ความคิดเห็นที่ 1 ไม่หายขาดค่ะ ตราบใดที่ยังมีต่อมไขมันก็มีโอกาสเป็นสิวเสี้ยนได้ ส่วนวิธีดูแลแก้ไข อ่านดูตามข้อความข้างล่างนี้ค่ะ สิวเสี้ยนเป็นปัญหาโลกแตกจริงๆ ค่ะ แอนตอบเรื่องนี้จนนับไม่ถูกแล้วว่ากี่ครั้ง จะบอกว่ามันดูแล้วชวนรำคาญ รักษาไม่หายค่ะ เพราะลอกออกซักพักก็ขึ้นมาใหม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การรักษาความสะอาด นั่นคือ การล้างหน้า และวิธีล้างหน้า ถ้าใช้เครื่องสำอาง แม้เพียงแค่ทากันแดดกับทาแป้ง ก็ควรใช้คลีนซิ่งล้างออกก่อน การล้างหน้าให้สะอาดเป็นวิธีป้องกันไม่ให้สิวเสี้ยนขึ้นมาเป็นอีก (แต่ไม่ใช่ 100%) เพราะต่อมไขมันผลิตน้ำมันตลอดเวลา เมื่อเกิดการอุดตันและโดนอากาศก็จะเป็นเสี้ยนค่ะ คราวนี้วิธีแก้ มีหลายแบบค่ะ แผ่นลอกช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่หมด รวมถึงวิธีไข่ขาว ไข่ต้มอะไรนั่นด้วยค่ะ จะเอาให้หมดราบคาบ ใช้ยาหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมละลายไขมันอุดตัน ซึ่งแอนขอแนะไว้สองชนิดคือ กลุ่ม BHA และ กลุ่มวิตะมินเอ กลุ่ม BHA จะหาซื้อยากหน่อยนึง เพราะเท่าที่มีในท้องตลาดก็ให้ดูที่มี Salicylic Acid เป็นส่วนผสม แต่ที่เช็คลำบากคือ % ที่ใส่ ถ้าเป็นไขมันอุดตันมาก น่าจะใช้ตั้งแต่ 2% ขึ้นไป อีกวิธีที่ใกล้เคียงกัน คือ มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นอนุพันธ์ของ AHA ซึ่งสามารถซึมผ่านไขมันลงไปได้ (AHA ไม่สามารถซึมผ่านไขมันได้ เพราะงั้นถ้าใช้อาจจะได้ผลในแง่การผลัดเซลผิวที่อุดตันชั้นบน) อย่างเช่น LHA ของ La Roche-Posay คือ Effaclar K ตัวนี้หาซื้อได้ตามโรงพยาบาล และคลีนิครักษาสิวทั่วไป เป็นเวชสำอางค่ะ และราคาไม่แพงมาก หลายคนใช้ได้ผลดี กลุ่มวิตะมินเอ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ผู้ใช้จะต้องให้ความระมัดระวังในการใช้ให้มาก เพราะมีการระคายเคืองได้ง่าย ทำให้ผิวไวต่อแสง จำเป็นจะต้องใช้กันแดดตลอดเวลา (บางคนไม่ค่อยชอบทากันแดดอย่างสม่ำเสมอ ที่ว่านี่หมายถึงต้องทาทุกวัน และทาซ้ำระหว่างวัน) กลุ่มวิตะมินเอที่ว่า ก็ได้แก่ เรตินเอ (ratin a) หรือสตีว่าเอ (Stieva a) ก็ได้ค่ะ ทั้งสองตัวใช้ยาตัวเดียวกัน คือ Tretinoin ถ้าไม่เคยใช้ หรือสงสัยว่าจะแพ้ ให้เริ่มจาก % ที่น้อยๆ ก่อน (แอนใช้สตีว่า เอ 0.01% เผอิญว่า เรตินเอมี % ต่ำสุดแค่ 0.025% ซึ่งใช้แล้วหน้าลอกกระจาย) จะบอกว่าถ้าสิวเสี้ยนมากขนาดกระจายไปถึงบริเวณแก้มแล้วเนี่ยนะคะ ต้องใช้เวลาทายานาน มากกว่า 1 เดือนขึ้นไป (อาจจะถึง 3 เดือน ยาแรงอาจจะใช้เวลาน้อยหน่อย) จากคุณ : แอน (แอ่นแอ๊น) - [ 3 ส.