต้องการนั้น ก็เหมือนๆกันกับลูกค้าทั่วๆไปที่สนใจประกันชีวิต คือ กลัวว่าเรารายได้หลักเป็นอะไรมาครอบครัวจะเดือดร้อน จึงต้องการทำเก็บไว้ให้ ภรรยาและลูกๆ ไม่ผิดหรอกครับตัวแทนทั่วไปก็ขายให้ตามที่ลูกค้าต้องการ แต่ประกันไม่ใช่สินค้าทั่วๆไป ตัวแทนต้องคิดแทนลูกค้าด้วยครับ ว่าเค้าไม่มีความรู้เรื่องประกัน หากขายตามที่เค้าต้องการ แล้วเกิด ผู้เป็นรายได้หลัก ต้องจากไป ใครจะจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ภรรยาและลูกๆครับ ค่ากินใช้ในชีวิตประจำวันใครเป็นคนรับผิดชอบ แต่ ที่ผมจะบอกเจ้าของกระทู้และลูกค้าที่ผมไปนำเสนอทุกๆราย คือ รายได้ที่ คุณ...หาได้ในแต่ละเดือน จำเป็นกับครอบครัวมั๊ย แล้วรายได้ Fix จริงๆที่ไม่มีไม่ได้ ตกต่อเดือนเท่าไหร่ และอยากให้ความคุ้มครองกี่ปี อย่างน้อยครอบครัวต้องอยู่ได้อย่างไม่เดือดร้อน 5 - 10 ปี และ ผมจะให้ลูกค้าคิดเองว่า ยังยืนยันทำแบบเดิม หรือ เห็นด้วยกับที่ผมแนะนำ ตัวเจ้าของกระทู้ต่างหากครับที่จำเป็นต้องทำก่อน ภรรยา และ ลูก ส่งเมลล์มาคุยกันก็ได้ครับ ผมยินดีจะส่งข้อมูลไปให้ ไม่ต้องทำกับผมก็ได้ ยินดีกับภรรยาและลูกของคุณด้วยจริงๆที่มีหัวหน้าครอบครัวที่รักเค้ามากขนาดนี้ ผมชื่อเจริญรัฐ แจ้งใจธรรม tumm999@hotmail.com 081-1379900 จากคุณ : หรั่ง (หรั่ง999สุดหล่อ) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 18:14:55

ความคิดเห็นที่ 4 เราไม่ได้ทำกับ AIA แต่เห็นด้วยกับคห.3 ค่ะ...คุณเป็นหัวหน้าครอบครัวต้องทำก่อน จากคุณ : หมีพูตัวขาว เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 20:12:40

