ความคิดเห็นที่ 1 อีกอย่าง รถประมาณ 3 ปี ใช้  0w หรือ 5w จะเหมาะสมกว่ากันครับ จากคุณ : จขกท. (Multiverse) - [ 6 พ.ย. 51 14:33:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทุก 6 เดือน จำง่ายดี แค่นั้น ก็ 10000 โล แล้วครับรวมเทื่ยวไกลๆ 0w ดีกว่า แต่แพงกว่า จากคุณ : หมีอ้วนตัวหนึ่ง - [ 6 พ.ย. 51 14:47:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตามสเป๊กน่า15000เพราะของผมใช้PTT Dynamic10W30ใช้ได้12000แต่ผมเปลี่ยนทุก10000โล จากคุณ : ปืนใหญ่หัวใจสายการบิน - [ 6 พ.ย. 51 15:06:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปกติ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ มีอายุการใช้งาน 10000 กม. ครับ แต่สำหรับสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงอย่างประเทศไทย จะมีฝุ่นละอองจับอยู่ในอากาศมาก สภาพฝุ่นบนท้องถนนเยอะ ผมว่า ใช้ประมาณระหว่าง 8000 กม. - 10000 กม. ก็ควรเปลี่ยนถ่ายแล้วครับ หรือถ้าไม่ค่อยได้ใช้งาน ก้ประมาณ 6 เดือน ถ่ายสักครั้งครับ ส่วนประเทศเราเป็นเมืองร้อน ไม่ได้มองเกรดน้ำมันที่ตัวหน้าครับ ไม่ว่า 0W หรือ 5W ไม่ได้ใช้มันหรอกครับ เราใช้ค่าตัวหลังครับ 30, 40 หรือ 50 คือความหนืดของน้ำมันครับ (30 จะหนืดน้อยกว่า 40 จะหนืดน้อยกว่า 50 ครับ) สำหรับเครื่องยนต์ ที่ใช้มาแล้ว 3 ปี จะใช้เกรด 40 หรือ 50 ก็ได้ครับ *********************************** ค่า W  ย่อมาจาก  Winter (หมายถึงอากาศหนาวเย็นจัดมากๆ ขนาดหิมะตก) ซึ่งเราไม่ได้ใช้ครับ ส่วนค่อความหนืด 0 - 40 เป็นค่า  Muti - Viscosity Oil ครับ ก็คือ น้ำมันทนรับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้กว้างครับ ตั้งแต่ค่า  SAE 0  ถึง  SAE 40 (เขาวัดค่าความหนืดของน้ำมันจะเปลี่ยนแปลงไปที่อุณหภูมิ 210 องศาF หรือ 98.9 องศาC ครับ) แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 51 17:21:25 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 51 15:25:43 จากคุณ : Moonlight Sonata - [ 6 พ.ย. 51 15:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เพิ่มเติม คห 4 จริงๆคุณลองไปขับตัว super sys กับน้ำมันเกรดเกรดธรรมดาดู ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร จริงๆและที่ค่าตัวหน้าประเทศเราอาจไม่ได้ใช้ แต่นั้นหมายถึง ข้อดีคุณสมบัติในตัวน้ำมันเครื่อง ที่ใสและมีความเสียดทานน้อยมาก แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 51 15:41:26 จากคุณ : หนุ่มน้อยซาตาน - [ 6 พ.