ค. 47 15:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คุณแอนตอบได้ละเอียดมากเลย เราก็มีปัญหาสิวเหมือนกัน แต่เป็นสิวอุด เป็นหัวดำ ๆ เป็นหน้าเลย แซมด้วยหัวหนองประปราย เว้นไว้แค่ปลายจมูกกลุ้มใจมาก เพิ่งเป็นมาประมาณ 1 ปี รักษายังไงก็ไม่หาย เห่อ ๆ ยุบ ๆ ตลอดเลย ช่วยแนะนำหน่อย จากคุณ : เราเอง (short word) - [ 3 ส.ค. 47 16:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องแก้ปัญหาหน้ามันก่อน เราก็เป็นคนหน้ามันและสิวเสี้ยนเยอะ บีบออกมาทีมากๆๆ เราทานซิงค์ค่ะ แล้วก็ใช้ที่ล้างหน้าสำหรับผิวธรรมดาพอนะคะ อย่าใช้สำหรับผิวมันเพราะผิวจะยิ่งมันหลังใช้น่ะคะ จากคุณ : นน - [ 3 ส.ค. 47 16:58:47 A:61.90.51.237 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ชอบคุณแอนจัง ถ้ามีกระทู้เกี่ยวกับสิวเสี้ยนนะ จะรีบมาตอบให้อย่างละเอียดมากๆเลยคะ จากคุณ : ทำไงดีสวยเกินหน้าเกินตาเพื่อน - [ 3 ส.ค. 47 17:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แอนขี้โกง พิมพ์ใส่ file แล้วตัดแปะค่ะ เพราะคิดว่าเขียนไว้ได้ละเอียดพอสมควร แล้วก็มีคนถามบ่อยมากค่ะ สำคัญที่การรักษาความสะอาดมากกว่าค่ะ ไม่ใช่ว่า เอาครีมล้างหน้ามาถูๆ แล้วเช็ดออกก็เป็นอันเสร็จนะคะ เพราะบางทีก็ล้างไม่สะอาด มีเครื่องสำอางตกค้างทำให้เป็นสิวสารพัดรูปแบบได้เหมือนกัน ในกรณีคุณ short word แอนแนะนำให้หาหมอค่ะ เป็นเยอะขนาดนี้แอนไม่กล้าแนะค่ะ หาหมอดีกว่านะคะ เลือกคลีนิคหมอผิวหนังดีๆ หน่อยหน่ะค่ะ ถ้าจะให้ดี ให้ใกล้บ้าน หรือที่ทำงาน ไปมาสะดวกหน่อย เวลารักษาอาจจะต้องเจอหมอบ่อย จะได้ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือหมดกำลังใจระหว่างรักษา อ้อ ยาหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมข้างบนระคายเคืองได้นะคะ คุณหมอเค้าเคยเตือนในกระทู้ ว่าให้ระมัดระวังในการใช้ (ว่าแต่คุณหมอพักนี้หายหน้าไปเลยค่ะ สงสัยงานยุ่ง) จากคุณ : แอน (แอ่นแอ๊น) - [ 3 ส.