ความคิดเห็นที่ 5
ตัวอย่างการคำนวณ
ตัวอย่างที่ 1 เครื่องยนต์ A มีแรงบิดสูงสุด 20.0 กิโลกรัม-เมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที มีแรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที คำนวณหา แรงม้า ที่แรงบิดสูงสุด ได้จาก : 3,600 X 20.0 X 0.001376 = 99.072 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที คำนวณหา แรงบิด ที่แรงม้าสูงสุด ได้จาก : 150 / (6,000 X 0.001376) = 18.168 กิโลกรัม-เมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที
ตัวอย่างที่ 2 เครื่องยนต์ B มีแรงบิดสูงสุด 20.0 กิโลกรัม-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที มีแรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที คำนวณหา แรงม้า ที่แรงบิดสูงสุด ได้จาก : 4,500 X 20.0 X 0.001376 = 123.84 แรงม้า ที่ 4,500 รอบต่อนาที คำนวณหา แรงบิด ที่แรงม้าสูงสุด ได้จาก : 150 / (6,500 X 0.001376) = 16.771 กิโลกรัม-เมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที
จากตัวอย่างการคำนวณของ เครื่องยนต์ A และ B เราจะเห็นได้ว่า แม้ทั้งคู่จะมี แรงบิด และ แรงม้า สูงสุด เท่ากัน แต่เครื่องยนต์ A จะได้อัตราเร่งที่ดีกว่าทั้งต้นและปลาย ที่อัตราทดของระบบการส่งกำลังเดียวกัน และ ถ้าจะให้เครื่องยนต์ B มีสมรรถนะเท่ากับเครื่อง A บนตัวถังเดียวกัน อาจจำเป็นต้องใช้ชุดเกียร์ที่มีอัตราทดชิดกันมากกว่า และอาจต้องมีจำนวนเกียร์มากกว่าด้วย นอกจากนี้ เครื่องยนต์ A ก็มีโอกาสประหยัดน้ำมันกว่า ถ้ามีความจุของเครื่องยนต์เท่าๆ กัน เพราะว่า เครื่องยนต์ A ดูจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องยนต์ B จากลักษณะ แรงบิด และ แรงม้า ที่เครื่อง A ได้มาอยู่ในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า ทั้งนี้ก็ไม่เสมอไปนะครับ แต่มีโอกาสเป็นไปตามนี้สูงมาก
อีกซักตัวอย่างนะครับ เพราะได้ยินมามากเลยที่พูดกันว่า แรงบิด เอาไว้ บรรทุก แรงม้าเอาไว้ทำความเร็ว จริงๆ ถ้าเข้าใจที่มาของการคำนวณ ก็จะเข้าใจดีขึ้นว่า ที่เชื่อกันมานั้น ไม่ถูกทั้งหมด สมมุติว่าเครื่องยนต์สองเครื่อง ดีเซล X เทอร์โบขนาด 3000 ซีซี แรงบิด 35 กก-เมตร ที่ 2,000 รอบ 140 แรงม้าที่ 3,400 รอบ และ เบนซิน Y ขนาด 2000 ซีซี แรงบิด 19 กก-เมตร ที่ 4,000 รอบ 150 แรงม้าที่ 6,800 รอบ ตามความเชื่อเดิมก็จะแปลได้ว่า เครื่องดีเซล X มีกำลังฉุดลากมากกว่าเพราะว่ามีแรงบิดมากกว่า เบนซิน Y เยอะ ควรนำ ดีเซล X มาใส่ในรถบรรทุกเล็ก ส่วนเครื่อง เบนซิน Y ก็ควรอยู่ในรถเก๋ง เพื่อไว้ขับเร็วๆ ได้ แถมยังอาจแปลได้ว่า เครื่องดีเซล X ไต่เขาได้ดีกว่า จริงๆ แล้ว ถ้าจับเครื่องเบนซิน Yมาทดรอบลงครึ่งหนึ่ง ก็จะได้แรงบิดถึง 38 กก-เมตรที่ 2,000 รอบ และ 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ ซึ่งมากกว่าเครื่องดีเซล X ทั้งบนและล่าง และเครื่องเบนซิน Y ที่มีขนาดเพียง 2000 ซีซี ก็อาจประหยัดน้ำมันกว่า เครื่องดีเซล X เทอร์โบที่มีขนาดใหญ่ถึง 3000 ซีซี อีกด้วย ถ้านำมาลงในตัวถังเดียวกัน ซึ่งจากในตัวอย่างนี้ คุณอยากจะแปลว่า เครื่องยนต์เบนซิน Y มีประสิทธิภาพดี หรือ ดีเซล X ห่วยแตก ล้าสมัย หละครับ ลองสังเกตตัวเลขในตัวอย่างอีกที ก็จะพบว่า ใกล้เคียงกับสเป๊คเครื่องยนต์ทั้งสองแบบของบ้านเราในปัจจุบันมาก หรือจะว่าไป ผมก็ได้พยายามสร้างตัวเลขให้ลำเอียงไปข้างหนึ่งเต็มที่แล้ว ทีนี่คุณก็ไปคิดเอาเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นในการตลาดรถยนต์ของบ้านเรา
เมื่อคุณจะต้องเลือกรถซักคัน ถ้าชนิดของเครื่องยนต์ จะมีส่วนในการตัดสินใจ ก็ให้คิดกันให้ครบถ้วน ให้เหมาะกับความต้องการของเราจริงๆ และต้องไม่ลืมนึกถึง เรื่องการบำรุงรักษา คุณลักษณะเฉพาะของเครื่องที่เราสนใจเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เครื่องดีเซลที่ดีๆ ก็จะมีประสิทธิภาพสูงได้ เงียบได้ ประหยัดได้ แรงได้ พอๆ กับ เครื่องเบนซิน ก็มีใช้กันอยู่ทั่วโลก แต่เครื่องดีเซลที่ล้าหลังสุดๆ ก็มี ทั้ง แรงน้อย เสียงดัง ประสิทธิภาพต่ำ เปลืองน้ำมัน แถมควันดำ ซึ่งยังมีเห็นอยู่เกลื่อนประเทศเรา อยากเปรียบเทียบว่าเครื่องยนต์ตัวไหนมรประสิทธิภาพอย่างไร ก็ลองใช้สูตรที่ผมให้มานี้เทียบดูได้ครับ รับรองว่าตัวเลขมันโกหกคุณไม่ได้แน่
ที่มาของสูตรการคำนวณ (สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรู้ ก็ข้ามส่วนนี้ไปได้เลยครับ) ทำ รอบต่อนาที ให้เป็น รอบต่อวินาที จากการหารด้วย 60 วินาที ทำ รอบต่อวินาที ให้เป็นความเร็ว แบบ เมตรต่อวินาที จากการคูณด้วย (2 X Pi X R) หรือ (2 X 3.14 X 1) = 6.28 ทำ วัตต์ ให้เป็น แรงม้า จากการหารด้วย 746 วัตต์ ทำแรงบิด จาก กิโลกรัม เป็น นิวตัน จากการคูณด้วย 9.8 เมตรต่อวินาทีกำลังสอง ดังนั้น จึงได้สูตรรวมการคำนวณแรงม้าจากแรงบิด เป็น
(รอบ X แรงบิด X 6.28 X 9.8 ) / (60 X 746) = รอบต่อนาที X แรงบิด X 0.001376 การทดเกียร์ในรถยนต์ทำเพื่ออะไร?
จากคุณ :
osame
- [
17 ม.ค. 50 22:14:53
]
|
|
|