ย. 51 15:40:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าผมได้ใช้สังเคราะห์แท้ ผมเปลี่ยนโน่นแหละ ๒๐,๐๐๐ กิโลเมตร เปลี่ยนก่อนหน้านี้ไม่ได้หรอก แบบนั้น ซื้อน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ดีกว่าครับ เพราะ มันก็ถ่ายที่ ๑๐,๐๐๐ กิโลเมตรได้แล้ว สบายๆ แบบ ไม่ต้องคิดมากอะไรเลย ส่วนเลขของน้ำมันเครื่องนั้น รถผมเกิน ๗ ปีแล้วครับ ยังใส่ ๑๐w-๓๐ ได้อยู่เลยครับ ไม่ต้องเติมเพิ่มก่อนครบ ๑๐,๐๐๐ กิโลเมตรด้วยซ้ำไป ครับ จริงๆ เลขข้างหลัง มันบ่งบอกถึงการใช้งานที่ หนัก หรือ เบา เป็นหลัก ครับผม ถ้าใช้งานหนัก ก็เลือกให้มันมากๆ เอาไว้ก่อนครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 6 พ.ย. 51 15:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 /// ค่า W  ย่อมาจาก  Winter (หมายถึงอากาศหนาวเย็นจัดมากๆ ขนาดหิมะตก) ซึ่งเราไม่ได้ใช้ครับ /// เอาคำพูดแบบนี้มาจากใครครับ ผมอยากรู้ว่าต้นตอมาจากที่ไหน จากคุณ : ton99 - [ 6 พ.ย. 51 16:05:37 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบ คคห.ที่ 7 นะครับ ผมเคยอ่านจากไหน ก็จำไม่ได้แล้วครับ นานมาแล้วครับ จึงระบุต้นตอให้ไม่ได้ครับ (คล้ายๆกับว่า ถ้ามี W เขาจะทดลองวัดความหนืดที่ 0องศาF หรือ -17.8 องศาเซลเซียส แต่ถ้าไม่มี W เขาจะทดลองความหนืดที่ 210 องศาF หรือ 98.9องศาCนะครับ) ถ้าที่ผมทราบมานั้นผิดพลาด เชิญคุณต้นแก้ไข ให้ความกระจ่างด้วยครับ ผมจะได้ปรับความเข้าใจเสียใหม่ครับ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 51 17:23:04 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 51 16:38:36 จากคุณ : Moonlight Sonata - [ 6 พ.ย. 51 16:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ท่าน ton๙๙ ครับ ไอ่ W ตัวนั้นหน่ะ ขนาดหนังสือรถบางเล่ม ยังลงว่าไม่ต้องไปสนใจเลยครับ ให้สนใจเลขหลังอย่างเดียว จริงๆ ก็อยากถามเหมือนกันว่า ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เราจะ แยกน้ำมันเป็นเกรดเดี่ยว เกรดรวมไปทำไม ? จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 6 พ.ย. 51 16:37:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบคุณ สยึมกึ๋ย คคห.ที่ 9 นะครับ เพราะว่า น้ำมันเครื่องปัจจุบัน เขาใส่สารเคมี พวก  Additive ลงไป ทำให้ ค่าต่างๆ สามารถคงสภาพอยู่ได้ใน อุณหภูมิที่แตกต่างกันมากๆ เพื่อจะได้ขายได้ทั่วโลก ไม่ต้องมาปรับแก้ให้ใช้ได้เฉพาะประเทศที่มีอุณหภูมิ เท่านั้นเท่านี้ไงครับ และก็เพื่อให้ผู้บริโภค รับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นไปเองด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 51 16:44:40 จากคุณ : Moonlight Sonata - [ 6 พ.ย. 51 16:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ระยะการใช้งานน้ำมันเครื่อง มีแต่ตัวเลขกลางๆ ต้องใช้ judgement กันเอาเอง ว่าขับรถใช้งานแบบไหน ใช้งานในเมือง ถือเป็นการใช้งานหนัก ควรร่นระยะทางเข้ามา ถ้าขับ cruise มาก ก็ยืดระยะทางได้อีก ของผมใช้ 10,000km นี่เต็มกลืนแล้ว น้ำมันเครื่องบางตัวเริ่มออกอาการหนืดๆ อัตราสิ้นเปลืองเริ่มตก ตั้งแต่ 6,500-7,000 km บางครั้งวิ่งตจว.เยอะ  ใช้ไป 10,000km ยังไม่รู้สึกอะไร ก็ยืดระยะทางไปได้อีกหน่อย จากคุณ : ถัง - [ 6 พ.ย. 51 17:05:14 ]

