ความคิดเห็นที่ 1 มีใหญ่กว่าอีกคับ 2,700 ใน Fortuner คับ ^_^ จากคุณ : pocyphil - [ 22 เม.ย. 50 20:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณครับ   ผมลืมนึกถึง ไปเลย จากคุณ : ถัง - [ 22 เม.ย. 50 20:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มันคงเขย่ามั้งครับ รอบของสี่สูบต้องการรอบสูงกว่าหก หรือแปดสูบแน่ เรื่องของวัสดุด้วย    ผมว่าสี่สูบโตๆคงได้แต่แรงบิด  แรงม้าไม่ออกแน่  แรงฝืดของนน.ลูกสูบคงต้านใว้ มันคงไม่เป็นกราฟเส้นตรงแน่เลย  ถ้าเราคิดว่าขยายขนาดลูกสูบขึ้นไปเรื่อยๆก็จะได้แรงมากเรื่อยๆ อะครับ ขีดจำกัดมันต้องมีแน่นอน จากคุณ : หัวหยิกหน้ากร้อคอสั้นฟันเหยิน - [ 22 เม.ย. 50 20:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Porsche 944 S2 ทำไว้ 3000 cc ครับ 4 สูบเรียง เหตุผล น่าจะเหมือนคุณ หัวหยิกฯ จากคุณ : Kawpod - [ 22 เม.ย. 50 20:50:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ใหญ่มากไม่ไหวหรอกครับ ลูกสูบมันใหญ่เกิน รอบสูง(เบนซิน)โมเมนตั้มก็ยิ่งสูง สี่สูบองศาข้อเหวี่ยง2สูบอยู่คู่กัน180องศา  แต่หกสูบหรือแปดสูบองศาข้องเหวี่ยงมันต่างกันน้อยค่อยๆไล่ไปละครับ จากคุณ : mod15 - [ 22 เม.ย. 50 21:39:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ยิ่งความจุมากยิ่งสั่นครับ สำหรับเครื่องสี่สูบ เพราะรถซีซีสูงๆ มักเป็นรถราคาแพง เอาใจอาเสี่ยก็ต้องทำรถให้นุ่มเงียบ แต่ดีเซลมันค่อนข้างสั่นอยู่แล้วก็เลยทำซีซีสูงๆได้ครับ (แต่ต่างประเทศก็ทำดีเซลมากกว่าสี่สูบหลายๆรุ่นครับ) จากคุณ : dum.d - [ 22 เม.ย. 50 22:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมตอบบ้าง ตอบแนวเชิงวิชาการนะ สาเหตุที่เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ไม่ทำปริมาตรกระบอกสูบสูงๆ ก็เพราะว่ามีแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ ซึ่งเกิดจากแรงเฉื่อยของลูกสูบที่วิ่งกลับไปกลับมา ดังนั้น เครื่องยนต์ที่มีปริมาตรกระบอกสูบสูงๆ จึงใช้วิธีเพิ่มจำนวนกระบอกสูบให้มากขึ้น โดยอาศัยแรงเฉื่อยจากหลายๆ กระบอกสูบหลายๆ ลูก มาช่วยหักล้างกัน นอกจากนี้จากจำนวนกระบอกสูบที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้จังหวะการจุดระเบิดมีมากขึ้นและถี่ขึ้น ซึ่งช่วยให้เครื่องยนต์เดินเรียบขึ้นด้วย แต่เครื่องยนต์ที่มีจำนวนสูบหลายๆ ลูก ใช่ว่าจะดีกว่าเครื่องยนต์ที่มีจำนวนสูบน้อยกว่านะครับ มันจะดีเฉพาะเรื่องของความราบเรียบในการทำงานเท่านั้น อย่างอื่นไม่แน่ว่าจะดีกว่าเครื่องยนต์ที่มีจำนวนสูบน้อย เช่น การเสียพลังงานไปกับแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ ซึ่งเกิดขึ้นจากการเสียดสีของแหวนลูกสูบกับกระบอกสูบ ถ้าลูกสูบมีมากเท่าไร แรงเสียดทานก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย รองลงมาคือ แบริ่งต่างๆ และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนลูกสูบ ซึ่งมีผลกับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ต่อไปจะเป็นเรื่องของความจุเครื่องยนต์ ว่าสมควรจะใช้ความจุสูบละเท่าไรถึงจะดีต่อกำลังที่สามารถเรียกมาใช้งานได้ และไม่มีปัญหาเรื่องการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์มากนัก สมัยก่อนประเมินว่า ถ้าต้องการให้เครื่องยนต์เดินได้เรียบจนถึงรอบสูงระดับ 6500 rpm ไม่ควรใช้ความจุเกิน 600 CC / สูบ หรือถ้าเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ก็ไม่สมควรเกิน 2400 CC แต่ในปัจจุบันนี้เราเห็นว่าเครื่องยนต์ 4 สูบ มีความจุ 2700-3000 CC หรือบางรุ่นอาจสูงถึง 3200 CC ก็มี แล้วเป็นเครื่องยนต์ดีเซลด้วย แล้วไม่มีปัญหาการสั่นสะเทือนเลยหรือ ? สาเหตุนี้เป็นเพราะว่า เครื่องยนต์ดีเซลเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้ความเร็วรอบต่ำ ความเร็วรอบสูงสุดไม่เกิน 5000 rpm ยังสามารถใช้เครื่องยนต์ที่มีปริมาตรกระบอกสูบๆ ละ 750 CC ได้ หรือเท่ากับ 4 สูบ 3000 CC นอกจากนี้มีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ มาช่วยลดอาการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ให้น้อยลง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภายในตัวเครื่องยนต์เอง เช่น ลดน้ำหนักในส่วนที่มีการเคลื่อนไหว ลด Stress (ความเค้น) ตามจุดรับแรงต่างๆ และออกแบบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ให้มีความสมดุลยิ่งขึ้น หรือใช้อุปกรณ์บางอย่างช่วย เช่น เพลาถ่วงสมดุล (Balancer Shaft) หรือใช้แท่นเครื่องไฮดรอลิค เป็นต้น หวังว่าที่ผมตอบนี้ คงทำให้ทุกท่านกระจ่างนะครับ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 50 22:50:23 จากคุณ : Schwedenkreuz - [ 22 เม.ย. 50 22:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เเรงเฉื่อยไม่มีครับ มีเเต่ความเฉื่อย ซึ่งเป็นสมบัติของมวล ในการต่อต้านการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ ที่ลูกสูบวิ่งกลับไปกลับมาได้เพราะ มีความเร็วครับ เเต่ก็ ขอบคุณสําหรับ ความรู้ใหม่ๆครับ คุณ Schwedenkreuz ปล เเรงเหวี่ยงก็ไม่มีครับ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 50 23:47:45 จากคุณ : Lecter the Ripper - [ 22 เม.ย. 50 23:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ความรู้เน้น ๆ จากคุณ : < JACKY > - [ 22 เม.ย. 50 23:58:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เฮ้ย...ในทางวิศวกรรมเขาเรียก แรงเฉื่อย / แรงเหวี่ยง / แรงกด / แรงต้านทาน / แรงเค้น / แรงเฉือน / แรงอัด / แรงระเบิด และ แรงงงงงง.....มีนะ (หรือว่าตอนนี้เขาไม่เรียกแบบนี้ เราเรียนมาหลายปีแล้ว งง) จากคุณ : DEL AMO - [ 22 เม.ย. 50 23:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 BMWเค้าทำเครื่อง2000cc6สูบ มาโดยที่เค้าให้เหตุผลว่าพื้นที่ของวาล์วไอดีมีมากกว่าเครื่อง4สูบ ทำให้เครื่องตัวนี้มีสมรรถนะมากกว่าเครื่อง4สูบความจุเท่ากัน จากคุณ : bigBirdS - [ 23 เม.