ค. 47 20:18:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เราใช้ Effaclar K ทาที่จมูกกับคางที่มีสิวจุดดำ ๆ กับสิวอุดตันเยอะ ๆ มาได้ประมาณเดือนนึงแล้วอะค่ะ แต่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ ของคุณแอนใช้นานมั้ยคะ กว่าจะลดลงบ้าง จากคุณ : ~ Cool Breeze ~ - [ 4 ส.ค. 47 00:55:46 A:203.149.36.224 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 Effaclar K แอนใช้แล้วผิวลอกค่ะ จริงๆ ก็ลดลงบ้างช่วงที่ใช้ แต่ใช้ติดต่อกันนานๆ ไม่ได้ เลยไปใช้สตีว่าเอแทน เพราะตัวเนื้อเค้าเป็นครีมด้วย ระคายเคืองน้อยกว่า คงเพราะ % ที่ใช้ต่ำด้วยค่ะ ทาอยู่เป็นเดือนเหมือนกัน แต่จำไม่ได้ว่ากี่เดือน ยังขึ้นมาใหม่บ้างเป็นพักๆ ค่ะ ถึงได้บอกว่าสิ่งสำคัญคือ การล้างทำความสะอาด ไม่ยังงั้นทาไป ล้างหน้าไม่สะอาด ก็อุดตันอยู่ดีค่ะ ไม่หายขาดอยู่แล้ว จากคุณ : แอน (แอ่นแอ๊น) - [ 4 ส.ค. 47 08:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เหมือนคุ้นๆ ว่ายารักษาสิวที่เป็นกรดวิตามินเอเนี่ยค่ะ ถ้าเป็นเจลกับครีมจะเอาเปอร์เซ็นต์มาเทียบกันไม่ได้ เช่น ถ้าเป็นเนื้อครีมแม้เปอร์เซ็นต์จะต่ำกว่าเนื้อเจลก็ไม่ได้แปลว่ายาจะอ่อนกว่า หรือกลับกัน หรือพูดอีกอย่างคือถ้าเจลกับครีมมีเปอร์เซ็นต์เท่ากันก็จะแปลว่า เจล/ครีม (ตัวใดตัวหนึ่ง) เข้มข้นกว่า (หรือดูดซึมได้ดีกว่า) อีกตัวนึง มีใครทราบรายละเอียดบ้างมั้ยคะ พอดีคุณแอนพูดถึงครีมๆ เปอร์เซ็นต์ๆ ความทรงจำเลยกลับมานิดๆ จากคุณ : ++++Grasmere - [ 4 ส.ค. 47 10:51:32 A:202.47.233.234 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ แอน ครับ ผมยังวนเวียนมาอ่านบ่อยๆ แต่ไม่ค่อยได้ตอบครับ และที่สำคัญก็คือไม่ได้ใช้ชื่อเดิมแล้ว เพราะตอนนี้มีอมยิ้มกับเขาแล้ว ที่ไม่ตอบก็เห็นว่ามีหลายๆคนตอบไว้ดีอยู่แล้วครับ ส่วนเปอร์เซ็นต์ ของยา ลักษณะของยาที่เป็นเจล หรือครีม ที่คุณ คห ๘พูดถึง ขออธิบายดังนี้ครับ ในเปอร์เซนต์ที่เท่ากัน ยาที่มีลักษณะเป็นเจล จะได้ประสิทธิภาพของยามากกว่า และยาจะดูดซึมได้ดีกว่า ยาในรูปครีมครับ แต่ต้องจำไว้เสมอว่า เจล ไม่ได้ดีกว่า หรือ ครีม ก็ไม่ได้ดีกว่า ต้องดูลักษณะผิว ว่าเหมาะกับอะไรด้วยครับ เจล มีหลายชนิด แยกได้หลายชนิดมาก ครีมก็ยังแยกเป็นอีกหลายชนิด ที่มีหลายชนิด เพราะถูกทำมาให้เหมาะกับผิวต่างๆกันไปครับ แต่ถ้าจะอธิบายให้หมด คงต้องเขียนป็นหนังสือเล่มใหญ่ๆซักเล่มให้อ่านมั้งครับ ไม่ไหวครับ เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน ถ้าสงสัยอะไร ถามได้ครับ แล้วถ้ามีเวลาจะรีบตอบ ตอนช่วงนี้ก็ว่างๆด้วยครับ จากคุณ : A Life In The Dark - [ 4 ส.