ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าราดทันที ก็จะได้ยินเสียงเหมือนคั่วข้าวโพดอยู่ และ อีกไม่นานนักก็จะมีรถยกวิ่งมาหารถของท่าน เพราะหม้อน้ำรถคุณชิบหอยแล้ว แถมกระเป๋าเงินของคุณก็จะชิบหอยด้วย เพราะต้องซ่อม ส่วนเวลารถวิ่งมาร้อนๆ สำหรับรถมีเทอร์โบให้เบาเครื่องทิ้งไว้สักพักนึง แต่ถ้าให้ชัวร์ก็ติดเทอร์โบไทม์เมอร์ ส่วนรถไม่มีเทอร์โบถ้าไม่ได้วิ่งข้ามจังหวัดไกลๆไม่ต้องก็ได้ เพราะมันไม่ได้ร้อนจัดแบบเทอร์โบ จากคุณ : เอย์นุย์ - [ 21 ม.ค. 51 17:39:20 A:203.130.133.210 X: TicketID:129582 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ถ้ารถวิ่ง แต่จู่ๆก็เจอฝน รังผึ้งไม่เปียกเหรอ หน้าฝนก็น่าจะลองเปิดกระดปรงหน้ารถดู จะรู้ว่ามันเปียกไปทุกส่วนของห้องเครื่อง รถถูกออกแบบให้ทนน้ำทนฝนได้พอสมควรเลยหล่ะครับ ไม่งั้นก็คงจอดเสียข้างทางในหน้าฝน จากคุณ : MirrorLake - [ 21 ม.ค. 51 17:49:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตาม #2 ครับราดได้ครับที่รังผิ้ง รถมีปัญหาความร้อนดูตามวาวน้ำด้วยบางที่มันจะเสียที่วาว ท่อที่ร้อนจะบวมเป็นจุดเห็นๆเลยเอาน้ำราดท่อน้ำดำๆที่บวมแล้วมันจะยุบลงก่อนมันจะระเบิดครับ จากคุณ : IMCtactic - [ 21 ม.ค. 51 17:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 4 รถผมหม้อน้ำก็เคยเกือบแห้ง ผมก้เอาก็อกน้ำฉีดที่รังผึ้ง ให้หม้อมันเย็นจะได้เปิดฝาหม้อได้ ที่ห้าม น่าจะเป็นห้ามเอาน้ำไปราดที่ฝาสูบมากกว่า เพราะบางคนอาจจะตกใจที่เปิดกระโปรงรถ แล้วเห็นฝาสูบแดงเรื่อๆ จากคุณ : . (Tread'em all) - [ 21 ม.ค. 51 18:54:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รังผึ้ง อุณหภูมิขณะนั้นน่าจะเกิน 100 องศา ไม่มากเท่าไหร่ เอาน้ำราด มันเจออุณหภูมิเกิน 100 องศา มันก็ระเหยเป็นไอ มีเสียงฉู่ๆ แค่นั้น จากคุณ : Alien From Mars - [ 21 ม.ค. 51 21:23:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 น้ำสาดรังผึ้งไม่น่าเป็นรัยมากครับ แต่ว่าถ้าเปิดฝากกระโปรงแล้วเอาร้ำราดเนี่ย ชิบ...เลยครับ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 22:36:12 จากคุณ : ก....ก (tonaka) - [ 21 ม.