ย. 50 00:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 "รอบของสี่สูบต้องการรอบสูงกว่าหก หรือแปดสูบแน่" คุณ คคห.3 ไม่แน่เสมอไปครับ มีครับ เช่น 1. เครื่องยนต์ของ Ferrari 360 Modena Specification รูปแบบ        V8 สูบ 90 องศา เพลาราวลิ้น  5 วาล์ว/สูบ DOHC ปริมาตรความจุกระบอกสูบ   3586 CC แรงม้าสูงสุด 400 ps-DIN ที่ 8500 rpm แรงบิดสูงสุด 373 Nm ที่ 4750 rpm รอบการทำงานสูงสุด 8800 rpm 2. เครื่องยนต์ของ Ferrari 575M Maranello Specification รูปแบบ        V12 สูบ 65 องศา เพลาราวลิ้น  4 วาล์ว/สูบ DOHC ปริมาตรความจุกระบอกสูบ   5748 CC แรงม้าสูงสุด 515 ps-DIN ที่ 7250 rpm แรงบิดสูงสุด 588.5 Nm ที่ 5250 rpm รอบการทำงานสูงสุด 7500 rpm จะเห็นว่าเครื่องยนต์เหล่านี้ เป็นเครื่องยนต์ที่มีจำนวนลูกสูบมาก และใช้รอบเครื่องยนต์สูงมากในการเรียกกำลังออกมา (ในที่นี้ผมจะกำหนดให้รอบเครื่องยนต์ที่เกิน 7000 rpm ขึ้นไป แล้วยังไม่ถึง red line ถือว่าเป็นเครื่องรอบจัดนะครับ เพราะปกติไม่มีใครที่ไหนใช้รอบเครื่องสูงขนาดนี้ในการใช้งานทั่วไป) แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 00:04:46 จากคุณ : Schwedenkreuz - [ 23 เม.ย. 50 00:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เเรง เฉื่อย กับ เเรงเหวี่ยง ค่อนข้าง เป็น permanent miss-conceptual ของสังคมไทยน่ะครับ (ไม่นิยาม ในทางฟิสิกส์น่ะครับ) เป็นกันตั้งเเต่ สมัย ม ปลาย พอเข้ามหาลัย ก็ไม่ได้รับการเเก้ไขให้ถูกต้อง ขอยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนขึ้นนะครับ เช่น เวลาเราเลี้ยวรถเข้าโค้งซ้าย ตัวเรา ก็จะพยายาม เอนไปทางขวา คนทั่วไปก็จะบอกว่านี่ไง มันมี "เเรงเหวี่ยง" มากระทํา ในทิศออกจาก 0 กลางโค้ง ทําให้ตัวคนนั่งเอนไปทางขวา ซึ่งจริงๆเเล้ว เป็นสมบัติความเฉื่อย อันเนื่องมากจากมวล ที่ต่อต้านการเปลี่ยน สภาพการเคลื่อนที่(จากเดิมที่รถวิ่งมาตรง ความเร็วของคนนั่งก็มีทิศตรง พอรถเลี้ยวโค้งซ้าย เเรงเสียดทาน สถิตย์จากล้อ มีทิศเข้าสู่ 0 กลางโค้ง ทําให้รถเข้าโค้งซ้ายได้ ส่วนคนนั่ง เดิม ความเร็วมีทิศตรง พอรถเลี้ยวซ้าย ความเฉื่อย จึงเเสดงสมบัติของมัน โดย พยายามคงทิศการเคลื่อนที่ของคนนั่งไว้(ทิศตรง) ทําให้เรารู้สึกว่า เราเอนออกไปทางนอกโค้ง ถ้าไม่ได้ เเรงเสียดทานสถิตที่ตูด กับ ที่เท้า(ซึ่งมีทิศเดียวกับเเรงเสียดทานที่ล้อ คือเข้าสู่ 0 กลางโค้ง) เเละ รถไม่มีประตู คนนั่งก็จะพุ่งตรงไปเรื่อยๆ  โดยไม่เลี้ยวตามรถไงครับ อีกตัวอย่างก็เช่น มีลูกกระสุน ยิงเข้าไปในเนื้อไม้ ฝังใน ถ้าถามคนทั่วไปว่า ขณะที่กระสุนกําลังฝังเข้าไปในเนื้อไม้ มีเเรงกระทํากี่เเรง คนที่เข้าใจผิดกันก็จะบอกว่า มีสองเเรงไง เเรงที่เข้าไป(เเรงเฉื่อย) กับเเรงที่ เนื้อไม้ดันออกมา คําตอบที่ถูกต้อง คือ มีเเรงเดียว คือเเรงที่ไม้ดันออกมา ที่กระสุนฝังเข้าไปได้เพราะมีความเร็ว จึงมีพลังงาน มีโมเมนตัม ไม่ได้มีเเรงเฉื่อย อย่างที่เข้าใจกัน พอจะเข้าใจขึ้นไหมครับ ลองไปเปิดดูใน text book ก็ได้ครับมี ภาษาอังกฤษ คําไหน เเปลว่า เเรงเฉื่อยกับ เเรงเหวี่ยงไหม ผมอยากเห็นจัง ถ้าเเรงเฉยๆ หรือเเรงอะไรที่นอกเหนือสองคํานี้ มีเเน่ครับ ผมไม่เถียง เเก้คําผิดครับ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 01:47:52 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 01:46:13 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 01:32:52 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 00:33:36 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 00:15:22 จากคุณ : Lecter the Ripper - [ 23 เม.ย. 50 00:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ คคห.8 ผมใช้คำว่า "แรงเฉื่อย" เพราะเวลาคำนวณค่าต่างๆ ได้ออกมาเป็นแรง "นิวตัน (N)" ครับ จะใช้คำว่า "ความเฉื่อย" มันจะดูแปลกๆ นะสิครับ ถ้ายังไม่เชื่อลองไปเปิด Textbook ที่เกี่ยวกับการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกลดูสิครับ คำตอบสุดท้ายที่จะนำไปใช้ออกแบบนั้นต้องเป็นแรง หน่วย N (นิวตัน) หรือค่าความเค้นต้องเป็นหน่วย นิวตัน/ตารางมิลลิเมตร (หรือ MPa เมกะปาสคาล) แน่นอนครับ ผมตอบในเชิงวิศวกรรมนะครับ คนที่เรียน Engineering เค้าต้องคุยกันแบบนี้ครับ ถึงจะรู้เรื่อง จากคุณ : Schwedenkreuz - [ 23 เม.ย. 50 00:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ Schwedenkreuz ผมก็เรียน วิศวะครับ ที่จุฬาครับ ที่คุณพูดน่ะ มันเป็นที่รู้กันในทางวิศวะ ถูกต้องครับ ไม่ผิด เเต่ผิดทางด้าน conceptual-physics ครับ เเล้วก็ผมก็เห็น ร้อยละ95 ผิดกันอย่างนี้ ผมจึงอยากจะออกมาบอกกล่าวว่า จริงๆเเล้ว มันเป็นอย่างไร เท่านั้นเองครับ ผมอยากให้ คนไทยเรา เข้าใจ concept physics ให้ถูกต้องเท่านั้นเองครับ เเต่ก็ถูกของคุณ Schwedenkreuz อีกนั่นเเหละครับ ว่า ไม่มีใครเขาพูดกัน อาจจะเป็นเพราะว่า คนไทยเข้าใจconcept-physics ผิดมาจนฝังรากลึก พอพูดอะไรที่มันต่างจากที่ได้ยิน ได้เรียน(ผิดๆ)มาเลย ฟังดูเเปลกๆมั้งครับ ถ้าคุณพูดเเค่ เเรงอย่างเดียว ไม่มีคําว่าเฉื่อย เนี่ย จะฟังดูถูกต้องทีเดียวทางด้านฟิสิกส์ เพราะ นิยามของเเรงก็คือ โมเมนตั้มที่เปลี่ยนเเปลงไป ในหนึ่งหน่วยเวลา ลูกสูบ ที่ถูกจุดระเบิดอยู่ มีความเร็ว มีมวล เเละมีการเปลียนเเปลงทิศของความเร็ว ทําให้มีการเปลี่ยนเเปลงโมเมนตัม ใน หนึ่งหน่วยเวลา ซึ่งทําให้เกิด "เเรง" หน่วยเป็น นิวตั้น เเน่นอนครับ ซึ่งฟัง เข้าใจในเชิง วิศวะ เเละ ไม่ผิด concept ด้วยครับ ส่วนช่วง ดูด อัด คาย ลูกสูบเคลือนที่ไปได้ เพราะมีมวล มีความเร็ว มีพลังงาน มีโมเมนตัม มีเเรงเสียดทาน ไม่ได้มีเเรงเฉื่อยเเต่ประการใต (เเละคํานี้ก็ไม่มีด้วยครับ) ผมก็ตอบในเชิง วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ เเละ วิชาการครับ อย่าเคืองผมหล่ะ ไงก็ ขอบคุณสําหรับความรู้ด้าน Auto อีกทีนะครับ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 03:35:28 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 03:00:57 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 02:21:07 จากคุณ : Lecter the Ripper - [ 23 เม.ย. 50 00:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 - - เรื่องคำพูด ........... ทำให้ได้ความรู้มากมายถึงขนาดนี้ หุหุหุหุหุ+ แต่อย่างว่าแหระคับ  หลายๆสูบ ทำให้เครื่องเดินเครื่องเรียบมากขึ้น  แต่ในทางกลับกัน ...ค่าใช้จ่ายในการสร้างเครื่องก็มากขึ้นคับ ......... เหมือนกันกับ เครื่อง6สูบ L กับ V  เครื่อง V แม้จะใช้ต้นทุนในการผลิตที่สูงกว่า แต่ก็เดินเครื่องได้เรียบมากกว่า มิตซู เองก็ทำเครื่อง 2000 cc v6 ขึ้นมา ....... แถมขับหน้าอีกด้วย  เพราะ ต้องการให้เครื่องเดินเรียบกว่า มีการสั่นน้อยกว่า   แต่เรื่องจะเกิดการเสียดสีจากจำนวนสูบที่เพิ่มขึ้น ...