ค. 47 14:14:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จริงๆ ถ้า % เท่ากันฤทธิ์ยาก็เหมือนกันแหละค่ะ แต่ต่างกันตรงผลต่อสภาพผิว ส่วนใหญ่คนที่เป็นสิวมักจะมีผิวค่อนข้างมัน แต่ตอนที่แอนเป็นหน่ะ ผิวแห้งค่ะ แห้งจนลอก แต่สิวอุดตันเต็มหน้าเลยอ่ะ นึกภาพออกมั้ยคะ ขืนทาอะไรยาประเภทที่เป็นเจลๆ อย่างเดียว เนื้อจะเป็นแมทๆ แถมบางยี่ห้อใส่แอลกอฮอล์เข้าไปด้วย ยิ่งไปกันใหญ่ค่ะ ที่ใช้เป็นครีมเพราะมีอิมิลเลี่ยนมากกว่าค่ะ (ถ้าเป็นเจลๆ จะไม่มี แล้วเบสของส่วนผสมอาจจะต่างกัน) แน่นอนว่าผลต่อผิวก็ต่างกันด้วยค่ะ แต่ที่มีสองชนิดเพราะคำนึงความระคายเคืองที่จะเกิดกับผิวมากกว่า แอนทายา แล้วยังต้องทาครีมตามลงไปอีกค่ะ ไม่งั้นก็ลอกเหมือนกัน ตอนที่เป็นนี่ทั้งสิวอุดตัน สิวเสี้ยนมากันเป็นกองทัพเลยค่ะ เวลาเลือกใช้ อยากให้เลือกที่ % ก่อนค่ะ เพราะโอกาสเกิดการระคายเคืองของยามีได้มาก จากนั้น จะเลือกแบบครีมหรือแบบเจลก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวค่ะ ปกติยาพวกนี้จะทาก่อนนอนอยู่แล้ว ถ้าใช้แบบครีมแล้วหน้ามันไปหน่อยก็ไม่ค่อยเป็นไรอ่ะ แอนไม่รู้ว่า Effaclar K ถ้าเทียบกับ AHA หรือ BHA จะเป็นกี่ % หรือมีความเป็นกรดอยู่เท่าไหร่ แต่ที่ทนทาติดต่อกันนานๆ ไม่ไหว คิดว่า % คงจะสูงพอสมควร เพราะปกติทา AHA 4-5% ก็แสบจะแย่แล้ว เคยทาสูงสุดแค่ 9% ค่ะ แต่ทาทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก หน้าก็เนียนๆ ลื่นๆ ดี แต่แด๊งแดงอ่ะ (เหมือนไปทำทรีทเม้นท์เลยเนอะ แต่ทา % สูงเหมือนคลีนิคไม่ได้หรอก ถึงตาย) จากคุณ : แอน (แอ่นแอ๊น) - [ 4 ส.ค. 47 14:18:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แป่ว แอนปล่อยไก่หรือเปล่าคะเนี่ย ดีใจที่คุณหมอยังอยู่ค่ะ ว่างๆ แวะมาตอบบ่อยๆ นะคะ จากคุณ : แอน (แอ่นแอ๊น) - [ 4 ส.ค. 47 14:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ได้ปล่อยไก่อะไรหรอกครับ ที่เข้าใจอยู่ก็ถูกแล้วครับ ว่าต้องเลือกให้เหมาะกับผิวมากกว่าน่ะครับ จากคุณ : A Life In The Dark - [ 4 ส.