ความคิดเห็นที่ 1 ง่ายๆสั้นๆครับ Turbo คือการนำเอาแรงดันไอเสียมาหมุนใบพัด (Turbine) ซึ่ง ต่ออยู่กับบัดพัดอีกชุดที่ทำหน้าที่ดูดอากาศเข้าเครื่องยนตร์ อากาศมากขึ้น บวกกับนำมันมากข้น (ปรับตั้ง) กำลังอัดในกระบอกสูบมากขึ้น ก็ได้แรงมากขึ้น ทีนี้มันมีข้อจำกัดคือถ้าเราอัดอากาศไปมาก (บูสท์มาก) เราต้องจ่ายน้ำมันให้พอและเครื่องต้องรับได้ อย่างที่บอกไว้ว่าแรงดันแปลผันตามไอเสียเมื่อรอบเครื่องสูงขึ้น เราก็ยิ่งได้ บูสท์มาก แต่ทำไงไม่ให้มันไหลกันจนเกินพอดี Waste Gate มันมาตอนนี้แหละ มันเป็นตัวคุมบูสท์ เมื่อมันถึงบูสท์ที่เราเซ็ทไว้ มันก้จะเปิดวาวระบายไอเสียส่วนเกินทิ้งไป กันบูสท์ไหล (Over Boost) ความนี้มาฝั่งไอดี ไอดีโดนดูมาแล้วเกิดอะไรขึ้น อย่างแรกเลย ร้อนขึ้นเพราะถูกอัด ทำไงดีหว่า อากาศร้อน ความหนาแน่นลดลง.... อ่า จับมันทำให้เย็นในอินเตอร์คูลเลอร์ซะหน่อย.. มาอีกหนึ่ง คราวนี้เราเยียบไป อัดไป... อยู่ดีๆเราถอนคันเร่ง... อ้าว turbo ยังหมุน ยังอัดอากาศมา แต่ปีกผีเสื้อปิด ตายละวา แรงดันย้อนทันทีแล้วพยายามไปหยุดเทอร์โบใบหน้า (ไอดี) ถ้าบูสต์ไม่มาก แรงไม่เยอะ ก็อาจจะแค่ต้องรอรอบใหม่ตอนเร่งอีกครั้ง ถ้าเรงเยอะๆเนี่ย ใบแตก แกนขาด...พังกาจาย.... เลยมีพระเอกมาอีกหนึ่งคือ blow-off valve ทำหน้าที่บ่อยแรงดันหน้าปีกผีเสิ้อทิ้งไปข้างนอกเวลาปีกปิด กันพัง... ที่ดังๆน่ะส่วนใหญ่ท่อไอเสียครับ แรงไม่แรง โบไม่โบก็ดังได้ ดังแล้วไม่แรงอย่าเลยนะ... ชาวบ้านเค้าขำเอาป่าวๆ .. แรงๆเสียงนุ่ม ไม่โวยวาย เจ๋งก่าเยอะเลย  เอาประเภทแรงหลุดโลก ดังฟ้าแตกไปไว้ในสนามดีก่า ไม่กวนชาวบ้าน อ้อ...Blow-off ก็ดังนะ บางรุ่นทำปากแตรมาเสียงหวานเลย ลองสังเกตุดูเวลารถเค้าถอนคันเร่ง... ฟิ๊ดๆๆๆๆ มาเชียว แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 49 18:07:20 จากคุณ : คิด (KID) - [ 15 พ.ย. 49 18:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ได้สาระ ดี ครับ จากคุณ : ออสโบ - [ 15 พ.ย. 49 20:44:56 A:192.168.0.143 X:58.64.20.50 TicketID:106642 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 16 พ.