มันก็จิงอ่ะน๊ะ  แต่ เขาก็คงหาวิธีการปั้นกำลังเข้ามาทดแทนด้วย   อย่าง GM  เจ้าพ่อแห่งการสร้างเครื่องยนต์ ......... สร้างเครื่อง V12 V10  แบบใหม่ขึ้นมา โดยอาศัยตามความเร็วของรถในการสั่งงานให้ สูบทำงาน ....... อันนี้ผมไม่รู้ว่าเขาทำได้ไงน๊ะ .....ขี้เกียจหาในเน็ทด้วย ไปหากันเอาเอง โดยการทำงานในรอบต่ำๆ จะใช้4สูบในการหมุน แต่ความเร็วที่สูงขึ้น จะใช้สูบทั้งหมดในการหมุน .......  ไม่รู้ทำได้ไง - -  ......... เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน  แต่หลายคนคงจะบอกว่า ใช้4สูบ ลากรถหนักๆ กับเครื่อง 10 สูบ  ได้เปลืองน้ำมันกันพอดี ..........  แต่ ..........บ้านเขา นี่ - - ทำได้ทุกอย่างนั่นแหระ .....อนาคตเขาอาจจะหาพลังงานเชื้อเพลิงที่ยิงเข้าเครื่องเบนซินแล้วจุดระเบิดได้ มาแทนน้ำมันเบนซินก็ได้ ใครจะไปรู้ - - จากคุณ : reni - [ 23 เม.ย. 50 07:54:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องนิ่ง ไม่นิ่งจากแรงเฉื่อย หรือน้ำหนักการเคลื่อนที่ต่างๆนั้น ผมมองว่าเป็นเหตุผลรองครับ . . . เครื่อง 4 สูบความจุน้อยๆ ชิ้นส่วนเบาๆก็ไม่เห็นจะเดินนิ่งเลย . . . เรื่องหลักๆที่จำกัดความจุต่อสูบคือเรื่องความสามารถในการจุดระเบิดมากกว่าครับ ปริมาตรความจุต่อกระบอกสูบมาก . . . ไอดีก็ใช้เวลาจุดให้หมดนานขึ้น ถ้าจะให้ได้แรงดันสูงสุดในจุดที่ต้องการ ก้ต้องใช้ไฟแก่กว่าความจุต่อสูบน้อยกว่า ถ้าเครื่องรับไฟแก่ไม่ไหว แรงดันที่ต้องการก็เกิดเลยจุดดีไปแล้ว๋ยวนี้อาจเกินตัวเลขนี้ไปแล้ว เพราะประสิทธิภาพของการจุดระเบิดดีขึ้น แม่น ห้องเผาไหม้ดี เรื่องสูบมากยิ่งนิ่ง เพราะได้ความถี่จากการจุดระเบิดที่มากกว่า อันนี้เป้นเรื่องปกติที่เอาความถี่มาช่วยไว้ V8 5.7-6.0 ลิตร ความจุต่อสูบมากแต่ก้ยังเดินนิ่งได้ แต่ประสิทธิภาพต่ำ และมักจะเป้นเครื่องรอบไม่จัด รอบต่ำไม่เป้นไรจุดทันเวลาจุดระเบิดมีเยอะ แต่ตอนใช้รอบสุงเวลาจุดน้อยลง จะจุดให้ได้ Timing ดีๆเริ่มทำได้ยากขึ้น . . . ยิ่งเมื่อก่อนยังใช้จานจ่ายอยู่ ยิ่งแย่ใหญ่ . . เดี๋ยวนี้ใช้กล่องคุม ประสิทธิภาพก็ดีขึ้น . . . เมื่อก่อนความไฮเทคยังน้อย ก็ต้องใช้ความจุมาสร้างความแรง เดี๋ยวนี้รถเมกันเอง จะเอาแรงเท่าเดิมก็ใช้ความจุน้อยลงแล้ว . . แต่รุ่นใหญ่ๆรักษาเอกลักษณืไว้ ก็ใช้ความจุมากอยู่ แต่แรงกว่าเดิมเพราะเทคโนโลยี ความจุต่อสูบมากๆอยากแรง ใช้วาล์วใหญ่ก็หนักอีก ทำรอบสูงได้ไม่ค่อยดีอีก . . . แต่เดี๋ยวนี้มันมีวัสดุดีๆ เบาๆมาแก้ทางกันไว้ได้ดีขึ้น ลูกสูบเบาๆ วาล์วเบาๆ ก็มาช่วยไว้ได้ . . และเดี๋ยวนี้การออกแบบห้องเผาไหม้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ระบบจุดระเบิดดีขึ้น แม่นยำขึ้น เครื่องเดี๋ยวนี้เลยกล้าใช้ความจุต่อสูบมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่ยังไงก็ตาม ประสิทธิภาพการจุดระเบิดก็ยังเป็นปัจจัยหลัก . . . . เครื่อง F1 หมุน 2 หมื่นรอบ ใช้ความจุต่อสูบแค่ 300 ซีซีเอง . . . ใช้มากว่านี้ คาดว่าคงจะเจอปัญหาเรื่องน้ำหนักวาล์ว และ เวลาที่ใช้ในการจุดระเบิดไม่ทัน จากคุณ : A-Z - [ 23 เม.ย. 50 11:29:43 A:203.113.34.8 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอชี้เเจงอีกที นะครับ ความเฉื่อย กับ เเรง เป็นคนละ ปริมาณ คนละเรื่องกันเลย ความเฉื่อยเป็นสมบัติ ของมวล เป็นปริมาณที่บ่งบอกความสามารถการต่อต้านการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ วัตถุใด เคลื่อนที่มาด้วยความเร็ว มันก็อยากเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อยๆของมัน ไม่อยากหยุด วัตถุใด ที่เดิมหยุดนิ่ง มันก็ ไม่อยากเคลื่อนไหว วัตถุใด เคลื่อนที่เป็นเส้นตรงอยู่ มันก็ไม่อยากเปลี่ยนทิศทางไปซ้าย ขวา ซึ่งตัวความเฉื่อยนั้น มีหน่วยเป็น กิโลกรัม ส่วนเเรงมีหน่วยเป็น นิวตั้น คนละเรื่องกับ เเรง อยู่เเล้ว เเละใช้เเทนกันไม่ได้ ส่วนคําว่าเเรงเฉื่อยที่หลายๆคนใช้กัน คุณได้ยิน ได้เข้าใจผิด ได้คิดไปเอง ว่า มัน "น่าจะ" เป็น เเรงที่ทําให้ วัตถุ เคลื่อนที่ไปได้ เช่นเวลา ปาลูกบอล เเล้ว ลูกบอล พุ่งไปในอากาศ คุณเลยไปบอกว่า เเรงเฉื่อย ทําให้มัน พุ่งต่อไปไง ซึ่ง เป็นเรื่อง ที่ เข้าใจผิด ทั้งทางดาน concept เเละ วิศวกรรม อย่างเเรง ฟิสิกส์ เป็นวิชาที่ ไม่ใช้อารมณ์ ในการตัดสิน สิ่งที่คุณคิดว่า มัน "น่าจะ" เป็นเเบบนั้นไง เเล้วไอ้ความที่ คิดว่า "น่าจะ" ถูกต้อง ก็เลยเอาไปสอน คนอื่นๆ ต่อ จน ผิดกันทั้งประเทศ ทุกท่านครับ บนโลกเเห่ง  วิทยาศาสตร์ ใบนี้ ไม่มีคําว่า "เเรงเฉื่อย" เเละ "เเรงเหวี่ยง" นะครับ เเละถ้า คุณไปอ่านเจอหนังสือเล่นไหนที่ มีคําว่า เเรงเฉื่อย เเรงเหวี่ยง เผามันทิ้ง ไม่ก็ ชั่งกิโลขาย ดีกว่า เพราะถ้า ผู้เชียน ยังไม่เข้าใจ วิชา ฟิสิกส์ตั้งเเต่พื้นฐาน ก็ อย่าไปสอนคนอื่นเลยครับ  เยาวชนไทย เด็กไทย จะเข้าใจผิด ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนถ้าคุณอยาก ใช้ คํา ที่ใกล้เคียงกับความรู้สึก(ผิดๆ)เดิมๆของคุณ เเทนคําว่า เเรงเฉื่อย ผมเเนะ นํา คําว่า "โมเมนตั้ม" ครับ เพราะ โมเมนตั้ม บ่ง บอกถึงความสามารถของวัตถุ ที่จะ พุ่งไปตามทิศของความเร็ว ซึ่ง ใช้เเทนกันได้เเน่นอน ทั้งด้าน ความรู้สึก(ผิดๆ) ด้านวิศวกรรม ด้านวิทยาศาสตร์ ขอยกตัวอย่างเรื่องโมเมนตั้ม สําหรับ คนที่ไม่รู้นะครับ มีรถอยู่สองคัน คันนึงเป็นสิบล้อ ที่คลานเต่าๆๆ มา กับอีกคันหนึ่ง เป็น มิโอ บิดมาสุดเข็ม คําถามคือ ถ้าต้องเลือก คุณยอมให้คันไหนชน พอเห็นอะไรขึ้นบ้างยังครับ โมเมนตัมเป็นปริมาณที่ เกี่ยวข้องกับ ทั้งความเร็ว เเละ มวล จะขาด อย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ ใจความจะไม่สมบูรณ์ เช่นข้อนี้ รถสิบล้อ ไม่จําเป็นต้องมี โมเมนตัม มากกว่า มิโอ้ เสมอไป ขอให้ เข้าใจ เเละ ใช้ให้ถูกด้วย อย่าใช้พรําเพรื่อ ซึ่งมีโอ้ ที่มีโมเมนตั้มมากกว่า ย่อมหยุดยากกว่า รถสิบล้อเเน่นอนครับ ( ไม่ได้มี เเรงเฉื่อย มากกว่า เเละคํานี้ ก็ไม่มี ด้วย) เพื่อความ เข้าใจ(รึเปล่า)ที่ถูกต้อง ใช้คําว่า โมเมนตั้ม เเทน คํา(ผิดๆ)ว่า เเรงเฉื่อยเถอะครับ ส่วนคนที่จะบอกว่า โมเมนตั้ม หน่วย มันไม่เป็น นิวตัน ตามใน textbook ของคุณ ทําไงดีหล่ะ ก็ ถ้าคุณ พิจารณา การเปลี่ยน โมเมนตั้ม ในช่วงเวลาหนึ่ง ย่อมได้ผลลัพย์ ออกมาเป็น เเรง ในหน่วย นิวตั้น เเน่นอนครับ เเล้วถ้า ไม่มีการเปลี่ยนโมเมนตัมหล่ะ ก็ไม่เกิด เเรง เเน่นอนครับ นิวตั้น เขาบอกไว้อย่างนั้น เเละมันก็เป็นจริงเสียด้วย อยากให้ เข้าใจ ใช้ถูก เเละ เเยกกันออกนะครับ สําหรับ มวล ความเฉื่อย ความเร็ว โมเมนตั้น เเรง ปล สุดท้ายเเล้ว ไม่มี "เเรงเฉื่อย" เเละ"เเรงเหวี่ยง" นะครับ กรุณา ใช้คําว่า โมเมนตั้มเเทน ในกรณีของ เเรงผิดๆ ที่ไม่มอยู่จริง สองตัวนี้ครับ จากคุณ : Lecter the Ripper - [ 23 เม.