ความคิดเห็นที่ 1 จูนยากกว่าเดิมครับ ไขควงอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องเซ็ทผ่าน ECU หนำซ้ำ อะไหล่เกี่ยวกับอุปกรณ์จ่ายน้ำมันก็แพงกว่า จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 13 พ.ย. 51 17:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ระยะยาวๆคุณจะต้องทิ้งรถเพราะมันไม่มีอะไหล่    หรือถ้ามีอะไหล่มันคงจะใช้ร่วมกันกับเครื่องยนต์เดิมที่เก่าๆยากขึ้นครับ    ไม่เหมือนคาร์บูเรเตอร์ที่คงทนกว่า      ไม่ว่ารถนั้นอายุจะกี่ปีสามารถเอามาปลุกผีขี่ได้   ดูอย่างพวกฮอนด้าเก่า 40-60 ปีที่แล้วยังเอามาชุบชีวิตให้สตาร์ทติดได้เลยครับ    รถหัวฉีดผมว่าหมดสิทธิ์แหงๆ    หัวฉีดประหยัดน้ำมันกว่าคาร์บูเรเตอรฺ์ไม่น่าจะเกิน 20% นะผมว่า   และเท่าที่ผมทราบรถในญี่ปุ่นหลายๆรุ่นกลับมาใช้คาร์บูเรเตอร์กันนะครับ     สาเหตุหรือครับ   หัวฉีดจูนแล้วเครื่องไม่จี๊ดเหมือนคาร์บูครับ จากคุณ : โก๋เชียงราย (Prathai) - [ 13 พ.ย. 51 18:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผม ว่า รถมันก็ต้องมีวิวัฒนาการ ของมันนั่นแหละ ครับ ส่วนเรื่อง ปรับแต่ง อันนี้ผมไม่ออกความคิดเห็นแล้วกันเพราะผม ขี่เดิมๆ ไม่ได้ ปรับแต่งอะไร จากคุณ : Mr.Kito - [ 13 พ.ย. 51 19:04:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขออนุญาตอธิบายเพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องกันนะครับ เท่าที่ผมทราบรถมอเตอร์ไซค์ในญี่ปุ่นหรือทั่วโลก ไม่มียี่ห้อไหนพัฒนาระบบคาร์บูเรเตอร์มานานแล้วครับ ทุกค่ายต่างหันมาพัฒนาระบบหัวฉีดเพื่อติดตั้งในรถจักรยานยนต์ของตน เนื่องจากที่ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นและในเมืองไทยเอง ต่างก็มีมาตรฐานการควบคุมมลพิษที่สูงขึ้น เพื่อควบคุมมลพิษที่ออกมาจากท่อไอเสียและสารพิษไอระเหยจากน้ำมันเบนซิน ดูอย่างรถยนต์เป็นตัวอย่าง ตอนนี้รถยนต์เท่าที่ผมทราบใช้ระบบการจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดทั้งนั้นครับ เมื่อก่อนก็เคยมีการต่อต้านจากช่างและผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปที่ยังขาดความเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับระบบหัวฉีดเมื่อสมัยนำมาติดตั้งในรถยนต์ที่ขายในเมืองไทยใหม่ๆ ไม่ว่าจะช่างข้างนอกเอง ช่างข้างในศูนย์บริการแต่ละยี่ห้อ ต่างก็ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยในช่วงนั้น แต่ก็ใช้เวลาไม่นานที่จะทำให้ผู้ใช้รถในช่วงนั้นหันมาใช้รถหัวฉีดอย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นเพราะผู้ผลิตในยุคนั้นต่างออกรถหัวฉีดมาอย่างต่อเนื่องและยุติรถที่มีระบบจ่ายน้ำมันแบบคาร์บูเรเตอร์ไปอย่างถาวร