ความคิดเห็นที่ 44
นำประวัติของรถ OPTRAมาให้ดูครับ+++ !!!!!!!
ขอบคุณ คุณ 3M แห่ง OPTRA CLUB ที่ เอื้เฟื้อขอมูลครับ
พูดถึงออพตร้า ถามว่ามันคือรถเกาหลีจริงหรือ?
ถ้าคนที่ไม่เคยสนใจหาข้อมูลเลย รับแต่ข้อมูลที่คนอื่นป้อนให้แล้วก็เชื่อตาม ก็คงจะตอบว่าเป็นจริงตามนั้น
แต่สำหรับผม พูดถึงออพตร้า ผมอยากเรียกมันว่า "รถสหประชาชาติ" มากกว่า
............................................................ ........................................................
ยี้...รถเกาหลี
ก่อนจะไปดูว่าทำไมผมถึงคิดอย่างนั้น อยากทราบไหมครับว่าทำไมบางคนเขาถึงได้รังเกียจรถเกาหลีนัก ย้อนหลังกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ช่วงรถเกาหลีเข้ามาบุกตลาดบ้านเรา มีทั้งฮุนได แดวู
จุดเด่นของรถเกาหลีในสมัยนั้นคือความคุ้มค่า เรียกว่าอัดออพชันมาให้เพียบ ไม่มีกั้กแบบยี่ห้อรถเจ้าตลาด
ราคารึก็ย่อมเยา แถมประกอบนอกทั้งคัน เหล็กหนา ดีไซน์รูปทรงล้ำสมัยเตะตา
อย่างแดวูเอสแปโรนั่นก็ให้พินินฟารีน่าออกแบบให้ หน้าตาจึงมาแนวเปอโยต์ ซีตรอง
หรือรถสปอร์ตหัวใจมิตซูอย่างฮุนไดทิบูรอน หน้าตาเปรี้ยวจี๊ด เคาะราคาขายโดนใจ
เรียกว่ารถเกาหลีมาแรงและมีจุดเด่นจนทำให้คนจำนวนหนึ่งแห่ไปซื้ อรถเกาหลีมาใช้
แต่ก็มีผู้คนจำนวนหนึ่งมองว่ารถเกาหลีก็งั้นๆ เพราะยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากรถญี่ปุ่นอยู่พอสมควร
นั่นไม่ใช่ปัญหา อนาคตของรถเกาหลีในบ้านเรา ทำท่าจะไปได้สวย ...
แต่แล้ววันหนึ่งบริษัทผู้นำเข้าก็ประสบอุบัติเหตุทางธุรกิจ ทำให้ต้องยุติกิจการไป
ประกอบกับเวลานั้นรถเกาหลีที่วิ่งใช้งานอยู่ก็เริ่มถึงแก่เวลาท ี่ต้องซ่อมบำรุง
เริ่มมีปัญหาจุกจิกเพราะความไฮเทค อะไหล่เริ่มหายาก อู่ซ่อมก็มีน้อย
บรรดาสาวกรถเกาหลีต่างรู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกลอยแพ
หลายคนขายรถเกาหลีของตัวเองทิ้งไปถูกๆ ด้วยความช้ำใจ และสาปส่งรถเกาหลีนับแต่นั้นมา
............................................................ ........................................................
รถสหประชาชาติ
กลับมาที่รถสหประชาชาติของผม เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าบริษัท Daewoo ในส่วนของการผลิตรถยนต์
ปัจจุบันได้ถูกบริษัท General Motors หรือ GM เข้าควบกิจการและได้ชื่อใหม่เป็น GM Daewoo Auto & Technology
ภายหลังการควบรวมกิจการ GM-DAT ต้องการสร้างชื่อด้วยการออกรถยนต์คอมแพ็คที่สามารถตอบโจทย์ของผ ู้ใช้ได้อย่างลงตัว
และนั่นคือที่มาของ "Lacetti" รถที่ใช้เวลาพัฒนากว่า 30 เดือน โดยชื่อลาเซตตินั้นมาจากรากศัพท์ภาษาละตินคำว่า
"Lacertus" ซึ่งหมายถึง "energetic, muscular, youthful and full of strength"
สไตลิ่งและรูปทรงของรุ่นซีดานและแวกอนเป็นหน้าที่ของ GM-DAT Design Center ร่วมกับสถาบันออกแบบชื่อดัง Pininfarina ในเมืองตูริน ประเทศอิตาลี
สำหรับรุ่น hatchback เป็นหน้าที่ของสถาบัน Giorgetto Giugiaro ในอิตาลีเช่นกัน
และเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับรถที่เป็นความหวังของ GM-DAT รถ Lacetti ต้นแบบถูกทดสอบอย่างหนักภายใต้สภาวะต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบความทนทานในประเทศอังกฤษ การทดสอบในอากาศร้อนสุดโหดในสเปน ทดสอบอากาศหนาวเย็นในสวีเดน
ทดสอบการชนในอเมริกา ทดสอบการขับขี่บนเทือกเขาในประเทศจีน รวมแล้วเป็นระยะทางการทดสอบกว่า 1.8 ล้านกิโลเมตร
กับการทดสอบการชนในรูปแบบต่างๆ ถึง 190 ครั้ง ในระดับดีที่สุดจากการทดสอบการชนที่ความเร็ว 64 km/hr โดยสถาบัน IIHS
ตัวรถออกแบบให้มีส่วน "Survival Zone" โครงสร้างเป็นทรงหกเหลี่ยม 40% ของตัวถังเป็นแผ่นเหล็กทนแรงอัดสูงสามารถรองรับ