ความคิดเห็นที่ 12 W เป็นการวัดค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องที่อุณหภูมิติดลบ ซึ่งไม่มีวันได้เห็นในเมืองไทย แต่อย่างไรก็ตาม 5W-30 จะหนืดกว่า 0W-30 ที่อุณหภูมิห้อง ดังนั้นมันจะไหลได้ดีกว่าตอนสตาร์ท แต่ 5W-30 จะปกป้องได้ดีกว่า 0W-30 ที่อุณหภูมิ100องศา C สำหรับผม ความแตกต่างระหว่างการไหลเทของ 5W หรือ 0W ที่อุณหภูมิตอนสตาร์ทเย็นของบ้านเราถือว่าไม่มีนัยยะ แต่ถ้าหน้าหนาวเมืองนอกที่อุณหถูมิข้างนอกถึงขั้นติดลบ 0W น่าใช้กว่า 5W จากคุณ : erbys - [ 6 พ.ย. 51 17:47:36 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ธรรมดา  5 พันโล กึ่งสังเคราะห์  7 พันโล สังเคราะห์   หมื่นโล    ถ้ามีเงิน จะเปลี่ยนเร็วกว่านี้นิดก็ได้        ถ้าไม่มีเงิน จะยืดออกไปอีกนิดก็ได้.. จากคุณ : จ๊ะจ๋าจ๋าจ๊ะ - [ 6 พ.ย. 51 18:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คห.13 "ธรรมดา  5 พันโล" ธรรมดาที่ว่านี่เกรดไหนครับ เพราะน้ำมัน "ธรรมดา" เมื่อสิบกว่าปีก่อน เกรด SC, SD เค้าก็เปลี่ยนกันที่ 5,000 โล ส่วนน้ำมัน "พิเศษ" สมัยนั้นเป็นเกรด SJ เค้าเปลี่ยนที่ 10,000 โลเหมือนกัน โลกพัฒนาไปอีกสิบปี ทั้งน้ำมันทั้งเครื่องยนต์พัฒนาดีขึ้น น้ำมันเครื่องเกรด SD แทบไม่ทำขาย น้ำมันเครื่องเกรด SJ กลายเป็นน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" เพราะน้ำมันเครื่อง "พิเศษ" มันกลายเป็น SL, SM กันแล้ว แต่น้ำมันเครื่องเกรด SJ ก็ยังคงเป็น SJ ไม่ได้ด้อยลงไปกว่าเดิม ทำไมคนเคยใช้ SJ เปลี่ยนที่ 10,000 โล จะกลายเป็นเหลือ 5,000 โลเท่า SD ไปได้ นี่เรากำลังโดนคนขายกับอู่หลอกอยู่หรือเปล่านี่ ?? จากคุณ : จั๊กกะจี๋ - [ 6 พ.ย. 51 18:41:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ของข่อยรถ 8 ปี วิ่งมา 3แสนกว่าโล ใช้สังเคราะห์ตลอด ใช้ทั้ง 0w-40 , 5w-40 วิ่งทางยาว ก.ท.ม-ชลบุรี ทุกเช้าเย็น แต่ใช้กรองแท้ เปลี่ยนทีก็ หมื่นสาม-หมื่นหก เอาแน่ไม่ได้ ไม่เคยเติมเพิ่มซักที เช้าติดน้ำมันสักพักหลังจากนั้น แก็สโลด ทุกอย่างอยู่ที่เราใช้ๆไปเถอะมันเป็นความเชื่อแต่ละบุคคล สิ่งสำคัญมีเงินก็เปลี่ยนได้ ไม่มีก็รอก่อน ผมซื้อสังเคราะห์ถูกๆจากเว็บไซค์ก็ใช้ได้ปกติ บอกแล้ว ทุกอย่างอยู่ที่ความเชื่อ แล้วคุณล่ะ จากคุณ : เพื่อลูก - [ 6 พ.