หากย้อนกลับมาคิดดู รถที่คุณใช้เคยหัวฉีดพังหรือไม่ ? ระบบจ่ายน้ำมันบกพร่องหรือเปล่า กล่อง ecu ที่ควบคุมรถคันเก่งของคุณงอแงบ่อยมั้ย หลายคำถามตรงนี้ คุณสามารถให้คำตอบกับตัวเองได้จากประสบการณ์ตรงของคุณเอง เรื่องการจูน ปรับแต่ง ถ้าเอาความจี๊ดสูงสุด หัวฉีดจะให้ความแม่นยำและประสิทธิภาพสูงสุด เหนือกว่าระบบจ่ายน้ำมันแบบเก่าแน่นอนครับ เนื่องจากหัวฉีดนั้น คุณสามารถคุมได้ทั้งระบบ อากาศ น้ำมันและการจุดระเบิด ซึ่งสามารถปรับได้จะเอาแบบทุก 1000 รอบ หรือ 500 รอบ หรือจะเอาละเอียดกว่านั้นก็ตามสบาย  เพียงแต่ ช่างไทย.... ยังคุ้นเคยกับระบบคาร์บูแบบเก่าและปรับตัวไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง หรือ ไม่มีความรู้ความเข้าใจในการดูแลรักษา ปรับตั้ง รถหัวฉีด จึงเกิดความเกรงกลัวและให้ข้อมูลกับคนทั่วไปว่ามันจุกจิกซ่อมยาก (เพราะตัวเองทำไม่เป็น) ก็มีมากอยู่ สำหรับอารมณ์การขับขี่แล้ว บางคนชอบอารมณ์ของเครื่องคาร์บูมากกว่า ก็แล้วแต่รสนิยมครับ ซึ่งตัวผมเองบางทีก็ยังหลงเสน่ห์ของคาร์บูอยู่ก็ไม่น้อย ยังคิดว่า หากมีโอกาสซื้อ Harley อีกครั้งก็อยากจะซื้อเครื่องคาร์บู -_-'' อีกแง่นึงอาจจะมองว่าแค่มอเตอร์ไซค์คันเดียวใช้ขี่ซื้อของ จะเอาอะไรมากมาย คาร์บูของเดิมก็ดีอยู่แล้ว อันนี้ก็นานาจิตตังครับ ไม่มีทั้งผิดและถูก ผมมั่นใจว่าอนาคตรถมอเตอร์ไซค์ทุกยี่ห้อนี่จะมีแต่หัวฉีดวิ่งกันทั้งประเทศเลยหละครับ เพราะเราหนีอะไรก็หนีได้ แต่ถ้าหากว่าเรายังใช้ชีวิตเป็นคนเมืองอยู่  นอกจากเวลาที่เราหนีไม่ได้แล้ว เทคโนโลยีนี่เราก็เลี่ยงไม่ได้เช่นกัน มันมาเร็วเหมือนสินมั่นคงประกันภัยในโฆษณา เชียวหละ เพราะฉนั้นมันกำลังจะมาครับ :-) กรณีการนำรถเก่ามาปลุกให้มันมีชีวิตนั้น สมมติว่ามีรถยี่ห้อ A ออกมาตอนปี 2009 ทิ้งไว้อีก 40 ปีข้างหน้า มีคนอยากเอามันมาบูรณะเพื่อกลับมาใช้ใหม่ เหมือนที่เราๆปลุกรถคลาสสิคมาขี่กันตอนนี้ ด้วยเทคโนโลยีในอีก 40 ปีข้างหน้า ผมมั่นใจว่า มันก็จะเหมือนเราเอารถ 40-60 ปีในอดีตมาปลุกใช้งานกันในตอนนี้ครับ เรื่องข้อดีข้อเสียของหัวฉีดนั้น จากความคิดเห็นส่วนตัวมีดังนี้ ข้อดี 1. เครื่องเดินเรียบกว่า ประหยัดน้ำมัน และอัตราเร่งดี เนื่องจากมีระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมปริมาณการจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมในทุกย่านความเร็ว 2. สตาร์ทง่าย ชึ่ง ชึ่งติดไม่ต้องเบิ้ลคันเร่งช่วย มีตัวช่วยเลี้ยงรอบเดินเบาอัตโนมัติ 3. ค่าบำรุงรักษาต่ำมาก