ย. 50 13:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 19 // โดยการทำงานในรอบต่ำๆ จะใช้4สูบในการหมุน แต่ความเร็วที่สูงขึ้น จะใช้สูบทั้งหมดในการหมุน ....... ไม่รู้ทำได้ไง - - ......... เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน // เวลาหมุน มันคงหมุนทั้ง 10 สูบ แหละครับ . . . แต่จ่ายน้ำมันและจุดระเบิดแค่ 4 สูบ . . สูบที่เหลือตัดการจ่ายน้ำมันทิ้งไป ให้หมุนฟรีๆไป โดยอาจจะมีกลไกเปิดวาล์วทิ้งไว้ตลอดให้ไม่ต้องกินแรงมากนักเวลาหมุนตัวเปล่า ตอนทำงาน 4 สุบ ก้คงกินมากกว่า 4 สูบปกติครับ เพราะต้องไปจูงลุกสูบอีก 6 ลูกให้หมุนไปด้วย . . แต่ก็คงยังน่าจะใช้น้ำมันน้อยกว่าต้องฉีดเลี้ยงทั้ง 10 สุบ เดาเอานะครับว่ามันน่าจะแบบนี้ จากคุณ : A-Z - [ 23 เม.ย. 50 13:50:56 A:203.113.34.13 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องตัดสูบทำงาน เท่าที่ผมเห็น Honda ทำ  เขาใช้วิธีปิดวาล์วตายไปเลย ซึ่งเดิมทีผมเข้าใจว่าเปิดเอาไว้หรี่ๆ จากคุณ : ton99 - [ 23 เม.ย. 50 15:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สังเกตว่า เครื่อง 4 สูบ 2,400cc ใน Camry หรือ Accord มันก็ยังเดินเรียบได้ น่าพอใจ   ที่ปัจจุบันนี้ เขาใช้ balancer shaft   ไอ้ตัวนี้ มันหักล้างแรง ได้ จนเกือบหมดเลยรึเปล่าครับ ? หรือยังมี แรง แนวข้าง หลงเหลืออยู่ ที่ยังไง balancer shaft ก็เก็บได้ ไม่หมด   แล้วขอถามต่ออีกหน่อยนึง เรื่อง counter weight ที่เป็นตับ ในข้อเหวี่ยงน่ะครับ   มันเกี่ยวไหมว่า ความจุต่อ กระบอกสูบใหญ่ .. เลยต้องใช้ ตับใหญ่ (หรือตับคู่)เพื่อช่วยให้มัน สั่นน้อยลง     แล้วในข้อเหวี่ยง ที่เป็นของแต่ง ... ขยายช่วงชักรึเปล่า ผมไม่แน่ใจ แต่ มักจะทำเป็นตับคู่  มาให้  เพราะอะไรครับ ? จากคุณ : ถัง - [ 23 เม.ย. 50 15:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มีสิครับความจุสูง ๆ น่ะ 4,000 ซีซี บ้านเราก็มีไง  ยี่ห้อ Jeep รุ่น Cherookee  กับ Wrangle ไงครับ 4สูบ 4000 ซีซี 190+ แรงม้า จากคุณ : maskzolo (maskzolo) - [ 23 เม.ย. 50 18:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบคุณถัง เรื่องความนิ่ง มันต้องดูก่อนว่าเกิดที่ไหน จากอะไร balance shaft แก้การสั่นจากเพลาข้อเหวี่ยงทั้งดุ้น (ไม่เกี่ยวกับลูกสูบ) คิดจากน้ำหนัก unbalance ของข้อเหวี่ยงอย่างเดียว แต่ counter weight ใช้ลดแรงกระทำของลูกสูบ ต่อข้อเหวี่ยง (จะเห็นว่าจะวิ่งตรงข้ามกับลูกสูบเสมอ) ซึ่งต้องใช้ให้ถูกกับน้ำหนักลูกสูบและ ความยาว stroke เสมอ (สูบหนักขึ้นต้องใช้ใหญ่ขึ้น ถูกต้องครับ ส่วนเรื่องตับคู่ ตับเดี่ยว ผมไม่ทราบครับ) ส่วนเรื่องความนิ่ง ที่คุณ A-Z พูดถึง เป็นความสม่ำเสมอของ torque ซึ่งถ้าความสม่ำเสมอไม่ดี เช่น ในเครื่องสูบน้อย หรือเครื่อง V ไม่แก้ offset จะทำให้เกิด fluctuating torque ซึ่งทำให้เครื่องสั่นได้ ซึ่งเครื่องที่สูบเยอะ จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ (แต่ต้องแก้ให้ถูก) ขอเสริมเรื่อง ความจุมากต้องใช้สูบเยอะ (ต่อจาก คุณ A-Z) นอกเหนือจากความนิ่งแล้ว ส่งผลต่อรอบการทำงานของเครื่องยนต์ด้วย ถ้าห้องเผาไหม้โตมาก จะทำให้เผาไหม้ช้า โดยเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน เพราะว่าเครื่องยนต์เบนซิน โดยธรรมชาติเผาไหม้เร็ว (รอบสูง) แต่การเผาไหม้ใช้การลามของเปลวไฟ จากหัวเทียนออกไป จนเต็มห้องเผาไหม้เป็นสำคัญ ถ้าห้องเผาไหม้ใหญ่ก็จะใช้เวลานานกว่าจะไหม้หมดห้อง ซึ่งจะเห็นว่าถ้า ซีซี สูง ควรใช้ สูบมากตาม ไม่งั้นเผาไหม้ไม่ทัน รอบจะตก power ก็ตกด้วย (แต่เครื่อง muscle ของอเมริกาเป็นเครื่องที่เน้น torque ไม่เน้นรอบ) สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล (โดยธรรมชาติเผาไหม้ช้า รอบต่ำ) ความโตของห้องเผาไหม้ก็มีส่วนบ้าง แต่ว่าการเผาไหม้จะขึ้นกับ spray pattern ของหัวฉีดด้วย ซึ่งช่วย compensate ได้ เครื่องดีเซล 4 สูบ มี range ของ ซีซี กว้างกว่า เบนซิน ส่วนเรื่อง พื้นที่วาล์ว ของคุณ bigbirdS เหตุผลนี้ ผมมีความเห็นว่า มีส่วนช่วยน้อย เพราะว่าปัจจุบัน เป็น 4 วาล์ว ต่อสูบ แต่ถ้าเป็น 2 วาล์วต่อสูบ เหตุผลนี้มีน้ำหนักมาก เครื่อง GM ที่ทำงานได้ทั้ง ครบสูบ และไม่ครบสูบ ชื่อทางการค้าคือเครื่อง HEMI หรือเรียกว่า MDS Multi Displacement System ครับ ปล. cherokee 4000 เป็นเครื่อง IL 6 ครับ (ถ้าผมจำไม่ผิด) จากคุณ : Mr.Moon - [ 23 เม.ย. 50 20:51:12 A:202.44.7.70 X: TicketID:002682 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ความรู้ทั้งนั้น... #22 Jeep มันหกสูบ ไม่ใช่สี่สูบครับ ================================= ถามต่อ ว่าทำไมรถยนต์สูบเยอะๆ (เช่น เบนซ์ 500V8) ถึง สามารถออกแบบให้รถ cruise ที่ความเร็วนึง ด้วยรอบที่ต่ำกว่าพวกรถ 4 สูบ (ie.. C220 4 สูบ) มาก ตัวแรกวิ่ง 100 km/h ที่ 1,800 รตน ส่วนตัวหลัง ต้องใช้ถึง 2,800 รตน อย่าบอกว่าแรงบิดสูงที่รอบต่ำ เพราะซาบเทอร์โบ แรงบิด 30 kg.m ที่รอบต่ำแค่ 1,800 รตน (ซึ่งสูงกว่า V8 4,000CC หลายคัน ที่รอบแค่ 1,800 รตน) แต่ยังต้องวิ่งร้อยนึงที่ 2,300 รตน... และยังไม่เคยเห็นรถที่บอกว่าแรงบิดสูงมากที่รอบต่ำ แต่ใช้แค่ 4 สูบ วิ่งร้อยนึงที่ต่ำกว่า 2 พันรอบสักคัน! อย่าบอกว่าอัตราทดเกียร์ทำให้เป็นอย่างนั้นนะครับ เพราะ ในทางทฤษฏีต้องมีอะไรที่กำหนดให้มันต้องทดเกียร์อย่างนั้นเป็นอย่างนั้นแน่นอน ไม่งั้นรถทุกคันคงวิ่งร้อยนึง ที่พันรอบกันหมด... มีใครช่วยอธิบายให้กระจ่างจะเป็นพระคุณอย่างสูง แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 20:53:08 จากคุณ : Sk (Skeeter) - [ 23 เม.ย. 50 20:52:27 ]