ย. 51 18:43:37 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คคห 4 คุณ moonlight ลอง search คลังกระทู้เก่า คุณ ช่างกลหนุ่ม อธิบายเรื่องน้ำมันเครื่องไว้ละเอียดยิบเลยครับ เมื่อก่อนผมก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ตาสว่างแล้ว.... จากคุณ : เด็กรับรถ - [ 6 พ.ย. 51 20:40:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความคิดเห็นที่ 4 ปกติ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ มีอายุการใช้งาน 10000 กม. ครับ ^ ^ ^ แบบนี้ไม่ปกติแล้วครับ จากคุณ : เด็กรับรถ - [ 6 พ.ย. 51 20:42:59 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรียนคุณ เด็กรับรถครับ (คคห.ที่ 16) ผมห่างหายไปจากห้องรัชดามาร่วม 2 ปี ความรู้รอบตัวเกี่ยวกับเรื่องรถ ก็ไม่ได้  Update ครับ ผมลอง  Search หาจากคลังกระทู้เก่า ตามที่คุณว่ามานั้น ก็หาไม่เจอครับ ขอความกรุณา ชี้ทางสว่าง ให้ผมด้วยครับ หรือจะหาลิงค์มาให้ผมอ่านก็ได้ครับ ผมอยากทราบจริงๆ ว่าที่คุณว่าคุณตาสว่างแล้วนั้น เป็นอย่างไรครับ ขอบคุณมากครับ ************************ คคห.ที่ 17 เรียนคุณ เด็กรับรถ ครับ ที่คุณเขียนว่า "แบบนี้ไม่ปกติแล้ว" นั้น แล้ว จริงๆ ปกติมันเป็นอย่างไรครับ  ช่วยกรุณา แจกแจงด้วยนะครับ เพื่อเผื่อแผ่ความรู้ให้ผม และสมาชิกท่านอื่นๆที่ยังไม่ทราบครับ  หรือว่า ทุกท่านทราบกันอยู่แล้ว มีแต่ผมเท่านั้นที่ไม่ทราบครับ ช่วยไขความกระจ่างหน่อยครับ จากคุณ : Moonlight Sonata - [ 6 พ.ย. 51 21:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบคุณ moonlight ครับ เดี๋ยวจะลองหากระทู้เก่ามาให้ครับ ถ้ายังอยู่ ส่วนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ทดสอบกับเครื่องยนต์ในห้องแล็บ เป็นแสน กม. ค่าต่างๆของน้ำมันเครื่องก็ยังคงคุณสมบัติการหล่อลื่นได้ดีอยู่ รายละเอียดมากกว่านี้ เดี๋ยวจะค้นกระทู้เก่ามาให้นะ จากคุณ : เด็กรับรถ - [ 6 พ.ย. 51 21:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมเคยอ่านคู่มือน้ำมัน คุ่มือรถเมืองอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นเมืองหนาวด้วย ที่เจอๆมาคือ น้ำมันสังเคราะห์ ส่วนใหญ่ได้ไม่ต่ำกว่า 10000 หรือ ราวๆ 12000 แถมอาจจะมากกว่า เป็น 15000หรือ ถึง20000 ด้วยซ้ำ และที่สำคัญ หน่วยเป็น ไมล์ ครับ พอมาดูบ้านเรา มาลบไมล์ ออก แก้เป็น กม หน้าตาเฉย แถมยังลดจำนวนตัวเลขลงมาอีก พอวิ่งได้ ราวๆ 8-9 พันโลเจ้าของรถ ก็เริ่มจิตตกว่าครื่องจะพังหรือเปล่า จากคุณ : Poonoi - [ 6 พ.ย. 51 22:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 21 http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2006/01/V4038834/V4038834.html อันนีุ้คุณช่างกลหนุ่มจะมีคำอธิบายเกี่ยวกับตัว W ของน้ำมันเครื่อง และทำไมถึงต้องให้ความสำคัญของค่าตัวเลข W (ไม่ใช่winter) ในเมืองร้อนด้วย http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2007/10/V5917062/V5917062.html ค้นมาให้แค่สองกระทู้น่าจะเพียงพอนะครับ จากคุณ : เด็กรับรถ - [ 6 พ.