เนื่องจากไม่ต้องถอดมาทำความสะอาดและปรับตั้งมากมายเหมือนรถคาร์บูเรเตอร์ ข้อเสีย 1. หากมีปัญาเกี่ยวกับระบบหัวฉีดแล้ว ช่างข้างทางไม่สามารถซ่อมให้คุณได้ หากไม่มีความรู้ที่ดี 2. ต้องเข้าศูนย์บริการของแต่ละยี่ห้ออย่างเดียว ข้ามค่ายไม่ได้ เดี๋ยวมีงอน :-( 3. เด็กแว๊นซ์แต่งไม่ได้ ร้านแต่งก็แต่งไม่ได้ เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ และไม่มีความเข้าใจในการตกแต่ง เพราะหากใส่ท่อ ขยายลูก เปลี่ยนแคม สารพัดต่างๆนาๆ แต่ไม่สามารถเพิ่มน้ำมันได้ก็เปล่าประโยชน์ 4. เมื่อหัวฉีดมีการเสีย อะไหล่ต่อชิ้นมีราคาสูงกกว่าชิ้นส่วนของคาร์บูเรเตอร์ เนื่องจากหัวฉีดนั้นใช้ชิ้นส่วนน้อยชิ้นกว่าแต่มีราคาสูงกว่า ไม่เหมือนคาร์บูเรเตอร์ที่มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ถูกกว่า เพราะส่วนใหญ่ จะไม่มีอุปกรณ์พิเศษหรือเซนเซอร์ต่างๆมาเป็นส่วนประกอบ สุดท้ายแล้วในเมืองไทยยังมีรถทั้งหัวฉีดทั้งคาร์บูมากมายให้เลือกครับ ใครชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้นครับ ไม่มีอะไรดีที่สุดและแย่ที่สุด เพราะคนเราความพอใจไม่เหมือนกัน สิ่งที่เราชอบที่สุดคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราครับ เอาน้องปอยกับเซเรน่า วิลเลี่ยมมาให้เลือก ผมก็มั่นใจว่าผู้ชายไทยไม่น้อยที่ยอมเลือกน้องปอย มากกว่า เซเรน่า วิลเลี่ยม นักเทสนิสตัวบึก นะเออ... ส่วนตัวผม ตอนนี้อะไรก็ได้ตอนนี้ที่พาผมขึ้นไปแม่สายเดือนหน้าได้ ผมจะไม่คิดมากเลยครับ ....! แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 51 21:47:14 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 51 20:33:34 จากคุณ : เตียเป๋งลิ้ม - [ 13 พ.ย. 51 20:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รถยนต์ผมเปลี่ยนเครื่องมือ2จากคาร์บูเป็นหัวฉีด...เครื่องเกือบ10ปีแล้ว ยังไม่เห็นว่ามันจะเสียตรงไหน...เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะหมั่นเซ็ึคอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกต่างๆ ดูแลเครื่อง+รถให้สมบูรณ์ ผมว่าขี่ได้ไม่ต่ำกว่า7-8ปีครับ สำหรับรถจักรยานยนต์ ปล.ผมชอบหัวฉีด..เพราะไม่ได้เป็นคนแต่งเครื่องให้แรงอะไร.เลยไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการปรับแต่งเครื่องยนต์ จากคุณ : duice - [ 13 พ.ย. 51 21:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 #2 กับ #4  ความเห็นขัดแย้งกันนะ  ขออีกเสียงมาตัดสิน จากคุณ : w2000 - [ 13 พ.