และซับแรงกระแทกจากการชนได้เป็นอย่างดี ด้านข้างมีคานเหล็กด้านในประตูเพื่อป้องกันการถูกชนจากด้านข้าง side-impact collisions
นอกเหนือจากนั้นการออกแบบ Lacetti ยังให้ความสำคัญกับบรรยากาศในการขับขี่ การเก็บเสียงของเครื่องยนต์
การบุวัสดุซับเสียงตามช่องว่างของรถ สำหรับเครื่องยนต์นั้นพัฒนามาจากเครื่องยนต์ Eco-Tech ของ Opel เป็นเครื่อง 4 สูบเรียง
หัวฉีดมัลติพอยต์ (MPI) DOHC ที่มีจำหน่ายในบ้านเราจะเป็นเครื่อง 1.6 ลิตรผลิตที่โรงงานของ Daewoo ในเกาหลี ชนด้วยเกียร์ออโต 4 speedของ Aisin
และรุ่น 1.8 ลิตรผลิตที่โรงงานของ Holden ในออสเตรเลีย (ใช้กล่องควบคุม 32 บิตของ Delphi) ชนด้วยเกียร์ออโต 4 speedของ ZF
ช่วงล่างพัฒนาเพื่อการขับขี่อย่างมั่นใจ ออกแบบเป็นช่วงล่างแบบอิสระ เน้นการทรงตัวและเสถียรภาพการควบคุม (รูปแบบของช่วงล่างดูเอาจากโบรชัวร์หรือคู่มือนะครับ)
fine-tune โดยทีมวิศวกรของผู้ผลิตรถสปอร์ต Lotus ระบบเบรกเป็นหน้าที่ของดิสก์เบรก Bosch 4 sensor, 4 channel ABS พร้อม EBD
ซึ่งอ้างว่าสามารถหยุดรถที่ความเร็ว 100 km/hr ได้อย่างปลอดภัยภายในระยะทาง 42 เมตร
มีออพชั่น Tracktion Control System (TCS) ป้องกันการลื่นไถลให้เลือกใช้ในบางรุ่น
สำหรับรายละเอียดและการตกแต่งอื่นๆ ก็แล้วแต่ที่วางจำหน่ายในแต่ละประเทศ
การวางตลาดรถ Lacetti ในแต่ละประเทศจะถูกพิจารณาให้เลือกใช้แบรนด์เนม (บ.ในเครือ GM) /ชื่อรุ่นแตกต่างกันตาม
ความเหมาะสมและความเชื่อถือ เช่นเดียวกับรถอีกหลายรุ่นในเครือ GM
อย่างเช่นในอเมริกาภาพพจน์ Suzuki คือรถที่คุ้มค่า ราคาย่อมเยา ลาเซตติในอเมริกาจึงได้ชื่อใหม่ว่า "Suzuki Forenza"
ในแคนาดา ไทย อินเดียและอีกหลายประเทศเป็น "Chevrolet Optra"
ในอังกฤษเป็น "Chevrolet Lacetti"
ในจีนเป็น "Buick Excelle"
ในเกาหลี "Daewoo Lacetti"
ในออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ "Holden Viva"
ในประเทศไทยเรา Chevrolet Optra เปิดตัวครั้งแรกประมาณปลายปี 2003 ต่อ 2004 ประกอบโดยโรงงานของ GM ที่จังหวัดระยอง
ซึ่งโรงงานแห่งนี้นอกจากผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศแล้วยังผลิ ตเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง
อีกบทความหนึ่งครับ+++++!!!!!!!!
ไปเจอข้อมูลอีกชิ้น ละเอียดกว่าที่ได้เขียนไปข้างต้นครับ ผมเลยแกะเอาบางส่วนมาเสริมให้เพิ่มเติมอีก
History of Lacetti
Nov 1999 Start of new car project May 2000 Concept & Design decision · Analysis: (VOC) Voice of Customer · Benchmarking: Ford Focus, Volkswagen Bora, Opel Astra, Honda Civic, Toyota Corolla, Hyundai XD Avanda · Styling and Design concept: · Design Forum (styling & interior) · Pininfarina (exterior and interior) Engineering & Development · SE (Simultaneous Engineering): Design, Technology, Production, Quality Control, Service, Sales · Specialist Engineering Partners · Siemens Automotive - airbag systems, emissions control · Aisin and ZF - automatic transmission · Dephi - engine management system December 2000: Production of 99 pilot cars July 2001: Start of developing productivity Dec 2000 - May 2002: Testing · Crash Test: MGA in USA, BTC in Buypyung Plant · Weather test: Argeplog, Sweden, Granada, Spain, Capukacing, Canada, Alice Springs, Australia · Durability Test: Mira/Millbrook, UK, Beijing, China November 2001: Worldwide marketing clinic and portfolio group clinic November 2002: Sales commence in Korea September 2003: Sales commence in Australia
ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจครับ
IE - KMUTT
จากคุณ :
IE - KMUTT
- [
19 พ.ย. 50 20:10:58
A:58.136.227.133 X:
]
|
|
|