ย. 51 22:13:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แถมให้อีกอันละกันครับ http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2006/01/V4020919/V4020919.html จากคุณ : เด็กรับรถ - [ 6 พ.ย. 51 22:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เรียนคุณ เด็กรับรถ ครับ (คคห.ที่ 19) อย่างไรก็ต้องขอขอบคุณที่ช่วยเหลือที่ให้ความกระจ่างนะครับ ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกันครับ แต่ว่าในห้องทดลอง กับสภาพการใช้งานจริงในท้องถนนและสภาพอากาศจริง อาจจะไม่เหมือนกันทีเดียวครับ (ซึ่งก็ไม่ทราบส่วนต่างในจุดนี้ครับ) ต้องขอขอบคุณล่วงหน้าที่พยายามช่วยหาข้อมูลมาให้ความกระจ่างแก่ผมนะครับ จากคุณ : Moonlight Sonata - [ 6 พ.ย. 51 22:17:46 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถูกต้องครับ สำหรับการทดลองในห้องแล็ป ซึ่งไม่มีสิ่งแวดล้อมจากการใช้งานจริงๆ มาเกี่ยวข้องด้วย รถผมใช้ นมค.สังเคราะห์ ไม่ต่ำกว่า 15000 กม.ตลอด บางทีขี้เกียจเปลี่ยนใช้ไปจน20000 กม.ก็เคย จากน้ำมันเครื่องหกลิตร ที่เติมเข้าไป หลังผ่านไปสองหมื่น กม. ถ่ายออกมาได้แค่สี่ลิตร ตอนหลังใช้วิธี พอครบหมื่น กม. ผมจะเติมเพิ่มไปอีกหนึ่งลิตรเผื่อไว้ก่อนเลย แล้วใช้ไปให้ครบสองหมื่น หรือเกือบๆสองหมื่น (หมายเหตุ:ไส้กรอง นมค.รถที่ผมใช้อยู่มีอายุการใช้งาน สามหมื่น กม.) ปล.ผมอยากให้คนไทยใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่ามากกว่านี้  นอกจากช่วยลดมลภาวะของโลกแล้ว ยังประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วยนะเออ... จากคุณ : เด็กรับรถ - [ 6 พ.ย. 51 22:47:42 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตารางค่าความหนืดแบบ SAE จากคุณ : ton99 - [ 7 พ.ย. 51 00:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตัวเลขหน้า w มีความหมายเสมอครับ ถ้าไม่รู้ค่าความหนืดร้อนเย็นและค่า Viscosity Index เบอร์หน้า w และหลัง w จะเป็นตัวบอกคุณลักษณะของน้ำมันเครื่อง และยังเป็นตัวบอกอย่างคร่าวๆว่าน้ำมันเครื่องตัวไหนดีกว่ากัน ตัวอย่าง น้ำมัน 4 เบอร์  0w-40, 5w-40, 10w-40, 15w-40 หลายคนคงจะพอเดากันได้ว่า 0w-40 มันดีกว่า 15w-40 แน่ มีใครเคยเห็นน้ำมันเครื่องธรรมดาราคาถูกเบอร์ 0w-40 บ้าง และมีใครเคยเห็นน้ำมันเครื่องเบอร์ 0w-40 ขายแกลอนละ 400 บ้าง ที่ตัวเลขหลัง w เหมือนกัน  ตัวเลขหน้า w จะเป็นตัวบอกถึง Viscosity Index โดยค่าตัวนี้คือดัชนีบอกถึงความคงสภาพความข้นใส  ซึ่งน้ำมันที่ดีมักจะมีค่าตัวนี้ที่สูง และน้ำมันที่มีตัวเลขหน้า w ต่ำกว่า ก็มักจะมีค่า Viscosity Index สูงกว่าเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามถ้าจะดูแบบให้ชัดเจน  ต้องมาดูค่าความหนืด ที่เย็นและร้อน อีกที เพราะค่าความหนืดตัวนี้จะเป็นค่าที่ใช้คำนวนเป็นค่า Viscosity Index จากคุณ : ton99 - [ 7 พ.