ความคิดเห็นที่ 25 // เรื่องตัดสูบทำงาน เท่าที่ผมเห็น Honda ทำ เขาใช้วิธีปิดวาล์วตายไปเลย ซึ่งเดิมทีผมเข้าใจว่าเปิดเอาไว้หรี่ๆ // อืม . . . แปลกนะครับที่เขาปิดวาล์วหมด คิดดูแล้ว มันน่าจะกินแรงเยอะนะ ถ้าปิดวาล์วเอาไว้ . . . เหมือนสูญญากาศ ลูกสูบกว่าดึงลงมาได้ น่าจะเหนื่อยกว่าเปิดวาล์วเอาไว้เยอะเลยนะครับ ตอนลูกสูบปั๊มขึ้นไป ก็แน่นอีก แรงต้านน่าจะเยอะพอควร . . . น่าจะกินแรงเยอะนะ ยังนึกไม่ออกเลยครับว่าปิดวาล์วไว้ดีกว่าวาล์วเปิดยังไง คุณต้นพอมีข้อมุลไหมครับ เผื่อเขาอธิบายว่าทำไมจึงเลือกปิดวาล์วในสูบที่ไม่ใช้ Balance Shaft นี่ จริงๆไม่ใหม่นะครับ มีใช้มาที่ผมนึกออกก็ต้องมีร่วม 30 ปีแล้วครับ . . . เครื่อง Astron 80 4Gxx ของ Mitsu อะครับ ใช้ Balance Shaft มานานมากแล้ว ในความคิดส่วนตัว Balance Shaft ไม่น่าจะ Cancel แรงสั่นทะเทือนทั้งหลายได้หมดนะ น่าจะลดลงได้บ้าง ที่รอบๆหนึ่ง เหมือนมันน่าจะไปสู้กับ Vibrate ที่พอดีๆที่รอบๆหนึ่งเท่านั้น รอบที่ต่างไปน่าจะลบไปได้บ้างแต่ไม่น่าจะลงตัวแก้ได้หมดทุกรอบเครื่อง . . . อันนี้คงต้องให้เซียนๆฟิสิกส์ ข้างบนมาตอบจะเหมาะกว่า ข้อเหวี่ยงแบบ Full Counter Weight นั้น . . . ไม่เกี่ยวกับกระบอกสูบใหญ่หรือชักยาวครับ . . . แต่มันเหมาะกับเครื่องรอบสูงๆรอบจัดๆ Balance มันดีกว่า พังจากแรงสั่นสะท้านยากขึ้น. . . เครื่องแข่ง 1.3 1.6 2.0 ไม่ต้องความจุเยอะ ที่หมุนกันแถวๆ 9พัน-หมื่นรอบแช่ๆ ชุดแต่งก็เป้น Full Counter Weight ทั้งนั้นครับ . . . เครื่อง K20A ฝาแดง ถ้าจำไม่ผิดก็เป้น Full Counter Weight มาจากโรงงานเลยนะครับ แม้จะไม่ Full จริงๆใหญ่ๆเต็มๆ แต่ก็ไม่ด้วนไปข้างเหมือนข้อเหวี่ยงธรรมดา ข้อเหวี่ยงให้ Balance มาดียังไง ที่รอบสูงๆมันก้ยังมี Vibration อยู่ดี ข้อที่เป็น Full Counter Weight ก้จะยังมี Balance ที่ดีกว่า เสมือนมีตุ้มถ่วงมาแกว่งเอาไว้ มันนิ่งกว่า โอกาสข้อขาดข้อคดเพราะ Vibration มีน้อยลง . . . เรื่องน้ำหนักถ่วงที่ทำให้ข้อนิ่ง ที่เดี๋ยวนี้มีทำเป็น Damper Pulley ออกมาอะครับ เพื่อลดแรงสะเทือนที่ข้อเหวี่ยง รู้ว่าเหตุผลที่ใช้เพราะแบบนี้ นึกภาพออกว่าเพราะอะไร . . แต่ผมก็อธิบายแบบเป็นฟิสิกส์ที่ถูกต้องไม่เป้นเท่าไร ก็คงต้องรบกวนเซียนฟิสิกส์ข้างบนอีกเช่นกัน จากคุณ : A-Z - [ 23 เม.ย. 50 21:01:56 A:203.113.34.7 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีครับคุณ Moon ไม่ได้เจอกันนานเลย . . . มาเจอกันถึง ผมก้ต้องขอออกความเห็นแย้งอีกแล้ว //balance shaft แก้การสั่นจากเพลาข้อเหวี่ยงทั้งดุ้น (ไม่เกี่ยวกับลูกสูบ) คิดจากน้ำหนัก unbalance ของข้อเหวี่ยงอย่างเดียว// ผมว่า Balance Shaft มันน่าจะไว้แก้การสั่นสะเทือนที่เกิดจากการจุดระเบิดนะครับ ไม่น่าจะไว้แก้การไม่ Balance ของข้อเหวี่ยง ข้อเหวี่ยงทำมาแต่ละอัน มันก็ไม่ได้เกิดการ UnBalance ที่จุดเดียวกัน น้ำหนักเดียวกันเหมือนกันทุกอัน . . . ตัว Balance Shaft มันก้คล้ายๆแคม ที่ตุ้มถ่วงน้ำหนักเป็นก้อนๆให้มันเหวี่ยงไป หล่อมาแบบ mass แต่ละอันก็ไม่ได้สร้างมาจับคู่ที่ถูกต้องกับข้อเหวี่ยงแต่ละอัน ผมเลยมองไม่ออกว่ามันจะไปแก้ความไม่ Balance ของข้อเหวี่ยงแต่ละอันได้อย่างไร ถ้าข้อเวี่ยงไม่ Balance ผมว่าไปทำ Balance ข้อเหวี่ยงเลยง่ายกว่ามาเดินทางอ้อมด้วย Balane Shaft นะครับ . . . ถ้ามีข้อมุลเพิ่มเติม รบกวนด้วยนะครับ จากคุณ : A-Z - [ 23 เม.ย. 50 21:25:29 A:203.113.34.7 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตอบพี่ A-Z นะครับ สาเหตุที่ปิดตาย  ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเขาเหมือนกัน แต่ Honda เขาบอกว่ามันประหยัดขึ้น ผมมี video presentation 3-Stage i-VTEC + IMA ขนาด 73.1MB อยากให้พี่ A-Z ดูครับ แต่ไม่รู้จะส่งให้ดูยังไง  เพราะผมจำได้ว่าพี่ A-Z ใช้ net ไม่แรง เรื่องวาล์วปิดตายนั้น ถ้ามองในเชิงอุดมคติ  พลังงานมันจะเท่ากับศูนย์ แต่ของจริงมันมี loss ออกมาเป็นความเย็นตอนดึง และความร้อนตอนอัด ผมก็ยังสงสัยว่าการปิดวาล์วตายนั้น  คุ้มกับ loss ที่เสียไปหรือ? ผมมีเรื่องต้องมาขอโทษ คุณ Mr.Moon, พี่ A-Z และท่านอื่นๆด้วย จากเดิมที่ผมเคยบอกว่าเครื่อง C32 ของ NSX นั้นเป็นเครื่อง V6 พันธุ์แท้  กาง 120 องศา วันนี้ขอบอกว่าสิ่งเหล่านั้นผมเข้าใจผิดไปเอง เครื่อง C32 ที่จริงแล้วนั้น กางแค่ 90องศา  ข้อเหวี่ยงมี offset (น่าจะ 30องศา) แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 21:34:46 จากคุณ : ton99 - [ 23 เม.ย. 50 21:31:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 @24 ผมว่ามันก็ต้องตอบว่า แรงบิดที่เพียงพออยู่ดี . . คำว่าแรงบิดที่เพียงพอ มันก้ต้องมองถึงแรงบิด ทั้งที่ก่อนจะถึงรอบนี้(สมมุติ 1800 รอบ) และหลังจกรอบนี้ เครื่องแต่ละเครื่องมีลักษณะการไต่การตกของแรงบิดไม่เหมือนกัน แม้ที่รอบๆนึงจะได้แรงบิดเท่ากันก็ตาม . . . . ชึ่งมันจะฟ้องถึงการใช้อัตราเร่งในการใช้งานจริงด้วย เครื่องที่เคยหมุน 2500@100 . . . ถ้าคิดจะไว้วิ่งนิ่งๆอย่างเดียว ก้คงลดรอบลงมาเหลือ 2000 ก้ได้ แต่อัตราเร่งเวลาใช้งานไม่รู้จะออกมารูปไหนนะ . . . รถออกแบบมาต้องคิดถึงอัตราเร่งที่รับได้ มากกว่าแค่ความเร็วที่ใช้ Cruise นิ่งๆนะครับ เครื่องใหญ่ ที่แรงบิดเยอะใช้รอบต่ำๆได้ เพราะมีแรงบิดสำรองเหลือเฟือสำหรับทำอัตราเร่ง ขณะที่เครื่องเล็กเทอร์โบ อาจไม่มีแรงบิดสำรองไว้ใช้ตรงนี้มากเท่าเครื่องใหญ่ๆ แต่เดี๋ยวนี้เครื่องที่หมุนต่ำกว่า 2 พันหรือแถวๆ 2 พันที่ร้อย มีให้เห็นเยอะแยะไปอะครับ เครื่อง 2.0 หรือกว่านิดหน่อยก้มีให้เห้นเยอะเลย . . . อาจมาได้ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ไม่ใช่ตัวเครื่องอย่างเดียว เกีบร์ก็เกี่ยว . . . เกียร์ฉลาดๆ ทำงานไวๆ เวลา Cruise ก้ใช้รอบต่ำๆ แต่เวลาจะเร่ง ไม่ต้องถึงกับ Kick Down เกีบร์ก็ฉลาดพอที่จะ Shiftdown ลงมาให้เองตามน้ำหนักเท้า ซึ่งก้ไม่ทำให้รุ้สึกอึดอัดกับอัตราเร่งมากนัก เรียกว่าเรียนรู้โหลดได้ทันใจกว่าระบบควบคุมสมัยเก่า ไม่แน่ใจว่าข้อมูลคุณถูกต้องหรือเปล่านะครับ . . ว่าแต่เครื่องเบนซินมีด้วยเหรอครับที่แรงบิดมาสุงๆตั้งแต่ยังไม่ 2 พันรอบอะครับ . . . หายากนะครับที่เทอร์โบอะไรในเครื่องเบนซินจะติดบูสต์ตั้งแต่ยังไม่ 2 พัน ถ้าแรงบิดมาสูงเร็วขนาดนี้ เทอร์โบต้องติดบูสต์ตั้งแต่ พันรอบนิดๆเลยนะครับ . . . ถ้าใช้เทอร์โบเล้กๆ แรงบิดมาเร็วมากขนาดนั้น หมายถึงว่าเครื่องคัวนี้ทำแรงม้าได้ไม่สูงแน่ๆ รอบไต่ขึ้นไปอีกหน่อย Turbo หมดลม กราฟแรงบิดดิ่งหัวปักพื้น แรงม้าไม่ขึ้นแน่นอน . . . ชึ่งก็หมายถึงเครื่องนั้นทำ อัตราเร่งในเมืองได้ติดเท้าดี แต่ทำอัตราเร่งจริงจังแบบซัดเต็มรอบไม่น่าจะได้เรื่องเอาซะเลย โดยส่วนตัวผมคิดว่าข้อมุลคุณน่าจะผิดนะครับ ขนาดเครื่องที่ใช้ Supercharge แบบ Root Type ที่มีบูสต์ตั้งแต่รอบต่ำๆ ยังไม่สามารถทำแรงบิดที่รอบต่ำๆขนาดนี้ได้เลย จากคุณ : A-Z - [ 23 เม.