ย. 49 00:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 TURBO=TUBINE POWER SUPERCHARGER ปรกติเครื่องยนต์ใช้พลังงานเชื้อเพลิง สันดาปแล้วเกิดเป็นพลังงาน สามส่วน ส่วนที่หนึ่ง ใช้เป็นประโยชน์ คือการขับเคลื่อนยานพาหนะ หรือเครื่องจักรต่างๆ ส่วนที่สองสูญเสีย ไปกับความร้อน ของเครื่อง หม้อน้ำ ส่วนที่สาม สูญเสียไปกับท่อไอเสีย มีคนใช้ประโยชน์จากส่วนที่สอง เช่นHEATER และส่วนที่สาม ก็นำกลับมาใช้ปั่น TURBINE ได้ หลักการทำงานเทอร์โบก็คือ ทำงานเป็นลักษณะFEEDBACK ปั่นไอเสีย ให้หมุนมากเท่าไหร่ ก็จะมีลมไอดีเข้าเครื่องมากขึ้นไป จนถึงจุดวิกฤติของเทอร์โบหรือเครื่องยนต์เอง จุดประสงค์ของการติดตั้งเทอร์โบเข้ากับเครื่องยนต์คือ ต้องการกำลังม้าออกมาใช้งานให้มากขึ้น จากเครื่องยนต์เท่าเดิมที่ไม่ได้ติดตั้งเทอร์โบ ผลพลอยได้ คือเมื่อเราใช้กำลังม้าใช้งาน เป็นตัวตั้ง เครื่องที่ติดเทอร์โบจะมีขนาดเล็กกว่า เบากว่า ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า การใช้งาน-เชื้อเพลิงประหยัดกว่า พื้นที่ในการติดตั้งเครื่องยนต์น้อยกว่า EMISSION control ดีกว่า ถ้าเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขนาดใหญ่ ที่มีรอบเครื่องยนต์ ไม่สูงมาก ใช้รอบคงที่ตลอดเวลา ไม่ต้องเข้ากฎEMISSION control เทอร์โบที่ใช้ไม่จำเป็นต้องมี wastegate แต่ถ้าเครื่องยนต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงรอบเครื่องยนต์ จาก รอบเดินเบา จนถึงรอบใช้งานสูงสุด แตกต่างกันพอสมควรขึ้นไป ต้องมีwastegateระบายไอเสียออกเพื่อตัดวงจร FEEDBACK ไม่ให้เทอร์โบหรือเครื่องยนต์เข้าสู่จดวิกฤติ (เพราะว่าโรงงานเทอร์โบไม่สามารถผลิตโข่งไอเสีย ที่สามารถปรับแรงดันไอเสียให้จำกัดได้ ซึ่งในปัจจุบันโข่งไอเสียที่ปรับแรงดันให้จำกัดนั้นเป็นแบบแปรผัน ซึ่งจะ ต้องมี ระบบ อีเลคทรอนิค มาสร้างVACUUMเพื่อควบคุม โข่งแปรผันนี้) การควบคุมWASTEGATE จะอาศัยระบบกลไก โดยใช้ ลมแรงดันจากฝั่งไอดีเครื่องยนต์ ตั้งแต่ฝาไอดีเทอร์โบเอง ไปจนถึงท่อร่วมไอดีจุดไหนก็ได้ มาสั่งตัวกระตุ้น (actuatorมีไดแฟลมและสปริง) ให้ไปดันวาวล์ของ wastegateให้เปิดไล่ลมออก เพื่อลดแรงดัน ส่วน BLOW OFF VALVE จะติดตั้งก็ต่อเมื่อใช้เทอร์โบที่ไม่ใช่ STANDARD คือมีขนาดใบพัดไอดีไม่สัมพันธ์กับขนาดไอเสีย จนเกิดแรงเฉื่อยขึ้นมาก ขณะถอนคันเร่ง ตาม คห.1   จึงต้องมีวาวล์เปิดไล่แรงดันออก แต่การทำงานของ BLOW OFF VALVE จะต้องอาศัย VACUUM ของเครื่องยนต์มาสั่งงาน จึงจะเห็นเฉพาะเครื่องเบนซิน ที่มี BLOW OFF VALVE ส่วนเสียง ดัง ชึ่งๆ ตอนรถเปลี่ยนเกียร์ เกิดจากการใช้ BLOW OFF VALVE ที่มีการแต่งเสียงจากผู้ผลิต (ลักษณะการทำงานคล้ายนกหวีด) จากคุณ : stratos (typhoonyai) - [ 16 พ.