ความคิดเห็นที่ 6 เสนอตาม คห.1 + คห.2 ค่ะ<br>1.&nbsp; ทำประกันอุบัติเหตุก่อนเลยค่ะ เบี้ยต่ำ มีค่ารักษาสุขภาพและทุนชีวิต ส่วนนึง<br><br>2.&nbsp; ทำประกันสุขภาพ แบบมีค่าห้อง เบี้ยแพงหน่อยนะคะ แต่ถ้ามีสวัสดิการของที่ทำงานอยู่แล้ว อาจจะมองผ่านไปได้ค่ะ&nbsp; แต่ไม่อยากให้มองข้ามเกิดเราไม่สบายมีประวัติแล้ว&nbsp; ตรงนี้ต่อไปจะทำไม่ได้นะคะ&nbsp; <br><br>3. ทำประกันโรคร้ายแรงค่ะ&nbsp; เราเองเจอพ่อกะอาเป็น ทั้งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นแต่มันเกิดได้ไม่คาดคิดจริงๆ ควรมีติดไว้นะคะ<br><br>4. ถ้าอยากสะสมมีทุนชีวิตแนะนำแบบตลอดชีพ&nbsp;&nbsp; ได้ทุนประกันสูง&nbsp; เบี้ยที่จ่ายต่ำที่สุดแล้ว <br><br>ถ้ามีเวลาศึกษาก่อนค่ะ&nbsp; อย่างเรายังเสียดายตอนแรกคิดจะหวังลดหย่อนอย่างเดียว&nbsp; ไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพ(ค่าห้อง)+ อุบัติเหตุไว้เลย ตอนนั้นเสียดายเพราะเป็นเบี้ยเสียทิ้ง (คิดอย่างนั้น) &nbsp; <br><br>จะบอกว่าค่ารักษาพยาบาลไม่ใช่น้อยเวลาเจ็บป่วย&nbsp; สวัสดิการอย่างเดียวไม่พอหรอกค่ะ อย่างน้อยได้เงินส่วนนึงมาช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายตอนเจ็บป่วยก็ยังดีนะคะ <br><br>อย่างคุณพ่อเราเจ็บป่วยทีค่ารักษาเบิกได้ แต่ไปทำงานไม่ได้อีกหลายเดือน ต้องจ้างคนดูแล&nbsp; และค่าใช้จ่ายหลายๆด้านระหว่างนั้น ก็หนักเหมือนกันค่ะ<br><br>สำหรับลูกถ้าเจ็บป่วยเบิกได้ก็ดีไปค่ะ ****ถ้าเบิกไม่ได้จำเป็นอย่างยิ่งต้องทำประกันสุขภาพ โดยเฉพาะเด็กเล็กก่อน 7 ขวบ****สำหรับการออมทรัพย์ไปทำข้อ 1 +2 ให้ตัวเอง แล้วลูกก็ได้ประโยชน์แล้วค่ะ<br><br>กรณีของเรา&nbsp; - เราเคยคิดเสียดายที่ทำประกันสุขภาพของลูก ทำมา 2 ปีไม่เคลมเลย พอขึ้นปีที่ 3 ตอนแรกคิดจะยกเลิก แต่ยกเลิกไม่ทัน ต้นปีได้ใช้เลยเจออาการหนาว ไม่สบาย ปอดอักเสบ ปีนั้นป่วยไป 3 ครั้ง หมดไปเกือบ 5 หมื่น&nbsp; โชคดีที่มีประกัน&nbsp; หลังจากลูกป่วยไม่เคยเสียดายอีกเลย **อยากจ่ายแต่ไม่อยากเคลมคิดอย่างนั้นจริงๆ <br>&nbsp;<br><br>ยิ่งกรณีเป็นปอดอักเสบ / หอบ / ภูมิแพ้&nbsp; เราเคยไป รพ. รัฐ ช่วยหัวค่ำเข้าฉุกเฉิน&nbsp; เค้าไม่สนใจเราเลย มองเข้าไป เจอคุณยายกำลังจับหลานพ่นยา(จับเองทำเอง) พยาบาลยุ่งอยู่&nbsp; บอกให้เราไปทำบัตร+ X-Ray ปอดก่อน แทนที่จะดูอาการเด็ก&nbsp;&nbsp; เรารอไป 10 นาทีเปลี่ยนเลย&nbsp; ไปเอกชนเค้าเข็นรถมารับเลยหมอยังไม่ทันตรวจพยาบาลมาเช็ค ฟังเสียงปอดแล้วก็จับพ่นยาเลย <br>ลูกเราหอบจนปอดบุ๋ม เสียงดังหวีด&nbsp; ยังจะให้รอสุดจะทนจริงๆ<br><br>** ถ้าที่ทำงานมีประกันกลุ่ม แนะนำรีบสมัครเลยค่ะ&nbsp; เบี้ยต่ำที่สุดอยู่แล้ว <br> <br>**จากแง่คิดจากคนทำประกัน ไม่ใช่คนขายค่ะ จากคุณ : ขนมจีนน้ำยาป่า (ขนมจีนน้ำยาป่า) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:39:47