ย. 50 21:48:26 A:203.113.34.7 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เน๊ตที่บ้านผมไม่แรง เพราะมันไม่มีคู่สายแรงๆให้ใช้เลย ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน . . . แต่ส่งไปได้ครับ ที่ Office ผมยังแรงได้อยุ่ อิอิ แต่ไม่รุ้เมล์ผม มันยอมให้ส่งส่งไฟลเดียวใหย่ๆแบบนั้นได้ไหมอะ บอก Link มาก้ได้ครับถ้ายังหาเจอ . . เดี๋ยวผมแอบไปดุเองครับ ขอบคุณ จากคุณ : A-Z - [ 23 เม.ย. 50 22:03:41 A:203.113.34.7 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณท่าน A-Z สำหรับ input นะครับ ข้อมูลผมไม่ผิดครับ ซาบเทอร์โบ ตั้งแต่ปีเก่าๆ 93-94 ก็มีแรงบิดสูงระดับ 30 กว่าๆ กก.ม (238ft-lb) ที่ 1,800 รตน และ คงแรงบิดไม่ตก จนไปมีแรงม้าสูงสุดที่ 5,500 รตน กว่าๆ โน่น ในรุ่น top จะมีแรงบิดสูงถึง 33 กก.ม (258lb-ft) ที่ 1,950 รตน ด้วยครับ  เพราะใช้เทอร์โบตัวเล็ก เครื่องใหญ่ครับครับ (Garrett T25, Mitsu TD04 + 2.3L) http://www.saabnet.com/tsn/models/1994/pr11.html ยินดีรับความรู้เพิ่มนะครับ จากคุณ : Skeeter - [ 23 เม.ย. 50 23:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 31 SAAB Turbo  ผมได้ยินมานานแล้ว ว่าทำ Torque band ได้ดี   ดูแล้ว ก็ดีจริงๆแฮะ   กลับมาเรื่องข้อเหวี่ยง ผมจำๆได้ว่า น้ำหนัก มันมีอยู่ประเภท  อันแรกจำชื่อไม่ได้ อันที่สอง รู้สึกจะเรียกว่า Reciprocating weight ค่า ตัวนี้ ... มัน balance ได้ในบางช่วงรอบ ...  ถ้าจะเอา balance ดี ที่รอบ 6000-9000  ที่รอบ เดินเบา อาจจะสั่นหน่อย ถ้าเอาเดินเบาเรียบ  อาจจะไปสั่นที่ 7000 รอบ  เป็นต้น ผมไม่รู้รายละเอียดนะครับ  เคยผ่านๆ ตา มา แค่นี้ พอจะสรุปได้ว่า ที่ เครื่องยนต์ 4 สูบ ไม่ทำขนาดใหญ่ๆ เพราะว่า เรื่อง balance และ เรื่อง flame speed   เรื่อง balance ผมยังคาใจ คือ ไหนๆ ก็ใส่ balancer shaft อยู่แล้ว ...  ข้อจำกัดตรงนี้ น่าจะน้อยลง   เพราะเครื่อง ดีเซล ยังทำได้ถึง 750cc ต่อสูบ (เครื่อง 3,000)   เรื่อง flame speed สำหรับรถบ้าน ที่ หมุนรอบไม่จัด   ผมว่า น่าจะยัง จุดทันอยู่ รอบสูงๆอาจจะเหี่ยวหน่อย   แต่คงสู้ พวก cc ต่อสูบเล็กกว่า ไม่ได้ แน่ จากคุณ : ถัง - [ 24 เม.ย. 50 00:08:12 ]

ความคิดเห็นที่ 32 balance shaft ไว้แก้อาการสั่นตอนจุดระเบิด จังหวะลูกสูบขึ้นลง จุดระเบิด balance shaft ก็บิดตัวต่างกันใช่ไหมครับ ไม่น่าไปเกี่ยวกับ balance ของข้อเหวี่ยง ผมว่าแค่ balance shaft เองอย่างเดียว ไม่ทำให้เครื่องยนต์นิ่งได้ทั้งหมดอ่ะครับ อยู่ที่การออกแบบส่วนอื่นด้วย บนตัวข้อเหวี่ยงเอง ไม่ว่าจะรถบ้านรถแข่ง นอกจากจะต้องมี counterweight ที่เหมาะสมแล้ว พวก journal จุดต่างๆก็น่าจะต้องมีความแข็งแรงพอ และขนาดเหมาะสมกับcounterweight ด้วยอ่า เดาว่าถ้าเรื่อง balance รวมๆ ของเครื่องนี่น่าจะรวมไปถึงพวกพูลเล่กับฟลายวีลด้วยล่ะครับ แค่น้ำหนักฟลายวีลเปลี่ยนไป อาการเครื่องที่รอบต่างๆก็เปลี่ยนไปแล้วอ่ะครับ อือ ผมเห็น volk หรือ audi ที่เป็นเครื่อง 2.0 fsi เค้าลงแรงม้ากับแรงบิดสูงสุดไว้ที่รอบต่ำกับสูงอ่ะครับ แรงม้า 200/5,100-6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 28.5กก.-ม./1,800-5,000 รอบต่อนาที งงอ่ะครับ มันต่ำมากเลย กับเครื่อง 2.0 ติดโบ มาเต็มตั้งกะ 1,800 รอบเลย ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่อง volk audi แต่จำได้คร่าวๆว่า หนังสือทดสอบ มันวิ่งที่ 100km/hrได้ที่ 1,800 รอบ วิ่ง 180 ที่ 3,400 รอบเท่านันเอง ถ้ามันมาเต็มตั้งกะ 1,800 รอบนี่มันเป็นผลงานของคอมมอนเรลรึเปล่าครับ ยอดมากเลยอ่ะ จากคุณ : Helter Skelter - [ 24 เม.ย. 50 02:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถังลืมอีกแล้ว Triton ไง เครื่อง 3200cc ที่เห็นคือ  พวก cc สูงรอบสู้พวก cc ต่ำไม่ได้ อย่าง Triton Vigo รอบยังห่างกับ Navara เยอะ เครื่อง cc ต่ำแล้วเซ็ทให้วิ่ง 100km/h ที่รอบต่ำๆ ผมเห็นมีเยอะเลย  พวก ดีเซลทั้งหลาย แต่ผมจำไม่ได้ว่ารอบเท่าไหร่กันบ้าง ส่วนอันนี้ฝากให้พี่ A-Z ครับ http://world.honda.com/HDTV/news/2005-4050705b/index.html จากคุณ : ton99 - [ 24 เม.ย. 50 14:07:03 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เครื่อง 2.0 FSI ของ VOLK ไม่ใช่ดีเซลคอมมอนเรลนะครับ มันเป็นเบนซินคอมมอนเรล เครื่องเบนซิน 2.0 เทอร์โบ ที่ทำได้ขนาดนี้ ตอนนี้มีไม่เยอะครับ ที่เห็นๆ ก็มีตัวนี้ตัวเดียว ถ้าบอกว่ามีเยอะแยะ ต้องถามเลย ว่าตัวไหนบ้าง จากคุณ : ข่วย - [ 24 เม.ย. 50 14:39:53 A:124.157.157.80 X: TicketID:130345 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถึงคุณ Lecter the Ripper ครับ จากคุณ : Schwedenkreuz - [ 24 เม.ย. 50 15:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นเบนซินครับ ข้อมูล 100km/hr ที่ 1,800 รอบ นี่เป็นของ a4 ใหม่ที่มีเกียร์ 7 สปีด ถ้าเครื่องตัวนี้ไปอยู่ในรถ golf 2.0 gti หรือรถในเครือที่ใช้เกียร์ต่างแบบไป ก็คงได้ผลต่างออกไป แต่เรื่องใช้รอบเครื่องได้ต่ำนี่ไม่ค่อยสน อยากรู้แค่ว่า 2.0 fsi แรงบิดสูงสุดมันมาตั้งแต่ 1800 รอบจริงๆรึ golf 2.0 gti ก็ลงสเปคไว้แบบนี้ครับ จากคุณ : Helter Skelter - [ 24 เม.ย. 50 18:40:05 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ถึง คุณ A-Z ขอเข้ามาอธิบายเพิ่มเติม เรื่อง unbalance แต่ก่อนอื่นต้องขออภัยด้วย คือเมื่อวานผมรีบๆ ก็เลยอธิบายแบบลวก ก็เลยผิดค่อนข้างเยอะ ผมเลยไปเรียบเรียงมาใหม่ และขออธิบายดังนี้ ผมขอแยก unbalance ออกเป็น 2 ประเด็นใหญ่ 1. เกิดจากการหมุน และแบบเครื่องยนต์ 2. เกิดจาก power stroke ของเครื่องยนต์ ขออธิบายข้อ 1. เกิดจากการหมุน และแบบเครื่องยนต์ 1.1 การเกิด Primary force ความถึ่เท่ากับความเร็วรอบเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ ที่เป็น reciprocating engine (ที่ทำงานแบบ slide crank mechanism โดยตั้งสมมติฐานให้เครืองยนต์สูบเดียวตั้งขึ้น) จะเกิด unbalance ขึ้น เนื่องจาก การเคลื่อนที่ของลูกสูบ ในแนวดิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงความเร็ว และทิศทาง จึงเกิดเป็น unbalance ในแนวดิ่งขึ้น (แนวราบก็มี แต่ไม่ถูกนำมาพิจารณา) ที่มีความถึ่เท่ากับความเร็วรอบเครื่องยนต์ (Primary force) การแก้ไข จึงต้องใช้ counter weight ถ่วงเพลาข้อเหวี่ยงเพื่อสร้างแรงทิศตรงข้ามกับลูกสูบ แต่ counter weight ไม่ทำให้ unbalance เป็นศูนย์ แต่ใช้ลด magnitude ของ unbalance ในกรณีเครื่องยนต์หลายสูบ เช่น เครื่อง 4 สูบ ก็จะถูกออกแบบข้อเหวี่ยง ให้ลูกสูบขึ้น 2 สูบ (สูบ 1 - 4 ) ลง 2 สูบ (สูบ 2-3) ในตำแหน่งตรงข้าม เพื่อให้ primary force ของทั้งเครื่อง เป็นศูนย์ แต่ในขณะเดียวกัน primary force ของแต่ละสูบ ก็ยังสำคัญ จึงยังมี counter weight (การสร้าง counter weight โดยพื้นฐาน จะพิจารณา สูบ ต่อ สูบ) 2. การเกิด secondary force ความถี่เป็น 2 เท่าของความเร็วรอบเครื่องยนต์ สืบเนื่องจาก การเคลื่อนที่ของลูกสูบ วิ่งเร็วไม่สม่ำเสมอ และเคลื่อนที่ไม่เป็นรูป sine (non sinousoidal motion) จึงทำให้เกิด unbalance เกิดขึ้น แต่ในเครื่องยนต์สูบเดียว secondary force ก็จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ไม่ถูกนำมาพิจารณา เพราะ primary force มีมาก และ ที่ผมเข้าใจ secondary unbalance น่าจะอยู่ในรูปของ การสั่นที่เพลา (หมุนแบบสั่น ๆ) ที่มีความถี่เป็น 2 เท่าของ ความเร็วรอบเครื่องยนต์ ซึ่ง fly wheel จะช่วย absorb ความถี่ไว้ แต่สำหรับเครื่องยนต์ 4 สูบ ที่องศาเพลาข้อเหวี่ยง ถูกออกแบบ ให้ลูกสูบขึ้น 2 สูบ (สูบ 1 - 4 ) ลง 2 สูบ (สูบ 2-3) ในตำแหน่งตรงข้าม เกิด seconday force ที่ส่งผลทั้งเครื่อง และเป็น unbalance ที่ส่งผลอย่างมีนัยด้วย ที่สืบเนื่องโดยตรงจาก non-sinousoidal motion ของลูกสูบทั้ง 4 ลูก ทำให้เกิดการสั่นในแนวดิ่ง มีความถึ่เป็น 2 เท่าของความเร็วรอบเครื่องยนต์ (ด้วยเหตุนี้ผมจึงบอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า balance shaft ใช้แก้การสั่น ที่เกิดจากเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งผมบอกไม่หมด) ซึ่งการแก้ไขนั้นนิยมใช้ balance shaft โดย balance shaft จะต้องหมุนเป็น 2 เท่าของความเร็วรอบเครื่องยนต์ ซึ่งจะมี 2 เพลา และมีตุ้มน้ำหนักของแต่ละเพลาวิ่งเข้าหากัน แต่ตุ้มจะลง และขึ้น พร้อมกัน เพื่อสร้าง balance force ขึ้น และ balance shaft ไม่ได้ใช้แก้ การสั่นจากจากการจุดระเบิด เพราะการสั่นจากการจุดระเบิด จะมีความถึ่เป็น ครี่งหนึ่ง ของความเร็วรอบเครื่องยนต์ สำหรับเครื่องยนต์ 4 จังหวะ นอกจากการเกิด primary & secondary force แล้ว ยังมี primary & secondary moment ด้วย (บางตำราใช้ couple) แต่ไม่มักนำมากล่าวถึง เพราะว่าเกิดเฉพาะเครื่องยนต์ 3 สูบ หรือต่ำกว่า 2. การสั่นจากการจุดระเบิด 2.1 เครื่องสั่น (เกิด shaking force) คือการจุดระเบิด จะส่งกับลูกสูบ และลูกสูบทำให้เครื่องสั่น จะมีนัยมากกับเครื่องยนต์สูบเดียว ซึ่งมีความถี่เป็นครึ่งหนึงของความเร็วรอบ แต่ผมไม่ค่อยได้ยินหรืออ่านเจอเท่าไหร่นักกับเครื่องยนต์หลายสูบ ซึ่งน่าจะมีนัยน้อยลง ตามจำนวนสูบที่มากขึ้น (อันนี้เป็นความเห็นผมเองว่า ในกรณี ตับเดี่ยวหรือตับแหว่ง น่าจะใช้แก้ unbalance moment ของเครื่องยนต์ ที่เกิดจากการจุดระเบิด แต่ผมไม่มีข้อมูลมา support หรอกนะครับ แค่เดาไปเรื่อย) 2.2 แรงบิดสั่น (fluctuating torque) เกิดกับเครื่องยนต์สูบเดียวอยู่แล้ว แต่เครื่องยนต์หลายสูบก็เกิดได้ บางตำราใช้คำว่า uneven firing ซึ่งหมายถึงการจุดระเบิดที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้แรงบิดที่ได้จะสั้น และทำให้เครื่องยนต์สั่นตามแรงบิด แต่ความถึ่ที่เกิดขึ้น จะไม่แน่นอนขึ้นกับ peak ที่เกิดขึ้น ว่ามีกี่ครั้ง ต่อการหมุน 2 รอบของเครื่องยนต์ โดยทั่วไปมักเกิดกับเครื่อง V ที่ไม่มี off set จากคุณ : Mr.Moon - [ 24 เม.ย. 50 20:58:00 A:202.44.7.70 X: TicketID:002682 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลของคุณ Mr Moon ผมเข้าใจความหมายของ Unbalance ในแบบที่คุณอธิบายแล้ว . . . ตอนแรกไปเข้าใจว่าคุณหมายถึงในลักษณะ Weight Unbalance พอพูดถึงเครื่องสูบเดียว เลยนึกถึงเรื่อง Full Counterweight ออกเลย . . . ตอนแรกจะทักว่าเครื่องสูบเดียว มักไม่ค่อยมี Fly Wheel มาช่วยเรื่อง Balance . . . แต่พอไปนึกถึงเครื่องสูบเดียวที่ตับมันจะเต็มกลมๆเลย ช่วยถ่วงแก้ Balance แทน Flywheel เอาเรื่องนี้มาช่วยเสริมเรื่อง Full Counterweight ของน้องถังได้เลย ถ้าเคยรื้อเครื่องสูบเดียว รอบจัด พวกเครื่อง 2 จังหวะ (ผมไม่เคยผ่าดูพวกเครื่อง 4 จังหวะว่าเป้นแบบนี้หรือเปล่า) . . ตับที่ข้อเหวี่ยง กลมทั้งก้อน เพราะไม่มีสูบอื่นมาช่วยแก้เรื่อง Balance เลยใช้ทั้งก้อนกลมๆมาแก้เลย . . แบบนี้แหละ Full Counterweight ตัวจริงครับ . . . ข้อเหวี่ยงรถที่เห็นแล้วเรียก Full จริงๆมันก้ยังไม่ Full นะ เพราะมันเหมือนเอาก้อนกลมๆไปปาดข้างทิ้งไปแล้ว 2 ด้าน . . น่าจะเรียก Half Counterweight นะ . . ส่วนไอ้ด้วนๆที่ออกมาด้านเดียวสงสัยจะเรียก Quarter Counterweight เพราะมันลบ Counterweight ทิ้งหมด เหลืออยู่เสี้ยวเดียวเอง จริงๆรถบนต์ก้คงอยากใช้ข้อเหวี่ยงตับกลมๆเหมือนกัน . . . แต่คงหนักมากและกินแรงแย่เลย . . . แต่ถ้ามีได้เครื่องคงนิ่งขึ้นอีกเยอะ ต่อนิดนึงเรื่อง Balance Shaft ที่คุณ Moon บอกว่าเร็วเป็น 2 เท่า และมี 2 เพลา . . . เร็ว 2 เท่าเห็นจริงแบบนั้นครับ . . แต่ที่เห็นใช้กันอยู่ เท่าที่เห็นมันใช้แค่แท่งเดียวเองอะครับ @34 // เครื่อง 2.0 FSI ของ VOLK ไม่ใช่ดีเซลคอมมอนเรลนะครับ มันเป็นเบนซินคอมมอนเรล เครื่องเบนซิน 2.0 เทอร์โบ ที่ทำได้ขนาดนี้ ตอนนี้มีไม่เยอะครับ ที่เห็นๆ ก็มีตัวนี้ตัวเดียว // เครื่องเบนซินมันก็คอมมอนเรลทุกเครื่องแหละครับ . . . FSI น่าจะหมายถึงเครื่อง Direct Injection มากกว่านะครับ จากคุณ : A-Z - [ 24 เม.ย. 50 22:16:21 A:203.113.34.13 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อืมมม ยอดเยี่ยมมากครับ  ทุกท่านเลย โดย เฉพาะ คุณ Mr. Moon ตอบเหมือน พวก เลคเชอร์ วิชา ออโต้เลย แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 50 00:57:43 จากคุณ : Lecter the Ripper - [ 25 เม.