ย. 51 22:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าขายรถหัวฉีดแล้วแถมสาย USB ต่อกะคอม แล้วก็แผ่นโปรแกรมจูนหัวฉีด เหมือน หัวฉีดแก๊สละก็ แหล่มเลย พี่น้องค้าบบบบบบ จากคุณ : un750 - [ 13 พ.ย. 51 22:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่อง นี้อยู่ที่ต้นทุกอย่างเดียวครับ รถหัวฉีด สมัยก่อนทำไมทน สมัยนี้ อย่าง ดีแม๊ก คอมมอล ตัวแรก ทำไมกล่องพังดับกลางอากาศ ตั้งแต่ป้ายแดง ทำไม อัลติสตัวก่อน เกิน4ปี ถึงมีไฟ vsc trc ขึ้น มารวนตอนหลังหมดประกัน สิ่งเหล่านี้ ต้องวัดกันว่า วัสดุ ที่มาทำกล่อง หรือเซ็นเซอร์จะดีแค่ไหน ถ้าไม่ทนจุกจิก แรกอาจเข็ด และไม่ใช้ แต่ถ้าออกรถใหม่ พอเกินปี2010 อาจไม่มีให้เลือก แล้วก็ได้ครับ จากคุณ : GOLF-B16A - [ 13 พ.ย. 51 22:48:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สนับสนุน คห.4 อีกเสียงคับ ส่วนตัว เห็นว่าหัวฉีดเองก็มีควาทนทาน และอายุการใช้งานที่มาก + กับ เทคโนโลยี ที่พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ผมว่า ระบบ หัวฉีดไปได้ไกลกว่า คาร์บู อย่างข้อดี ก็เพิ่มอัตราเผาไหม้ ได้สะอาด ทำให้ได้ไอเสียสะอาดขึ้น, ความประหยัดน้ำมัน , อัตราเร่ง แรงบิด ,ฯลฯ ส่วนข้อเสีย ตาม คห.2 ผมมองว่า พอผ่านไปสักพัก ก็จะถูกแก้ไขไปเอง อย่างเรื่อง ช่าง หรือ อะไหล่ เมื่อผ่านไป ก็มีของให้ใช้เองแหล่ะ เรื่อง หัวฉีด เลยถือว่าเป็นเทคโนโลยี ทางเลือกที่ น่าจะเหมาะ กับ ปัจจุบันมากขึ้น มากกว่าคับ แต่ที่ผมทราบ รถส่วนใหญ่ที่ออก ญี่ปุ่น เกือบทั้งหมด เป็นหัวฉีด นา ??? เดี๋ยวถามน้องดูดีกว่า เรียนอยู่ญี่ปุ่น ..... จากคุณ : bbcah (bbcha) - [ 14 พ.ย. 51 00:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยกับ คห.4อีกคนคับ เครื่องหัวฉีดทนกว่าคาบูแน่นอนคับ ไม่อย่างนั้นฮอนด้าเค้าจะกล้ารับประกันตั้ง 50,000กม.หรอครับ แถมยังประหยัดกว่า สะอาดกว่า อย่างที่ คห.9 กล่าวมาทั้งหมดและการดูแลรักษาก็ไม่ยุ่งยากอย่างที่ใครๆคิด เผลอๆง่ายกว่าคาบูด้วยซ้ำ แล้วเรื่องอะไหล่ หรือการปรับแต่ง ของแบบนี้ อีกไม่นานก็จะมีตามการพัฒนาของรถอะคับ ผมว่าใกล้จะหมดยุคของเครื่องยนต์คาบูเรเตอร์แล้วหละคับ ข้อเสียมีอย่างเดียว คือต้องเสียตังค์ซื้ออะคับ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 51 08:52:03 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 51 08:50:48 จากคุณ : guywoi - [ 14 พ.ย. 51 08:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 11 +++++อยากได้หัวฉีด E 85 ครับ พ้ม!!!! จากคุณ : mantu - [ 14 พ.