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านยากจัง  ปรับแล้วแปะใหมใหม่ค่ะ เสนอตาม คห.1 + คห.2 ค่ะ 1. ทำประกันอุบัติเหตุก่อนเลยค่ะ เบี้ยต่ำ มีค่ารักษาสุขภาพและทุนชีวิต ส่วนนึง 2. ทำประกันสุขภาพ แบบมีค่าห้อง เบี้ยแพงหน่อยนะคะ แต่ถ้ามีสวัสดิการของที่ทำงานอยู่แล้ว อาจจะมองผ่านไปได้ค่ะ แต่ไม่อยากให้มองข้ามเกิดเราไม่สบายมีประวัติแล้ว  ตรงนี้ต่อไปจะทำไม่ได้นะค 3. ทำประกันโรคร้ายแรงค่ะ เราเองเจอพ่อกะอาเป็น ทั้งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นแต่มันเกิดได้ไม่คาดคิดจริงๆ ควรมีติดไว้นะค 4. ถ้าอยากสะสมมีทุนชีวิตแนะนำแบบตลอดชีพ  ได้ทุนประกันสูง เบี้ยที่จ่ายต่ำที่สุดแล้ว      อย่างเรายังเสียดายตอนแรกคิดจะหวังลดหย่อนอย่างเดียวไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพ(ค่าห้อง)+ อุบัติเหตุไว้เลย ตอนนั้นเสียดายเพราะคิดว่าเป็นเบี้ยเสียทิ้งและสุขภาพยังดี (คิดอย่างนั้นจริงๆ) เจอ Case ลูกตัวเอง + คุณพ่อ ไม่สบายเข้าใจเลย  จะบอกว่าค่ารักษาพยาบาลไม่ใช่น้อยเวลาเจ็บป่วย สวัสดิการอย่างเดียวไม่พอหรอกค่ะ อย่างน้อยได้เงินส่วนนึงมาช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายตอนเจ็บป่วยก็ยังดีนะคะ อย่างคุณพ่อเราเจ็บป่วยทีค่ารักษาเบิกได้ แต่ไปทำงานไม่ได้อีกหลายเดือน ต้องจ้างคนดูแล สำหรับลูกถ้าเจ็บป่วยเบิกได้ก็ดีไปค่ะ ****ถ้าเบิกไม่ได้จำเป็นอย่างยิ่งต้องทำประกันสุขภาพ โดยเฉพาะเด็กเล็กก่อน 7 ขวบ เราเคยคิดเสียดายที่ทำประกันสุขภาพของลูก ทำมา 2 ปีไม่เคลมเลย พอขึ้นปีที่ 3 ตอนแรกคิดจะยกเลิก แต่ยกเลิกไม่ทัน ต้นปีได้ใช้เลยเจออาการหนาว ไม่สบาย ปอดอักเสบ ปีนั้นป่วยไป 3 ครั้ง หมดไปเกือบ 5 หมื่น โชคดีที่มีประกัน  หลังจากลูกป่วยไม่เคยเสียดายอีกเลย **อยากจ่ายแต่ไม่อยากเคลมคิดอย่างนั้นจริงๆ ยิ่งกรณีเป็นปอดอักเสบ / หอบ / ภูมิแพ้    เราเคยไป รพ. รัฐ ช่วยหัวค่ำเข้าฉุกเฉิน เค้าไม่สนใจเราเลย มองเข้าไป เจอคุณยายกำลังจับหลานพ่นยา(จับเองทำเอง) พยาบาลยุ่งอยู่ บอกให้เราไปทำบัตร+ X-Ray ปอดก่อน แทนที่จะดูอาการเด็ก  เรารอไป 10 นาทีเปลี่ยนเลย ไปเอกชนเค้าเข็นรถมารับเลยหมอยังไม่ทันตรวจพยาบาลมาเช็ค ฟังเสียงปอดแล้วก็จับพ่นยาเลย ลูกเราหอบจนปอดบุ๋ม เสียงดังหวีด  ยังจะให้รอสุดจะทนจริงๆ ** ถ้าที่ทำงานมีประกันกลุ่ม แนะนำรีบสมัครเลยค่ะ เบี้ยต่ำที่สุดอยู่แล้ว **ส่วนความคิดจะออมเงินทำให้ภรรยา+ลูก  เราแนะนำว่าทำในส่วนของตัวคุณเองข้อ  1 +2 ภรรยา/ลูกได้ประโยชน์แล้วค่ะ ถ้ามีเงินเหลือค่อยทำตามแบบที่คุณคิด   ลองศึกษาดูก่อนก็ได้ค่ะ จากคุณ : ขนมจีนน้ำยาป่า (ขนมจีนน้ำยาป่า) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:47:15

ความคิดเห็นที่ 8 มาสนับสนุนค่ะ และดีใจแทนภรรยาของคุณค่ะที่คุณยังเห็นความสำคัญ ยังนึกถึงอนาคต หากเป็นอะไรไปแล้วทางครอบครัวจะทำยังไง ขอปรบมือดังๆค่ะ ^^   แนะนำว่า 1. ทำประกันแบบเน้นคุ้มครองชีวิต ซึ่งเบี้ยประกันต่อปีก็ไม่แพงค่ะ เช่นคุ้มครองชีวิต 1 ล้าน เบี้ยประกันต่อปี 24,000 บาท ชำระเบี้ย 20 ปี = 24,000x20ปี = 480,000 บาทเองค่ะ ยังไงก็คุ้มเพราะเบี้ยที่จ่าย 20 ปี ก็แค่ 4 แสนกว่าบาทเอง แต่คุ้มครองตลอดชีวิต  คดยังไงก็คุ้มค่ะ 2.ทำประกันอุบัติเหตุเสริมค่ะ ปีละ 2,500 บาท คุ้มครองชีวิตให้ 1,800,000 บาท วงเงินการรักษาต่อครั้ง 65,000 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้ง คิดง่ายๆ 2,500x20 ปี = 50,000 บาทเองค่ะ ผ่านไป 20 ปี ไม่เป็นอะไรก็ถือว่ากำไรมากๆแล้วค่ะ 3. ของลูกชายซื้อเป็นเงินออมและซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเข้าไปด้วยก็จะดีมากค่ะ เพราะค่ารักษาพยาบาลของเด็กแพงมาก ปีละประมาณ 13,000 เองค่ะ ตั้งแต่ปีที่ 6 รับส่วนลดประมาณ 4,000 บาทด้วยค่ะ มีเงินปันผลคืนให้ทุกปีด้วยค่ะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ เป็น Produc สุดคุ้ม ของ AIA คะ p_numphonp@hotmail.com แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 15:09:49 จากคุณ : กะทิสีชา เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 15:01:39

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับ ค.1 และ ค.2 ค่ะ สอบถามได้ค่ะ wanna@wannainsurance.com จากคุณ : wanna (kigosot) เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 09:32:45

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณทุกความเห็นครับ พอจะเข้าใจแนวทางแล้วครับ ต่อไปคงต้องศึกษารายละเอียดของแต่ละบริษัทแล้วเลือกอีกที และขอขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ ส่วนตัวผมแล้ว ทุกๆอย่างที่ทำก็เพื่อลูกและภรรยาครับ (บ้าน,รถ,คอนโด,บัญชีเงินเก็บ เป็นชื่อภรรยาผมหมดเลย) จากคุณ : batandtam เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 19:05:41

ความคิดเห็นที่ 11 ออกตัวก่อนว่าไม่ได้อ่านคห.บนๆ (ขี้เกียจ)  โดยส่วนตัวขอแนะว่า... ถ้ารายได้พอมีกินมีใช้  เหลือเก็บนิดหน่อย 1.ทำประกันอุบัติเหตุให้ลูกเมีย  อันนี้เป็นเบี้ยรายปี  ปีนึงคนละไม่กี่พัน  แต่คุ้มครองกรณีอุบัติเหตุได้หลักแสนอยู่  (ตัวคุณอาจไม่ต้องก็ได้  มีประกันสังคมช่วยระดับนึงอยู่แล้ว) 2.ทำประกันตลอดชีพ  เบี้ยหลักหมื่นต้นๆ  แต่วงเงินคุ้มครองอาจถึงหลักล้าน  ถ้าคุณเป็นอะไรไป  คนข้างหลังก็ยังพอมีเงินก้อนนึง  ไว้ดูลู่ทางการดำรงชีวิตต่อไป ถ้ารายได้เหลือกินเหลือใช้  มีเงินเก็บไม่เดือนร้อนเรื่องเงินอะไร 1.ทำประกันสุขภาพ+ประกันอุบัติเหตุให้ทุกคน  จะซื้อแบบเป็นเดี่ยวๆปีต่อปี  หรือจะทำเป็นอนุสัญญากับประกันชีวิตตลอดชีพก็แล้วแต่  (รายละเอียดปรึกษาตัวแทนที่คุณไว้ใจดูครับ) 2.ทำประกันตลอดชีพ (เหมือนข้างบน) 3.ทำประกันออมทรัพย์ด้วย  จะแบบ10ปี 20ปี หรือกี่ปี  ขึ้นกับการวางแผนทางการเงินของคุณ ทิ้งท้าย  การทำประกัน  เป็นการสร้างความมั่งคงและมั่นใจให้กับตัวคุณและครอบครัว  มันไม่ใช่การลงทุน  ดังนั้นผลตอบแทนของแต่ละกรมธรรม์ควรดูประกอบเท่านั้น  ไม่ควรใช้เป็นเหตุผลหลักในการตัดสินใจทำประกันครับ จากคุณ : Kojorn เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 12:49:20