ย. 51 00:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 27 10W บอก ถ่ายที่ 10,000 km แล้ว 0W ทำไมถ่ายที่ 10,000 ล่ะ ผมซัดซะ 20,000 เลย ถือว่าจ่ายแพงกว่าแล้ว ต้องอยู่นานกว่าของถูก 55+ จากคุณ : Etinity - [ 7 พ.ย. 51 07:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 28 รายละเอียด: น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ PTT PERFORMA Super Synthetic SAE 0W40 API SM/CF น้ำมันเครื่อง ปตท. เพอร์ฟอร์มา ซูเปอร์ ซินเธติค เป็นน้ำมันเครื่องห์สังเคราะห์คุณภาพสูงสุดที่ผลิตจากเทคโนโลยีแห่งอนาคต Di-Synthetic Protect ทางเลือกของยานยนต์สมัยใหม่ ที่ต้องการการปกป้องที่เหนือกว่าและประหยัดเชื้อเพลิงเป็นเยี่ยม เหนือมาตรฐาน ILSAC GF-4 - ปกป้องทันทีที่สตาร์ท ลด Starting Wear สูงสุด - เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ ออกตัว และแรงแซง - เพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดเครื่งยนต์ - ลดการสึกหรอของชิ้นส่วน และ Valve Train - ป้องกันการเกิดโคลนโดยสิ้นเชิง - ยืดอายุการเปลี่ยนถ่าย - ประหยัดเชื่อเพลิงสูงสุด นวัตกรรมใหม่ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด Di-Synthetic Protect พร้อมความหนืดใหม่ SAE 0W-40 ซึ่งจะทำให้รถของคุณเปี่ยมสมรรถนะ ในการขับขี่แบบไร้ขีดจำกัด ภายใต้เงื่อนไขการประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุดเหนือมาตรฐาน ILSAC GF-4 คุณสมบัติพิเศษ เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ ออกตัวและเร่งแซงดีเยี่ยม ลดการสึกหรอจากการสตาร์ทสูงสุด รักษาความสะอาดเครื่องยนต์สูงสุด ป้องกันปัญหาคราบโคลน ลดการเติมพร่องและยืดอายุกรองไอเสีย ยืดอายุการใช้งานถึง 15,000 กิโลเมตร ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ จากคุณ : chiller - [ 7 พ.ย. 51 09:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สังเคราะห์ปตท. ผมใช้ 20000 แล้วยังเหลืองอยู่เลย รถใช้แกสครับ ว่าจะเอาให้ถึง 30000 หรือให้มันลดถึงขีดต่ำสุดก่อน (ไม่เติมเพิ่ม ) แล้วค่อยเปลี่ยน จากคุณ : ตุ๋ย (kongking) - [ 7 พ.ย. 51 11:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ใช้กึ่งสังเคราะห์เปลี่ยนที่ 10000 โล หรือ 1 ปี ใส้กรองใช้ของเทียบ บางคันใช้มาสิบกว่าปีไม่เห็นมีปัญหาอะไร ไม่รู้สึกจะมีอาการเครื่องหลวมอะไรเลย คุ้มที่สุด จากคุณ : ไม่ได้โม้ - [ 7 พ.ย. 51 15:36:10 ]