ค. 51 22:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ราดที่แผงหม้อน้ำ  ถึงไม่มีอะไรพังก็ช่วยได้น้อยเพราะในเครื่องงยังร้อนจัด และ  ก็ไม่ควรทำเพราะอะไรๆที่เปลี่ยนอุณหภูมิเร็วเกินไปมันเกิดความเครียดในวัสดุได้ง่าย ที่ควรเมื่อเครื่องร้อนจัด   ง่ายมากๆคือ  ดับเครื่องทันทีแม้ว่ามีเทอร์โบก็ต้อวงยอมครับ   เปิดฝากระโปรง แล้วอยู่เฉยๆสัก 45 นาทีขึ้นไปครับ ถ้าสายตาไวมากพอเห้นอาการเริ่มต้น  อาจจะเอาน้ำมาช่วยฉีดแผงหม้อน้ำก็ ได้   แต่บนถนนที่ใช้งานจริง  ใครจะทำได้ จากคุณ : นายลุงหมี - [ 21 ม.ค. 51 23:32:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 `ที่รังผึ้งราดได้ ครับ งั้นขับ ๆ ไปเจอฝนตกก็พังทุกคันดิ ตอนหน้าผมผมขับกลับ ตจว. ขับมาดี ๆ วิ่งร้อยกว่า เจอฝนแบบหนัก ๆเลย ไม่เห็นพังเลยครับ เจอแบบไม่ได้ตั้งตัวเลยด้วย ท้องฟ้ามึด ๆ แต่ไม่ีีคิดว่าจะตกหนัก ที่ปัดน้ำฝนเบอร์ 3 แรงสุดเลย ที่สำคัญขับไปได้ีอีกไม่ไกล น้ำท่วมถนน ผมก็ขับน้ำกระเด็น เข้าเครื่อง อีกคับ ก็ไม่เห็นพังนะ แต่ไม่รู้ว่าถึงฝาสูบหรือเปล่า แต่ ก็น่าจะถึงนะ ก็ัขับได้นะ แล้วเปียกคอยล์ ด้วย พอผ่านมา ได้เลยฝนผมก็จอดเข้าปั๊ม เข้าห้องน้ำ เลยเปิดฝากระโปรงดู ก็มีน้ำเปียก แถวนั้นนิดหน่อย สักพักก็แห้ง ผมก็ขับต่อมา อีกหลายเดือน ก็ปกตินะ แต่ถ้า เครื่องร้อน แล้วเอาน้ำเยอะ ๆ สาดนี่ไม่รู้นะ แต่ เคยเห็น รถทัวร์ ที่เครื่อง ฮีท แล้วเด็กรถเอาน้ำข้างทาง ลาด อันนี้เสียง ดังเปรีย ๆ แล้วดับไปเลยนี่เคยเห็น ผมว่าต้องเครื่อง ฮีท เอาน้ำราดถึงจะพัง แต่ถ้าเครื่องปกติ ร้อนปกติ ไม่น่าพังครับ จากคุณ : ท่านวัช - [ 22 ม.ค. 51 06:11:01 A:192.168.0.161 X:210.1.24.250 TicketID:146741 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผู้ถามถามว่า "เมื่อเครื่องร้อนจัด ใช้น้ำราดที่รังผึ้งหม้อน้ำได้มั้ยครับ" เครื่องร้อนจัดควรหมายถึงเครื่องร้อนผิดปกติ ไม่ใช่ร้อนแบบธรรมดา ถ้าร้อนแบบธรรมดาโดนฝนหรือใช้น้ำราดก็ไม่เป็นปัญหา  แต่ร้อนจัด (ผิดปกติ)ก็คือความร้อนเกิน 200 องศา หรือเข็มความร้อนขึ้นเกินครึ่ง  ถ้าใช้น้ำราดก็จะเป็นอันตรายกับหม้อน้ำ หม้อน้ำอาจรั่วได้ เครื่องร้อนจัด สาเหตุอาจมาจาก พัดลมระบายความร้อนหยุดทำงาน  หรือเกิดการรั่วซึมในระบบน้ำระบายความร้อน ทำให้ปริมาณน้ำในหม้อน้ำลดลง ความร้อนของเครื่องยนต์เท่าเดิม แต่ปริมาณน้ำลดลง น้ำก็ถึงอุณหภูมิจุดเดือด ทำให้น้ำระเหยเป็นไอ ปริมาณน้ำก็ยิ่งลดลง เมื่อน้ำลดลง ความร้อนก็ยิ่งสูงขึ้น ยิ่งทำให้น้ำลดลง จนอาจถึงขั้นน้ำแห้งได้ ถ้าไม่เข้าใจวิธีการแก้ที่ถูกต้อง อาจจะฝาสูบโก่ง แหวนหัก ลูกสูบติด  หรือถึงขั้นชาร์ฟละลาย ซึ่งต้องเสียค่าซ่อมเป็นหลักพัน หรือ เป็นหลักหมื่น (การอธิบายวิธีการแก้ในที่นี้จะเปลืองเนื้อที่มาก  ถ้าต้องการทราบวิธีการแก้ที่ถูกต้อง สามารถติดต่อได้ทางอีเมล์ โดยคลิกที่หน้ากากยิ้ม) จากคุณ : ครูเฮง (instructor) - [ 22 ม.