ค. 47 14:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณคุณหมอและคุณแอนมากค่ะ พอดีเคยอ่านเจอในตำราคุณๆ เภสัชเรื่องเจลกับครีมน่ะค่ะ เห็นมีเทียบให้ดูด้วยว่าถ้าเกิดใช้เจลเปอร์เซ็นต์เท่านี้ (a) จะได้ประสิทธิภาพเท่ากับใช้ครีมเปอร์เซ็นต์เท่านี้ (a++) เป็นต้น ซึ่งพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเคยใช้ครีมเปอร์เซ็นต์เท่านี้แล้วไม่มีปัญหาก็ไม่ได้แปลว่าใช้แบบเจลในเปอร์เซ็นต์เท่ากันแล้วหน้าจะทนได้เหมือนกัน ทำนองนั้นค่ะ จำไม่ค่อยได้แล้วแต่จำได้ว่าอาจารย์ที่แต่งเล่มนี้เป็นผู้หญิง (เกี่ยวกันตรงไหนนะเนี่ย 55) ขอบคุณอีกทีค่ะ ปล. คุณแอนคะ นึกภาพออกค่ะ เคยนั่งติดกับสาวซากุระคนนึงบนรถไฟฟ้า หน้าเค้ามีแต่สิวอุดตันปูดๆ หัวดำเต็มหน้าเลยค่ะ เน้น เต็มหน้าเลย แต่ก็นั่งจู๋จี๋กับแฟนดูมีความสุขดี (แฟนหล่อด้วย) สงสัยไม่สนใจจะรู้จักกับเรตินเอหรอกมั้งเนี่ย ปล. สอง เคยใช้เรตินเอเหมือนกันค่ะ 0.025 เนี่ยแหละ สยองมากเลย สิวระเบิดหน้าแดง แต่พอหายแล้วหน้าก็เนียนดีจริงๆ ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ BHA 2% แทน ดีค่ะ แต่รู้สึกว่าถ้าเป็นสิวอุดตันแบบไม่ยอมโผล่ออกมาซะที เรตินเอจะทำให้มันทะลักออกมาได้ดีกว่า BHA จากคุณ : ++++Grasmere - [ 4 ส.ค. 47 15:14:08 A:202.47.247.130 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ใครส่งกระทู้มาให้อ่านเนี่ย ไม่ตอบไม่ตอบ เขียนหัวข้อสะกดไม่ถูกไม่ตอบ ว่าแล้วก็แงะเอาสิวเสี้ยนแปะแก้มคนส่งกระทู้มาให้ตอบ นี่แน่ะ ....แปะ จากคุณ : มาป่วนอย่างเดียว (รำเพย) - [ 4 ส.ค. 47 15:51:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ก๊าก ค๋ำพี่รำเพยจังเยย นู๋ก้อเหนื่อยสายตาเหมือนกัลล์คะเวลาอ่านตัวสะกดหยั่งงี้ นึกว่าเลิกฮิตปัยแล้วแต่ยังนินา ยังงัยคุณ p ! n k ก็อย่างอนนะก๊ะล้อเล่นจิงก๊ะ ปัยก่อนก๊ะ (เขียนนานไม่ไหว เหนื่อยแฮะ) จากคุณ : ++++Grasmere - [ 4 ส.ค. 47 16:10:14 A:202.47.247.130 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 แก่แล้วน่ะค่ะ อ่านแล้วปวดหัวจริงๆไม่ใช่เล่นๆนะ ถ้าไม่เห็นก็ไม่เป็นไรหรอก แต่พอเห็นแล้วมันปวดหัวน่ะ เวลาคนคุยใน MSN ถ้าเขียนแบบนี้ก็ไม่คุยด้วยเหมือนกัน แต่จะบอกก่อนนาว่าอ่านไม่ไหว แกะไม่ออกปวดตา แต่ถ้าไม่เลิกก็ block และ delete ทำมาประมาณเกือบสิบคนแล้ว ไม่ไหวแก่แล้วปวดหัวน่ะ จากคุณ : รำเพย - [ 4 ส.ค. 47 16:27:22 ]