ย. 51 09:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อดีก่อนละกันนะครับ -ประหยัดเชื้อเพลิงกว่า เพราะจ่ายได้แม่นยำกว่าระบบคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งประหยัดประมาณ7%ขึ้นไป -การดูแลลักษา ทำได้ง่ายกว่า เพราะระบบมีการป้องกันมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกรองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ละเอียดมาก ถึงระดับไมคอน หรือไมโครเมตร -การตรวจสอบจุดที่ทำงานผิดพลาดหรือเสีย ทำได้ง่ายกว่าเพราะ ecu สามารถตรวจสอบได้ และมีสัญญาณบอกจุดเสีย -สามารถปรับความหนาบางได้เอง ไม่ต้องมานั่งจูนไขควงเอง -สามารถปรับปริมาณเชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับชนิดของเชื้อเพลิงได้เอง โดยไม่ต้องให้ช่างปรับทุกครั้งที่เปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง -ไม่ต้องกังวลเรื่องของน้ำมัน หนาไป บางไป เพราะรับบจัดให้หมด -ไม่มีน้ำมันไหลเยิ้มจากลูกลอยค้าง -มีระบบทางเดินอากาศที่ดีว่าคาร์บูเรเตอร์ เพราะไม่มีคอคอด เพื่อสร้างความเร่งอากาศในการดึงเชื้อเพลิง -การผสมตัวระหว่างเชื้อเพลิงและอากาศทำได้ดีกว่า เพราะมีการฉีดเชื้อเพลิงเป็นฝอยด้วยแรงดันสูง ทำให้เชื้อเพลิงเผาไหม้ได้หมดจด คุ้มค่ากว่า -ความทนทานสูงกว่า อายุการใช้งานยาวนานกว่าคาร์บูเรเตอร์มาก -ไม่ต้องมานั่งดึงโช๊คน้ำมันเอง เพราะระบบจะจับอุณหภูมิเครื่องยนต์ขณะนั้นๆ ว่าควรจ่ายเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นหรือไม่ -สตาร์ทติดง่ายกว่า เพราะขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ ecu จะทำการจ่ายเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และจะปรับลดลงเมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว -เติมเชื้อเพลิงได้หลากหลายโดยไม่ต้องปรับแต่งระบบ และไม่สูนย์เสียกำลัง หากเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง เนื่องจากมีการชดเชยปริมาณให้แล้ว -สร้างมลพิษทางอากาศน้อยกว่าระบบคาร์บูมาก เพราะใช้ปริมาณเชื้อเพลิงหมดจดกว่า โอย ... มากมายยย แค่นี้ก่อนละกันคับ ข้อเสีย -อะไหร่ราคาสูงอยู่ แต่จากที่ดูๆ ราคาลงมาเยอะแล้ว และกำลังลงไปเรื่อยๆ ตามจำนวนรถที่ออกสู่ตลาด รถยิ่งเยอะ ราคาก็ยิ่งถูกลง แต่ก็นะ กว่าจะได้เปลี่ยน นานแสนนาน ตอนนั้นไม่รู้ราคาจะลงมาแค่ไหนแล้ว -มีเสียงหวีด เบาๆ สำหรับคนหูดี คงรู้สึกลำคาญเล็กน้อย จากการทำงานของปั๊มแรงดันสูง -ไม่สามารถขยายสูบ ข้ามไซส์ แบบเยอะๆได้ เช่นคลิ๊ก ไปเป็นลูกบอส อะไรเทือกนั้น เพราะต้องปรับแต่งระบบจ่ายเชื้อเพลิงได้ แต่ถ้าข้าไปไม่มาก น่าจะเอาอยู่ ... -ระบบเข้าใจยากกว่าคาร์บู ต้องศึกษาพอสมควร และช่างตามร้านเล็กๆ ทั่วๆไป อาจจะยังไม่เข้าใจระบบ ช่วงแรกๆ คงต้องพึ่ง0อย่างเดียวก่อน แต่ช่างแถวบ้านเริ่มทำเป็นกันแล้วอะคับ แต่อาจมีกางคู่มือหน่อย อิอิ) -ระบบเชื้อเพลิงมีแรงดันมาก ระวังของมีคม และคนที่ำไม่รู้เรื่องแล้วอยากถอดนู่นถอดนี่ ของระบบหัวฉีด เพราะอาจเจอเบนซินพุ่งเข้าตาได้ 555+ อะไรอีกอะ คิดไม่ออกและ แค่นี้ก่อนละกันคับ จากคุณ : noopetchy (noopetchy) - [ 14 พ.ย. 51 10:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องอะไหล่แพงนี่ ผมว่าไม่น่าใช่ปัญหาในอนาคตนะครับ เพราะหากจำนวนรถเพิ่มขึ้นเรื่อราคาก็จะลงเอง ตามภาวะอุปสงค์-อุปทาน อย่าไปว่ามันเป็นข้อดี-ข้อเสียเลยครับ ของอย่างนี้นานาจิตตัง อยู่ที่ว่าคุณต้องการนำรถไปใช้แบบไหน หากจะเอาไปแต่งแรงก็ใช้แบบคาบูร์ แต่ถ้าประหยัดก็ต้องหัวฉีด ส่วนเรื่องช่างข้างทางที่ไม่สามารถซ่อมหัวฉีดได้ อันนี้จริงครับ เพราะมันเป็นเทคโนโลยีใหม่ครับ แต่ผมเชื่อว่าต่อไป บรรดาช่างทั้งหลายก็ต้องปรับตัวไปเองแหละครับ เผลอๆ อีกหน่อยแผนกช่างยนต์ตามวิทยาลัยเทคนิคต่างๆ ก็ต้องเพิ่มหลักสูตรซ่อมมอร์ไซด์หัวฉีด แล้วเวลานัน้เราก็จะมีบุคคลากรที่พร้อมลองรับเครื่องหัวฉีดเพิ่มขึ้นมาเอง ไม่มีอะไรเกินความสามารถคนไทยอยู่แล้ว จากคุณ : B13 (suramatee13) - [ 14 พ.ย. 51 10:43:59 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่า การเพิ่มน้ำมัน จากเดิมทำไม่ยากเลยนะครับ ก็คงเหมือนรถ คือ ดักสัญญาณหัวฉีดเดิม เข้ากล่องแต่ง แล้วก็แปลงสัญญาณ (เพิ่มน้ำมัน) ตามโปรแกรม หรือรอบที่กำหนดไว้ ถอดรอมมาจูนได้ ตามรอบ ตามต้องการ หรือจะดักสัญญาณ แม๊บ(วัดอากาศ)เข้า หลอกว่าอากาศเข้าเยอะ ก็จะฉีดเยอะตาม ผมว่าแต่งไม่ยากหรอก รถยนยังทำกันได้เลย จากคุณ : GOLF-B16A - [ 14 พ.ย. 51 12:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 รถยังทำได้ ทำไม มอไซค์ หัวฉีดจะทำไม่ได้ สนับสนุน คห.4 กับ 12 คับ เรื่องอย่างนี้ ไม่น่าใช่ปัญหา มันเป็นเรื่องเทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใช้ตะหากคับ .... เมื่อนานเข้าหลายๆอย่างก็จะเริ่มเข้าที่เข้าทาง ส่วนตัว่า ตอนี้ ทั้งความทนทาน การดูแลรักษา มันง่าย ส่วนเรื่องราคาสูง ผมว่า สำหรับตอนนี้ ไม่ถือว่าสูงมากหรอกคับ เพราะ ความคุ้มค่า ที่แลกมา มันมีสูงกว่า ตอนนี้อาจแต่งไม่ได้ แต่ไม่นานอะไรๆ ก็ทำได้เองแหล่ะคับ คนไทยซะอย่าง จากคุณ : ck (chinkai) - [ 14 พ.ย. 51 13:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ชอบข้อความนี้มากเลยอ่ะ     เอาน้องปอยกับเซเรน่า วิลเลี่ยมมาให้เลือก ผมก็มั่นใจว่าผู้ชายไทยไม่น้อยที่ยอมเลือกน้องปอย มากกว่า เซเรน่า วิลเลี่ยม นักเทสนิสตัวบึก นะเออ...  