ค. 51 07:50:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เวลาขับรถไปล้างพวกก็ ฉีดน้ำใส่รังผึ้งตลอด ไม่เห็นเป็นไร อย่ากลัวให้เกินเหตุครับ จากคุณ : คิดอีกทีก็ดีนะ - [ 22 ม.ค. 51 08:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเห็นด้วยกับคุณครูเฮง (instructor) นะครับ คือถ้าเครื่องยนต์เป็นปรกติจะมีน้ำในระบบหล่อเย็นรักษา อุณหภูมิของเครื่องและรังผึ้งไม่ให้ร้อนเกินไป ถ้าราดน้ำ คงไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถ้าระบบหล่อเย็นผิดปรกติ เครื่อง และรังผึ้งจะมีความร้อนเกินปรกติไปมาก อันนี้ถ้าราดน้ำ เข้าไปคงมีเรื่อง จากคุณ : Lit - [ 22 ม.ค. 51 10:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่เป็นไรหรอกเหมือนขับรถแล้วฝนตกลงมา จากคุณ : SKYLAP - [ 22 ม.ค. 51 10:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ครูเฮงพูดถูกครับ ถ้าเรื่องร้อนแบบใช้งานปกติ คุณจะสาด จะราดตรงไหน ก็ตามสะดวกหล่ะครับ ให้สาดน้ำใส่เครื่องเลยด้วย ไม่พัง แต่หากมันกำลัง Heat มา พวกความร้อนสูงๆ จนน้ำในระบบกลายเป็นไอ หรือแทบไม่เหลือแล้ว แค่เอาน้ำราดรังผึ้ง ก็ทำความเสียหายได้เยอะเลยครับ ต้องรอให้เครื่องเย็นลงด้วยตัวเองรัดับหนึ่งก่อน จึงค่อยๆ เติมน้ำเข้าไปในระบบได้ ไม่เช่นั้น นอกจากฝาสูบ หรือชิ้นส่วนต่างๆ จะเสียหายแล้ว หน้าอาจจะแหกได้ จากการที่มีน้ำพุร้อนที่รถครับ จากคุณ : BigA - [ 22 ม.ค. 51 11:06:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 22 ม.ค. 51 12:29:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โดนมากับตัว เมื่อวันอาทิตย์ครับ โทรถามช่างๆบอกจอดแล้วรอให้เข็มความร้อนลงมาต่ำที่สุดเท่าที่จะรอได้(ควรน้อยกว่าครึ่งหนึ่งนะครับ) แล้วค่อยเช็คน้ำแล้วเติมให้เต็ม ครับ จากคุณ : alor1 - [ 22 ม.ค. 51 14:10:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ควรทำครับ ควรดับเครื่องเปิดฝากระโปรงครับ คำว่าร้อนจัดนั้น ร้อนแบบใด ผิดปกติหรือเปล่าครับ ถ้าผิดปกติอย่างที หลายคนแนะนำมา คือ น้ำในหม้อน้ำแห้ง หรือพัดลมไม่ทำงาน ห้ามเด็ดขาดครับ แต่ถ้าร้อนปกติ แบบว่ารถติดนานๆ พอเข้าปั๊มไปจอดรอ อยากจะระบายความร้อนให้เครื่องบ้าง ก็แค่เปิดฝากระโปรงก็พอครับ ราดน้ำก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าอยากจะราด ให้ราดด้านหน้านะครับอย่าราดหม้อน้ำในส่วนห้องเครื่องยนต์ ผมเคยน้ำแห้งขนาด ไอน้ำพุ่ง เข็มความร้อนขึ้นเยอะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมจอดรถไม่นานอย่างที่คิดครับ ดับเครื่องเปิดฝากระโปรง ความร้อนก็ลดลงแล้ว ถ้าอยากเปิดฝา เขาให้หาผ้าผืนใหญ่ๆ หน่อยมาคลุม หม้อน้ำ แล้วใช้มือสองข้างค่อยๆกดลงไป แล้วหมุนเบาๆ อย่าเพิ่งยกฝาขึ้นมา จะมีไอน้ำพุ่งออกมาโดนผ้าที่เราคลุมไว้ สักครู่ รอจนไม่รู้สึกว่ามีแรงดันไอน้ำออกมาอีกค่อยยกฝาขึ้นมาครับ แล้วรอสักครู่ค่อยเติมน้ำเข้าไปในหม้อน้ำครับ ปกติ อุณหภูมิในหม้อน้ำจะสูงไม่เกิน 100 องศา เพราะน้ำจะไม่ยอมให้อุณหภูมิขึ้นสูงไปกว่านั้น (ถ้าเกินกว่านี้จะกลายเป็นไอ ซึ่งเราจะสังเกตุเห็นได้ง่าย) ยิ่งมีพัดลมหมุนดูดอากาศเข้ามาด้วย จะช่วยระบายความร้อนได้ดี  น้ำยิ่งร้อน อากาศข้างนอกจะแตกต่างมาก จะลดความร้อนได้ดี  แต่ถ้าหากพัดลมเสียหมุนช้า (ผมเคยมาแล้ว) น้ำจะเดือดเป็นไอน้ำทีละน้อย  จนในที่สุดก็เหลือน้อยกว่าครึ่งหม้อน้ำ หรือแห้งไป อุณหภูมิจะสูงเกิน 100 องศาทันที ตอนนั้น เข็มวัดความร้อนจะดีดสูงไปถึงจุดสีแดง ต้องรีบจอดรถ ดับเครื่อง แล้วค่อยๆ ปล่อยให้เย็นลง ครับ อย่านำน้ำ หรืออะไรไปโดนฝาสูบ พอเครื่องเย็น เปิดฝาหม้อน้ำได้จึงค่อยเติมน้ำ มีบางคนสงสัยว่า ยังมีน้ำในหม้อพักน้ำอยู่ ทำไมหม้อน้ำแห้ง หรือเติมน้ำในหม้อพักน้ำดีไหม เพราะไม่อยากเปิดฝาหม้อน้ำ  คำตอบคือไม่ได้ครับ ระบบหม้อน้ำไม่มีปั๊มดูดน้ำจากหม้อพักน้ำเข้าไปในหม้อน้ำ  แต่จะใช้หลักการสูญญากาศ ดูดกลับเข้าไป เพราะขณะที่หม้อน้ำร้อน จะมีอากาศขยายตัวพ่นออกมาปลายท่อที่จุมในหม้อพักน้ำ บุ๋งๆ พอดับเครื่อง อากาศในหม้อน้ำเย็นลง ก็หดตัวลง ดูดเอาน้ำในหม้อพักน้ำที่ ท่อจุ่มอยู่เข้าไปแทนครับ ถ้าน้ำจากหม้อน้ำมาท่อพักน้ำไม่รั่ว และฝาครอบหม้อน้ำไม่รั่ว น้ำจะไหลจากหม้อพักน้ำเข้าไปหม้อน้ำเป็นปกติครับ ซึ่งก่อนออกรถทุกวันควรตรวจดูระดับน้ำในหม้อพักน้ำทุกครั้ง และสัก สัปดาห์หนึ่งค่อยเปิดฝาหม้อน้ำตรวจดูบ้าง ยิ่งจะเดินทางไปในสถานที่รถติดๆ ยิ่งควรเปิดฝาหม้อน้ำดูเลย อย่างไรก็ให้เต็มไว้ก่อนครับ  รถยนต์ใหม่ๆ มักละเลยตรงนี้ เพราะคิดว่าเป็นรถใหม่ แต่ถ้ามีอะไรผิดปกติ จะไม่ทราบ กว่าจะรู้ ก็เข็มวัดความร้อนขึ้นสูงแล้ว นั่นก็คือ น้ำในหม้อน้ำแห้งแล้วครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 ม.ค. 51 21:27:59 ]