ย. 50 00:13:11 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ให้ความรู้สึกเหมือนไปเปิดตำราอ่านเลยอ่ะครับ ไม่รู้สึกชวนให้ใคร่รู้เลย ขออภัย ถ้าทำให้หลายท่านไม่พอใจ แต่รู้สึกเหมือนอย่างนั้นจริงๆครับ น่าจะยกตัวอย่างรถสักรุ่นขึ้นมาคุยกัน มากกว่าจะคุยกันด้วยหลักวิชาการที่ในหนังสือก็มีมากกว่าน่ะครับ ความเห็นส่วนตัวครับ จากคุณ : อืมครับ - [ 25 เม.ย. 50 00:17:03 A:58.147.126.204 X: TicketID:137762 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าจำไม่ผิด balance shaft สองแท่งใน k20a3 ที่อยู่ในรถบางรุ่นก็มีนะครับ แบบ stepwagon พอดีนึกขึ้นได้ ขอถามพี่ A-Z นิดนึงครับ เห็นว่ามีแต่ k20a3 เท่านั้นเอง ที่มี balance shaft พวก k20a ฝาแดง จะไม่มี ผมไม่เคยเปิดเครื่องดู อยากทราบว่าตัวฝาแดง ไม่มี balance shaft จริงไหมครับ เคยอ่านคร่าวๆในเวปบอกว่าที่ k20a3 มีเพราะเป็นเครื่องที่ต้องการสะดวกสบาย ส่วนฝาแดง มี counterweight ที่ดีกว่า k20a3 มากอยู่แล้ว แถมไม่เน้น comfort ไม่ต้องมีให้หนักเครื่อง แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 50 01:56:35 จากคุณ : Helter Skelter - [ 25 เม.ย. 50 01:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อันนี้เอามาให้ดูกันเล่นๆอ่ะครับ จัดอันดับ piston speed ไม่รู้เป็นทางการรึเปล่า หุหุ http://tsx.acurazine.com/forums/showthread.php?t=13223 จากคุณ : Helter Skelter - [ 25 เม.ย. 50 02:18:22 ]

ความคิดเห็นที่ 43 @41 42 ถ้าจำไม่ผิด K20A-R ไม่น่าจะมี Balance Shaft ครับ เรื่อง Piston Speed ผมไม่รุ้ว่าเขาเอามาจัดอันดับ จนเขาพูดซะเหมือนเรื่องน่าภูมิใจยังไงไม่รุ้ ประมาณว่าเร็วแล้วเก่ง Piston Speed มันก้มาจากปัจจับแค่ รอบ ช่วงชัก Rod Ratio เอง . . . และมันไม่เห้นบอกความเก่งของเครื่องยังไงเลย มันบอกแค่ว่า เครื่องนั้นเหลือความห่างจาก Piston Speed Limit อีกเท่าไรเอง . . . เครื่องชักยาว ก้ถึง Limit ของฟิล์มน้ำมันเครื่องด้วยรอบที่น้อยกว่า ก็แปลว่าไปทำเครื่องรอบจัดยากเท่านั้นเอง . . . ทะลุ limit ฟิล์มน้ำมันเครื่องขาด เครื่องก้พังครับ Piston Speed มีไว้ให้เราคำนวนได้ว่า ที่ช่วงชักเท่าไร (Rod Ratio มีผล แต่ไม่ทำให้ตัวเลขเปลี่ยนแปลงมากนัก) เครื่องจะใช้รอบสุงสุดได้เท่าไรก่อนลุกสูบจะทะลุความเร็วที่เหมาะสม ใช้ลูกสูบเบา ก้านเบา วาล์วเบา ทำให้เราทำรอบได้ง่ายขึ้นจริง เพิ่ม Piston Speed ได้ . . . แต่อุปกรณ์ดียังไง ถ้าเกินลิมิตไป อันอาจไม่พังเพราะความแข็งแรงของตัวมันเอง แต่มันก็จะพังเพราะความสามารถของน้ำมันเครื่องอยู่ดี ผมว่าคนที่ Quote คำพุดของ honda Designer มาพูดนี่ แกคงสับสนอะไรไปหน่อย ที่ไปพุดว่าตั้งเป้าจะเอา Balance Shaft หมุน 18000 รอบแล้วไปเทียบรอบแบบ F1 . . Balance Shaft มันหมุน 14000 จะทำ18000 เครื่องมันหมุน 9000 เอง . . F1 มันหมุน 18000-20000 ที่ข้อเหวี่ยง . . . ถ้าจะทำ K24 หมุน 9000 ก็น่าจะเป้นไปได้ เพราะที่เคยอ่านเจอมา ก้มี K24 ที่หมุนหมื่นมาแล้ว . . . แต่ก็คงไม่ง่ายนักสำหรับข้อเหวี่ยงชักยาวๆขนาดนี้ จากคุณ : A-Z - [ 25 เม.ย. 50 10:53:33 A:203.113.34.8 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 44 @30 ผมก็ยังแปลกใจ และทึ่งอยู่เหมือนกัน เรื่องเครื่อง Sabb ด้วยเครื่องบล๊อคเดียวกัน เครื่อง NA มี 151@3800 . . . พอยัดเทอร์โบเข้าไป มันไปทำ Peak Torque ลงทาเหลือที่รอบต่ำแค่ 2000 . . . งงครับว่ามันทำได้ยังไง ถ้าที่ NA ทำ151@3800 หมายความว่าที่ 2000 รอบ เดาๆสมมุติเอาว่าน่าจะมี Torque อยู่แถวๆ 120-130 . . . ด้วยเทอร์โบเล็กๆแบบ Light Boost มันจะปั่นแรงบิดขึ้นมาเป็น 238-258 ได้เลยหรือ มันเพิ่มกันเกือบ 100% เลยนะครับ . . . ด้วยแรงบิดที่มาเร็วขนาดนี้ แต่รอบแรงม้าสูงสุดไปอยู่ที่ 5500 รอบ แสดงว่าแรงบิดยังคงเกาะอยู่ในระดับสูงพอควรตลอด โดยไม่ต้องใช้แคมกระดิกหรือเทอร์โบแปรผัน ที่รอบต่ำเท่าๆกันเมื่อเทียบกับ NA ก้ต้องมีม้าเพิ่มเกือบเท่าคัว ในรอบขนาดต่ำขนาดนั้น ซึ่งเป็นรอบใช้งานในเมืองทั่วไป แสดงว่าคนที่ใช้รุ่นนี้ในเมือง ขับ NA กับเทอร์โบ ไม่ใช่แค่ร้สึกดีขึ้นดึงขึ้น แต่มันต้องให้การตอบสนองแบบคนละเรื่อง คนละเครื่องเลยนะเพราะม้าเพิ่มเกือบเท่าตัวที่รอบต่ำๆรอบใช้งานทั่วไป แตะคันเร่งทีต้องเป็นแบบ แทบจะกระโดดเลย ไม่รู้ทำได้ไง เก่งแบบน่าอัศจรรย์ครับ จากคุณ : A-Z - [ 25 เม.ย. 50 11:04:14 A:203.113.34.7 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณพี่ A-Z ครับ เรื่อง piston speed เห็นเค้าคุยๆกัน เกี่ยวกับ balance shaft พอดี เลยยกมาให้ดูเล่นๆครับ อ่านๆไปก็ฮาดี เป็นบอร์ด tsx ด้วย เค้าก็คงภูมิใจที่ k24a มันเร็วน่ะครับ จากคุณ : Helter Skelter - [ 25 เม.ย. 50 15:59:29 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ถึง คุณ A-Z โดยปกติ balance shaft จะมี 2 เพลา ตามที่บอกไว้ วางคู่กัน (สำหรับแบบดั้งเดิม ; Lancester type) แต่บางครั้ง จะไม่ได้วางคู่กัน แล้วแต่ผู้ออกแบบ อย่างเช่น silent shaft ของ mitsu จะวาง ตัวนึงอยู่ต่ำ ตัวนึงอยู่สูง ซึ่งการออกแบบนี้ จะสร้าง moment ขึ้นมา เพื่อช่วยลด unbalance moment ที่เกิดจากจังหวะระเบิดได้ด้วย (มาถึงตรงนี้ คิดไป คิดมา กลายเป็น balance shaft ช่วยแก้การสั่นจากจังหวะระเบิดได้ด้วย ซึ่งผมลืมนึกถึงไปเลย โดยที่มี ความถี่เท่ากัน เพราะมี 4 สูบ) ซึ่งในกรณี ที่ คุณ A-Z พบว่ามันมีแท่งเดียว มันอาจจะหลบอยู่ก็ได้ หรือ มันมี เพลาอยู่แท่งเดียวจริง ๆ สำหรับการออกแบบรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งมันคงช่วยลด unbalance force หรือ moment อื่น ๆ ได้ ที่ผมไม่อาจรู้ถึงมัน ปล. มาช่วยยืนยันว่า FSI ; Fuel Stratified Injection ของ audi หรือ volk คือ (Gasoline) Direct Injection จากคุณ : Mr.Moon - [ 25 เม.ย. 50 19:43:00 A:202.44.7.70 X: TicketID:002682 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณครับ จากคุณ : A-Z - [ 26 เม.ย. 50 19:47:33 A:58.8.117.12 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณทุกท่านครับ จากคุณ : ถัง - [ 28 เม.ย. 50 03:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 49 Voted. จากคุณ : TingNung - [ 3 พ.ค. 50 04:52:28 ]