ย. 49 11:57:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเริ่มจากห้องเผาไหม้ อากาศที่ถูกสันดาปจะขยายตัวเนื่องจากพลังงานความร้อน ไปปั่นใบเทอร์ไบน์ที่อยู่โข่งหลังของเทอร์โบ พอมันผ่านใบหลังแล้วก็จะลดพลังงานลง ปล่อยออกสู่บรรยากาศ ทีนี้ ใบเทอร์ไบน์ที่โข่งหน้าเทอร์โบที่ยึดติดกับแกนที่ต่อกับใบเทอร์ไบน์ที่โข่งหลังเทอร์โบ (งงล่ะสิ อิอิ อ่านซักสองรอบน่าจะเข้าใจนะ) จะหมุนด้วยความเร็วเท่ากับใบเทอร์ไบน์ที่โข่งหลัง ดูดอากาศมาเพิ่มความดัน (อัดอากาศนั่นแหละ) เมื่ออากาศเพิ่มความดัน แต่ปริมาตรเท่าเดิม ตามกฎ PV=RT ก็จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น และจากการที่อากาศไหลผ่านเทอร์โบ ที่มีไอเสียถ่ายเทความร้อนมาให้ อากาศที่ผ่านใบหน้าก็จะยิ่งมีอุณหภูมิสูงขึ้นไปอีก ซึ่งอุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้ ไม่เป็นผลดีต่อการสันดาป (คิดดูแล้วกัน NA ดูดอากาศ สมมติว่า 30 C สันดาปได้อุณหภูมิสูงสุดที่ 2500 C แต่เทอร์โบ ถ้าอัดอากาศเข้าไปแล้ว สมมติว่าได้ซัก 70 C แล้วกัน แต่เวลาจุดระเบิด ก็ได้เปลวไฟที่อุณหภูมิเท่ากัน 2500 C ส่วนต่างของ 40 C นี้ ถือว่าเยอะมาก แต่ก็ได้ปริมาณอากาศที่อัดเข้าไปเยอะกว่าขยายตัวมากกว่าแทน ถ้างง ลองคิดว่าอากาศที่ไม่อัด 1 หน่วย ขยายตัวได้ 1.5 เท่า กับ อากาศอัดเข้าไป 1.5 หน่วย ขยายตัวได้ 1.25 เท่า ถามว่า ตัวไหนจะขยายตัวได้มากกว่ากัน? ฉันใดก็ฉันนั้น) จึงต้องนำมาลดอุณหภูมิ การลดอุณหภูมิที่สามารถทำได้ง่าย ประหยัด และสะดวกที่สุด (แต่ไม่ดีที่สุด) คือการพยายามทำให้อากาศที่อัดมา มีอุณหภูมิใกล้เคียง หรือเทียบเท่าอุณหภูมิสภาพแวดล้อม ซึ่งก็นำมาผ่านอินเตอร์คูลเลอร์นั่นเอง (เหมือนคนออกกำลังกายมา เหงื่อท่วมๆ ให้มายืนชิดๆกัน ถามว่า ใครจะยืนชิดกันได้ครับ? อึดอัดนะ ก็จะมีช่วงเว้นว่าง กับ คนที่อยู่ในห้องแอร์ ยืนชิดๆกัน (หลังติดหน้า) ก็จะมีปริมาณคนยืนมากกว่าในความยาวแถวที่เท่ากัน เพราะยืนติดกันก็ไม่ร้อน ไม่เหนอะหนะ ฉันใดก็ฉันนั้น) พออากาศเย็นตัวลง ก็จะมาผ่านลิ้นปีกผีเสื้อที่ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณอากาศที่จะเข้าห้องเผาไหม้ แล้วก็จะเข้าสู่ห้องเผาไหม้ตามวัฏจักรต่อไป ตามรูปครับ จากคุณ : athlon1400 - [ 18 พ.ย. 49 03:36:05 ]