55555+     จริงของเค้าแฮะ   ผมก็อยากลองของนอกนะแต่แบบ เซเลน่า นี่ ผมไม่กล้าลองจริงๆ 5555+ จากคุณ : ole scorpion - [ 14 พ.ย. 51 21:03:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ในอนาคต ถ้าจะต้องเลือกรถอีกสักคัน   คงพิจารณาจากสมรรถนะและเทคโนโลยี ซึ่ง2 ปัจจัยนี้ จะต้องมาคู่กันอย่างแน่นอน ค่อนข้างมั่นใจว่า... คนส่วนมากก็คงจะเลือกรถหัวฉีด เพราะชอบใช้รถแบบเดิมๆมากกว่า  รถที่ต้องปรับแต่หรือจูนบ่อยๆ ยกตัวอย่าง... ถ้าไออิจะซื้อ CB 400 SF ตอนนี้   ก็คงจะเลือกตัว V-tec 1,2 หรือ 3 มากกว่า version S หรือ R ค่ะ อยากรู้เหมือนกัน ว่า V-tec มันจะพังง่ายจริง เหมือนที่เขาว่ากันหรือเปล่า ? จากคุณ : ไออิ (goldwing) - [ 15 พ.ย. 51 08:38:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มันเป็นเหมือนตอนที่รถยนต์เปลี่ยนจากเครื่องคาร์บูเรเตอร์มาเป้นหัวฉีด นั้นแหละครับ ช่างที่ไม่ขยันหาความรู้ก็โวบวาย แต่พอมาถึงปัจจุบันก็ไม่เห็นมีใครอยากได้เครื่องคาร์บูมาใช้ซักคน เพราะระบบ หัวฉีดมันฉลาดมากๆ แก้ปัญหาเรื่องน้ำมันไปเกือบหมด ให้ส่วนผสมที่ถูกต้อง  ตะก่อนผมก็เห็นช่างบ้านเราไม่กล้าซ่อมรถสี่จังหวะเพราะ ชิ้นส่วนเยอะ มีมาร์คที่ต้องตั้งให้ตรง แต่ตอนนี้เห้นเจ้าของรถบ้างท่านยังซ่อมเองเลย เพราะ เรายังไม่ชินเลย กลัว มากกว่า   ส่วน Vtec มันทำงานจากกล่องECU เมื่อรอบมันถึง มันจะสั่งให้โซลินอย หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าวาล์วน้ำมันควบคุมด้วยไฟฟ้า ให้ปล่อยน้ำมันแรงดันสูงไปดันให้ cam ที่มี องศาและ ระยะลิฟสูง ทำให้ ประหยัดและไม่หอบ ในรอบเดินเบา คือ เมื่อเราให้แคมองศาสูงจังหวะของวาล์วมันจะเปิด มากกว่าปรกติ ทำให้แรงอัดต่ำในรอบต่ำ ฮอนด้าเลยคิดกลไก ที่ในรอบต่ำใช้แคมประหยัด พอรอบสูงใช้แคม hiperformance  แนะนำให้น้ำมันเครื่องดีๆครับเพราะรอบจัดมาก .. จากคุณ : Mr.cool - [ 15 พ.ย. 51 19:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 จริงๆๆมีโปรแกมก็จูนเองได้หรอกครับแต่มันหายาก ยิ่งเป็นชุดแต่งแบบของHRC มีปัญญาจูนแต่หาโปรแกมไม่ได้ง่ายๆแน่ครับ  เป็น ECU แต่งทั่วๆไป ท่าไปเรียนไปหัดมาก็พอทำเองได้หรอกครับแต่ บ้านเรยังหายากนะครับ จากคุณ : Thanathoz - [ 15 พ.ย. 51 22:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สนับสนุนครับ รู้นะว่า จขกท กำลังชั่งใจอยู่ใช่ป่ะ   ผมนะซื้อเวฟไอ ตั้งแต่มีแค่ตัวเดียวในตลาด ไม่เคยมีปัญหาอะไรทั้งสิ้นครับ จากคุณ : น้ำเต้าหู้นมสด - [ 17 พ.ย. 51 20:31:19 ]